web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 156
Total: 156

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 8  (อ่าน 1428 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 8
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 15:09:38 »
ตอนที่ 8

บรรยากาศบนรถโค้ชปรับอากาศสองชั้นนั่งสบายสุดแสนจะคึกคัก เมื่อฝูงลิงและชะนีต่างแหกปากร้องเพลงและดีดดิ้นกันไปมาอย่างบ้าคลั่ง? ตามจังหวะเสียงเพลงที่แสนจะเมามันส์ ซึ่งทางพลขับมีไว้ให้บนรถ ผสมกับนักเรียนอย่างพวกเธอก็เตรียมมาด้วยเช่นกัน

ก็โสดโสด อยู่ทางนี้ยังโสดโสด
อยากเอารักมาโหลดโหลด
เธอใช่ไหมที่ฟ้ามาโปรดฟ้ามาโปรด
ยังโสดโสด อยู่ทางโน้นก็โสดโสด
ถ้าเธอพร้อมก็โดดโดด
เข้ามารักกันฉันไม่โหดฉันไม่โหด

น้องใจดีถ้าพี่ไม่เจ้าชู้
พี่ดูดูแล้วท่าทางโอเค
น้องยินดีถ้าพี่ไม่โลเล
พี่เกเรน้องก็คงเซย์โน

เพลง ยังโสด/Olives

“ฮิ้วๆๆ วู้วๆๆ” เสียงเพื่อนๆ โห่ร้องด้วยความชอบใจกับท่าเต้นสุดแสนจะน่ารัก  ราวกับเจ้าของบทเพลงมาเต้นให้ดูเสียเอง แต่สามสาวชลธิดา นุชนารถ และชโลธรก็หามีความเขินอายไม่ เพราะยาง (อาย) มันหมดไปนานแล้ว ตั้งแต่แดนซ์กระจายกับเพื่อนร่วมห้องในช่วงแรกๆ ที่รถออก

“กูว่าเปลี่ยนจากยังโสด เป็นโฉดจะเหมาะกับมึงมากกว่าว่ะ ไอ้เดียร์ ฮ่าๆ” ณัฐกานต์ตะโกนแซว

“ว๊ายย อิบร้าา...คนโฉดที่ไหนจะหน้าตาดีขนาดนี้ห๊ะไอ้คุณนัท” ชลธิดาเถียงกลับ ท่าทางและน้ำเสียงนางดัดให้จริตได้แบบสุดๆ ขนาดตุ๊ดยังอาย

“แหวะ คนหน้าตาดีทำไมไม่มีแฟนสักทีว่ะ” ณัฐกานต์ไม่วายหาเรื่องเหน็บ

“ก็บ้านกูมีฐานะเลยมีแต่แอร์...แฟนเลยไม่มี  ฮ่าๆ ฮ่าๆ” ชลธิดาตบมุขหัวเราะขำ แต่พอได้ยินเสียงเพลงที่ดังออกมาจากลำโพงรอบคันรถ นางก็กลายร่างเป็นสาวเซ็กซี่เลียนแบบท่าเต้นของเกอร์รี่เบอร์รี่ต่อไป เรียกเสียงวี๊ดว๊ายจากเพื่อนๆ ได้อีก

และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ

เสียงจอแจดังขึ้นทันทีที่เหล่านักเรียนลงจากราชรถคันใหญ่ได้ เดือดร้อนให้อาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งรับหน้าที่ดูแลนักเรียนในรถคันนี้ ต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับบรรดาวัยรุ่นขี้ตื่นเต้นทั้งหลายแหล่

“เอ้าๆ วัยรุ่นทั้งหลายเงียบๆ กันก่อนค่าาาาาา ครูรู้ว่าพวกเธออยากเที่ยวกันแล้ว แต่ช่วยตั้งแถวแล้วฟังครูกันก่อนนะคะ” ครูสาววัยยี่สิบแปดสเตตัสโสดสนิท กรอกเสียงใส่เครื่องโทรโข่งตัวเล็กเพื่อให้ลูกศิษย์สงบลง

“ค่าาา/ค๊าบบ”

สิ้นเสียงอาจารย์ที่ปรึกษา เด็กดีทั้งหลายก็ตั้งแถวเรียงตามลำดับความสูง เหมือนกับที่ทำเป็นประจำที่โรงเรียน จากนั้นอาจารย์ก็ทำการเช็ครายชื่อนักเรียนว่าอยู่ครบทุกคนหรือไม่ พร้อมกับนำบัตรเข้าชมและแผ่นพับแนะนำมาแจกจ่ายให้กับนักเรียนทุกคนได้อ่านดู

เมืองโบราณ

ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่สามสิบสาม ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ห่างจากตัวจังหวัดแปดกิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รวบรวมสถานที่สำคัญๆ ในประเทศ มีพื้นที่ประมาณแปดร้อยไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี 2506

ที่นี่มีปูชนียสถานสำคัญๆ ที่ได้จำลองไว้ เช่น เขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง วัดมหาธาตุสุโขทัย พระพุทธบาทสระบุรี พระธาตุเมืองนคร พระธาตุไชยา และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยสร้างให้มีขนาดเล็กลง บางแห่งก็เท่าแบบจริง การสร้างฝีมือประณีต นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งรวบรวมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ที่นับวันจะสูญหายไปจากสังคมยุคใหม่ ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของประเทศไทยจะศึกษาได้จากเมืองโบราณแห่งนี้......

ชลธิดากวาดสายตาอ่านข้อความในแผ่นพับคราวๆ ก่อนจะเงยขึ้น เมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์ดังขึ้นอีกครั้ง

“เดี๋ยวครูจะปล่อยให้นักเรียนทุกคนไปรับจักรยานที่จุดบริการนะคะ แต่ครูขอความร่วมมือหากใครสามารถนำเพื่อนซ้อนท้ายได้ ก็ขอให้เพื่อนนั่งไปด้วยนะ จะได้ช่วยกันลดจำนวนจักรยานที่ต้องใช้ลง เพราะว่าวันนี้พวกเรามากันหลายคน จำนวนจักรยานอาจจะไม่พอให้บริการกับคนอื่นที่มาเที่ยวเหมือนกัน ดังนั้นขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือด้วยนะคะ”

“ค่าาา/ค๊าบบ”

และแล้วก็ได้เวลาปล่อยฝูงลิงและชะนีเข้าป่าไป (ไม่ใช่ๆ) ปล่อยนักเรียนที่แสนจะน่ารักเข้าไปศึกษาหาความรู้ใส่สมองในสถานที่แห่งนี้เอ่ย......

~อยาก จะร้องไห้ อยากให้เวลาเดินช้าๆ ขอเวลา สักหน่อยอยากมองหน้ากัน อยากหยุดวันเวลานี้ไว้นานเท่านาน ก่อนจากกัน~
หลังจากที่พวกเธอเข้ามารอในเมืองโบราณได้สักพัก เสียงร้องโหยหวนของพี่ปาล์มนี่ก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของหนึ่งฤทัย

“ฮัลโหล”

“หนึ่งเหรอคะ นี่พี่จูนเองนะ” เป็นกฤตชยานั่นเองที่โทรเข้ามา

“ค่ะพี่จูน” หนึ่งฤทัยยิ้มขานรับเสียงหวาน

“ตอนนี้พวกหนึ่งอยู่ไหนกันแล้วคะ พี่ไปหาตรงจุดรับจักรยานไม่เห็นพวกหนึ่งเลย”

“ตรงจุดรับจักรยานคนมันเยอะค่ะ พวกหนึ่งก็เลยขี่เข้ามารอที่ด้านในแทน พวกพี่จูนก็ขี่ตรงเข้ามาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอพวกเราเองค่ะ” หนึ่งฤทัยสาธยาย

“โอเค งั้นหนึ่งคอยพี่อยู่ตรงนั้นก่อนนะ อย่าเพิ่งไปไหนกันล่ะ” ปลายสายรับทราบ ก่อนจะย้ำไม่ให้ไปไหน

“ค่ะ รับรองว่าไม่หนีไปไหนแน่ค่ะ หนึ่งจะรอพี่จูนนะคะ” หนึ่งฤทัยลอบยิ้มให้กับโทรศัพท์เครื่องบาง เธออ่านสายตาคู่นั้นออกว่ารุ่นพี่สุดเท่ห์มองเธอแบบไหน และตัวเธอเองก็สนใจเขาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

“ค่ะ แล้วพี่จะรีบไปหาหนึ่งนะ” กฤตชยารีบกดวางโทรศัพท์ทันทีที่พูดจบ แล้วกลับไปสมทบกับเพื่อนที่ยืนคอยอยู่อีกด้าน เธออยากจะไปหาสาวน้อยที่เล็งไว้จะแย่ แค่ฟังเสียงและวิธีการพูดเธอก็รู้แล้วว่าเด็กสาวมีใจให้ คิดแล้วก็เผลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“พวกนั้นรออยู่ข้างหน้านี่แหละ พวกเรารีบตามไปกันเถอะ” กฤตชยาพูดพร้อมกับขึ้นคร่อมรถจักรยาน ดรุณีเองก็ขึ้นนั่งซ้อนท้ายตามอย่างรู้หน้าที่

หลังจากหนึ่งฤทัยวางสายไปได้ไม่นาน พวกของกฤตชยาก็มาถึงจุดที่พวกตนคอยอยู่ โดยมีจักรยานของกฤตชยาที่มีดรุณีนั่งซ้อนท้ายขับมาเป็นคันแรก ตามมาด้วยสาวแขกที่แขกสมชื่อมีรัตน์ซ้อนท้าย ปิดท้ายขบวนด้วยไอรดาจอมบึ้งที่ขี่มาคนเดียว

เอี้ยดดดด~~ เสียงเบรกของรถจักรยานทั้งสามคัน ส่งเสียงดังแข่งกันลั่นชวนปวดหู ทำให้คนที่กำลังก้มดูแผ่นพับอยู่อย่างชลธิดาเงยหน้าขึ้นมามอง รุ่นพี่รุ่นน้องทักทายกันสองสามคำก่อนที่กฤตชยาจะถามความเห็นว่าจะเริ่มต้นเที่ยวครั้งนี้ตรงจุดไหนก่อนดี

“เราจะขี่ไปดูที่ไหนก่อนดีล่ะ” กฤตชยาพูดขึ้น

“เดียร์ดูแผนที่ในแผ่นพับมาบ้างแล้ว ที่นี่กว้างมากเลยค่ะ ถ้าพวกเราขี่ไปสุ่มสี่สุ่มห้ากว่าจะดูหมดทุกจุดคงจะเมื่อยขากันซะก่อน เดียร์ว่าพวกเราน่าไปที่จุดนี้กันก่อนแล้วค่อยไปตามทางตรงนี้ และก็........”

หลังจากที่นั่งดูแผ่นพับเพื่อสังหารเวลา ระหว่างรอพวกของกฤตชยาตามมาสมทบ ชลธิดาจึงสามารถอธิบายพร้อมกับชี้ให้ทุกคนดูตามจุดต่างๆ ตามที่เธอวางแผนไว้คราวๆ ในหัวสมอง เพราะคิดว่าถ้าไปตามทางที่เธอบอกน่าจะเหนื่อยและใช้เวลาน้อยที่สุด

“พวกพี่จะว่าไงค่ะ ถ้าเราจะไปตามนี้” ชลธิดาเงยหน้าขึ้นมาถามคนอายุมากกว่าหลังจากที่ได้อธิบายจบแล้ว

“ดีเลย พี่เห็นด้วยนะ หรือทุกคนว่าไง” กฤตชยาเห็นด้วยแต่ก็ไม่ลืมที่จะถามความคิดเห็นของสมาชิกที่เหลือ ซึ่งนี่ก็นับเป็นเสน่ห์อีกอย่างของคนๆ นี้นะ ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่มีความคิดเห็นต่างไปจากนี้ ต่างพยักหน้ากันหงึกหงักส่งเสียงตอบรับว่าเห็นด้วยเช่นกัน

เมื่อไม่มีใครคัดค้านก็ถึงเวลาบุกตะลุยโลกโบราณกันซะที นุชนารถกระโดดขึ้นซ้อนท้ายชลธิดาโดยที่ไม่มีใครต้องบอก  ส่วนชโลธรมีมิ่งขวัญรับหน้าที่เป็นสารถีให้ เพราะคนสวยให้เหตุผลว่าเป็นหน้าที่ของคนแมนๆ ซึ่งก็ทำให้มิ่งขวัญเถียงคอเป็นเอ็นว่า... ‘ม่ายยยจริ๊งงงงง กูไม่แมน’ แต่สุดท้ายจนแล้วจนรอดก็ต้องยอมจำนนจนได้ เพราะคนเจ้าเล่ห์ขู่ว่าจะบอกเบอร์โทรศัพท์ให้กับน้องเชอร์รี่ที่มาติดพันมิ่งขวัญชนิดที่เรียกว่าไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป ส่วนหนึ่งฤทัยที่เปายิ้งฉุบแพ้ทัศนีย์จึงต้องเป็นคนขี่ไปโดยปริยาย และแล้วเกิร์ลแก๊งค์กลุ่มใหญ่ก็ได้ฤกษ์เคลื่อนพลไปข้างหน้า

“โอวว / ว๊าว / สุโก้ยเน่~ / ซู๊ดดยอด”

เสียงอุทานทั้งไทยและเทศที่หลุดออกมาจากปากสาวๆ ดังสลับสับเปลี่ยนกันไป เมื่อเกิร์ลแก๊งค์กลุ่มใหญ่ได้เดินขึ้นมาสัมผัสกับความยิ่งใหญ่อลังการ และความสวยงามด้านบนของเขาพระวิหาร ซึ่งทางเมืองโบราณได้จำลองมาจากสถานที่จริง อีกทั้งพวกเธอยังได้เห็นทัศนียภาพของเมืองปากน้ำในมุมมองแบบสามร้อยหกสิบองศา ซึ่งสามารถมองเห็นไกลไปถึงปากอ่าวไทยด้วย

“นี่ๆ พวกเราถ่ายรูปกันเถอะ” นุชนารถตะโกนเรียกเพื่อนๆ ร่วมแก๊งค์ให้มาถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก ซึ่งแต่ละคนพอได้ยินว่าจะถ่ายรูป ต่างก็วิ่งกรูกันมาเพื่อเป็นดาราหน้ากล้อง

“รบกวนพี่แขกถ่ายรูปให้พวกเราหน่อยได้ไหมค่ะ” นุชนารถร้องขอน้ำเสียงออกจะติดเกรงใจ

“ได้เลยแค่นี้สบายมาก ว่าแต่น้องเอมจะเอาแต่หัวหรือจะเอาเท้าไว้ในรูปดีล่ะ” สาวแขกตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“โอ้โห กวนใช่ย่อยเหมือนกันนะคะพี่ เอมขอเป็นมีทั้งตัวเลยได้ไหมค่ะ” นุชนารถทำตาโต พูดยิ้มๆ

“ฮ่าๆ ได้จ๊ะ เอมไปยืนกับเพื่อนป่ะเดี๋ยวพี่ถ่ายให้สวยๆ เลย” แขกบอก พลางรับกล้องไว้แล้วไล่ให้คนตัวเล็กไปรวมกับเพื่อนๆ ซึ่งรอกันอยู่แล้ว

“ขอบคุณค่ะ” แล้วนุชนารถก็วิ่งเยาะๆ ไปหากลุ่มเพื่อนที่รอถ่ายรูปกันอยู่

“รวมพลังติ๊งต๊องเรนเจอร์” เมื่อนุชนารถวิ่งมาถึงแล้ว อยู่ๆ ชลธิดาก็ตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับทำท่าทางประกอบการแปลงร่าง

ผัวะ!! เสียงมิ่งขวัญตบหัวเพื่อนตัวสูงด้วยความรักอันเต็มเปี่ยมล้น

“ไอ้เดียร์ กูบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าไม่ให้ใช้ชื่อนั้น six girl ซิโว้ยถึงจะเท่ห์”

“แหวะ six girl เนี่ยนะมันเท่ห์ตรงไหนว่ะ”

“ก็ดีว่าของมึงล่ะกันคิดได้ยังไงติ๊งต๊องเรนเจอร์ baka” น่านมันด่าเป็นภาษาญี่ปุ่นซะด้วย

“แต่ฉันว่ามันก็เหมาะกับพวกเธอดีนะ แต่ถ้าจะให้ดีฉันว่า...น่าจะเปลี่ยนเป็นขบวนการโกหก ปลิ้นปล้อน กระล่อน ตอแหลซะมากกว่า” ไอรดาที่เงียบมาตลอดทางพูดขึ้นมาทะลุกลางปล้อง พลางมองร่างสูงเหยียดๆ ด้วยหางตา

“แรงอ่ะ/แร๊งงงงงงส์” ทัศนีย์กับหนึ่งฤทัยหันมาพูดแทบจะพร้อมกัน

“ก็ดีนะคะ ถึงชื่อจะยาวไปซะหน่อยก็เถอะ แต่ถ้าจะให้ดีอ้อมว่าพี่ไอซ์ก็น่าจะมาอยู่ขบวนการเดียวกับพวกเรานะคะ เพราะดูท่าทางพี่ไอซ์เองก็.................” ชโลธรแกล้งลากเสียงยาว ส่งยิ้มยียวนยั่วอารมณ์อีกฝ่ายเล่น

“ก็อะไรพูดมาดีๆ นะ!” ไอรดาออกอาการเหวี่ยง ยิ้มที่ยัยนั่นส่งมากวนอารมณ์เธอให้ขุ่นมากขึ้นไปอีก

“ก็....ดูท่าทาง พี่น่าจะแหลเก่งกว่าพวกเราซะอีก ฮิฮิ” พอชโลธรพูดจบ ปากรูปกระจับแสนยียวนก็ยกยิ้มขึ้น พลางส่งสายตาไปทางไอรดาอย่างท้าทาย  เชอะ! ยัยรุ่นพี่งี่เง่านี่นึกว่าตัวเองดีสักแค่ไหนกันเชี่ยว ถึงได้เที่ยวมาว่าคนอื่นเขาแบบนี้

“ปากดีนักนะ!” ไอรดาเดินปรี่เข้าไปหาอย่างเร็วด้วยความโมโห หมายจะฟาดปากสั่งสอนยัยเด็กปากเสียให้รู้สำนึก
ชโลธรที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำอะไรในที่สาธารณะแบบนี้ เลยไม่ทันได้ระวังตัวปล่อยให้ไอรดาเข้ามาประชิดตัวอยู่ตรงหน้า แล้ววาดมือง้างขึ้นไปบนอากาศ ก่อนฟาดลงมาเสียเต็มแรง...

“พอแค่นี้ดีกว่าค่ะ” ชลธิดาเข้ามาคว้าข้อมือของไอรดาเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่มันจะไปกระทบกับหน้าสวยๆ ของเพื่อนเธอ

“อย่างพวกเราไม่แคร์หรอกนะถ้าจะมีเรื่องกันที่นี่ แต่คนแบบพี่คงไม่อยากให้มีประวัติไม่ดีติดตัวไปหรอก ใช่ไหมคะ” ชลธิดาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง สายตาจริงจังบวกกับใบหน้าที่เรียบนิ่ง ทำเอาคนอายุมากกว่าเกร็งไปเลยทีเดียว 

“อีกอย่าง เรื่องนี้คนที่ผิดก็คือเดียร์เอง เพื่อนๆ ของเดียร์ไม่เกี่ยวกรุณาแยกแยะด้วยค่ะ” ชลธิดาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เมื่อเห็นคนตรงหน้านิ่งไปบ้างแล้ว

“ทำไมจะไม่เกี่ยว! พวกเธอมันก็สุ่มหัววางแผนหลอกลวงเพื่อนฉันด้วยกันทั้งนั้นแหละ!” ไอรดาสะบัดข้อมือที่ถูกจับเอาไว้อย่างแรง พลางตะโกนใส่หน้าชลธิดาเสียงดังด้วยความโกรธ ใช่! เธอโกรธคนตรงหน้ามากที่สุด ยิ่งพอได้เห็นคนที่ตนเองโกรธอยู่ดีมีความสุข สนุกสนานราวกับว่าไม่เคยสำนึกถึงความผิดที่ตัวเองได้ทำไว้ในอดีต มันก็ยิ่งทำเธอให้โกรธรุ่นน้องคนนี้และน้อยใจใครคนนั้นในเวลาเดียวกัน

“ส่วนแก มันก็แค่ไอ้เด็กเฮงซวย! ไร้ความจริงใจ ทั้งๆ ที่ฉันเตือนแล้วแต่ดาก็ไม่เคยเชื่อ ทำไมคนเลวอย่างแกต้องมาทำให้คนดีๆ อย่างดาต้องเสียใจด้วย” ไอรดาระเบิดอารมณ์อย่างสุดจะกลั้น จนคนที่เดินอยู่แถวนั้นเริ่มมองมาที่พวกเธอกันแล้ว

“........” ไม่มีคำใดออกมาจากปากบางที่เม้นสนิท ความผิดที่ยังตกตะกอนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจถูกกวนให้กลับขึ้นมาฉายซ้ำอีกรอบ

“ดาร้องไห้เสียใจทุกวัน เฝ้าแต่โทษตัวเองว่าเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของดาเลยสักนิดเดียว กับเมย์เองก็แทบจะมองหน้ากันไม่ติด แล้วไหนจะคำสัญญาว่าจะเรียนต่อที่นี่ด้วยกันกับฉัน แต่ดาก็มาเปลี่ยนใจไปเรียนที่อื่นแทนก็เพราะแก” ไอรดายังคงพูดถึงความหลัง ซึ่งแต่ล่ะคำล้วนแล้วแต่ตอกย้ำความผิดให้บาดลึกลงไปในใจคนฟังได้เป็นอย่างดี ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมันเลวร้ายแค่ไหน เธอเองก็สำนึกได้ตั้งแต่วันนั้น วันที่เกิดเรื่อง แต่ทุกอย่างมันก็สายไปเสียแล้ว ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว ไม่มีแม้แต่โอกาสพูดคำว่าขอโทษกับผู้หญิงทั้งสองคน

“ขอโทษ” ชลธิดาเอ่ยเสียงเบา ดวงตาที่มีม่านบางๆ ฉายแววขอโทษอย่างจริงใจส่งให้กับรุ่นพี่ที่รู้จักกันมานาน คลายอยากจะให้หล่อนเป็นตัวกลางส่งผ่านความรู้สึกเสียใจของเธอไปให้กับใครคนนั้น

“คนที่แกควรขอโทษคือดาไม่ใช่ฉัน” ไอรดาตอบกลับไป แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

นุชนารถที่กำลังจะเดินตามชลธิดาไปชะงักเท้าหยุดลง พลางตวัดสายตาไม่พอใจมองไปที่รุ่นพี่สาวอารมณ์ร้อน

“ก็เป็นเพราะพี่ไม่ใช่เหรอคะ ที่ทำให้เดียร์ไม่มีโอกาสได้พูดคำนั้น” นุชนารถพูดก่อนจะเดินตามคนตัวสูงไป

"ในเมื่อบรรยากาศมาคุแบบนี้ เราคงต้องแยกกันเที่ยวแล้วล่ะค่ะ” หนึ่งฤทัยเดินมาบอกกับพวกของกฤตชยาที่ยืนดูเหตุการณ์เลือดร้อนของเพื่อนตัวเอง คงจะงงกันอยู่ไม่น้อยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“น้องหนึ่งค่ะ คือ...ไอซ์กับเดียร์ เขาเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อนเหรอ” ดรุณียอมเสียมารยาทเอ่ยปากถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจากรุ่นน้อง เพราะพวกเธอทั้งหมดจบมัธยมต้นมาจากโรงเรียนอื่น จะมีก็แค่ไอรดาคนเดียวที่เรียนที่นี่มาตั้งแต่ ม.1 และเธอก็อยากรู้เหลือเกินว่าต้นสายปลายเหตุของสีหน้าและแววตาอันเจ็บปวดของรุ่นน้องร่างสูงที่เดินหนีไปคืออะไร

“หนึ่งว่าเอาไว้พี่โอไปถามกับเจ้าตัวเองดีกว่านะคะ” หนึ่งฤทัยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม พลางโปรยยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินไปสมทบกับเพื่อนที่เหลือ เพื่อลงจากเขาพระวิหารจำลองไป

“เฮอ~~~~งั้นพวกเราก็ไปต่อมั่งเถอะ ยังเหลืออีกตั้งหลายทีที่ยังไม่ได้ไปดู ไอ้แขกแกไปตามไอ้ไอซ์มาทีซิ” กฤตชยาถึงกับทำหน้าเซ็ง อุตสาห์วางแผนเที่ยวมาซะดิบดี แต่ดันมีคนมาทำกร่อยไปซะได้

นุชนารถยืนมองดูแผ่นหลังของคนตรงหน้ามาได้สักพักแล้ว เพราะเธอไม่รู้ว่าจะเข้าไปปลอบใจเขาอย่างไรดี จึงได้แต่ยืนถอนหายใจอยู่ข้างหลังอย่างจนปัญญา เหตุการณ์นั้นผ่านมาหนึ่งปีแล้ว และทุกคนในกลุ่มต่างก็รู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ยังคงรู้สึกผิดกับการกระทำของตนเองอยู่ แม้ว่าวันเวลาจะช่วยทำให้มันเบาบางลงแต่มันยังคงทำให้เพื่อนเธอเสียใจไม่เคยเปลี่ยน

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน

ความช่างกล้าและหน้าด้านที่เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว บวกกับมารยาหลายพันเล่มเกวียนที่นางงัดออกมาใช้ และยิ่งความเป็นคนช่างเอาอกเอาใจทำให้น้องเดียร์สาวน้อยร่างสูงได้คู่ควงเป็นหนึ่งสาวเปรี้ยว และหนึ่งสาวหวานน่ารักในเวลาไล่เลี่ยกันไปโดยปริยาย
แต่สัจจะธรรมข้อหนึ่งของโลกมนุษย์ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีและยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดกาลคือ ‘ความลับไม่มีในโลก’

ความสัมพันธ์แบบเราสามคนอยู่ได้ไม่นาน ต่อให้เป็นศูนย์หน้าที่เก่งกาจสับขาหลอกจนคู่ขาหัวหมุนหลงเดินตามเกม แต่สุดท้ายก็สะดุดหกล้มเพราะโดนคู่แข่งที่ไม่ประสงค์ออกนามเสียบเข้าที่ด้านหลัง ซึ่งก็คือไอรดานั่นเอง

ลูกบอลกลมๆ สองลูกที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ถูกศูนย์หน้าฝีปากฉกาจเข้าครอบครองอวดลีลาพริ้วไหวดูดเม้มเคล้นคลึง โยกซ้ายโยกขวาอย่างไม่ต้องกลัวน้อยหน้าว่าจะชื่นชมข้างไหนมากกว่ากันด้วยความเมามันส์ ฝ่ามือนุ่มอีกข้างก็ลูบไล้ตามเรียวขานวลลากเลื่อนขึ้นมาคลึงหนักๆ ที่สะโพกงามเพื่อกระตุ้นให้ผู้รักษาประตูออกอาการแข้งขาไร้เรี่ยวแรง

“ดะ เดียร์~~” เสียงหวานครางชื่อคนรักเสียงกระเส่า เธอพยายามเม้มปากแล้วแต่ก็ยังไม่วายปล่อยให้มันหลุดรอดออกมาได้อยู่ดี

“ชู่วววว เงียบๆ นะคะที่รัก” รุ่นน้องร่างสูงกระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหู ก่อนจะเป่าลมอุ่นและเลียใบหูขาวให้สาวสะท้านหนักขึ้นไปอีก ชลธิดายิ้มกริ่มเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงจิกจากปลายนิ้วของสาวรุ่นพี่ เสียงของหล่อนช่างหวานหูเสียจริงๆ พอๆ กับร่างกายของหล่อนนั่นแหละ หวานไปทุกสัดส่วน อ่า~ อยากได้ยินเสียงหล่อนครางอยู่หรอกนะ แต่ที่นี่คงไม่เหมาะ ไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงหวานๆ แบบนั้น เดี๋ยวค่อยชวนไปต่อหนักๆ ที่บ้านหล่อนก็แล้วกัน จะปล่อยให้ร้องลั่นห้องเลยเชียว ว่าแล้วร่างสูงก็ตรงเข้าประกบปากจูบสาวรุ่นพี่ เพื่อเก็บเสียงครางไว้ไม่ให้เล็ดรอดออกมาอีก และเมื่อผู้รักษาประตูอ่อนระทวยจนไม่สามารถปิดกั้นประตูสวรรค์ได้อีก สาวรุ่นน้องจึงส่งศูนย์หน้าทั้งห้าตรงไปที่หน้าประตูรักนั้นทันที

แต่อนิจจาเหมือนสวรรค์จะกลั่นแกล้ง อยู่หน้าประตูสวาทสาวหวานแท้ๆ กำลังจะสับเรียวนิ้วยิงเข้าไปในประตูอยู่แล้วเชียว แต่ดันมาโดนกรรมการเป่านกหวีดดักล้ำหน้าซะก่อน เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังปั้งๆ! ถี่รัวซะจนนักกีฬาทั้งสองสะดุ้งตกใจ อารมณ์วาบหวามหายวับไปกับตา ชลธิดารีบจัดแจงช่วยสาวรุ่นพี่แต่งกายให้เรียบร้อย ก่อนจะกระชากประตูเดินออกมาอย่างฉุนเฉียวเพื่อดูว่ากรรมการผู้เป่านกหวีดนั้นมันเป็นใคร แต่เมื่อได้เห็นโฉมหน้าของผู้ที่มาขัดขวางอารมณ์รัก ร่างสูงถึงกับหน้าตาตื่น ดวงตาที่เคยตี่บัดนี้กลับเบิกโพลงโตขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ชิหายแล้ว” คำแรกคำเดียวที่หลุดออกมาจากปากบางของรุ่นน้องจอมกระล่อน ก่อนที่นางจะโดนสอยร่วงลงไปนั่งพับเพียบกับพื้นห้องน้ำเสียเรียบร้อย ตามแรงเหวี่ยงที่ตบลงมาแบบสุดแรงเกิดของแม่สาวเปรี้ยว

“ไอ้เดียร์! ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ไอ้ๆ ไอ้ทุเรศ แกทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง ห๊ะ! ทำได้ยังไง!” ถอยคำผรุสวาทรัวออกมาเป็นชุดราวกับปืนกลเอ็มสิบหก จ่อยิงเข้าแสกหน้านับครั้งไม่ถ้วนจนร่างสูงมึนนั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำไม่ไหวติง

“เดียร์!..เป็นอะไรไหม เจ็บมากรึเปล่าคะ” รุ่นพี่หน้าหวานที่เดินตามออกมา เห็นร่างของแฟนสาวถูกตบลงมากองอยู่ที่พื้น จึงรีบตรงเข้าไปประคองให้ลุกยืนขึ้น มือเรียวลูบไล้แก้มป่องที่ปรากฏรอยแดงด้วยความเป็นห่วง โดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของคู่กรณีฝั่งตรงข้ามเลย

เมื่อเห็นเต็มสองตาว่าคนที่อยู่ในห้องน้ำร่วมกับแฟนสาวตัวแสบ เป็นเพื่อนร่วมห้องของตัวเองตามที่ไอรดาบอกมา สาวเปรี้ยวก็ถึงกับปรี๊ดแตก ทนไม่ไหวกระโจนใส่แฟนสาวตัวแสบอีกรอบ แต่ก็ถูกเพื่อนๆ ที่มาด้วยรวบตัวห้ามทัพกันไว้ก่อน ตบตีกันในโรงเรียนถ้าเรื่องถึงหูอาจารย์ไม่ดีแน่ ยิ่งเป็นเรื่องชู้สาวด้วยล่ะก็รับรองว่า ‘มัน...ใหญ่...มาก’ ยิ่งกว่างานมหกรรมดนตรีที่เขาใหญ่ซะอีก

“ปล่อยฉัน! ถ้าวันนี้ไม่เอามันให้ตาย ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าอิเมย์” สาวเปรี้ยวตอนนี้อยู่ในอารมณ์โมโหจัดจนเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าที่เคยขาวใสตอนนี้กลับแดงกล่ำเพราะความโกรธ  เมษาพยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่เหนี่ยวรั้งร่างเธอไว้ แต่เพื่อนๆ สาวเจ้าก็ไม่ยอมแพ้ออกแรงช่วยกันดึงยื้อยุดกันอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

“เมย์นี่มันเรื่องอะไรกัน! แล้วทำไมเมย์ต้องตบเดียร์ด้วย” สาวหน้าหวานเงยหน้าถามเสียงขุ่น  ถึงเธอจะไม่ชอบมีเรื่องหรือวุ่นวายกับใคร แต่ถ้าใครมาทำร้ายแฟนสาวของตนเธอเองก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน

“เรื่องอะไรงั้นเหรอ ดาก็ลองถามไอ้ตัวดีดูสิว่ามันทำอะไรไว้บ้าง!” เมษาตวัดเสียงเขียวสายตามองมาอย่างคาดโทษกับตัวต้นเรื่อง

“เดียร์! บอกพี่มาเดี๋ยวนี้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน” ดาวิกาหันมาถาม หน้าที่เคยหวานเริ่มมีอารมณ์กรุ่นโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว

“........”

“เดียร์...” ดาวิกาถามเสียงเย็น คิ้วเรียวเริ่มผูกปม

“เออ...คือ...เออ...” ชลธิดาเบนหน้าหนีไม่รู้จะตอบคำถามอีกคนอย่างไรดี สมองน้อยๆ เริ่มสับสนวุ่นวาย ความสัมพันธ์กับคนทั้งสองที่เกิดขึ้น เหตุมันมาจากความเหงาเพราะใครบางคนจากไป กลับกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายที่จุกอยู่ในลำคอ

“เดียร์!” ดาวิกาจับคางแฟนสาวรุ่นน้องให้หันหน้ามาเผชิญกัน ดวงตาจ้องมองคาดคั้นเอาคำตอบ

“พี่ดา.....เดียร์....เดียร์ขอโทษค่ะ” ใบหน้าสลดและน้ำเสียงที่เจื่อนลง ทำให้ดาวิการู้สึกใจคอไม่ดีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกเธอว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องเป็นเรื่องร้ายแรงและมีเธอร่วมอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน แล้วมันคืออะไรล่ะ?

“ขอโทษ? หมายความว่ายังไงค่ะเดียร์ ขอโทษเรื่องอะไรพี่ไม่เข้าใจ” ดาวิกามองสบตากับดวงตาเรียวเล็กคู่นั้น พยายามเหลือเกินที่จะค้นหาคำอธิบายจากมัน

“คือ...เดียร์กับพี่เมย์...เราคบกันอยู่ค่ะ” ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก รู้สึกได้ถึงก้อนความผิดที่ติดอยู่ในลำคอ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่บอกออกมาได้อย่างแผ่วเบา

ดาวิกาปล่อยแขนร่างสูงทันที เธอพูดไม่ออก รู้สึกมึนงงกับคำบอกเล่าถึงสถานะของบุคคลทั้งสอง ‘เขาเป็นแฟนกัน แล้วเราล่ะ เราเป็นอะไร?’ ความรู้สึกเจ็บแปลบกระแทกเข้าที่อกด้านซ้ายอย่างรุ่นแรง ความคิดหลากหลายและคำถามมากมายเกิดขึ้นในสมอง  ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เมื่อไม่กี่นาทีในห้องน้ำนั้น ความรู้สึกวาบหวามของคนของสองผุดขึ้นมาฉายซ้ำ ความรู้สึกเสียวซ่านยามที่ถูกสัมผัส และรู้สึกสุขล้นยามได้รับคำหวานที่พร่ำบอกว่ารักทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ ทุกๆ อย่างที่เด็กคนนี้บอกกับเธอมันคือความหลอกลวงใช่ไหม ‘เด็กคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่ดาคิดนะ’ จู่ๆ คำพูดของเพื่อนสนิทอย่างไอรดาก็ผุดขึ้นมาในหัว

ดาวิกาถึงกับเซถอยหลังยืนไร้เรี่ยวแรง พิงเข้ากับกำแพงห้องน้ำเพื่อใช้เป็นที่พึ่งพยุงร่างเล็กบอบบางของตนเองไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกับพื้น ริมฝีปากบางที่ยังคงแดงฉ่ำเพราะรสจูบอันหนักหน่วงสั่นไหวระริก ดวงตาสวยที่มักจะส่งแววหวานมาให้เสมอเริ่มมีน้ำใสอุ่นรื้นที่ขอบตา ก่อนจะไหลลงเป็นทางอาบลงที่สองแก้มนวล

ชลธิดาเห็นดาวิการ้องไห้ถึงกับใจกระตุก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะทำให้สาวหน้าหวานเสียใจมากขนาดนี้ นี่เธอทำอะไรลงไป ได้โปรดเถอะคนดี อย่าร้องไห้ให้กับคนเลวๆ อย่างเธอเลย ชลธิดาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนมองน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย ก่อนจะหยดลงหายไปกับปกเสื้อนักเรียนสีขาว ใจอยากจะเข้าไปกอดปลอบขวัญ และจูบซับน้ำตาที่ไหลออกมาให้เหือดแห้งเหลือเกิน แต่ก็รู้ว่าไม่สามารถทำได้ ในเมื่อหัวใจของเธอมันสกปรกเกินไป และไม่ควรได้แตะต้องร่างกายหล่อนอีกเลย ความคิดแวบหนึ่งเธออยากให้ดาวิกาเข้ามาตบหน้าแล้วต่อว่าแบบเมษาเสียยังดีกว่า จะตบจะตีกี่ครั้งก็ได้เธอยอมให้หมด เพราะมันคงจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้

“พี่ดา...เดียร์” เสียงเรียกแผ่วเบาของอดีตคนเคยรักดังขึ้นอีกครั้ง และมันก็เรียกสติของหล่อนให้กลับมาได้เป็นอย่างดี

“พอเถอะเดียร์ เลิกแล้วต่อกันเถอะ และต่อไปนี้เราก็อย่าเจอกันอีกเลย” สิ้นเสียงสั่นเครือของสาวหน้าหวาน เธอก็สาวเท้าเข้าไปหากลุ่มเพื่อนร่วมห้องที่ยืนอออยู่อีกมุมหนึ่งของห้องน้ำ

“เมย์เราขอโทษ ฮึก เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าเมย์กับ...ฮึก..เดียร์เป็นแฟนกัน ถ้าเรารู้...เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ฮึก แต่ถึงอย่างไรเราก็ผิดอยู่ดี เราขอโทษนะ ฮึกๆ” ดาวิกาเข้าไปกุมมือเมษาพลางกล่าวขอโทษ เธอรู้สึกแย่เหลือเกินที่เข้ามาเป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัว

น้ำเสียงที่สะอื้นไห้กับน้ำตาใสๆ ทำให้เมษาและทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นนึกสงสารหญิงสาวจับใจ อารมณ์ที่เคยโกรธฉุนเฉียวของเมษาค่อยทยอยบางเบาลงไปบ้าง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้นิสัยอย่างไร ไอ้เรื่องที่จะมาแย่งแฟนชาวบ้านนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความกระล่อนเจ้าชู้ไม่รู้จักพอของไอ้คนตรงหน้านี้ต่างหากล่ะ คิดแล้วก็อดนึกสมเพชตัวเองและเพื่อนสาวไม่ได้ ที่ดันมาเคราะห์ร้ายถูกรุ่นน้องตัวดีปั่นหัวให้รักให้หลงจนเสียทั้งตัวเสียทั้งใจ คิดแล้วก็อยากจะเข้าไปตบอีกสักฉาดให้หายแค้น

“ดาไม่ใช่คนผิดไม่ต้องขอโทษเมย์หรอก ไอ้คนที่ผิดมันยืนอยู่ทางโน้นต่างหากล่ะ ดาไม่ต้องร้องไห้นะ ไอ้คนแบบนั้นมันไม่มีค่ากับน้ำตาของเรา อะไรที่เสียไปแล้วก็ถือซะว่าให้หมามันกิน ส่วนแกไอ้เดียร์  ไอ้เห็นแก่ตัว ไอ้คนหลายใจ ต่อไปนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้ฉันกับดาเห็นอีกนะ” ชี้หน้าด่าเสร็จ เมษาก็ประคองดาวิกาออกไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ไม่มีใครสนใจคนเลวที่ถูกทิ้งยืนนิ่งเป็นหมาหงอยอีกเลย

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำเอามือใหม่หัดคาสโนวี่รุ่นเล็กถึงกับหายซ่าไปเลยที่เดียว แม้จะพยายามหาทางเข้าใกล้บุคคลทั้งสองเพื่อบอกขอโทษ แต่ก็ถูกกีดกันจากบรรดาเพื่อนๆ ที่รู้เห็นเหตุการณ์ ทำให้ไม่สามารถบอกความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจไปได้เลย บทเรียนราคาแพงในเกมรักบริหารเสน่ห์ ที่แสนจะสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ แต่ต้องแลกมากับน้ำตาและความรู้สึกของผู้อื่น เสียงด่าทอของเมษาและน้ำตาของดาวิกายังคงดังก้องและฉายชัดอยู่ในหัว แม้ในยามอยู่ที่โรงเรียนจะทำตัวเหมือนเป็นปกติอย่างที่เคยเป็นมา แต่เมื่อใดที่อยู่คนเดียวหรือเหล้าเข้าปาก น้ำตากับคำขอโทษก็พร่ำพรูออกมาไม่หยุดหย่อน วันแล้ววันเล่ากับการเมามายหัวราน้ำ จิตใจที่ห่อเหี่ยวกับความรู้สึกผิดที่มีมากล้นแต่ไม่สามารถระบายออกไป กว่าจะหายเศร้าได้ก็ทำเอาเพื่อนเหนื่อยใจ คอยปลอบประโลมกันอยู่นานหลายเดือน ไม่มีอีกแล้วไอ้คนหลายใจ จบบทสุดท้ายของมือใหม่หัดคาสโนวี่





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.