แสงแดดอ่อนส่องลอดม่านเข้ามาภายในห้องนอด ส่งผลให้คนที่นอนขดตัวเริ่มตื่น พิมพ์ผการ้องคราญเพราะอาการปวดหัวเริ่มถามหาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง
"เป็นไงละ"เสียงเข้มฟังดูดุดันจนทำให้ดวงตาปรือเล็กน้อยเบิกมาอย่างเต็มตา
"ปวดหัว"พิมพ์ผกายกมือขึ้นบีบหัวตัวเองตัวเองเธอรู้สึกว่ากำลังมีระเบิดปะทุอยู่ในสมอง
"มานี่ซิ"มือเอื้อมไปแตะหัวของพิมพ์ผกาแล้วนวดให้เบาๆดวงตาคมสวยปิดมิดก็ปรือขึ้นมามอง หัวใจเต้นตั้งแต่รู้ว่ารสรินทร์ได้เข้ามาใกล้ พิมพ์ผกาได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดียวกันกับที่เธอใช้ รสรินทร์ยังคงมีรสนิยมไม่เปลี่ยนเช่นเดียวกับเธอ
"วันนี้จะนั่งรถไปทำงานด้วยกันหรือเปล่า"
"อยู่บ้านเดียวกันจะให้นั่งรถไปทำงานกับใครละ"รสรินทร์ย้อนถาม
"นายเอ็มไม่มีรับเหรอ อีกไม่นานก็จะแต่งงานกันแล้วนิ"พิมพ์ผกาสบสายตากวนประสาทนิดหนึ่งก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าพิมพ์ผกา
"พี่ยังไม่ได้แต่งวันนี้พรุ่งนี้ เลิกประชดประชันพี่สักทีเถอะนะ"
"ดูท่าทางนายเอ็มของพี่รินจะไม่กลัวว่าจะเป็นพ่อหม้าย"พิมพ์ผกาส่อมีดวงตาโหดร้าย
"พูดว่าอะไรนะ"รสรินทร์ย้ำเพื่อต้องการจะฟังชัดๆ
"เปล่า ไปอาบน้ำละ เจอกันข้างล่างนะ"พิมพ์ผกาลุกขึ้นเข้าห้องน้ำอย่างฉับพลัน รสรินทร์เองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมระยะนี้พิมพ์ผกาถึงพูดจาแปลกๆ
"วันทิตย์นี้พิมพ์กับรินจะไปเที่ยวป่ากันนะคะ คุณพ่อจะไปกับเราด้วยไหมคะ"พิมพ์ผกาถือโอกาสบอกกลับวรัญญูและแสร้งชวน
"เดี๋ยวนะ พี่ยังไม่ได้ตอบตกลงเลย"รสรินทร์ค้านขึ้นมา
"พี่รินจะไม่ไปเที่ยวกับพิมพ์จริงๆ เหรอ"พิมพ์ผกาออดอ้อนเพราะรู้จุดอ่อนของรสรินทร์ดี
"นั่นนะซิ ไปเป็นเพื่อนน้องหน่อยไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน"วรัญญูเห็นพ้องด้วยพิมพ์ผกาก็ยิ่งชอบใจ
"ถ้าหากคุณอย่างพูดอย่างนี้ รินไม่ไปก็ไม่ได้เพราะตอนนี้ในบ้านมีถึงสองเสียงที่เห็นด้วย"รสรินทร์ค้อนประหลับประเหลือก ขอกันต่อหน้าพ่อคงจะไม่ให้เธอมีโอกาสปฏิเสธ
"นี่แก แกว่าไหม ลูกสาวคนเล็กของคุณวรัญญูนะ แปลกๆ ดูเหมือนคนจิตไม่ปกติ"พนักงานคนหนึ่งในออฟฟิศพูดขึ้น
"ฉันว่าหล่อนนะไม่แปลก แต่หล่อนดูน่ากลัว ดูเหมือนพวกแม่มดหมอผีมากกว่า"
"เออๆ ฉันเห็นด้วย พี่กับน้องต่างกันลิบลับ นี่ถ้าบอกว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ฉันนะเชื่ออยู่หรอก"
"อะแฮ่ม แอบนินทาเจ้านายระวังโดนหักเงินสองเด้งนะ"รุ่งนภายืนอยู่ข้างหลังได้ฟังอยู่นานต้องกระแอมเรียก พนักงานรีบกระจัดกระจายไปทำงานทันที
พิมพ์ผกาเดินเข้ามาห้องกาแฟพบรสรินทร์ยืนชงกาแฟอยู่ ค่อยๆ ย่องเบาเดินเข้าไปหา
"อุ้ย"รสรินทร์หมุนตัวกลับมาพอดีเธอตกใจจนทำกาแฟลวกใส่เสื้อพิมพ์ผกา
"ตายจริง ขอโทษนะ ขอโทษ"รสรินทร์รีบหาผ้าเช็ดเสื้อที่เปียกกาแฟให้แต่ไม่ทันการเพราะความร้อนแผ่เข้าไปถึงผิวเนื้อด้านใน
"ไม่เป็นไรค่ะ โดนลวกแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก"พิมพ์ผกาเอียงแก้มกระซิบที่ใบหูเล็ก
"เข้าห้องน้ำไปล้างเถอะ พี่จะหาเสื้อตัวใหม่เปลี่ยนให้"พิมพ์ผกาเดินจ้ำตามรสรินทร์ไป
"แดงเถือกเลย เจ็บไหม"รสรินทร์รีบปลดเสื้อเชิ้ตของพิมพ์ผกาออกดวงตากังวลเล็กน้อยเพราะมีรอยช้ำแดงอยู่ที่บริเวณใกล้หน้าอก ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดให้ แต่เธอกำลังรู้สึกว่าสายตาของพิมพ์ผกากำลังจับจ้องอยู่ไม่ลดละ ดวงหน้าเริ่มแดงกร่ำครั้นรู้ตัวว่าพิมพ์ผกากำลังโป๊ะ เธอมัวแต่เป็นห่วงจึงทำให้ลืมตัวไปชั่วขณะ
"รอตรงนี้นะ จะไปเอาเสื้อมาให้"รสรินทร์แค่ก้าวออกไปลำแขนเรียวเล็กกลับรั้งเธอเอาไว้ไปแนบกับกายกึ่งเปลือย ผ้าเช้ดหน้าที่อยู่ในมือร่วงทันที เมื่อจมูกโด่งซุกอยู่ที่ลำคอระหง ลำคอของรสรินทร์แห้งผาก ขาอ่อนเปลี้ยเสียกำลัง แทบจะเดินต่อไปไม่ไหว
"ปล่อยพี่เถอะ ใครมาเห็นพิมพ์อยู่ในสภาพแบบนี้มันไม่ดีนะ"รสรินทร์บอกเสียงสั่นใช้มือเย็นๆ เพื่อจะดึงลำเขียวเรียวออก
"ไม่ดีแบบไหนละ"ร่างเพรียวชุดข้อมือให้หันกลับมาหาไซร้จมูกเบาๆ ลงพวงแก้มสีระเรื่อ คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง รสรินทร์หอบหายใจถี่ๆ ตั้งแต่เธอโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีใครอ้อยอิ่งประชิดตัวขนาดนี้มาก่อน
พิมพ์ผกาไล้ปากนุ่มลงไปทุกส่วนของใบหน้าและเหลือที่สุดท้ายที่เธอจะลิ้มรสชาติ รสรินทร์หลับตาหายใจไม่ออกคล้ายกับมีใครพาเธอไปขังไว้ในห้องไร้อากาศ โลกทั้งโลกหมุนโคลงเคลง เธอขาดการทรงตัวไปในทันใด
"พี่รินค่ะ พี่ริน"รสรินทร์ล้มลงในอ้อมกอดพิมพ์ผการีบรวบอุ้มร่างไร้สติเข้าไปในห้องพยาบาล พนักงานต่างมองดูด้วยความสงสัย และมุงดูอยู่หน้าห้องพยาบาล
รสรินทร์เริ่มรู้สึกตัวเมื่อยาดมสัมผัสกับจมูก และเริ่มปรือตาตื่นด้วยอาการมึนงง ใบหน้านวลขาวเริ่มแดงระเรื่ออีกครั้งตอนที่ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เธอก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของพิมพ์ผกาต้นเหตุที่ทำให้เธอเป็นเช่นนี้
"คุณรินดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ"รุ่งนภาจับมือเย็นๆ ของรสรินทร์ที่มันชุ่มด้วยเหงื่อ
"ดีขึ้นแล้ว มายืนมุงอะไรกันข้างนอกนะ กลับไปทำงานกันได้แล้ว"รสรินทร์ก้าวลงจากเตียงรวดเร็ว เร่งฝีเท้าเดินกลับเข้าห้องทำงาน