web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 66
Total: 66

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๓๐ : รักแรก  (อ่าน 1594 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๓๐ : รักแรก
« เมื่อ: 11 เมษายน 2014 เวลา 17:40:11 »
Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
                            บทที่  ๓๐  :  รักแรก

ยามวิกาลท้องฟ้าที่มืดสนิท มีเพียงแสงรำไรจากพระจันทร์ที่ไม่เต็มดวง ความเงียบรอบข้างทำให้ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรที่พากันประสานเสียงกันระงม  ดวงแขสีเงินยวงแขวนอยู่บนผืนนภา ณ อุทยานหลวงแห่งนครภวรัตน์ภูตามิต่างจากค่ำคืนอื่น
   แสงจันทร์สาดส่องอาบพระวรกายของพระนางภวรัตน์ราชเทวีองค์กษัตริยาผู้ครองนคร ซึ่งบัดนี้ทรงประทับนั่งนิ่งบนบัลลังก์ทองคำสุกปลั่งภายในอุทยาน
“ถวายบังคมเพคะเสด็จแม่” เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงนำแจกันทองซึ่งทรงนำดอกรักแรกมาจัดได้อย่างประณีตงดงาม
เมื่อแลดอกดอกไม้ที่เจ้าหญิงมณีจันทร์นำมาถวาย พระทัยของพระนางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ซึ่งยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำมาเนิ่นนานหลายทศวรรษ
“เสด็จแม่ทรงเป็นอะไรไปฤๅเพคะ ทรงประชวรฤๅ” พระธิดาตรัสถามด้วยความร้อนพระทัย

“มิมีอันใดหรอกลูกหญิงมณี ดอกไม้ที่ลูกจัดงดงามมิต่างจากจิตใจและดวงพักตร์ของลูก” พระมเหสีภวรัตน์ราชเทวีรับส่งด้วยพระสุรเสียงแผ่ว ทรงรับดอกรักแรกในแจกันทองที่พระธิดาพระองค์เล็กนำมาถวายไว้ในพระหัตถ์
   “ไปนอนได้แล้วลูกดึกแล้ว แม่เองก็จักไปนอนแล้วเหมือนกัน
“เพคะเสด็จแม่” ตรัสตอบด้วยพระสุรเสียงหวาน ก่อนจะพระราชดำเนินออกไปจากอุทยานหลวง
 เมื่อพระราชธิดาเสด็จกลับไปแล้ว พระนางก็เสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนัก โดยไม่ลืมนำดอกไม้นั้นกลับตำหนักด้วย ยามได้ทอดพระเนตรดอกรักแรกคราใด ในพระทัยของพระนางทรงประหวัดถึงความหลังครั้งกระนั้นเสียทุกครา...

 สองทศวรรษก่อน
 
   พระสนมสวรินทร์ทรงถวายตัวต่อพระเจ้าชัยวรเมธเพียงไม่นานก็ทรงพระครรภ์ สร้างความปลาบปลิ้มแก่พระสวามีและพสกนิกรทั่วหล้ายิ่งนัก  หากแต่พระนางภวรัตน์ราชเทวี ผู้เป็นพระมเหสีเอกกลับยังไม่มีวี่แววจะทรงพระครรภ์ทั้งที่ทรงพระราชอภิเษกสมรสกับองค์ชัยวรเมธมาแรมปี   
   รัตติกาลหนึ่งในฤดูฝน ดาวฤกษ์ส่องแสงสุกสกาวระยิบระยับเต็มท้องนภา พระนางภวรัตน์ราชเทวีเสด็จพระราชดำเนินประทับยังสระรมย์นลิน ริมธารน้ำมีศิลาใหญ่น้อยระเกะระกะรายรอบ พระนางทรงประทับที่ศิลาเรียบก้อนหนึ่งใต้ต้นไม่ใหญ่ก่อนที่จะทรงทอดพระเนตรดอกไม้นานาพันธุ์ซี่งปลูกไว้รายรอบสระน้ำ
   บนคาคบไม้มีต้นกล้วยไม้ป่ากอใหญ่หลายกอเกาะอยู่  ซึ่งขณะนี้กำลังออกดอกสะพรั่งหลากหลายสีสันทั้งเหลือง ชมพู ฟ้า ขาว  สีน้ำตาลลายจุด ฯลฯ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ
   พระนางภวรัตน์ราชเทวีทรงละสายพระเนตรจากกล้วยไม้งามไปยังมวลบุปผารายรอบพระองค์ ฉับพลันดอกไม้ดอกหนึ่งสีชมพูอ่อนก็ร่วงหล่นลงมา ณ ฝ่าพระหัตถ์นุ่ม
   ‘รักแรก’ ดอกไม้ชนิดหนึ่งกลีบดอกคล้ายรางน้ำซ้อนกันเป็นชั้นๆ ซึ่งครั้งหนึ่งพระสวามีอันเป็นที่รักเคยพระราชทานให้ในคราที่ทั้งสองพระองค์ประสบพระพักตร์กันคราแรก
   ‘ดอกไม้งามพี่มอบให้ในวันรัก         เพื่อรู้จักผูกใจน้องปองสุขสันต์
จะรักน้องคนเดียวชั่วนิรันดร์               ไม่แปรผันเปลี่ยนใจให้ระทม
กลีบดอกไม้หล่นหักลืมรักแรก               ใจแปลบแปลกทั้งชังชื่นทั้งขื่นขม
ดอกไม้ร่วงคล้ายฤทัยพี่ลอยลม            มีรักใหม่สุขสมลืมรักเรา’
   พระนางทรงทอดพระเนตรมาลีดังกล่าวอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะละสายพระเนตรไปยังทัศนียภาพรอบพระวรกาย ทัศนียภาพรอบพระวรกายช่างงดงามต่างจากพระทัยของพระนางที่มีม่านหมอกมาบดบังเสียจนมืดมนทั้งพระทัย
   “น้องหญิงมาอยู่ที่นี่เอง พี่ตามหาเสียทั่วเลย” พระสุรเสียงหวานของพระสวามีทำให้พระนางทรงแย้มพระโอษฐ์ หากแต่เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นผู้ที่ติดตามพระสวามีมา พระนางก็ทรงปรับพระพักตร์ให้ราบเรียบดังเดิม
   “เสด็จพี่ทรงมีอันใดให้น้องรับใช้เพคะ”
   “ใครจะใช้มเหสีของตัวเองได้ลงคอกันเล่าน้องหญิง” ตรัสพร้อมกับประทับเคียงข้างพระมเหสี
   “ถ้าเยี่ยงนั้นเสด็จพี่ทรงตามหาน้องด้วยเหตุอันใดเพคะ”
   “คือว่าตอนนี้ สวรินทร์กำลังตั้งครรภ์ลูกของพึ่”
   “แล้วเสด็จพี่มาบอกน้องทำไมเพคะ พระองค์ต้องการให้น้องแสดงความยินดีกับนางฤๅเพคะ”
   “มิใช่เยี่ยงนั้น เพียงแต่พี่คิดว่า หากลูกของนางเป็นพระโอรส พี่จะแต่งตั้งนางให้เป็นพระมเหสีฝ่ายซ้าย เพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งพระราชมารดาของพระโอรสแห่งพี่ น้องจะว่าเยี่ยงไร”
   “สุดแล้วแต่เสด็จพี่เถิดเพคะ สิ่งไรที่เสด็จพี่เห็นควร น้องฤๅจะกล้าขัดพระบัญชา” ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์ หากแต่ในพระทัยของพระนางมิได้สุขสราญเหมือนดั่งสีพระพักตร์ที่ทรงแสดงออก
   “ขอบใจน้องมาก พี่นึกไว้อยู่แล้วว่าน้องต้องเห็นด้วย”
   “เพคะ”
    นางกำนัลถือพระสุพรรณภาชน์บรรจุพระกระยาหารนานาชนิดที่พระสนมสวรินทร์ทรงลงมือปรุงด้วยพระองค์เอง ซึ่งนางใช้ความประณีตบรรจง ในการปรุงแต่งให้พระกระยาหารให้มีหน้าตาออกมาวิจิตรงดงามชวนเสวยมาถวายพระนางภวรัตน์ราชเทวีผู้เป็นสหายเก่าและพระราชาผู้เป็นพระสวามีอันเป็นที่รักของนาง
   “เครื่องเสวยนี้ สวรินทร์ปรุงขึ้นเพื่อน้องและพี่” องค์ชัยวรเมธตรัสพร้อมกับเลื่อนสำรับอาหารวางตรงเบื้องพระพักตร์ของพระนางภวรัตน์ราชเทวี
   “มัสมั่นไก่ กระหม่อม” พระสนมสวรินทร์เลื่อนถ้วยแกงให้พระนางชิม ราวกับให้ระลึกถึงสัมพันธมิตรครั้งเก่าก่อน
   “รสชาติอาหารของเจ้ายังเหมือนเดิมมิเปลี่ยน” พระนางเอ่ยชมแลเสวยเงียบๆ
   พระเจ้าชัยวรเมธลอบส่งสายตาให้พระสนมสวรินทร์ที่นั่งอยู่เบื้องล่าง ท่าทีโปร่งใจนักเมื่อเห็นว่าพระนางภวรัตน์ฯมีท่าทีอ่อนลง  พระกระยาหารมื้อนี้จึงเลิศรสยิ่งนักมิว่าจะเป็นรสมือพระสนมทรงโปรด หรือบรรยากาศในการร่วมเสวยของพระนางภวรัตน์ราชเทวี  องค์ชัยวรเมธทรงเอาใจพระนางทั้งตักโน่นเติมนี่มิให้พร่อง ฝ่ายพระสนมสวรินทร์จัดถวายทั้งพระกระยาหารคาวและหวาน และไต่ถามพระประสงค์แม้พระนางจะทรงเพียงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้พระสนมสวรินทร์รู้สึกดีใจมากแล้ว
   ราตรีนี้หม่นมัวนัก พยับเมฆเคลื่อนทับบดบังแสงดาวแสงเดือนจนดูอึมครึมไปทั่วทั้งพระนคร สายฝนกระหน่ำลงในกลางดึกคืนนั้น คืนที่องค์ชัยวรเมธประทับร่วมกับพระสนมสวรินทร์ด้วยพระทัยที่เปี่ยมสุข ตรงข้ามกับพระนางภวรัตน์ราชเทวีที่ทั้งดวงพักตร์และพระทัยของพระนางเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำแห่งความทุกข์ระทมมิต่างจากสายฝนที่กระหน่ำอยู่ภายนอกพระตำหนัก
....................................................................................

   







 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.