ตอนที่ 13
ชายหนุ่มที่นัดหมายว่าจะบินมาในวันเดียวกับที่รสาจะกลับกรุงเทพได้ขอเลื่อนการเดินทาง แต่จีรธรก็ยังคงอาสาที่จะไปส่งรสาที่สนามบินตามที่ได้ตั้งใจไว้
“หนุ่มเบี้ยวเสียแล้ว จี๊ดคงจะได้เป็นสาวโสดไปจนตายแน่ๆ ค่ะ” จีรธรพูด ขึ้นเพื่อทำลายความเงียบของการร่ำลาระหว่างรสากับปานวาด ซึ่งรสาหันมายิ้มๆ กับเธอ
ปานวาดยืนกุมมือทั้งสองของรสาอยู่เงียบๆ และหันมามองสบตากับจีรธรซึ่งกำลังจะปลีกตัวไปรอที่รถ เพื่อให้ปานวาดกับรสาได้พูดคุย และร่ำลากันตามลำพัง รสาน้ำตาเริ่มซึมๆ ออกมาเล็กน้อย ปานวาดยิ้มจางๆ ให้ มืออันเย็นเฉียบนั้นค่อยๆ กระชับมือของรสาให้แน่นขึ้น
“ยิ้มสวยๆ ให้ดูก่อนไปได้ไหมคะ” รสาพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสวยๆ ของเธอและพร้อมด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น ปานวาดกำลังช่วยเช็ดน้ำตาที่ไหลรินให้
“บอกให้ปานยิ้มแต่สาร้องไห้ มันอย่างไรกันคะ” ปานวาดพยายามฝืนยิ้มให้รสา
“นั่นสิ เลยกลายเป็นคนขี้แยแทนปานไปเลย ดูแลตัวเองรักษาสุขภาพด้วยนะคะ ปานไม่ค่อยห่วงตัวเองมัวแต่ห่วงงาน สาไม่ได้อยู่ใกล้ๆ คอยเตือนคอยห่วงเหมือนเดิมแล้วนะ แต่แอบฝากคุณจี๊ดช่วยว่ากล่าวตักเตือนถ้าไม่ยอมทำตามที่สาขอร้อง” รสายิ้มกว้างขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอได้บอกฝากจีรธรให้ดูแลปานวาด
“ตายแน่เลย ถ้าเป็นอย่างนั้น” สองสาวหัวเราะทั้งน้ำตา ปานวาดรู้ว่าถึงเวลาที่รสาต้องไปแล้วเธอจึงจูบเบาๆ ไปที่แก้มสีอมชมพูของรสา
“สารักปานนะ ดูแลตัวเองดีดีด้วยนะคะ” รสาพูดหลังจากที่ได้โผเข้ากอด ปานวาดซึ่งกระชับอ้อมกอดเอาไว้แนบแน่น
“ปานก็รักสา มากนะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” สองสาวคลายอ้อมกอดออกจากกัน รสาเช็ดน้ำตาให้ปานวาดและน้ำตาของตัวเธอเองแล้วรีบหันหลังเดินไปขึ้นรถของจีรธรที่จอดรออยู่ โดยไม่หันมามองปานวาดที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกเลย
“สาธุ ขออย่าให้จี๊ดต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย” จีรธรหันไปมองทางรสาซึ่งกำลังเดินมาขึ้นรถ และมองเลยไปที่ปานวาดซึ่งกำลังเช็ดน้ำตา ภาพที่เห็นทำให้จีรธรรู้สึกหดหู่ในหัวใจไปกับเพื่อนทั้งสองคนของเธอด้วยเช่นกัน
“ไปกันเถอะค่ะ” รสาบอกกับจีรธรที่ยิ้มจางๆ ให้
“พร้อมนะคะ”
“ค่ะ ออกรถเลยค่ะ คุณจี๊ด ไม่อย่างนั้นสาตกเครื่องแน่ๆ” รสาพูดเสียงเรียบ ทำให้จีรธรตัดสินใจเคลื่อนรถออกจากหน้าบ้านพักของปลัดปานวาดในทันที
หลังจากที่จีรธรส่งรสาขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขับรถกลับมาที่บ้านพักของปลัดปานวาดอีกครั้ง รถยังคงจอดอยู่ที่เดิมแสดงว่าปานวาดคงยังอยู่ จีรธรจึงตัดสินใจไปเคาะประตูเรียก
“คุณจี๊ด สาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ปานวาดถามขึ้น เพราะแปลกใจที่เห็นจีรธรมายืนอยู่ที่หน้าบ้านพักของเธอ
“คุณสาขึ้นเครื่องไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวถึงกรุงเทพก็คงโทรมา แต่ตอนนี้ปลัดไปเก็บเสื้อผ้าแล้วไปอยู่ที่บ้านน้าบัวกับน้าบุษ ให้ไวด้วยนะคะ” จีรธรพูดด้วยน้ำ เสียงเสมือนรำคาญ
“ไปบ้านคุณจี๊ดน่ะ หรือคะ” ปานวาดถาม
“ถามเยอะ ไปเก็บเสื้อผ้าเร็วๆ ด้วยค่ะ จี๊ดต้องกลับไปทำงานที่รีสอร์ทอีก มีอะไรค่อยไปถามน้าบัวกับน้าบุษที่บ้าน จี๊ดไม่เกี่ยวด้วย แค่รับบัญชาจากคุณน้าทั้งสองให้พาปลัดไปพักที่บ้าน” จีรธรพูดเสียงดุดุ ปานวาดทำท่างงๆ ระคนแปลกใจแต่ก็ทำตามด้วยความเกรงใจผู้ใหญ่ทั้งสองท่านซึ่งหวังดีกับเธอมาตลอด
“รอสักครู่นะคะ คุณจี๊ด” ปานวาดพูดเสียงอ่อยๆ และกลับเข้าไปทำตามที่จีรธรบอกกับเธอ
ปานวาดรู้สึกแปลกใจกับการที่เธอต้องมาพักที่บ้านของน้าสาวทั้งสองของจีรธร เพราะจีรธรไม่ได้บอกอะไรกับเธอมากนัก พอรถมาจอดที่หน้าบ้านหลังจากส่งเธอเสร็จเรียบร้อย จีรธรก็ขับรถต่อไปทำงานที่รีสอร์ททันที
“สวัสดีค่ะ หนูปาน” ปทุมมาศทักทายหลังจากที่เดินออกมาดูเพราะจำได้ว่าเป็นเสียงรถของหลานสาวของเธอ แต่ก็แปลกใจที่เห็นปลัดสาวเพียงลำพัง แต่แม่หลานสาวขับรถออกไปเสียแล้ว
“สวัสดีค่ะ น้าบัว”
“เชิญข้างในค่ะ หนูปาน” ปทุมมาศยังคงสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่
ปานวาดเข้ามากราบทักทายบุษบาและบอกขอบคุณเรื่องที่ท่านทั้งสองให้มาพักที่นี่ ปานวาดคิดเอาเองว่าคงเป็นความห่วงใยที่ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านมีให้เธอ ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของท่านทั้งสอง
“ยายจี๊ดบอกปลัดอย่างนั้นหรือคะ” บุษบาถามปานวาด
“ค่ะ บอกให้ปานจัดกระเป๋า แล้วคุณจี๊ดก็ขับรถมาส่งก่อนที่จะไปทำงานต่อที่รีสอร์ท ไม่อธิบายหรือบอกอะไรเลย บอกแต่ว่าน้าบัวกับน้าบุษเป็นคนสั่งค่ะ” ปานวาดบอกสิ่งที่จีรธรบอกกับเธอ ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านยิ้มให้กัน
“น้ากับน้าบุษเป็นห่วงหนูปาน ก็เลยอยากให้มาอยู่ด้วยกันที่นี่สักพักหรือจะอยู่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสบายใจก็แล้วแต่ น้าสองคนยินดี ยายจี๊ดก็คงเช่นกันไม่อย่าง นั้นคงจะไม่เจ้ากี้เจ้าการขนาดนี้แน่ๆ” ปทุมมาศยิ้มๆ เมื่อได้พูดถึงจีรธร
“ไปบังคับอย่างไร หนูปานถึงได้หอบกระเป๋าตามมาแบบนี้คะ” บุษบาถามยิ้มๆ มองสบตากับปานวาดที่ยิ้มจางๆ ให้
“ปานคงรู้สึกไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนกันค่ะ พอคุณจี๊ดบอกให้รีบๆ ไปจัดกระเป๋าก็เลยทำตามอย่างว่าง่าย” ปานวาดยิ้มๆ เมื่อนึกถึงตอนที่จีรธรพูดน้ำเสียงเหมือนรำคาญเธอเรื่องให้รีบไปจัดกระเป๋า
“คุณจี๊ดเป็นคนกวนๆ บางทีก็ดูเหมือนจะปากร้าย แต่ก็จิตใจดีนะคะ คงห่วงหนูปานเช่นกัน จะพูดตรงๆ ว่าเป็นห่วงก็คงกลัวจะเสียหน้าเลยใช้วิธีบังคับแกมดุแทน แต่เชื่อได้เลยค่ะ ทั้งหมดที่ทำไปก็ด้วยความหวังดี” ปทุมมาศบอกกับปานวาดที่อมยิ้มเมื่อได้รับรู้
“เดี๋ยวกลับมาคงต้องขอบคุณเสียหน่อยแล้วค่ะ” ปานวาดยิ้ม
“หนูปาน ตามน้าบัวไปที่ห้องเอาข้าวของไปเก็บก่อน แล้วเราค่อยมานินทาหลานสาวน้ากันใหม่ แม่คนนั้นมีเรื่องให้นินทากันได้ทุกวัน” บุษบายิ้มมองสบตากับปทุมมาศที่ยิ้มๆ ให้เช่นกัน
“เชิญค่ะ หนูปาน”
“ขอบคุณค่ะ” ปานวาดพนมมือไหว้เป็นการขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสอง
จีรธรขับรถมาจอดอยู่ที่รีสอร์ทแต่ยังคงนั่งอยู่ในรถ หลังจากคิดไปคิดมาจึงตัดสินใจโทรหาปทุมมาศซึ่งรับโทรศัพท์ในเวลาไม่นานนัก
“คุณจี๊ดโทรมาเช็คว่าปลัดหนีกลับไปหรือเปล่าหรือคะ” ปทุมมาศแอบยิ้ม
“เปล่าสักหน่อยนะคะ น้าบัว แค่โทรมาถามเฉยๆ แอบดักคอเหมือนรู้ทันเลยนะคะ” จีรธรยิ้มแหยๆ กับตัวเอง
“เป็นห่วงก็ไม่บอกไปตามตรงว่าเป็นห่วง จะไปดุไปบังคับหนูปานทำไมคะ คุณจี๊ด” ปทุมมาศถาม
“เดี๋ยวได้ใจสิคะ น้าบัว อันที่จริงจี๊ดก็ไม่อยากให้คุณปลัดของคุณน้าทั้งสองเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ที่บ้านพักคนเดียว มาอยู่ที่บ้านเรายังมีเพื่อนคุย ได้กวนๆ ให้เกิดโมโหบ้างบางครั้งจะได้ไม่เป็นโรคซึมเศร้าน่ะคะ” จีรธรพูดไปข้างๆ คูๆ จนทำให้คนฟังอดที่หัวเราะออกมาไม่ได้
“ที่พูดมา มันคือความห่วงใยนะคะ คุณจี๊ด” ปทุมมาศพูดสรุปสิ่งที่ได้ยินจากจีรธร จนเจ้าตัวยิ้มเจื่อนๆ ขึ้นมาทันที
“น้าบัวสรุปเสียจี๊ดไปไม่ถูกเลยนะคะ ก็ได้ค่ะ เป็นห่วงก็เป็นห่วง” จีรธรพูดยิ้มๆ เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรน้าสาวทั้งสองของเธอก็รู้ทันไปเสียหมด
“ดีค่ะ คุณจี๊ดทำถูกแล้วล่ะ หนูปานก็จะได้ไม่เหงาจะได้ไม่ต้องไปคิดเรื่องหนูสามากนัก โดนจี๊ดกวนๆ ป่วนๆ ก็คงลืมๆ ไปได้บ้าง” ปทุมมาศหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
“ฟังดูเหมือนจะดีนะ แต่ไอ้กวนๆ ป่วนๆ มันไม่น่าจะห้อยตามท้ายมาด้วยก็น่าจะดีกว่านะคะ น้าบัว” จีรธรหัวเราะคิกคัก
“ความน่ารักมันอยู่ตอนท้ายนั่นแหละค่ะ คุณจี๊ดรู้ไหม คุณจี๊ดแทบจะถอดแบบน้าบุษมาเลยนะคะ แทบจะทุกกะเบียดนิ้วเลยทีเดียว ถ้าใครไม่รู้คงคิดว่าคุณจี๊ดเป็นลูกสาวของน้าบุษแน่ๆ” ปทุมมาศยิ้มเมื่อได้บอกกับจีรธรไปอย่างนั้น เพราะมันเป็นเรื่องจริงซึ่งเธอรู้สึกได้ว่าน้าสาวกับหลานสาวนิสัยเหมือนกันมาก
“น้าบุษคงจะอยากได้จี๊ดเป็นลูกหรอกนะคะ น้าบัว คงไปทำให้ท่านปวดหัวกว่านี้เยอะแน่เลย ถ้าเกิดมาเป็นลูกสาว ใช่หรือไม่ใช่ก็ช่างเถอะค่ะ แต่จี๊ดรักน้าบัวกับน้าบุษเหมือนแม่บังเกิดเกล้าเลยค่ะ ดีใจที่ชีวิตนี้ได้มีแม่สามคนเลย” จีรธรหัวเราะเล็กๆ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของ
เธอ
“ไม่บอกกับน้าบุษแบบที่บอกน้าล่ะคะ น้าบุษคงดีใจมากนะคะ คุณจี๊ด”
“ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวน้าบุษได้ใจ” จีรธรหัวเราะคิกคักแต่ก็แอบยิ้มเมื่อได้นึกถึงน้าสาวที่ตัวเองแสนรักและเคารพไม่ต่างไปจากมารดาของตัวเอง
“คุณจี๊ดก็ชอบพูดแบบนี้ถึงได้โดนน้าบัวดุบ่อยๆ ไม่คุยแล้วดีกว่าค่ะ คุณจี๊ดรีบทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้านนะคะ เดี๋ยวคุณปลัดจะเหงา” ปทุมมาศแกล้งแหย่หลานสาว
“เกี่ยวอะไรกับจี๊ดล่ะคะ มีน้าบัวกับน้าบุษ คุณปลัดก็คงไม่เหงาแล้วล่ะคะ อยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ ก่อนกลับจี๊ดจะได้ซื้อไปให้” จีรธรถามปทุมมาศ
“ก็ซื้อของที่คุณปลัดชอบติดมาบ้างก็ได้ค่ะ คุณจี๊ด” ปทุมมาศอมยิ้ม
“น้าบัวแหย่จี๊ดตลอดเลยนะคะ แล้วคุณปลัดของน้าชอบทานอะไรล่ะคะ”
“นั่นสิ ลองเดาใจดูสิคะ ว่าคุณปลัดชอบอะไร คนที่เอาใจใส่คนอื่นอย่างคุณจี๊ดคงเดาได้ไม่ยากแน่ๆ ตอนที่น้ารู้จักกับคุณจี๊ดใหม่ๆ ก็ยังใส่ใจน้าเสียจนน้าหลงรักมาจนถึงทุกวันนี้เลยนะคะ” ปทุมมาศยังคงแหย่จีรธรต่อ
“แหมยิ้มแก้มปริเลยค่ะ จี๊ดหลงรักน้าบัวกับรอยยิ้มอันอบอุ่นตั้งแต่แรกเห็นแล้วค่ะ แล้วบอกกับตัวเองว่าจะรักและดูแลน้าบัวกับน้าบุษตลอดไปเลยค่ะ” จีรธรยิ้มกว้างขึ้นเมื่อย้อนกลับไปนึกถึงวันแรกที่ได้พบกับปทุมมาศ
“ขอบคุณนะคะ ที่รู้สึกดีดีกับน้ามากมายขนาดนี้ น้าก็จะรักคุณจี๊ดเหมือนลูกสาวเลยค่ะ รีบจัดการงานให้เสร็จไว้ๆ นะคะ ลูกสาวคนสวยของน้าบัว” ปทุมมาศยิ้มเมื่อได้เรียกจีรธรว่าลูกสาว
“เขินเหมือนกันนะคะ ที่จะได้เป็นลูกสาวของน้าบัว ว่าแต่ว่าห้ามเปลี่ยนใจนะคะ ที่อยากจะมีลูกสาวชอบกวนโมโหแบบจี๊ด น้าบุษคงไม่
อยากได้จี๊ดเป็นลูกสาวแน่ๆ” จีรธรหัวเราะคิกคักเมื่อได้พูดพาดพิงไปถึงน้าสาวแท้ๆ ของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นต้องมาบอกกันเองค่ะ เสร็จงานแล้วรีบกลับบ้านนะคะ ขับรถดีดีด้วยนะคะ ลูกสาวของน้าบัว” ปทุมมาศยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเล็กๆของจีรธรที่ได้ยินมาทางโทรศัพท์
“ขอบคุณค่ะ จี๊ดเสร็จงานแล้วรีบกลับทันทีเลยค่ะ น้าบัวน่าหมั่นเขี้ยวมากกลับไปจะไปกอดให้หายใจไม่ออกเลยค่ะ คอยดู สวัสดีค่ะน้าบัว” จีรธรวางสายแล้ว แต่รอยยิ้มยังคงอยู่กับเธอเมื่อนึกถึงปทุมมาศซึ่งเป็นน้าสาวอีกคนของเธอ