web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 152
Total: 152

ผู้เขียน หัวข้อ: ดอกคาร์เนชั่นต้องห้าม (ฉบับปรับปรุง) บทที่ 7  (อ่าน 1372 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
บทที่ 7
"พี่อีฟ" หนึ่งพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเหมือนครั้งนั้น

ใบหน้ารูปไข่สวยคล้ายไม่ได้ฟัง ดวงดาสีน้ำตาลที่มีความรู้สึกบางอย่างแฝงอยู่นั้นทำให้เธอวูบวาบไปทั้งตัว คนสวยโน้มหน้าใกล้เข้ามาจนเกือบถึงริมฝีปากบาง

"พี่อีฟ" คราวนี้เด็กสาวตั้งใจเอ่ยออกไปด้วยเสียงดังกว่าปกติเล็กน้อย

คนผมยาวชะงักค้างทั้งๆ ที่อีกไม่กี่มิลลิเมตรก็จะซ้ำรอยเดิม เธอเห็นความสับสนและความตกใจวาบไหวในดวงตา ปากรูปกระจับเม้ม คิ้วเรียวหนาขมวดแทบชิดติดกัน

"พี่ขอโทษ" เสียงหวานสั่น

จากนั้นมือเรียวก็พยุงหล่อนให้ยืนตรงและเดินนำหน้าไปโดยไม่รอ ขาเรียวก้าวยาวจนนันทวรรณตามไม่ทัน หัวใจยังคงเต้นแรงจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา



หญิงสาวรู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกิน หล่อนทำแบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ถ้าแมวน้อยไม่เรียกเตือนก็คงจะเป็นแบบเดิม ทำไมนะ ทำไมเธอถึงได้ทำแบบนี้กับหนึ่ง เท้าหยุดเดินอย่างกระทันหันเมื่อบางอย่างวาบเข้ามาในความคิด อรสาอยากปฏิเสธแต่มันเป็นเหตุผลที่ลงตัวถ้ามองย้อนสิ่งที่ทำลงไป

น้ำตาหยาดหนึ่งหยดลงมา เธอสะท้อนใจ กล้ำกลืนกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ คนตัวสูงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อจากนี้ดี กลัวใจตัวเอง กลัวเสน่ห์ของกวางน้อยจะดึงดูดให้กระทำสิ่งเลวร้ายอีก

"พี่อีฟ" เสียงใสดั่งระฆังแก้วเรียกมาแต่ไกล หล่อนปาดน้ำตาตัวเองทิ้งเสีย ไม่ต้องการให้คนที่กำลังมาถึงรู้ว่าเธอรู้สึกแปลกไป

"พี่อีฟ" เสียงหวานใสเหนื่อยหอบ

"คะ" สาวสวยขานรับเสียงเรียบ

"เอ่อ...คือว่า" ดูเหมือนคนตัวเล็กไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไร

"หนึ่งไปดูดอกไม้เถอะ พี่จะยืนอยู่ตรงนี้" หล่อนบอกอ้อมค้อม หวังว่าน้องสาวจะเข้าใจว่าเธอต้องการเวลาอีกสักหน่อยในการคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ และคนตรงหน้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย หล่อนทำใจได้และเข้าใจตัวเองดีกว่าครั้งแรก

เด็กน้อยดูเหมือนลังเลแต่สุดท้ายก็ยอมไปโดยดี เมื่อหล่อนส่งสายตายืนยันตามคำพูด อรสายังจำคำบอกรักของคนร่างบางที่เดินไปได้ดี ถ้าสิ่งที่ได้ยินเป็นสิ่งทีเกิดขึ้นจริงไม่ใช่แค่ความเพ้อฝันของเธอยามใกล้หลับใหล หล่อนเข้าใจถึงคำขอโทษนั้นแล้ว เข้าใจเมื่อได้เผชิญความรู้สึกนี้ด้วยตัวเอง

หากเป็นไปได้หญิงสาวไม่อยากให้เกิดขึ้นจริงเลย แค่เธอคนเดียวก็ย่ำแย่มากพอแล้ว ยังไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรด้วยซ้ำ ถ้ามีกวางน้อยอีกเธออาจจะ...คนผมยาวถอนหายใจ ไม่อยากคิดมากเกินกว่านั้น เธอกลัว



ภายในรถไม่เหลือบรรยากาศสนุกสนานเหมือนขามาเลยแม้แต่นิด ความเพียงความเงียบและเคร่งเครียดแทนที่อยู่

นันทวรรณไม่ชอบความตรึงเครียดที่เกิดขึ้นเลย เด็กสาวลอบถอนหายใจ จริงๆ แล้วตอนที่พี่อีฟก้มลงมาใจหนึ่งเธอก็อยากให้ทุกอย่างเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีครั้งแรกและได้รับรู้ว่ามันหอมหวานแค่ไหน หล่อนก็อยากรู้สึกอย่างนั้นอีก แต่อีกใจก็รับรู้ว่าด้วยสถานะไม่สามารถทำได้จึงเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไป

หน้าด้านข้างที่แสนจะเรียบเฉยขัดกับดวงตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่สาวรู้สึกผิดมากแค่ไหน สาวน้อยไม่โทษอีกฝ่าย เธอคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คนไม่คุ้นชินกัน ได้อยู่ใกล้กันโดยอุบัติเหตุก็อดไม่ได้ที่จะเผลอไผล หล่อนคิดว่าอย่างนั้น แม้จะไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดกับตัวเองมาก่อน

"หิวไหม" เสียงนุ่มถามเรียบๆ ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของคนพูดได้ว่าเป็นอย่างไร

"นิดหน่อยค่ะพี่อีฟ" หนึ่งตอบตามตรง

แมวน้อยหิวมากแต่ไม่กล้าบอก อาจเพราะใช้พลังงานเยอะในการมาเที่ยววันนี้จึงทำให้หิวมากเป็นพิเศษกว่าปกติ

'จ๊อก' เสียงดังทำลายความเงียบมาจากหน้าท้องแบนราบ หนึ่งตาโตที่กระเพาะประท้วงไม่เห็นด้วยกับคำโกหกแทบจะในทันที

หล่อนหันหน้าไปมองคนที่ทำหน้าเฉยตลอดทางที่ผ่านมาก็พบว่ามีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากสวยนั้น

"หิวก็บอกตรงๆ สิคะ ไม่เห็นต้องโกหกเลย" เสียงหวานบอก

"ก็..." หล่อนไม่รู้จะพูดอย่างไร

"อย่าโกหกเพราะพี่" อีกฝ่ายพูดอย่างรู้ทันกับการอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าพูดของเธอ

"ค่ะ" เด็กสาวรับปากและรับรู้

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น รถเก๋งก็ค่อยๆ ลดความเร็วและเลี้ยวแวะร้านข้างทางร้านหนึ่งซึ่งสร้างด้วยไม้ไผ่ทั้งหมด



ทั้งสองถึงบ้านเมื่อดวงอาทิตย์ตกดินพอดี อรสาดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถเพื่อเข้าไปในบ้าน คนตัวเล็กเดินตามหลังมาเงียบๆ

เมื่อเข้าบ้านและล็อกเรียบร้อย สาวสวยก็มุ่งหน้าไปที่ห้องทันที แมวน้อยก็เช่นกัน วันนี้คงไม่มีการมาขอนอนห้องเดียวกันเหมือนวันที่ผ่านมา

อีฟคิดว่าเธอควรจะวางตัวให้ถูกต้อง แต่การที่ต้องอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาทำให้ควบคุมความรู้สึกลำบากขึ้น หล่อนคงต้องตีตัวออกห่างน้องสาว รู้ว่าอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี แต่เธอมองไม่เห็นทางเลือกอื่นเลย บางทีการห่างเหินที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นทางแก้ปัญหาก็เป็นได้ อาจจะทำให้ความรักของเราทั้งคู่ที่เกินกว่าพี่น้องนั้นแปรเปลี่ยนไป



คนผมยาวเดินเข้าห้องเรียนอย่างไม่กระตือรือร้น เมื่อนั่งเก้าอี้ข้างๆ เพื่อนสาวหวานก็เอ่ยขึ้นทันทีทันใด

"ทำหน้ายังกับปลาขาดน้ำ"

"เปรียบเทียบดีกว่านี้มีไหม" เธอบอกอย่างเซ็งๆ

"ไม่มี" คำตอบสั้นๆ ที่แสนจะกวนของปนัดดายังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ความเศร้าจากเรื่องคนรักได้จางหายไปแล้ว

"แกมีเรื่องอะไรถึงทำหน้าแบบนี้ล่ะ" อีกฝ่ายถามต่อหลังจากอรสาเงียบไม่ต่อปากต่อคำ

"เยอะแยะ" หล่อนตอบกว้างๆ ไม่อยากพูดลงลึกในรายละเอียดใดๆ ทั้งนั้น เพราะเรื่องนี้ล่อแหลมต่อความรู้สึกและศีลธรรมมาก อีกอย่างมันเป็นเรื่องในครอบครัวซึ่งแม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่ควรได้รับรู้

"ไหนลองว่ามาสิ" คนข้างๆ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะต่อมอยากรู้ได้รับการกระตุ้น

"อย่าเลย ฉันจะแก้ปัญหาเอง" สาวสวยบอกด้วยความเด็ดขาด

"ตามใจ" เพื่อนสาวเห็นเช่นนั้นจึงยอมอ่อนให้ เพราะรู้ว่าเธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะบอกเล่าอะไรทั้งนั้น อีกอย่างในเวลาที่หล่อนตกลงใจในเรื่องอะไรแล้วยากมากที่จะเปลี่ยนได้



"หนึ่งวันนี้เป็นอะไร" ขวัญฟ้าพูดเมื่อทั้งสองจูงมือกันเดินอยู่หน้าอาคารเรียน

"บอกไม่ถูกน่ะอิง หนึ่งไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน" เด็กสาวพูดพลางถอนหายใจ หล่อนหนักใจกับเรื่องพี่อีฟมาก ทั้งจากความรู้สึกของตัวเองและปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

"มีอะไรที่อิงพอจะช่วยได้บ้างไหม" สาวร่างอวบถามอย่างพยายามเต็มที่

"ไม่มีหรอกอิง แม้แต่หนึ่งเองยังทำอะไรไม่ได้เลย" หล่อนสารภาพด้วยความหดหู่กว่าเดิม

"ถ้าแก้ไม่ได้ก็ปล่อยมันไว้ เวลาผ่านไปมันก็ดีขึ้นเอง" ความคิดของเพื่อนช่างเรียบง่าย นันทวรรณไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้น

"อือ" แต่หล่อนก็ตอบรับเพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้



"น้องหนึ่ง" เสียงยั่วยวนเรียกแต่ไกล

ร่างสวยกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหา พี่ฝันยิ้มบาดใจ คนตัวเล็กคิดว่าถ้าคนที่เธอรักคือพี่ฝันก็คงดีเพราะคนที่เดินมาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีใจให้ นอกจากนั้นยังสามารถคบกันได้โดยไม่มีปัญหาอะไรด้วย

"เที่ยงแล้วไปทานข้าวกันนะคะ" ไม่พูดพล่ามทำเพลงปากสวยก็ชวนทันที

"ที่ไหนคะ" หล่อนถามก่อนจะตอบตกลง

"ร้านหน้ามหา'ลัยดีกว่า แถวนั้นอร่อยๆ เยอะนะคะ" สาวมั่นไม่พูดเปล่า มือสวยดึงมือของเธอไปกุมไว้แน่น

"อืม ก็ดีค่ะ" สาวน้อยตกลงอย่างง่ายๆ

"อิงไปด้วยกันนะ" เธอชวนคนข้างตัวเมื่อคิดได้ว่าเพื่อนสาวก็ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเช่นเดียวกัน

"ได้สิ" เสียงใสตอบรัวเร็ว



ขวัญฟ้ารีบรับปากหนึ่งในทันที ตอนแรกเธอใจแป้วกลัวว่าคนที่แอบรักจะไปกับรุ่นพี่สองคน หล่อนไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเพราะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไร มองตาก็รู้แล้วว่าชอบหนึ่งเหมือนกับเธอ

เพื่อนสาวไม่มีวันรู้หรอกว่ามีการแก่งแย่งเกิดขึ้น จริงๆ ดูเหมือนคนตัวเล็กข้างๆ จะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย หนึ่งมักจะซื่อจนเกินพอดีในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้สนใจ ซึ่งจริงๆ ก็เกือบทุกเรื่องยกเว้นครอบครัวกับการเรียนเท่านั้น

สาวอวบยอมรับว่าไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ เหมือนพี่ฝันว่าชอบ แต่เธอก็พยายามแสดงออกทางการกระทำให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าคนร่างบางก็ไม่รับรู้เหมือนเคย

แม้หล่อนจะไม่ได้เป็นแฟนกับนันทวรรณ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จะขัดขวางรุ่นพี่สาวคนนั้นให้ถึงที่สุด มาทีหลังอย่าหวังว่าขวัญฟ้าจะยอมให้หยิบชิ้นปลามัน เธอไม่สู้คนหล่อนรู้กับใจตัวเองดี แต่แค่ขัดขวางในฐานะเพื่อนหญิงสาวทำได้สบายมาก



นฤมลแทบจะกรี๊ดเมื่อคนที่ชอบหันไปชวนเพื่อนสาวหน้าตาเฉย เธออุตส่าห์ไม่สนใจจงใจชวนแต่คนน่ารักคนเดียวแท้ๆ

หล่อนเกลียดศัตรูหัวใจคนนี้เสียจริง ไม่ง่ายเลยที่จะสลัดออกไปได้เพราะขวัญฟ้าเป็นเพื่อนของน้องหนึ่ง แต่โอกาสของเธอต้องมาถึงอย่างแน่นอน วันที่น้องหนึ่งอยู่คนเดียว

ความคิดนั้นต้องชะงักลงอีกเมื่อนึกถึงหน้าพี่สาวของนันทวรรณ ดูเหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งหล่อนเสียเหลือเกิน ทำไมถึงได้มีอุปสรรคเยอะแยะไปหมด ไม่ว่ายังไงฝันก็ไม่มีวันยอมให้คนที่เธอชอบหลุดลอยไป ความรักสำหรับเธอคือการทุ่มเทและไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

"ไปรถพี่นะจะได้ไม่ต้องเดิน" เธอเลือกที่จะพูดกับเด็กน้อยแค่คนเดียว ไม่สนใจไยดีเพื่อนของอีกฝ่าย หล่อนกุมมือและพาเดินไปยังรถที่ถูกจอดไว้



"ตายๆๆๆ" เสียงหวานบ่นทันทีที่ออกมาจากห้องเรียนเมื่อหมดเวลา

"อย่าบ่นน่า" เธอพูดเบื่อๆ

"จะไม่ให้บ่นได้ยังไง รายงานตั้ง 50 หน้า วิเคราะห์หมดเลยด้วย ให้เวลาแค่อาทิตย์เดียวใครมันจะไปทำทัน" สาวเปรี้ยวบ่นเหมือนหมีกินผึ้ง

"ถ้าแกไม่พอใจก็ท้วงอาจารย์สิ" หล่อนบอกพร้อมรอยยิ้มแรกของวัน

"บ้า แกไม่ต้องพูดเลยเชอะ มะกี้ยัยแอนท้วงเป็นไงล่ะ จาก 20 เพิ่มมา 50 เลย สมใจกันถ้วนหน้าทีเดียว"

"เอาน่า ทำคู่กันสองคน แบ่งๆ กันแค่ 25 หน้าเอง" สาวสวยพยายามพูดให้รู้สึกเหมือนน้อย แม้ว่าแท้จริงแล้วเธอจะคิดว่าทำไมหารกันแล้วถึงได้เยอะแบบนี้ ปกติ 10 หน้ายังแทบไม่รู้จะเขียนอะไรเลยด้วยซ้ำ หล่อนเก่งปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี

"เยี่ยม แกไปหาข้อมูลกับฉันเลย ทำตั้งแต่วันนี้แหละ ไม่อย่างนั้นไม่ทันส่งหรอก แล้วเย็นก็ไปทำต่อที่ห้องฉันเลย ห้องฉันใกล้กว่าบ้านแกเยอะขืนไปบ้านแกแค่เวลาเดินทางก็หมดแล้ว" อีกฝ่ายร่ายยาวด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

"เย็นนี้คงไม่ได้ นัดกับหนึ่งไว้แล้ว ไว้พรุ่งนี้ละกัน" เธอปฏิเสธ

"โทรไปบอกสิ น้องแกไม่ใช่เด็กอนุบาลนะที่จะต้องไปรับไปส่งทุกวันน่ะ" ปนัดดาบ่นลามไปทุกเรื่อง

"แกทำเหมือนทุกอย่างมันง่ายไปหมด" หญิงสาวขมวดคิ้ว

"แล้วทำไมแกต้องทำให้มันยากด้วยล่ะ ที่ฉันพูดไปไม่ถูกตรงไหน" สาวมั่นถาม

"ถูก แต่แค่วันนี้วันเดียวไม่เห็นเป็นไรเลย นัดไว้แล้วฉันก็ไม่อยากจะยกเลิก" ปากรูปกระจับถึงจะพูดอย่างนั้นออกไป แท้ที่จริงเธอไม่อยากให้น้องสาวกลับคนเดียวตามลำพัง ถึงหล่อนจะตั้งใจว่าจะเฉยชา แต่ความรู้สึกห่วงใยก็ยังคงอยู่

"อ่ะ ก็ได้" แป้งยอมรับอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก



"หนึ่ง" หญิงสาวเรียกคนตรงหน้าขณะรับประทานอาหารเย็นภายในบ้าน

"คะพี่อีฟ" สาวน้อยตอบอย่างรวดเร็ว คล้ายกับรอให้เธอพูดก่อนมานานแล้ว

"ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปอาทิตย์หนึ่ง หนึ่งต้องกลับบ้านเองนะ พี่ต้องไปทำรายงานที่ห้องพี่แป้ง" หล่อนรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เอ่ยปากพูดก็บอกข่าวไม่ดีเสียแล้ว

"ค่ะ" เสียงตอบรับของแมวน้อยเศร้าลงทันที

"ไว้เดี๋ยวพี่จะชดเชยให้นะ" สาวสวยพูดออกไปเพราะไม่อยากเห็นเด็กน้อยทำหน้าเศร้าเหมือนตอนนี้

"ไม่ต้องหรอกค่ะ หนึ่งเข้าใจ" แม้ปากบางจะพูดอย่างนั้น แต่ไม่ว่าใครก็มองออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากเข้าใจตามคำพูดเลย

"พี่ขอโทษ" อรสาเอ่ย หล่อนรู้สึกว่าคำว่าขอโทษออกจากปากบ่อยขึ้นทุกที เธอทำแต่เรื่องที่ต้องพูดคำนี้ อดที่จะรู้สึกแย่กับตัวเองไม่ได้

"ไม่ต้องขอโทษหนึ่งหรอกค่ะ พี่อีฟจำเป็นนี่คะ" คนตัวเล็กวางช้อนส้อมลงเหมือนว่าอิ่ม แต่อีฟเดาว่าเจ้าตัวเล็กคงหมดอารมณ์ที่จะทานต่อเสียมากกว่า

"กลับบ้านก็ระวังนะคะ อย่าไว้ใจให้ใครมาส่ง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะ" หล่อนพูดอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ นันทวรรณยิ่งซื่อๆ อยู่ด้วย



"น้องหนึ่ง วันนี้ไม่มีคนมารับเหรอ พี่ไปส่งบ้านไหม" สาวทรงเสน่ห์ถามเมื่อเห็นเธอและเพื่อนจูงมือกันเดินออกจากมหาวิทยาลัยในตอนเย็นโดยไม่ได้มีพี่สาวมาคอยรับเหมือนเช่นเคย

"ไม่เป็นไรค่ะพี่" ไม่ใช่สาวน้อยที่พูด แต่เป็นขวัญฟ้าเพื่อนเธอต่างหาก

"อิงกับหนึ่งนัดกันว่าจะไปทำการบ้าน ใช่ไหมหนึ่ง" เพื่อนสาวหรี่ตาส่งสัญญาณ

"เอ่อ...ใช่ค่ะ" หล่อนตกกระไดพลอยโจน

"ไม่เป็นไรค่ะ" สาวสวยมั่นพูดคล้ายกัดฟัน

"วันหลังให้พี่ไปส่งบ้านนะคะ" อีกฝ่ายยิ้มเก๋ให้เธอ ฉวยมืออีกข้างที่ว่างจากการกุมของเพื่อนสาวไปจับ

"อิงไปบอกพี่เขาแบบนั้นทำไม" เด็กสาวถามเมื่อพ้นจากรุ่นพี่แล้ว

"ก็...มันอันตราย ให้ใครไม่รู้ไปส่งบ้านน่ะ"

"อืม" เธอพยักหน้ารับรู้ นึกถึงคำของพี่สาวขึ้นมาได้ ยังดีที่ขวัญฟ้าปฏิเสธให้และหล่อนก็ไม่ได้รับปากนฤมลว่าคราวหลังจะให้ไปส่ง

"ไหนๆ ก็บอกพี่เขาไปแบบนั้นแล้ว เราไปทำการบ้านด้วยกันจริงๆ เลยดีไหม ไม่ได้ทำด้วยกันนานแล้ว" จริงๆ สองเดือนก็ไม่นับว่านานเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกของนันทวรรณเหมือนว่านานอาจเพราะความเคยชินที่อยู่กับเพื่อนสาวแทบจะตลอดเวลามาเกือบเดือน

"เอาสิ แล้วจะทำที่ไหนดี" อิงทำหน้าดีใจ คงเพราะคิดเหมือนกับเธอ

"อืม ที่บ้านหนึ่งดีไหม" คนตัวเล็กเสนอ คิดว่าได้ขวัญฟ้ามาอยู่เป็นเพื่อนที่บ้านคงดี

"แล้ว...เอ่อ...พี่สาวหนึ่งไม่ว่าเหรอ" อีกฝ่ายถามด้วยความเกรงใจ

"ไม่หรอก พี่อีฟไปทำรายงานห้องเพื่อนน่ะ คงกลับดึกตามเคยแหละ กว่าจะกลับหนึ่งก็หลับแล้วตลอด" เธอบอกเศร้าๆ

"ก็ดีเหมือนกัน งั้นเอาตามนี้"

"เค ไปหออิงก่อนละกัน อิงจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เตรียมชุดมาใส่พรุ่งนี้" สาวหน้าหมวยพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับหล่อนทุกประการ เธอยิ้มตอบ และจูงมือเพื่อนรักเดินไปยังหอใกล้มหาวิทยาลัย



เกือบสัปดาห์แล้วที่หญิงสาวต้องนั่งวิเคราะห์ข้อมูลที่ห้องสีเขียวสว่างนี้ทุกคืน กว่าจะได้ขับรถกลับบ้านก็เกือบเที่ยงคืนทุกวัน ดีที่เธอซื้อรถไว้ใช้เองไม่อย่างนั้นคงแย่ถ้าต้องขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน

"อีฟ" เสียงหวานกระซิบเรียก

"หือ" เธอตอบเสียงเบาพอกัน โดยไม่หันไปมองหน้า เพราะสายตายังจับจ้องที่กระดาษซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆ มากมาย

"แกเหลือเยอะไหม" เพื่อนสาวถามคล้ายคนหมดแรง

"ไม่เยอะเท่าไหร่ สักชั่วโมงคงเสร็จ" หล่อนกะเวลาคร่าวๆ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้รายงานฉบับนี้ต้องวางที่โต๊ะของอาจารย์แต่เช้า

"โอยยย ฉันจะบ้าตาย ฉันเหลือตั้ง 5 หน้า" สาวเปรี้ยวโอดครวญ นอนแผ่กับพื้นเหมือนอยากจะยอมแพ้

"แกเร่งมือหน่อยละกัน นี่สองทุ่มแล้วไม่อย่างนั้นแกไม่ได้นอนแน่" เธอเตือนแต่ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เพราะตัวเองก็ล้าเต็มทนแล้วเหมือนกัน



"ไม่ไหวแล้ว ชักง่วงแล้วสิ" เพื่อนสาวบอก หน้าตาเหมือนคนใกล้หลับมากกว่าอยากทำการบ้านต่อ

"อือ พักกันก่อนดีกว่า" หล่อนเสนอ เพราะนั่งทำมาหลายชั่วโมงก็ชักปวดเมื่อยเหมือนกัน

"อิงไปชงอะไรร้อนๆ ให้ละกัน หนึ่งจะได้ตื่น" เธอพูดพลางมองตาสีสวยที่เกือบจะปิดแล้ว

"อือ ขอบใจ" เสียงใสงึมงำตอบ

"ไม่เป็นไร" ขวัญฟ้าบอก หล่อนเต็มใจเสมอถ้าทำเพื่อคนที่ชอบ

สาวอวบชงโอวัลตินด้วยความร่าเริง หล่อนได้อยู่กับคนที่ชอบตลอดทั้งคืน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว เสียดายที่คงได้แค่คืนนี้คืนเดียว เธออยากย้อนกลับไปวันที่พี่สาวของหนึ่งไม่ได้มารับมาอยู่ด้วยแบบนี้

หญิงสาวเดินกลับมาที่ห้องรับแขก เธอวางถ้วยกระเบื้องสีขาวขุ่นลงบนโต๊ะกระจกสีใส ก่อนถือโอกาสพิจารณาใบหน้าของคนหลับหลังจากที่ไม่ได้เห็นมาเป็นเดือน

จมูกรั้น หน้าผากมน แก้มขาวใสไม่มีตำหนิ หล่อนอดยกมือไปแตะไม่ได้ เธอลูบอย่างแผ่วเบาทะนุถนอมและไม่อยากให้คนที่ไม่มีสติตื่น ปากชมพูบางชวนให้ลองสัมผัส

ถ้า...ขวัญฟ้าใจเต้นทันทีที่คิดว่าตัวเองอยากทำอะไรกับคนตรงหน้า ที่ผ่านมาเธอแค่เฝ้ามองใบหน้าของนันทวรรณในความมืด และไม่เคยคิดทำอะไรแบบนี้เลย เธอชอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ขวัญฟ้าค่อยๆ ก้มหน้าลงไป ริมฝีปากสั่นเมื่อต้องแก้มนุ่มเนียน ของเพื่อนสาว หญิงสาวมองที่ปากบางน่าจูบนั้น ใจยังคงเต้นรัวแรงแทบจะหลุดกระเด็นออกมานอกอก จากนั้นจึงเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ไปยังจุดหมายที่ตั้งใจไว้



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.