web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 171
Total: 171

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๑๗ : ความจริงของตำนานระทึกขวัญ  (อ่าน 1382 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๑๗ : ความจริงของตำนานระทึกขวัญ
« เมื่อ: 10 มกราคม 2014 เวลา 14:40:56 »



  รักลวง
บทที่ ๑๗ :  ความจริงของตำนานระทึกขวัญ

“ป๋องแป้งทานข้าวได้แล้วจ๊ะ” เสียงเรียกของผู้เป็นพี่สาวซึ่งเดินมาตามเธอ ทำให้ป๋องแป้งรีบเก็บรูปภาพดังกล่าวไว้ในหนังสือแล้วเดินตามพี่สาวเข้าไปในบ้าน
อาหารบนโต๊ะอาหารมีหลายอย่าง ล้วนแล้วแต่น่ารับประทานทั้งสิ้น ทั้งห่อหมกหน่อไม้ใส่หมูรสชาติเข้มข้น น้ำพริกกะปิชะอมทอด แกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ใบตำลึง ไข่เจียวกุ้งสับกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ส่วนของหวานเป็นกล้วยบวชชีที่มารดาทำไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า
“ว้าว ! น่าทานทั้งนั้นเลยค่ะพี่ป่าน แต่ทำไมไม่ปลุกแป้งมาช่วยทำล่ะคะ พี่ป่านทำคนเดียวเหนื่อยแย่เลย” ป๋องแป้งนั่งลงยังเก้าอี้ประจำตัวของเธอซึ่งบัดนี้ทุกคนในครอบครัวมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว
“แม่ไม่ให้พี่เขาปลุกเองแหละลูก หนูกำลังหลับสบายไม่อยากให้ใครไปกวน เอาล่ะทานข้าวกันได้แล้วลูก คุณพ่อหิวแย่แล้ว”
“ค่ะ” ป๋องแป้งยิ้มรับ ก่อนรับประทานอาหารร่วมกับสมาชิกในครอบครัวอย่างเอร็ดอร่อย
 หลังจากอิ่มหนำกับมื้ออาหาร ป๋องแป้งช่วยมารดาและพี่สาวเก็บโต๊ะอาหารและล้างภาชนะที่ใช้รับประทานอาหารเรียบร้อย หญิงสาวก็ออกไปรับลมที่หลังบ้าน กลิ่นดอกไม้ราตรีโชยมาตามลม หญิงสาวสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าปอดด้วยความชื่นใจ
“เกือบลืมแน่ะครับ....พี่มีนาโทรศัพท์มาหาพี่ป๋องแป้งตั้งหลายสาย บอกว่าถ้าพี่ตื่นแล้วให้โทรกลับด้วยครับ” จิรัฎฐ์เดินมาบอกพี่สาวพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้
“ขอบใจมากนะจ๊ะ” หญิงสาวรับโทรศัพท์มาน้องชาย แล้วกดโทรออกไปยังหมายเลขของเพื่อนสนิท...

เช้าตรู่แสงสีทองของดวงตะวันทาบทาท้องฟ้าและผืนปถพี แสงอุ่นกระทบกับหยาดน้ำค้างเป็นประกายระยิบระยับ แสงอาทิตย์อ่อนๆสาดแสงผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนของหญิงสาว  ผ้าม่านลูกไม้สีเขียวอ่อนปลิวไสว เสียงไก่ขันยามเช้าปลุกให้ป๋องแป้งตื่นแต่เช้าตรู่ แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มสวมทับด้วยเสื้อตัวยาวสีเขียวขี้ม้าตัวโปรดของเธอ คว้ากระเป๋าสะพายแล้วออกจากห้องนอนของตัวเอง
“จะรีบไปไหนแต่เช้าลูก ทานข้าวก่อนสิจ๊ะแม่ทำกับข้าวเสร็จพอดี” เสียงมารดาเอ่ยทักทายบุตรสาว เมื่อเจ้าหล่อนเดินผ่านห้องครัวซึ่งนางกำลังทำอาหารมื้อเช้าอยู่
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ หนูต้องรีบไปทำธุระค่ะ” ป๋องแป้งบอกมารดา พร้อมกับเดินมาสวมรองเท้าที่หน้าบ้าน
“ดื่มนมรองท้องสักแก้วก็ยังดีนะลูก” มารดาเดินมายื่นแก้วนมให้ หญิงสาวรับมาดื่มอย่างรวดเร็วแล้วยื่นแก้วเปล่าคืนให้มารดา
“หนูไปแล้วนะคะ สวัสดีค่ะคุณแม่” พนมมือไหว้มารดาก่อนที่จะก้าวขึ้นรถจักรยานยนต์ของตัวเธอเองด้วยความรีบร้อนจะไปยังฝ่ายกิจการนักศึกษาซึ่งตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อสืบหาว่าชายคนดังกล่าวเป็นใครกันแน่
“ไปดีมาดีนะลูก” นางจันทร์ประภากล่าวกับบุตรสาวก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน
ยังไม่ทันที่ป๋องแป้งจะขับรถจักรยานยนตร์ออกจากบ้าน รถกระบะสี่ประตูสีควันบุหรี่ของวีรากานต์ก็ขับมาจอดยังหน้าบ้านของเธอ พร้อมกับที่กระจกรถใกล้กับที่เธออยู่ได้เลื่อนลง
“ขึ้นมาเลยป๋องแป้ง ฉันกับน้าเพลงมารับเธอ” มีนาร้องบอกก่อนจะกดกระจกให้เลื่อนขึ้นตามเดิม
“จ๊ะ” ป๋องแป้งนำรถจักรยานยนตร์ไปจอดไว้ที่เดินก่อนรีบวิ่งไปขึ้นรถด้วยความรีบร้อน
“น้าเพลงคะ ช่วยไปส่งแป้งที่มหาวิทยาลัยก่อนได้หรือเปล่าคะ” ป๋องแป้งบอกกับน้าสาวของเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมรีบนักล่ะจ๊ะ” วีรากานต์หันมาถามด้วยรอยยิ้มสดใส
“คือหนูต้องตามหาผู้ชายคนนี้ให้เจอค่ะ ซึ่งดูจากตรามหาวิทยาลัยที่ปักในเน็คไทด์ของเขา เขาต้องเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับหนูแน่ๆค่ะ หนูอยากไปหาประวัติเขาจากฝ่ายทะเบียนนักศึกษาค่ะ” ป๋องแป้งตอบพร้อมกับยื่นรูปถ่ายใบนั้นให้วีรากานต์ดู สาวหล่อผู้เป็นสาระถีรับรูปถ่ายใบนั้นมาดูอยู่ชั่วครู่ ก่อนกลับไปตั้งใจขับรถต่อโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
“ไหนขอฉันดูหน่อยสิป๋องแป้ง เอ๊ะ! น้าเพลงคะ ผู้ชายคนนี้...” เมื่อมีนาได้ดูรูปถ่ายของชายคนดังกล่าว เธอก็หันไปถามน้าสาวซึ่งเขาก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบเพราะรู้ดีว่าหลานสาวจะถามอะไร
“หนูไปได้รูปถ่ายใบนี้มาจากเหรอจ๊ะ” วีรากานต์หันมาถามป๋องแป้งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“วิญญาณของพลอยนิลให้มาค่ะ” ป่องแป้งตอบคำถามผู้สูงวัยกว่าด้วยน้ำเสียงแผ่ว เธอไม่แน่ใจว่าวิญญาณดวงนั้นมาหาเธอจริงๆหรือว่าเธอแค่ฝันไป แต่ถ้ามันเป็นความฝันแล้วรูปถ่ายใบนั้นมาอยู่ที่หนังสือของเธอได้อย่างไร
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พลอยนิล/พี่พลอย” สองน้าหลานพูดออกมาพร้อมกัน ป๋องแป้งได้แต่มองสองน้าหลานด้วยความสงสัย วิญญาณดวงนั้นจะไม่ใช่พลอยนิลได้อย่างไรในเมื่อ...ตำนานมันเป็นอย่างนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าคะน้าเพลง,ยายมีนา”
วีรากานต์ไม่ตอบคำถามของป๋องแป้งแต่เปลี่ยนเส้นทางการขับรถเพื่อมุ่งตรงไปยังบ้านของเขา ในขณะที่มีนาส่งยิ้มมาให้เพื่อนสาว
“น้าเพลงคะ มหาวิทยาลัยไม่ได้ไปทางนี้นะคะ” ป๋องแป้งรีบทักท้วงเมื่อเห็นว่าผู้สูงวัยกว่าไม่ได้ขับรถไปตามเส้นทางที่เธอต้องการ
“เดี๋ยวไปที่บ้านของน้า หนูก็จะรู้เอง...”
วีรากานต์ขับรถด้วยความเร็วปานกลางไม่ได้เร่งรีบอะไรมากมายแต่เพียงไม่นานก็มาถึงบ้านของเขา ป๋องแป้งเดินตามสองน้าหลานขึ้นไปบนเรือนด้วยความสงสัย  ป๋องแป้งกับมีนานั่งรออยู่ที่หอนั่ง ในขณะที่วีรากานต์เดินเลยเข้าไปในหอนอนของเขา
“น้าคิดว่า ‘ทะเบียนรุ่น’ เล่มนี้คงให้คำตอบหนูได้มากกว่าฝ่ายกิจการนักศึกษา” วีรากานต์เดินกลับมาในหอนั่งอีกครั้งพร้อมกับทะเบียนรุ่น เขาวางมันเอาไว้ตรงหน้าป๋องแป้งแล้วนั่งลงข้างๆหลานสาวของเขา
ป่องแป้งหยิบทะเบียนเล่มดังกล่าวด้วยมือที่สั่นระริก รูปของชายหนุ่มคนเดียวกับชายในรูปถ่ายที่ดวงวิญญาณให้มา ใต้ภาพระบุที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อ เธอรู้แล้วว่าจะสามารถตามหาเขาได้ที่ใด แต่สิ่งที่ทำให้ป๋องแป้งรู้สึกคล้ายกับจะเป็นลม  หาใช่รูปของชายคนดังกล่าวไม่ แต่เป็นภาพของผู้หญิงหน้าตาเหมือนเธอ ใต้รูปภาพระบุชื่อ นางสาวปนัดดา ปรีชาศักดาธร บนหัวกระดาษมีหมึกสีแดงอ่านได้ใจความว่า ‘เสียชีวิต’ เป็นรอยหมึกปั๊มอยู่
ข้างๆกันนั้นเป็นรูปของหญิงสาวคนเดียวกับหญิงสาวในภาพถ่ายในหอนอนของวีรากานต์ ระบุชื่อ นางสาวพลอยนิล กาญจนมาศ บนหัวกระดาษมีหมึกสีแดงอ่านได้ใจความว่า ‘ย้ายสถานศึกษา’ เป็นรอยหมึกปั๊มอยู่เช่นเดียวกัน
ป๋องแป้งตัวเย็นเฉียบ ฝ่ามือของหญิงสาวชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ นี่หมายความว่าเธอเข้าใจผิดมาตลอดอย่างนั้นหรือ ดวงวิญญาณในห้องน้ำของตึกคณะที่เธอเรียนอยู่ คือ ปนัดดา ไม่ใช่ พลอยนิล !
“ดวงวิญญาณดวงนั้น ชื่อ ปนัดดา ไม่ใช่พลอยนิล อย่างที่หนูฟังมาจากรุ่นพี่หรอกจ๊ะ”
“แล้วเรื่องจริงเป็นอย่างไรคะน้าเพลง” ป๋องแป้งหันมาถามวีรากานต์ด้วยความใคร่รู้  วีรากานต์นิ่งไปสักพัก ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวให้ป๋องแป้งและมีนาฟัง
แล้วเรื่องเล่าก็ถูกถ่ายทอดอีกครั้งโดยสาวหล่อซึ่งร่วมอยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น....

ภายในห้องน้ำที่เปิดไฟเพียงสลัวๆ หญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักศึกษายืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่  ภาพที่สะท้อนจากกระจกเงา คือ ใบหน้าของเธอเองที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองและรอยน้ำตา หญิงสาวคนนั้น ชื่อ ปนัดดา ปรีชาศักดาธร !
หญิงสาวค่อยๆหยิบขวดสีน้ำตาลเข้มออกมาจากกระเป๋าสะพายใบย่อมสีชมพูอ่อน  เธอมองขวดยาในมืออย่างชั่งใจ แต่ก็ตัดสินใจเปิดฝาขวดออกก่อนนำมากจรดริมฝีปากและกลืนกินของเหลวสีดำที่บรรจุอยู่ภายในขวดนั้นเข้ามาในปาก  รสชาติเผ็ดร้อน เฝื่อนลิ้น แผ่เข้ามาจนหญิงสาวสำลัก เธอใช้มือปาดน้ำสีดำออกจากริมฝีปากอย่างรวดเร็วก่อนตัดสินใจกรอกน้ำสีดำนั้นอีกครั้งจนหมดขวด
ความร้อนแผ่จากลำคอสู่กระเพาะอาหาร หญิงสาวลูบหน้าท้องของตัวเองที่นูนออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มที่มุมปากอย่างเลือดเย็น วันนี้สินะที่มารหัวขนจะต้องหายไปจากร่างกายเธอ
หญิงสาวจึงเดินไปเข้าห้องน้ำห้องสุดท้าย ยังไม่ทันที่จะปิดล็อคประตู ความเจ็บปวดบริเวณท้องน้อยก็เริ่มปรากฏให้เธอได้รู้สึกก่อนที่จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนพัดพาเรี่ยวแรงของหญิงสาวให้อ่อนลง จนต้องทรุดกายลงที่พื้นห้องน้ำ เพียงชั่วครู่ของเหลวสีแดงคล้ำได้ค่อยๆไหลออกมาจากช่องคลอดของหญิงสาว หล่อนดิ้นพล่านไปทั่วพื้นห้องน้ำห้องนั้น เมื่อความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ร่างเล็กๆที่ยังไม่สมบูรณ์ของทารกก็ไหลพรวดออกมาจากช่องคลอดของหญิงสาว เลือดไหลนองไปทั่วพื้นห้องน้ำ พร้อมๆกับจังหวะการเต้นของชีพจรหัวใจที่ค่อยๆเบาลง...เบาลงทุกวินาทีและขาดหายไปในที่สุด....
“ยายปัดๆ แกอยู่ในนี้หรือเปล่า ปัด” พลอยนิลส่งเสียงเรียกเพื่อนสาว หลังจากที่อีกฝ่ายขอตัวมาเข้าห้องน้ำร่วมครึ่งชั่วโมง
สุขาเล็กๆจำนวนสามห้องตั้งเรียงรายอยู่ถัดไปจากกระจกเงาสำหรับสำรวจตัวเอง  หญิงสาวตัดสินใจเข้าไปในห้องน้ำนั้น แสงไฟติดๆดับๆ กะพริบถี่รัวมาจากหลอดไฟนีออนด้านบนเพดาน  ทำให้ห้องน้ำที่ไร้ผู้คนในช่วงเวลาโพล้เพล้ดูน่ากลัวมากขึ้น                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                 
“ปัด ไม่ตลกแล้วนะ ฉันถามว่าแกอยู่ในนี้หรือเปล่า” พลอยนิลส่งเสียงเรียกอย่างหวาดหวั่น ก่อนที่จะเดินมาไปตามห้องน้ำที่ว่างเปล่าไร้คนใช้งาน หญิงสาวเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องน้ำด้านในสุดที่บัดนี้สายน้ำขันคลั่กสีแดงคล้ำได้ไหลทะลักเจิ่งนองออกมาบนพื้นกระเบื้องสีขาวจากห้องน้ำห้องนั้น  รองเท้าผ้าใบสีขาวที่พลอยนิลสวมอยู่ถูกย้อมให้เป็นสีแดงเถือกไปชั่วพริบตาเดียว
หญิงสาวค่อยๆกระชากประตูห้องน้ำห้องสุดท้ายซึ่งเปิดเพียงแง้มๆให้เปิดอ้ามากขึ้น  ก่อนจะตกใจสุดขีด กับภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า....
            เมื่อในห้องน้ำห้องนั้นมีร่างไร้ลมหายใจของปนัดดานอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นห้องน้ำ บริเวณใต้กระโปรงนักศึกษามีร่างโชกเลือดของทารกขนาดเล็กกว่าฝ่ามือกองอยู่ด้วย
“ยายปัด กรี๊ด !!!!” พลอยนิลส่งเสียงกรีดร้องออกมาก่อนที่สติจะดับวูบไป....

“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ” ป่องแป้งเอ่ยปากถามทันที ที่เรื่องเล่าดังกล่าวได้จบลง
“หลังจากงานศพของปัด พลอยเขาก็ย้ายไปเรียนที่อื่น น้าเองก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้จนถึงทุกวันนี้...” วีรากานต์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
“แต่หนูไม่เข้าใจว่า ถ้าปนัดดาเขากินยาเลือดจนต้องตายเอง แล้วทำไมเขาต้องอาฆาตขนาดนี้ค่ะ ผู้ชายที่ชื่อ ‘ธนัทชัย’ มีส่วนเกี่ยวกับอะไรกับเรื่องนี้คะ หรือว่าเขาจะเป็นคนที่ทำให้ปนัดดาท้อง...”
“อันนี้น้าก็ไม่รู้นะจ๊ะ แต่เท่าที่รู้จักเขามาน้าก็ไม่เคยเห็นปัดเขามีแฟนเลย น้าว่าตอนนี้เราอย่ามัวแต่สงสัยอะไรอยู่เลย คนที่สามารถตอบเรื่องนี้ได้มีเพียงแค่ นายธนัทชัย เท่านั้น เราจะต้องตามหาเขาให้เจอก่อนที่ปัดจะตามเจอ...”
“นั่นสิน้าเพลงพูดถูก เรารีบไปตามหาเขากันเถอะป๋องแป้ง”
“ค่ะ รีบไปกันเถอะค่ะ”
   หญิงสาวทั้งสาวลงจากเรือนด้วยความรีบร้อน  แล้วขับรถออกไปบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันกาล...
...........................................................................................
 
















 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.