web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 148
Total: 148

ผู้เขียน หัวข้อ: Love me..Love my dog บทที่ 3 (Rewrite)  (อ่าน 1540 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ธันย์ธิวา

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 8
Love me..Love my dog บทที่ 3 (Rewrite)
« เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2014 เวลา 23:12:53 »
Love me love my dog
บทที่ 3

“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ถ้าไม่ได้คุณหมอ ฉันคงทำอะไรไม่ถูก” พิชามญชุ์กล่าวขอบคุณหมอปั้น
เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่แล้วก็ยังรู้สึกหวั่นใจไม่หาย ตั้งแต่ขับรถมาก็ร่วมจะสิบปี
เธอยังไม่เคยขับชนสักครั้ง พวกถูไถครูดคราดรั้วบ้าน ฟุตบาธ กระถางต้นไม้นั่นไม่นับ อุบัติเหตุที่ผ่านมาเมื่อกี้
ถือเป็นอุบัติเหตุครั้งแรกในการขับรถของเธอ ครั้งแรกก็ชนแรง แถมยังมีคู่กรณีที่แรงไม่แพ้กัน
นี่ถ้าเธออยู่คนเดียว ก็ยังเดาไม่ได้ว่าเหตุการณ์จะจบลงอย่างไร

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันยินดี คุณไม่บาดเจ็บอะไรก็ถือว่าดีแล้วล่ะค่ะ” หมอปั้นยิ้มตอบกลับไป
เพียงคำพูดไม่กี่คำ กับรอยยิ้มนั้น ทำให้พิชามญชุ์สัมผัสได้ถึงความจริงใจของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า มันทำให้เธอรู้สึกดี ดีจริงๆ

แต่พอสาวแว่นทักถึงอาการบาดเจ็บ พิชามญชุ์ก็แน่นหน้าอก แข้งขาอ่อนแรงขึ้นมาทันที
หมอปั้นรีบเข้าไปประคองพิชามญชุ์ไว้ก่อนที่สาวหน้าหวานจะทรุดลงกับพื้น เมื่อสักครู่เธอคงตื่นเต้นจนลืมอาการบาดเจ็บ

“น้องๆ พี่จะพาพี่ผู้หญิงไปโรงพยาบาล น้องช่วยรอลากรถให้พี่ด้วยนะ” สาวแว่นหันไปบอกคนของบริษัทประกันที่ยืนรอรถลากอยู่เป็นเพื่อน
ก่อนประคองหญิงสาวไปที่รถกระบะสี่ประตูอเมริกันพันธุ์อึดของตัวเอง เพื่อมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้ที่สุด

สาวหน้าหวานนั่งบนรถเข็นให้เจ้าหน้าที่เข็นมาหาสัตวแพทย์สาวที่นั่งรออยู่ด้านหน้าห้อง
“หมอว่าเป็นยังไงบ้างคะ” สาวแว่นเอ่ยถามทันทีที่รถเข็นของพิชามญชุ์เข้ามาใกล้

“ไม่เป็นอะไรค่ะ จุกจากแรงกระแทก แล้วก็ฟกช้ำจากเข็มขัดนิรภัยที่รั้งไว้นิดหน่อย คุณหมอบอกว่าเป็นอาการปกติ” พิชามญชุ์ยิ้มให้
แต่สายตาของอีกคนก็จ้องไปทื่มือขวาของเธอเสียก่อน “ส่วนนี่” พิชามญชุ์ยกมือขึ้นมา “เอ็นฉีกค่ะ คุณหมอให้เข้าเฝือกอ่อน”

หมอปั้นพยักหน้ารับทราบ ก่อนเดินไปรับยาและชำระค่ารักษาให้เธอเมื่อได้ยินเสียงประกาศ แล้วเดินกลับมาอธิบายการใช้ยาต่างๆกับเธอ

“ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณหมอต้องเสียเวลา ต้องมาออกค่ารักษาให้ก่อนด้วย คุณหมอรอแป๊บนึงได้ไหมคะ เดี๋ยวฉันไปกดมาให้เลย” พิชามญชุ์เอ่ยขึ้น
พลางจะเดินไปอีกทางเพื่อไปกดเงินมาคืนสัตวแพทย์สาวที่ช่วยเหลือเธอมากมายในค่ำคืนนี้ แต่หมอปั้นก็คว้าข้อศอกของเธอไว้

“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ เราคงได้เจอกันอีกหลายที หมาคุณยังอยู่ที่โรงพยาบาลฉันนี่คะ” รอยยิ้มจากสาวแว่น ทำให้พิชามญชุ์รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
เงินสดที่ติดตัวไว้เธอเอาไปจ่ายค่ารักษาของดำมี่ในวันนี้จนหมด ครั้นจะรูดบัตรเครดิตเธอก็เซ็นสลิปไม่ถนัด
จึงต้องจำยอมรับความช่วยเหลือจากสาวแว่นไปก่อนแต่โดยดี

   “แล้วคุณจะกลับยังไงคะ” สาวแว่นถามต่อ พลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ยังคงมีสายฝนโปรยปรายลงมาเบาๆ

“คงเป็นแท็กซี่ค่ะ ฉันพักไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่” สาวหน้าหวานตอบ เธอมองที่โทรศัพท์มือถือของเธอ
 ‘เพื่อนชาย’ ของเธอยังไม่ติดต่อกลับมา หลังจากที่เธอฝากข้อความไว้เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาล

“ฉันไปส่งคุณดีกว่า” คำพูดของอีกคนทำให้พิชามญชุ์ต้องหันไปมองด้วยความประหลาดใจ

“คือฉันว่าตอนนี้ก็ดึกแล้ว และฝนตกแบบนี้ หมาคุณเจ็บแบบนี้ เสื้อคุณก็เลอะอย่างนี้ เพิ่งเจออุบัติเหตุมาแบบนี้ ฉันไปส่งคุณน่าจะดีกว่า” ทันทีที่หมอปั้นพูดจบ
ก็เรียกเสียงหัวเราะใสๆของพิชามญชุ์ได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายชั่วโมง

“สรุปคือเหตุการณ์วันนี้ที่ฉันเจอ ทำให้คุณหมอคิดว่าฉันไม่น่าจะมีสติกลับบ้านเอง อะไรประมาณนั้นหรือเปล่าคะเนี่ย”

หมอปั้นยิ้มเขินๆ “ก็..ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่คิดว่าคุณน่าจะไม่มีกระจิตกระใจทำอย่างอื่นมากกว่า เพราะเป็นห่วงเจ้าหมา”
คราวนี้หมอปั้นหยุดยืนแล้วจ้องสาวหน้าหวานอย่างจริงจัง

“ตอนที่รถชน คุณก็กำลังคิดถึงมันอยู่ ใช่ไหมคะ” รอบนี้คนที่อึ้งกลายเป็นพิชามญชุ์

“เอ่อ...ก็ไม่เชิงนะคะ ฉันนึกถึงเรื่องมันอยู่ก็จริง แต่ที่ไม่ทันเห็นรถที่พุ่งมาเพราะฉันหันไปมองโทรศัพท์น่ะค่ะ แต่ฉันไม่ได้เหม่อจริงๆนะคะ”

“ค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณไม่ได้เหม่อ แต่คุณก็ไม่มีสมาธิกับการขับรถอย่างเต็มที่ แล้วถ้าคุณกลับแท็กซี่คุณจะลืมดูทาง
ปล่อยให้แท็กซี่พาคุณไปไหนต่อไหนด้วยหรือเปล่าคะ”
แม้คำพูดนั้นจะเจือด้วยเสียงหัวเราะบางๆราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญนัก แต่ถ้อยคำที่ฝ่ายตรงข้ามพูดออกมา
ก็สะกิดให้สาวหวานมาดมั่นอย่างพิชามญชุ์อึ้งไปได้เหมือนกัน

“ให้ฉันไปส่งคุณนั่นแหละค่ะดีแล้ว” หมอปั้นไม่ปล่อยให้อีกคนมีโอกาสได้เถียง
เธอเปิดประตูให้ทันที “เชิญขึ้นรถค่ะ” แต่พิชามญชุ์ยังคงอ้ำๆอึ้งๆ “เกรงใจค่ะคุณหมอ” ในที่สุดสาวหน้าหวานก็เอ่ยออกมา
ผู้หญิงใส่แว่นคนที่ยืนข้างหน้าเธอช่วยเธอมาเยอะแล้ว จะรบกวนอีกก็เห็นทีจะเกินไป ที่สำคัญ เธอเพิ่งรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง

“ฉันไม่พาคุณไปฆ่าแกงที่ไหนหรอกน่า หมาคุณอยู่โรงพยาบาล ถ้าฉันทำอย่างนั้น ใครจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้มันล่ะ จริงมั้ย” หมอปั้นพูดไปหัวเราะไป
เรียกรอยยิ้มจากพิชามญชุ์ได้บ้าง แต่คนถูกชวนก็ยังไม่ขยับตัวอยู่ดี

“คุณขึ้นรถเถอะ” หมอปั้นเสียงจริงจังขึ้น “ฝนตก เปียกกันหมดเดี๋ยวไม่สบาย ถ้าคุณกลัวฉันจริงๆ คุณจะขับเองก็ได้นะ นี่กุญแจ”
อีกคนพูดยาวเป็นชุด แถมยกกุญแจให้ขนาดนี้ พิชามญชุ์ก็ได้แต่ยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี

“บ้านคุณอยู่ไหนคะ” หมอปั้นถาม พลางสตาร์ทเครื่องยนต์
“ฉันอยู่ซอยนิวาส” พิชามญชุ์ตอบ สายตาของเธอกำลังสำรวจรถคันนี้ เจ้าของรถไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย
มีแค่ตุ๊กตาหมาตัวเล็กๆตัวเดียวที่ตั้งอยู่คอนโซลหน้ารถ นอกนั้นก็ดูจะเป็นของเดิมๆ
ไม่เหมือนรถของเธอที่มีแต่ของจุกจิกเต็มคันเสียจนเวลาเพื่อนจะเดินทางไปไหนด้วยก็ต้องขอเวลาเคลียร์ของกันพักใหญ่เลยทีเดียว

“ซอยเดียวกันเลย ฉันก็อยู่ซอยนิวาส 15 บังเอิญจังเลยนะคะ” หมอปั้นชวนคุย

พิชามญชุ์เองก็รู้สึกว่ามันช่างบังเอิญไม่น้อย “บังเอิญมากเลยค่ะ ฉันน่ะเกรงใจคุณจะแย่ กลัวว่าคุณมาส่งฉันจะเสียเวลา ขับรถย้อนไปย้อนมา”

“อย่างนี้นี่เองที่คุณถึงไม่ยอมขึ้นรถสักที” พูดจบ หมอปั้นก็หันมามองหน้าเธอยิ้มๆ “ว่าแต่คุณอยู่ซอยไหนล่ะคะ”

“ฉันอยู่ระหว่างซอย 7 กับ 9 ค่ะ คอนโดฉันอยู่ริมถนน” หมอปั้นทำหน้างง

“อ้าว คุณอยู่คอนโดเหรอคะ แล้วคุณเลี้ยงหมาในคอนโดได้ด้วยเหรอ” เจ้าหมาตัวนั้นเป็นหมาไทย เวลาโตเต็มวัยตัวใหญ่ไม่ใช่เล่น
ที่ทางแบบคอนโดคงไม่เหมาะที่จะเลี้ยงหมาไซส์นี้แน่ๆ

พิชามญชุ์หัวเราะ “ฉันไม่ได้เลี้ยงดำมี่ที่คอนโดหรอกค่ะ มันเป็นหมาไม่มีเจ้าของ
มันกินอยู่หลับนอนอยู่หลังออฟฟิศของฉันน่ะ ฉันให้ข้าวมันบ่อย มันเลยกลายเป็นสมุนฉัน”
พอพูดถึงหมาตัวนั้น ใบหน้าสวยหวานของพิชามญชุ์ก็เศร้าลงไปทันใด สัตวแพทย์สาวรู้สึกสงสาร จึงบอกว่า

“ฉันจะพยายามรักษามันอย่างดีที่สุด ขอให้คุณมั่นใจ ฉันกับทีมทุกคนจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อช่วยมัน”

แม้ว่าคำตอบที่ได้รับจะไม่ได้เป็นการยืนยันถึงการกลับมาเป็นปกติของเจ้าหมาน้อย
แต่น้ำเสียงและคำพูดที่จริงจังของสัตวแพทย์สาวที่กำลังทำหน้าที่เป็นสารถีให้เธอนั้น ก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น
อย่างน้อยดำมี่ก็คงได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

ละอองฝนยังคงตกกระทบกระจก พอต้องให้เปิดที่ปัดน้ำฝนเป็นระยะ เสียงเพลงที่คลอเบาๆอยู่ในรถ ทำให้อารมณ์ของพิชามญชุ์ผ่อนคลายขึ้น
อากาศในรถเย็นกำลังดี เมื่อบวกกับความเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ต่างๆในวันนี้ ก็ทำให้พิชามญชุ์ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 พฤษภาคม 2014 เวลา 23:57:58 ธันย์ธิวา »




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.