บทที่ 15
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นหล่อนแทบไม่อยากลุกจากที่นอนแสนนุ่มเลย เพราะอยากหยุดห้วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด ข้าวหอมลืมตาตื่นก่อนเธอแต่ไม่ได้ขยับเขยื้อนใดๆ ใบหน้านั้นยังคงซุกอยู่ที่อก ความรู้สึกเมื่อครั้งแรกที่แฟนสาวจากไปไกลนั้นย้อนคืนกลับมา แต่เด็กสาวไม่ร้องไห้เหมือนวันวาน คงเพราะตัวเองเข้มแข็งขึ้น วันเวลาอันโหดร้ายในชีวิตหล่อหลอมให้เป็นเช่นนั้น
“ข้าวไม่อยากไปเลย” ประโยคแรกของวันเต็มไปด้วยความรวดร้าว
“ไปเถอะ” ทิฆัมพรพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจของตนเอง
“ทำไม” หน้ารูปไข่เงยขึ้นมามอง สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม คิ้วเรียวสวยขมวดจนแทบจะเป็นปม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนต้องการคำตอบจริงจัง
“จากวันนี้เพื่อเจอวันหน้าไง” เธออธิบายสั้นๆ
หญิงสาวผมยาวสยายถอนหายใจด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม น้ำตารื้นแต่ไม่ไหลออกมา สาวสวยของหล่อนมีความแข็งแกร่งแฝงอยู่ในตัว
“ข้าวรู้ แต่พูดง่ายกว่าทำเสมอนี่ ข้าวอยากให้อ้อยนอนกอดทุกคืนๆ ไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว ไม่อยากต้องฝันร้าย ไม่อยากถามตัวเองว่าอ้อยเป็นยังไงโดยที่ไม่มีวันรู้คำตอบ” เสียงหวานสั่นพร่า ทุกๆ คำที่พูดออกมาคล้ายจวนเจียนจะขาดใจ
คนผมประบ่าฟังทุกๆ คำอย่างทรมานไม่แพ้กัน เธอเข้าใจในประโยคเหล่านั้นดี ดีเกินไปด้วยซ้ำ เพราะทุกคืนในความคิดก็มีเพียงแต่เรื่องของคนในอ้อมกอด มีแต่อนาคตที่หล่อนพยายามจะสร้างเพื่อๆ คนนี้คนเดียว การที่เราได้พบความสุขแม้เพียงชั่วครู่ชั่วคราว เมื่อต้องกลับมาเจอความเปลี่ยวว้างอ้างเปล่ามันก็ยิ่งทุกข์มากขึ้นเท่านั้น
“อ้อยอยู่ตรงนี้” คนร่างผอมกระซิบเสียงเบา จับมือของคนที่นอนเตียงเดียวกันให้มาแตะที่เนินอกข้างซ้าย เป็นการกระทำที่สื่อได้ดีกว่าคำพูดไหนๆ คนสวยยิ้มอ่อนโยนและอ่อนหวานขณะหลับตาลง พลางดึงแขนผอมบางไปกอดไว้แนบอกตัวเอง
หลังจากรถกระบะคันโก้มาส่งที่หน้าที่ทำงานแล้วก็แล่นจากไป หล่อนมองจนลับตา รู้สึกเหมือนโดนใครสักคนกระชากหัวใจออกไป
“แฟนกลับไปแล้วเหรอ” เสียงแหบของพรรณรายดังขึ้น เด็กสาวหันไปมองร่างแกร่งยืนพิงประตูไร่อยู่
“อือ” สาวปากบางตอบเนือยๆ ไม่ค่อยอยากพูดจากับใครสักเท่าไหร่
“แล้วหลังจากนี้จะกลับกับหนูรึเปล่า” ตาอีกฝ่ายพราวระยับวูบหนึ่งแล้วจางหายไป
“ไม่ล่ะ อ้อยมีรถแล้ว” คนตาสีเข้มหมายถึงจักรยานสุดแสนน่ารักของแฟนสาวนั่นเอง อีกฝ่ายบีบบังคับกลายๆ ก่อนจะออกจากห้องนอน แม้ว่าเธอจะรับปากเรื่องนี้ไปรอบหนึ่งแล้วก็ตาม คนตัวสูงอดยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ คนสวยขี้หึงเสียจริงทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรให้หึงเลยสักนิด
“อ้อออ” คนตรงหน้าลากเสียงยาว หน้าตาเหมือนนึกขึ้นได้
“อือ เรื่องทำงานที่บ้านพ่อเลี้ยงน่ะ” สาวน้อยคิดว่าน่าจะพูดเรื่องนี้ไปเลย ยังพอเหลือเวลาก่อนที่จะต้องไปทำงาน
“ตัดสินใจว่าไงล่ะ” หญิงผิวคล้ำกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีหลังจากเริ่มซึมเมื่อกี้
“อ้อยจะไปทำ” หล่อนพูดเสียงเรียบ เงินเดือนหรืออาหารการกินไม่ได้ต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญคือเธอไม่ต้องการจะอยู่ที่บ้านอีกแล้ว อีกทั้งยังมีอิสระไปไหนต่อไหนได้ แม่จะไม่ได้ใช้ไม้เรียวอันนั้นอีก ข้าวหอมคงดีใจถ้าได้รู้ คนผมสั้นจะเก็บไว้บอกอีกฝ่ายเมื่อซื้อโทรศัพท์ได้และโทรไปบอกให้ดีใจเล่น
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวเย็นๆ ไปบ้านพ่อเลี้ยงกัน” เพื่อนสาวยิ้มกว้างคล้ายกับลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น
“อืม” เธอรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในสวนเพื่อเริ่มงาน
เด็กสาวเหนื่อยมากเป็นพิเศษเพราะหัวหน้าคนงานลองใช้ให้ทำนู่นนี่ตั้งหลายอย่าง ตั้งแต่ตัดหญ้า พรวนดิน กวาดบ้าน ถูพื้น ฯลฯ มีอย่างเดียวที่ทิฆัมพรทำไม่เป็นคือทำอาหาร แม่หล่อนไม่เคยให้แตะของเหล่านั้น เธอคิดว่าเพราะแม่กลัวว่าเธอจะแอบกินเสียมากกว่าจะไม่อยากให้ลำบาก จากที่ผ่านมาก็น่าจะเป็นอย่างนั้น
พรรณรายทำได้ดีทุกอย่าง ได้รับคำชมจากป้าหัวหน้าครัวด้วย คิ้วหนาเป็นปื้นของชายร่างเล็กแต่บึกบึนขมวดอย่างใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอกว่า
“ไว้หัดจากป้าน้อยละกัน จะมาทำงานกันเมื่อไหร่ล่ะ ที่นี่งานล้นมือมาเร็วก็ยิ่งดี” กล้าพูดเสียงเข้มติดจะเร่งเร้า
“คงเดือนหน้าแหละจ๊ะ” เป็นหนูที่เอ่ยปากตอบทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขอลาออกจากที่เก่าเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าพี่ต้นจะยอมหรือเปล่า ช่วงนี้งานที่ไร่เริ่มกลับมาเยอะเหมือนเดิมซะด้วย
“ตกลง แล้วจะกินอยู่ที่นี่หรือไปกลับ” ชายสูงน้อยถามต่อ
“แล้วเงินเดือนต่างกันไหมจ๊ะหรือเท่ากัน หรือยังไง” สาวแกร่งถามรัวอย่างอยากรู้เพราะไม่ค่อยแน่ใจ
“ถ้ากินอยู่ที่นี่ก็ได้ 4 พัน แต่ถ้าไปกลับได้แค่ 3 ถ้าอยู่ที่นี่ก็ต้องพร้อมรับใช้ท่านตลอดเวลา เรียกกลางดึกจะมาทำหน้าไม่พอใจไม่ได้” เสียงคนพูดเด็ดขาดและชวนให้กลัวอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ใช่กับหล่อน ไม่มีอะไรที่ทำให้เธอกลัวได้อีกต่อไป ยกเว้นเรื่องเกี่ยวกับข้าวหอมเท่านั้น
“อ้าวทำไมอยู่ที่นี่ได้เยอะกว่าล่ะ กินฟรีอยู่ฟรีน่าจะได้น้อยกว่านะ” เพื่อนสาวท้วงอย่างไม่เข้าใจ เด็กสาวยืนนิ่งรอฟังคำตอบเงียบๆ เพราะคนข้างๆ เป็นกระบอกเสียงให้แล้ว
“ก็ที่บอกไปเมื่อกี้ไง ต้องรับใช้ท่านได้ตลอดเวลา งานหนักกว่าเงินก็ต้องเยอะกว่าสิ” ชายผิวดำแดงเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่พรรณรายเข้าใจยาก
จริงๆ แล้วจะให้เงินเดือนเท่ากันก็ย่อมได้เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการกินอยู่อยู่แล้ว แต่ที่ให้มากกว่าคงอยากให้มีคนอยู่มากกว่าเพราะจะได้เรียกใช้ได้ตลอด คนมีเงินก็อย่างนี้แหละเอาแต่ใจตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ และก็ไม่มีใครว่าเอาได้คนใช้ทุกคนต่างต้องทำตามที่สั่งเพราะรับเงินเขามา
“อยู่ค่ะ” คนผมสั้นตอบเรียบๆ หวังว่าพ่อเลี้ยงคงจะไม่เรียกใช้กลางดึกบ่อยนัก เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาต้องการนอนพักผ่อนหลังจากทำงานหนักเหมือนกัน
“อยู่ด้วยจ้ะ” คนผิวคล้ำทำทีเป็นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบเหมือนกัน หล่อนมองว่าเป็นการเล่นตัวเล็กๆ น้อยๆ ตามปกติมากกว่า เนื่องด้วยตอนที่คุยกันคนผมรุ่ยก็ดูจะอยากอยู่ที่นี่อยู่แล้วเพราะไม่เปลืองค่าใช้จ่ายอะไรเลย เหลือเงินให้เก็บเห็นๆ
“ดี ตอนนี้มีคนรับใช้นายท่านแค่สองคนแทบจะไม่พออยู่แล้ว ขืนไปกลับกันอีกท่านจะได้ลงโทษเอา” เขาถอนหายใจเหมือนโล่งอก อ้อยสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีใครเลือกจะอยู่ บางทีหล่อนอาจจะได้รู้คำตอบเมื่อลองด้วยตัวเองก็เป็นได้
“แกว่าอะไรนะ” เป็นเสียงจากแม่ของเธอ ทิฆัมพรบอกเรื่องงานทันทีที่กลับไปถึง
“นี่มันก้อนหินหรือคนวะเนี่ยเงียบอยู่ได้” สาวอ้วนอารมณ์เสียที่เธอยืนนิ่งสนิทไม่เอ่ยอะไรเลย คนผมสั้นขี้เกียจจะพูดซ้ำเพราะเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าคนตรงหน้าเข้าใจได้ดี
“แก” นิ้วสั้นป้อมชี้หน้าแล้วพูด
“ต้องเอาเงินมาให้ทุกเดือน เข้าใจไหม” หล่อนเกือบยิ้ม แต่ดีที่ควบคุมอารมณ์ได้ทันท่วงที จึงสามารถตีหน้าเฉยได้ต่อไป
เด็กสาวพยักหน้ารับรู้ว่าจะทำตามที่บอก ตั้งใจว่าจะให้เงินเท่าเดิมกับตอนอยู่ในไร่ และคนตรงหน้าไม่มีวันรู้ว่าจริงๆ หล่อนได้เท่าไหร่ แม่ไม่เคยเข้าสังคมกับใครเขาอยู่แล้ว โลกที่แม่อยู่มันแคบแสนแคบ มีเพียงเงินเท่านั้นที่อีกฝ่ายสนใจ
ทุกอย่างเป็นไปง่ายดายเกินคาด พี่ต้นหัวหน้าคนงานมองเด็กสาวเขม็งตอนเธอไปบอกเรื่องขอลาออก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา เขาพยักหน้ารับรู้และบอกเพียงว่าอย่าลืมรับเงินเดือนก่อนไป
คนตัวสูงไม่ได้คุยกับข้าวหอมอีกเลย เธอคิดว่าคงเป็นการดีถ้าซื้อโทรศัพท์มือถือตอนที่ย้ายไปอยู่กับพ่อเลี้ยงแล้ว ถ้าซื้อตอนนี้แม่หล่อนต้องสงสัยเป็นแน่ว่ามีเงินจากไหน เธอโกหกจนไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้
ร่างผอมบางเก็บเสื้อผ้าและข้าวของจำเป็นทั้งหมด รวมถึงเอกสารสำคัญทางราชการลงกระเป๋าและเป้ นิ้วเรียวยาวซ่อนจดหมายและสมุดบัญชีไว้ที่ก้นกระเป๋าซอมซ่อแล้วใส่เสื้อผ้าทับลงไปหวังว่าแม่จะไม่มาค้น หรือต่อให้ทำจริงก็จะเห็นสิ่งเหล่านั้นได้ยาก เธอพร้อมแล้วที่จะก้าวออกไปจากที่นี่ ความคิดนั้นทำให้สาวผมสั้นลอบยิ้ม ใบหน้าของคนที่รักลอยมาในความคิด และความฝันในคืนนี้นี้มีความสุขกว่าทุกวันที่ผ่านมา