web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 130
Total: 130

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ ๙  (อ่าน 1693 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ลำเนา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 68
ตอนที่ ๙
« เมื่อ: 23 มีนาคม 2014 เวลา 12:20:45 »
   คนที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ ณ เวลานี้เป็นผู้หญิง พราวฟ้าพูดเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าคนที่เธอรู้สึกดีดีด้วย อยากอยู่ใกล้ๆ นั้นเป็นผู้หญิง รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเตือนตัวเองก็ยิ่งถลำลึกมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกดีดีทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความน่ารักและความจริงใจที่อักษรามีให้เธอ

   “สุขสันต์วันเกิดค่ะ” เช้าวันทำงานซึ่งยังไม่มีใครมา อักษราทำงานอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าๆ และเพื่อนทานอาหารเช้าเป็นประจำ ก็คือพราวฟ้า ซึ่งทราบว่าวันนี้เป็นวันเกิดของอักษรา จึงได้ซื้อทองหยิบที่บรรจุอยู่ในกล่องเล็กๆ พร้อมปักเทียนหนึ่งเล่มถือมาอวยพร ภายหลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว เจ้าของวันเกิดอมยิ้มเมื่อได้เห็น

   “ทองหยิบปักเทียน” อักษราพูดแล้วยิ้มกว้างขึ้น

   “เก๋ไหมล่ะ ขนมเค้กเชย ทองหยิบนี่แหละ ขอให้เพื่อนที่แสนดีของพราวหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็นทอง ขอให้หน้าที่การงานก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง และสมความปรารถนากับทุกๆ เป้าหมายในชีวิต” พราวฟ้าอวยพรให้คนที่ยืนอมยิ้มมองจ้องเธออยู่ สายตาที่มองมาดูแปลกๆ ในความรู้สึกของพราวฟ้า

   “ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่ใส่ใจ ทั้งๆ ที่ไม่เคยบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดแต่คิดไปคิดมา พราวดูแลฝ่ายบุคคลก็ต้องรู้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ขอบคุณมากค่ะ” อักษราบอกขอบคุณ และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับพราวฟ้ากับจูบเบาๆ จากเจ้าของวันเกิดประทับเข้าที่แก้มของเธอ ริมฝีปากอันอบอุ่นและนุ่มนวลทำให้พราวฟ้ายืนนิ่ง รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ไม่รู้เหมือนกันว่ายืนนิ่งอยู่นานแค่ไหน แต่ยิ้มของคนที่จ้องมองเธออยู่กลับจางไป เมื่อเห็นหน้านิ่งๆ ไม่มีรอยยิ้มของเธอ หลังจากถูกจูบเข้าที่แก้ม ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวและรู้ตัวเองดีว่าป่านนี้แก้มเธอคงมีสีแดงจนเป็นลูกตำลึงไปแล้วก็เป็นได้

   “วันหลังอย่าขอบคุณแบบนี้อีกนะคะ” พราวฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ หาก แต่ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกันเมื่อเห็นรอยยิ้มของพราวฟ้าเปลี่ยนไป แต่ไม่นานนักอักษราก็เดินเข้าไปสวมกอดหลังแสดงอาการกล้าๆ กลัวๆ อยู่สักครู่

   “บุ๊คแค่อยากขอบคุณ อยากบอกให้พราวรู้” อักษราพูดเสียงอ่อยๆ ค่อยๆ กอดกระชับพราวฟ้าให้แน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะคลายอ้อมกอดมองดูแววตาของพราวฟ้าที่กำลังรู้สึกสับสนกับการแสดงออกด้วยการขอบคุณแบบนี้

   “แค่พูดก็พอแล้ว ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าจะคิดอย่างไร” พราวฟ้าพูดเสียงเข้ม

   “ขอโทษค่ะ พอดีดีใจมากเกินไปเลยทำไปโดยไม่ทันคิด” อักษราพูดเสียงอ่อยๆ ก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่กล้าสบตากับพราวฟ้าที่แสดงอาการไม่พอใจนักกับสิ่งที่เธอได้แสดงออกไป

   “ช่างเถอะ มันแล้วไปแล้ว สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งค่ะ พราวขอตัวก่อนนะคะ” พราวฟ้ายื่นกล่องใส่ขนมทองหยิบที่มีเทียนปักอยู่ส่งให้อักษราที่ยิ้มเจื่อนๆ รับขนมมาถือไว้ เทียนวันเกิดยังไม่ทันจะได้จุด การฉลองวันเกิดของเธอก็ต้องจบลงเสียก่อน เพราะเผลอไผลไปกับความสนิทสนมคุ้นเคยโดยไม่ระมัดระวัง อักษรายืนมองพราวฟ้าที่เดินกลับเข้าห้องทำงานไปแล้ว

   “ขอโทษค่ะ” อักษรายังคนยืนนิ่งอยู่ ณ ที่นั้น ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากพูดคำว่าขอโทษ ถึงแม้คนที่เธออยากบอกนั้นจะไม่ได้ยินก็ตาม

   พราวฟ้ากำลังนึกถึงครั้งแรกที่เธอโดนประทับรอยจูบเข้าที่แก้ม ครั้งแรกจริงๆ นอกจากบิดากับมารดาแล้วไม่เคยมีใครหอมแก้มเธออย่างที่อักษราทำ และการสวมกอดที่ดูเหมือนอยากบอกอะไรบางอย่างในตอนนั้น ก็เป็นกอดแรกที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ ต่างจากอ้อมกอดของเพื่อนที่ทักทายกัน แต่วันเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้นถูกเก็บไว้ในส่วนของความทรงจำดีดีของเธอ ซึ่งไม่เคยบอกให้อักษราได้รับรู้ สิ่งที่ผู้หญิงที่เธอโอบกอดอยู่ในเวลานี้เคยทำ ณ วันนั้น มันยังคงอยู่ในความทรงจำของเธอและไม่เคยจางหายไปไหน ทั้งๆ ที่เธอก็เตือนตัวเองอยู่เสมอ ยิ่งพยายามลืมมากเท่าไหร่ ความทรงจำเหล่านั้นกลับฝังแน่นอยู่ในหัวใจเธอเสมอ และตัวเธอเองก็จดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับอักษราได้ ตั้งแต่ก้าวแรกที่อักษราเดินเข้ามาพบเธอ พราวฟ้ากอดกระชับอักษราให้แน่นขึ้นอีก ความคิดถึงที่มีอยู่ในหัวใจกำลังบงการเธอให้กอดอักษราเอาไว้

   “คิดอะไรอยู่คะ” อักษราถามขึ้นในขณะที่พยายามเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดของพราวฟ้าให้แนบแน่นขึ้นอีก

   “กำลังนึกถึงขนมทองหยิบปักเทียน วันเกิดแรกของบุ๊ค” พราวฟ้าบอกกับอักษรา เมื่อได้ยินอักษราก็ยิ่งสวมกอดพราวฟ้าให้แน่นขึ้นอีก

   “จำได้ด้วยหรือคะ”

   “มีแต่เรื่องทำให้บุ๊คเสียใจทั้งนั้นเลย ตั้งแต่วันเกิดแรกของบุ๊คหลังจากที่เราได้รู้จักกัน” พราวฟ้ายิ้มจางๆ กับตัวเอง

   “ขอบคุณค่ะ ที่จำได้” สองสาวคลายอ้อมกอดออกจากกัน หากแต่ว่าก็ไม่กล้าที่จะสบตากัน

   “พราวขอตัวก่อนนะคะ” พราวฟ้าไม่กล้าแม้จะสบตา หลังจากบอกเล่าว่าตัวเธอเองก็จำเรื่องราวในอดีตได้ดีไม่ต่างกับอักษรานัก

   “ถ้าจะย้ายที่พัก ที่นี่ยินดีต้อนรับนะคะ” อักษราบอกกับพราวฟ้า

   “ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความมีน้ำใจกับการต้อนรับที่แสนดี” พราวฟ้าบอกกับอักษรา ริมฝีปากเรียวบางอันอบอุ่นของพราวฟ้าทาบทับไปที่แก้มของอักษราที่ยืนนิ่งๆ อยู่สักครู่ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้น ถึงแม้พราวฟ้าจะเดินจากไปแล้ว แต่ก็ทิ้งบางสิ่งบางเอาไว้ให้หัวใจของอักษราที่ยืนเอามือทาบทับไปที่แก้มซึ่งริมฝีปากอันอบอุ่นได้กระทบไปเมื่อครู่

   “ไม่คิด ไม่หวัง ห้ามคิดเกินเลยไปกว่าที่ควร เจ็บแล้วไม่รู้จักจำหรืออย่างไรกันนะ” อักษราพูดเตือนตัวเอง แต่รอยยิ้มที่เกิดขึ้นทั้งบนใบหน้าและหัวใจก็ดูจะปก ปิดความรู้สึกที่อยู่ภายในเอาไว้ไม่มิด

   พราวฟ้ากลับมาถึงรีสอร์ทของศศิมาด้วยตั้งใจว่าจะกลับมาเขียนถึงเรื่อง ราวของไร่รอรักที่เธอเพิ่งไปเยี่ยมเยือนมา มันแต่คิดอะไรเพลินจนไม่ได้สังเกตว่าเจ้า ของรีสอร์ทนั่งอยู่ที่มุมสบายๆ ที่ยื่นออกไปเป็นระเบียงให้เห็นทิวเขาเขียวขจีซึ่งเป็นมุมที่สวยงามมาก

   “พราว” ศศิมาส่งเสียงเรียกพราวฟ้าที่หยุดชะงักในทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น

   “อ้าวพี่ศศิ ขอโทษทีคะ พราวไม่เห็นว่าพี่นั่งอยู่แถวนี้” พราวฟ้าบอกเมื่อเดินเข้ามาใกล้บริเวณที่ศศิมานั่งอยู่

   “นั่งคุยกันก่อนไหมคะ ทำไมกลับเร็วนักล่ะ ยังดูไม่ทั่วไร่ไม่ใช่หรือคะ” ศศิมาถามพราวฟ้าเพื่อนรุ่นน้องของเธอ ที่ออกแรงเชียร์ก็ด้วยหวังว่าไร่รอรักจะได้รับการเขียนแนะนำจากพราวฟ้า ซึ่งนั่นก็จะเป็นโอกาสดีสำหรับอักษรา

   “เอาไว้ค่อยไปวันหลังค่ะ ตอนเช้าๆ น่าจะสวยกว่า ถ่ายภาพได้มาไม่กี่ภาพเองค่ะ” พราวฟ้าบอก

   “ที่นั่นสวยมาก บอกให้บุ๊คทำเป็นรีสอร์ทด้วยก็ไม่ยอม แต่ก็มีเป็นโฮมสเตย์นะคะ พี่แนะนำให้ลองไปพักดู ถ้าชอบวิถีชาวบ้านล่ะก็ รับรองได้ว่าจะต้องตกหลุมรักไร่รอรักแน่ๆ” ศศิมาพูดแล้วยิ้มแววตาดูมีความสุขที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของไร่รอรัก ซึ่งก็น่าแปลกใจที่แนะนำสถานที่อื่นๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ แทนที่จะโฆษณารีสอร์ทตัวเอง กลับไปพูดถึงอีกสถานที่หนึ่ง

   “พี่ศศิ รู้จักกับบุ๊คนานแล้วหรือคะ” พราวฟ้าถามด้วยความที่อยากรู้เรื่อง ราวของอักษราในมุมมองของคนอื่นๆ

   “ห้าหรือหกปีได้ค่ะ ตอนนั้นบุ๊คเข้ามาพักที่นี่ เพื่อที่จะติดต่อซื้อที่ดิน”

   “เดี๋ยวก่อนค่ะ พี่ศศิกำลังจะบอกว่าบุ๊คเป็นเจ้าของไร่รอรักอย่างนั้นหรือคะ” พราวฟ้าถาม แต่ก็ไม่ได้แปลกใจนัก

   “ใช่ ตอนที่ได้พบกัน บุ๊คเล่าให้พี่ฟังว่าอยากทำไร่ผักปลอดสารพิษ พี่ยังนึกเลยว่า จะไหวไหมล่ะ ตอนนั้นดูเป็นสาวออฟฟิศมากเลยค่ะ ขาวสวยและรูปร่างดีดูเป็นสาวเมืองกรุงเต็มตัว” ศศิมาบอกเล่าเรื่องราวของอักษรา

   “ตอนนี้ผิวเป็นสีแทน ดูแข็งแรงขึ้นเยอะ” พราวฟ้าพูดสิ่งที่เธอคิดจนลืมไปว่าศศิมาไม่รู้ว่าเธอกับศศิมาเคยรู้จักมาก่อน เพราะจากการพูดคุยกันทำให้เข้าใจได้ว่าอักษราไม่เคยบอกเล่าเรื่องราวของเธอให้กับศศิมาได้รับรู้

   “ใช่เปลี่ยนเป็นชาวไร่เต็มตัว แต่ชื่อของไร่ไม่รู้ว่าบอกนัยอะไรหรือเปล่านะคะ ตอนแรกที่ได้รู้จัก พี่คาดเดาเอาเองจากการสังเกตดู บุ๊คเหมือนคนอกหักแต่ก็ไม่เคยปริปากบอกอะไรพี่ ซึ่งพี่ก็ไม่ได้สนิทพอที่จะไปถามไถ่ พูดก็น้อยมาก กว่าจะยอมพูดด้วยเยอะๆ ก็เกือบสองปี ต้องบอกว่ากว่าจะได้ความไว้เนื้อเชื่อใจพี่ต้องใช้เวลาอยู่ตั้งเกือบสองปีเห็นจะได้” ศศิมาพูดไปยิ้มไป แววตาดูมีความสุขที่ได้พูดคุยถึงอักษรา

   “หรือคะ เท่าที่รู้จักมาก็คุยเก่งนะคะ” พราวฟ้าเผลอพูดออกไป แต่ศศิมาก็ไม่ได้พูดว่าอะไร คงจะคิดว่าเป็นการพูดคุยของคนที่ได้พบกันครั้งแรก

   “ก็ต้องดูแลคนตั้งเยอะ โดยเฉพาะคนที่เข้าไปเยี่ยมชมไร่ ในฐานะเจ้าของก็ต้องดูแลอย่างดี ไม่พูดเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้ แต่สำหรับพี่นะคะ พี่ก็ยังคิดว่าบุ๊ค พูดน้อยอยู่ดี กับลูกค้าพูดจ๋อยๆ แต่พอคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานหรือเรื่องทั่วๆ ไปก็ออกแนวถามคำตอบคำ เชื่อไหมพราวตอนแรกๆ พี่ยังแอบคิดเลยว่า บุ๊คคงไม่ค่อยชอบหน้าพี่สักเท่าไรนัก” ศศิมาหัวเราะเมื่อได้พูดออกไป

   “ไม่มีใครที่ไหนที่ไม่ชอบพี่ศศิหรอกค่ะ บุ๊คอาจจะเกรงใจก็ได้”

   “คงมี” ศศิมานึกถึงอักษราเมื่อได้ยินพราวฟ้าพูดขึ้น

   “ใครกัน แปลกคนแล้วแบบนั้น”

   “เพราะแปลก พี่ถึงได้ชอบ” ศศิมาอมยิ้มมองสบตากับพราวฟ้าที่พอจะเดาออกว่าศศิมาพูดถึงใคร

   “พี่ศศิรู้ตัวไหม ว่าอาการออกเหมือนคนตกหลุมรักเลยนะคะ”

   “อยากให้คนที่พี่ตกหลุมรัก มองเห็นอย่างที่พราวเห็นบ้างจริงๆ” ศศิมาพูดยิ้มๆ กับเพื่อนรุ่นน้องที่ยิ้มจางๆ ให้อยู่

   ภาพในอดีตย้อนกลับมากอีกครั้ง กับจูบเล็กๆ ที่แก้ม แทนคำขอบคุณจากอักษราที่มีให้เธอ มันก็คงเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงอาการตกหลุมรัก ซึ่งพราวฟ้ารู้ดีแต่ก็พยายามปิดกั้นมันไว้ ไม่ให้คนที่แสดงออกเข้าใจว่าเธอก็รู้สึกไม่ต่างกันคนที่หยิบยื่นจูบเล็กๆ นั้นนัก และ ณ เวลานี้ อักษราอยู่ไม่ไกลมากนัก หากแต่ว่าจากการบอกเล่าและอาการตกหลุมรักที่ได้เห็นจากศศิมา กำลังเริ่มผลักอักษราออกห่างไปจากชีวิตเธออีกครั้ง โดยตัวเธอไม่ต้องหนีไปเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่เวลานี้ผู้หญิงที่เพียบพร้อมซึ่งกำลังนั่งอมยิ้มอยู่ตรงหน้าเธอนี้ กำลังจะนำความทรงจำดีดีของเธอถอยห่างออกไป ศศิมาดูดีและเหมาะสมที่สุดที่จะดูแลหัวใจอันอ่อนโยนของอักษรา พราวฟ้าคิด




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.