ตอนที่ 9
นิมานั่งอยู่เงียบๆ ระหว่างการพูดคุยกันถึงเรื่องของทองทิพย์ ซึ่งเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบระหว่างพี่ชายกับน้องสาว ท่าทางคงจะไม่ได้พบกันมานานมากแล้ว ทองทัดดูดีใจมากที่ได้พบน้องสาว เพราะตั้งแต่ทองทิพย์เดินทางกลับมาได้หลายวันแล้ววันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้พบกับเธอ
“แกพักที่ไหน ทิพย์” ทองทัดถามน้องสาวของตัวเอง
“คอนโดค่ะ”
“บอกพิกัดสักหน่อยดีไหม ว่าอยู่ส่วนใดของกรุงเทพ คอนโดมันมีเกลื่อนเมืองไปหมดเลยนะแก” ทองทัดพูดด้วยน้ำเสียงดุดุ
“ห่วงเรื่องแต่งงานเถอะ พี่ทัด”
“พี่อยากให้ทิพย์กลับไปอยู่ที่บ้าน ตึกใหญ่หรือตึกเล็กก็ได้ตามสะดวก ทำความสะอาดรอแกมาหลายวันแล้วนะ” ทองทัดได้บอกสิ่งที่เขาได้จัดเตรียมไว้ให้กับน้องสาว
“คงไม่สะดวกหรอกค่ะ เกรงใจคุณนารินด้วย เพิ่งแต่งงานใหม่ๆ น่าจะได้อยู่กับตามลำพังดีกว่า คุณนารินจะได้ไม่อึดอัด” ในระหว่างที่
ทองทิพย์กำลังพูดคุยกับพี่ชาย เธอก็แอบชำเลืองมองไปทางนิมาที่กำลังนั่งเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำและกำลังมองออกไปทางด้านนอกร้าน โดยที่ไม่มีท่าทางที่จะสนใจการสนทนาของสองพี่น้องมากนัก
“ไม่อึดอัดเลยค่ะ ทัดคงสบายใจและดีใจถ้าคุณทิพย์จะกลับไปอยู่ที่บ้าน” นารินยิ้มให้ทองทิพย์ที่ยิ้มจางๆ ให้
“แต่ทิพย์อึดอัดค่ะ” ทองทิพย์พูดขึ้นในทันทีที่นารินพูดจบและกำลังจ้องมองนารินด้วยสายตาที่ดูดุและแข็งกร้าวทำเอานารินรู้สึกตกใจเล็กน้อย และเริ่มคิดว่าท่า ทางน้องสาวของทองทัดดูจะไม่ค่อยชอบเธอสักเท่าไหร่นัก
“พูดจาไม่ดีเลยนะเรา” ทองทัดพูดด้วยน้ำเสียงเข้มๆ กับน้องสาว ซึ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอหันมาทางนิมา ทองทิพย์ก็พบสายตากลมโตและดำขลับกำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาอันแข็งกร้าว คล้ายกับที่เธอจ้องมองพี่สาวของนิมาไปเมื่อสักครู่
“นิ่มขอตัวไปล้างมือก่อนนะคะ” นิมาไม่ได้ลดละสายตาที่ทองทิพย์กำลังจ้องเขม็งมาที่เธอ
นิมายืนอยู่นิ่งๆ จ้องมองอยู่ที่กระจกเงาซึ่งอยู่ตรงหน้า น้ำเย็นๆ จากก๊อกน้ำกำลังไหลรินไปสู่มือเธอ มัวแต่เพลินกับความคิดของตัวเองจึงไม่ได้สังเกตคนที่เดินตามเธอเข้ามา
“ทำไมถึงไม่บอกว่าเป็นน้องของคุณนารินคะ” ทองทิพย์เดินเข้ามายืนอยู่ใกล้ๆ มองสบตานิมาผ่านกระจกเงาที่อยู่ตรงหน้า
“ทิพย์ ไม่ใช่สินะคะ คงต้องเรียกว่าคุณทองทิพย์ คุณเองก็ไม่เห็นเคยบอกว่าเป็นน้องสาวพี่ทัด แล้วทำไมนิ่มถึงจ้องต้องบอกคุณด้วย ในเมื่อเราทั้งสองคนในเวลานี้ก็เหมือนคนไม่รู้จักกัน” นิมาพูดเสียงแข็ง
“แน่ใจนะคะ ที่ว่าไม่รู้จักกัน ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มรู้จักกันเสียแต่ตอนนี้เลยก็ได้” ทองทิพย์เข้าจู่โจมโดยการสวมกอดนิมาไว้จากทางด้าน
หลัง สองสาวยังคงมองจ้องตาของกันและกันผ่านกระจกเงาที่อยู่ตรงหน้า นิมาพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการโอบกอดของทองทิพย์ แต่ก็ไม่เป็นผล คนที่โอบกอดเธออยู่เชยคางลงบนหัวไหล่ของ นิมา แก้มของทองทิพย์สัมผัสเบาๆ ไปที่แก้มของคนที่อยู่ในอ้อมกอด แก้มแนบแก้มสัมผัสเล็กๆ นั้นทำให้หัวใจของทั้งสองสาวหวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว
“ปล่อยได้แล้วค่ะ” นิมาพูดเสียงแข็ง
“ไม่ค่ะ ถามจริงๆ ค่ะ พี่กับน้องนิสัยเหมือนกันใช่ไหม ชอบยั่วยวนให้คนอื่นหลงใหล” ทองทิพย์กระซิบถามนิมา ริมฝีปากเรียวบางได้สัมผัสไปโดนที่หูของนิมาอย่างแผ่วเบา ทองทิพย์ยิ้มกวนๆ ให้คนที่จ้องเขม็งผ่านกระจกมองมาที่เธอ
“จะต้องให้ตะโกนร้องโวยวายก่อนหรือเปล่าคะ ถึงจะยอมปล่อย” นิมาพูดขู่ทองทิพย์ที่เมื่อได้ยินสิ่งที่นิมาพูด เธอก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นและแนบแก้มของตัวเองให้เบียดชิดกับแก้มของนิมามากขึ้นอีก
“ไม่กลัวหรืออย่างไรคะ ว่าพี่สาวคนสวยจะไม่สบายใจ ถ้ารู้ว่าเราสองคนทำอะไรกันอยู่ในนี้ แค่กอดชั่วครั้งชั่วคราวจะหวงตัวทำไมนักหนา จูบก็เคยยอมให้จูบมาแล้วนี่คะ” ทองทิพย์อมยิ้มที่ได้พูดกวนโมโหคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ สายตานิ่งๆ ที่ดูเด็ดเดี่ยวคู่นั้นกำลังจ้องมองเธอไม่ยอมกะพริบเลยทีเดียว
“อย่างยุ่งกันพี่นา นิ่มขอเตือนไว้ก่อน อย่าคิดว่าคุณทองทิพย์ร้ายเป็นคนเดียวนะคะ”
“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็มาลองดู คุณพี่ของคุณนิมาต้องชดใช้ในสิ่งที่ได้ทำไว้กับคนอื่น อ้อถ้าแน่จริงอย่างที่พูดละก็ หลังจากที่พี่ทัดแต่งงานกับคุณนาริน คุณนิมาก็ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านด้วยก็ดีนะคะ เราจะได้เจอกันบ่อยๆ หน่อย อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครจะร้ายกว่ากัน” ทองทิพย์จูบไปที่หัวไหล่ของนิมาก่อนที่จะคลายอ้อมกอดแล้วเดินจากไป
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ คนเราจะเปลี่ยนเป็นคนละคนได้ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ” นิมารู้สึกโมโหจนแทบอยากจะทุบกระจกเงาที่อยู่ตรงหน้าเมื่อนึกถึงรอยยิ้มกวนๆ ของคนที่เพิ่งเดินออกไป
เสียงหัวเราะจากโต๊ะอาหารดังแว่วมาแต่ไกล นิมารู้สึกแปลกใจด้วยเพราะ สามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารดูเหมือนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานและออกรสออกชาติ พี่สาวของนิมาเองก็กำลังหัวเราะอยู่ในขณะที่เธอเดินกลับมาร่วมโต๊ะอีกครั้ง
“มาพอดีเลย นิ่ม คุณทิพย์กำลังบอกพี่ว่าเธอแพ้กุ้ง แต่ก็ชอบและอยากที่จะทาน นิ่มว่าแปลกไหมทั้งๆ ที่รู้ว่าเวลาแพ้จะคันมาก” นารินบอกกับน้องสาวของเธอ
“หรือคะ คนเรามีเรื่องราวแปลกๆ ด้วยกันทั้งนั้นค่ะ สิ่งที่เขาเป็นกับสิ่งที่เราเห็นมันอาจจะต่างกันก็ได้ค่ะ พี่นา” นิมายิ้มจางๆ ให้พี่สาวของเธอที่กำลังทำท่าสงสัยกับสิ่งที่นิมาพูดออกมา
“มีคนเคยบอกกับทิพย์เมื่อเร็วนี้ค่ะ ว่ามีวิธีทำให้แพ้น้อยลงได้ หรืออาจจะไม่แพ้เลยก็เป็นได้ แต่ยังไม่เคยลองค่ะ คุณนิมาพอจะแนะนำได้หรือเปล่าคะ ถ้าทิพย์อยากทานต้องทำอย่างไร” ทองทิพย์อมยิ้มเมื่อได้ถามคำถามกับนิมา ในขณะที่ทั้งพี่สาวของเธอ และว่าที่พี่เขยก็กำลังจ้องมองเหมือนกำลังตั้งตารอคำตอบอยู่ด้วย
“ลองตัดส่วนหัวทิ้งไปค่ะ ทานเฉพาะที่ตัว แต่ไม่มั่นใจนะคะ ว่าจะช่วยได้” นิมารู้สึกอึดอัดมากที่สุดในชีวิตสำหรับการร่วมรับประทานอาหารในมื้อนี้
“ถ้าอย่างนั้นแลกที่นั่งกันดีกว่าไหมคะ คุณนา ทิพย์ไปนั่งข้างๆ คุณนิมาน่า จะขอคำปรึกษาได้สะดวกกว่า” ทองทิพย์ลุกขึ้นทันทีโดยไม่รอคำตอบ นารินก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
“ว่าแต่ว่า เดี๋ยวนี้แกแกะกุ้งกินเองเป็นด้วยหรือ ตั้งแต่เล็กจนโต พี่ไม่เคยเห็นแกแกะกุ้งกินเองเลยสักครั้ง แม่ทำให้บ้าง ใช้เพื่อนบ้าง” ทองทัดพูดแซวน้องสาว นารินแอบหยิกเบาๆ เข้าที่แขนทองทัดเพื่อเป็นการเตือนให้เลิกแซวน้อง
“นิ่มคงช่วยคุณทิพย์ได้ค่ะ รายนั้นแม่บ้านแม่เรือน ทำเป็นทุกอย่าง ครบทั้งอาหารคาวหวานค่ะ” นารินพูดด้วยความภาคภูมิใจในตัวน้องสาวของเธอ
“ใช่ พี่ว่านะ นิ่มย้ายไปอยู่กับพี่และพี่นาดีกว่าจะได้ช่วยสอนความเป็นแม่ บ้านแม่เรือนให้นักเรียนนอกบ้าง ทิพย์ด้วยตึกเล็กคนละหลังก็ได้ ถ้าไม่อยากไปอยู่รวมกันที่ตึกใหญ่” ทองทัดพูดรวบรัด นิมามองสบตากับพี่สาวของเธอ
“น่าสนใจข้อเสนอของพี่ทัด แต่ต้องขอทดสอบก่อนค่ะ ว่าแม่บ้านแม่เรือนแกะกุ้งได้น่าทานขนาดไหน” ทองทิพย์ยิ้มทะเล้นที่ได้ยั่วโมโหนิมาที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ เธอ นิมานั่งเงียบทำหน้าที่ของเธอที่เหมือนได้รับมอบหมายแกมบังคับ
“กินเข้าไปเลยแก เวลาคันไม่เข็ดบ้างหรืออย่างไรกัน ตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้แล้ว ก็ยังเลือกที่จะกินอยู่” ทองทัดหัวเราะเล็กๆ เมื่อน้องสาวจ้องกุ้งที่ถูกแกะออกจนพร้อมรับประทานวางอยู่ในจาน
“ชักจะเชื่อแล้วค่ะ ว่าเป็นแม่บ้านแม่เรือนจริงๆ ย้ายไปอยู่ด้วยกันก็ดีนะคะ ทิพย์จะได้มีเพื่อน ไม่ต้องไปเป็นก้างขวางคอพี่ชายด้วย” ทองทิพย์หัวเราะเล็กๆ เมื่อเห็นหน้าดุดุของพี่ชายของเธอ
“เดี๋ยวค่ะ น้ำจิ้มเผ็ดมากนะคะ ตักพริกมาเยอะขนาดนั้นจะทานได้หรือคะ” นิมาอยากจะตีตัวเองนักที่เผลอพูดออกไปอย่างนั้น
“จริงด้วยค่ะ กินเข้าไปอาจจะถึงตายก็เป็นได้ คงพ่นไฟออกทางปากได้แน่ๆ ขอบคุณนะคะ ที่เป็นห่วง” ทิพย์หันไปยิ้มแล้วแอบยักคิ้วแหย่นิมา
“ไม่ได้ห่วงค่ะ แค่ถามเฉยๆ ถ้าทานได้ก็ทาน” นิมาพูดเสียงเรียบๆ
“ท่าทางน้องคุณนา ไม่ค่อยชอบทิพย์นะคะ แค่นี้ก็ต้องดุด้วยแค่แหย่เล่นนิดเดียวเอง” ทองทิพย์ยังไม่ยอมเลิกรา นิมาจึงหยิกเข้าที่มือข้างซ้ายซึ่งวางอยู่บนตัก ทองทิพย์รู้สึกเจ็บจี๊ดแต่ก็แอบยิ้มทะเล้นและแก้แค้นโดยนำมือของเธอไปกุมมือของนิมาไว้ เพราะทองทิพย์รู้ว่านิมาคงไม่ขัดขืนแน่ๆ ด้วยความเกรงใจที่มีให้กับพี่ชายของเธอ
“นิ่มคงเหนื่อยมากกว่าค่ะ ทำงานทั้งวันกว่าจะเสร็จก็ค่ำมืด” นารินยิ้มให้น้องสาวของเธอ นิมานั่งเงียบไม่ได้พูดอะไรอีก คอยมองนาฬิกาซึ่งวันนี้เธอรู้สึกว่ามันเดินช้าเสียเหลือเกิน ผิดกับทุกวันที่เธอต้องทำงาน ซึ่งในขณะนั้นเธอรู้สึกว่าเวลาช่างเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน
“ปล่อย” นิมาพูดขึ้นลอยๆ ทั้งนารินและทองทัดหันมามองที่เธอเป็นตาเดียว
“เป็นอะไรไปครับ น้องนิ่ม” ทองทัดถามขึ้นทันที
“เปล่าคะ พี่ทัด นิ่มคิดอะไรเพลินๆ อยู่น่ะคะ” นิมายิ้มกลบเกลื่อนก่อนที่จะหันมาชำเลืองมองคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งนั่งยิ้มแป้น คงมีความสุขที่ได้แกล้งเธอ นิมาคิด
การสนทนาบทโต๊ะอาหารส่วนใหญ่ก็เป็นการพูดคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไป เรื่องงาน เรื่องชีวิตประจำวัน คนที่ถูกซักถามมากที่สุดก็คงจะเป็นทองทิพย์ โดยเฉพาะคนที่เป็นพี่ชายเริ่มถามเรื่องการทำงานว่าน้องสาวจะเอาอย่างไร จะเริ่มเมื่อไหร่
“เรื่องงานว่าอย่างไรบ้าง พี่ยกกิจการของทั้งพ่อกับแม่ให้ทิพย์ทั้งหมดเลยดูแลเอาเอง ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นชื่อแกหมดแล้ว เพราะฉะนั้นช่วยไปรับผิดชอบดูแลเสียด้วยนะ” ทองทัดพูดแกมบังคับกับทองทิพย์
“โห กลับมาถึงก็จะให้ทำงานเลย ก็ให้คนที่เขาทำอยู่ทำไปก่อนก็ได้ค่ะ เอา ไว้ทิพย์พร้อมก่อนนะคะ พี่ทัด” ทองทิพย์พูดอ้อนพี่ชายของเธอ
“ก็ได้เอาไว้เข้าไปคุยกันที่บ้าน จะได้ดูพวกเอกสารด้วย ตกลงกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกันนะ”
“ให้คุณนิมาตัดสินใจ ถ้าคุณนิมาไปอยู่ ทิพย์ก็จะไปอยู่ ตกลงตามนี้ค่ะ”
“เกี่ยวอะไรกับนิ่มด้วยล่ะคะ” นิมาที่นั่งเงียบอยู่นาน พูดขึ้นทันที
“เบาๆ ก็ได้นิ่ม ถามเสียงดังเหมือนจะดุคุณทิพย์เลยนะ” นารินพูดปรามน้อง สาวของเธอ
“ก็ได้ค่ะ ทำไมนิ่มถึงต้องเป็นคนตัดสินใจคะ คุณทองทิพย์” นิมาหันมาจ้องมองดวงตาคู่สวยของทองทิพย์
“ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบายค่ะ เอาเป็นว่าตามนั้นนะคะ พี่ทัด” ทองทิพย์ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของนิมา และทำเหมือนไม่สนใจด้วย
ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จะรู้สึกอย่างไร
“นิ่มขอตัวกลับก่อนนะคะ รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ เหมือนจะไม่สบายค่ะ” นิมาพูดขึ้นทำเอาทั้งว่าที่พี่เขยและพี่สาวถามด้วยความเป็นห่วง
“ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับพร้อมกันเลยครับ” ทองทัดออกความคิดเห็น
“อย่าเลยค่ะ ทานกันต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวนิ่มนั่งรถแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่ทัด” นิมายิ้มจางๆ ให้พี่สาวของเธอที่กำลังเฝ้าสังเกตอาการแปลกๆ ของน้องสาวที่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจ
“ถ้าอย่างนั้น ทิพย์อาสาไปส่งให้ดีกว่าค่ะ พี่ทัดกับคุณนารินจะได้สบายใจ” ทองทิพย์รีบเสนอตัว
“ไม่ต้องค่ะ ไม่รบกวนดีกว่า ขอตัวก่อนนะคะ” นิ่มมาพนมมือไหว้ทองทัดก่อนที่จะแยกตัวออกไป โดยมีทองทิพย์ซึ่งกำลังพนมมือไหว้นารินเพื่อที่จะตามนิมาออกไปอีกคน
“ทิพย์ไปส่งเองค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ทองทิพย์บอก
“ขอบคุณนะคะ”
“ยินดีค่ะ ไปก่อนนะคะ พี่ทัด”
“ขับรถดีดีนะแก” ทองทัดตะโกนบอกน้องสาวที่กำลังวิ่งตามนิมาออกไปที่หน้าร้าน
“ทัดว่าน้องของเราสองคนแปลกๆ หรือเปล่าคะ บางทีก็ดูเหมือนคนที่ไม่ค่อยจะถูกกัน แต่บางทีก็ดูเหมือนจะห่วงใยกัน อย่างตอนที่นิ่มท้วงคุณทิพย์เรื่องน้ำจิ้มว่ามันเผ็ดมาก แถมตอนนี้น้องสาวทัดก็อาสาจะไปส่งนิ่ม ซึ่งดูท่าทางเหมือนจะเป็นห่วงอีกเช่นกัน” นารินบอกสิ่งที่เธอสังเกตเห็น
“ทัดก็สังเกตนะ ปกติน้องนิ่มก็จะไม่เงียบขนาดนี้ แต่ไอ้เจ้าน้องสาวของทัดก็ไปพูดจากกวนโมโหน้องนิ่มอยู่หลายครั้ง ก็อาจจะเคืองๆ อยู่บ้างก็ได้ ไอ้เรื่องกวนโมโหคนน้องสาวทัดถนัดนัก นารินยิ้มๆ กับคำพูดของทัด
ทองทิพย์วิ่งตามนิมามาจนถึงที่ด้านหน้าลานจอดรถของร้านอาหาร ซึ่งเธอ พยายามส่งเสียงเรียก แต่นิมาก็ไม่ได้สนใจ ทองทิพย์จึงรั้งข้อมือไว้ นิมาหันมามองสบตากับทองทิพย์และพยายามที่จะสะบัดมือให้หลุดออกจากการเหนี่ยวรั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล
“ถ้าไม่ยอมไปด้วยกันดีดี ทิพย์จะกอดนิ่มกลางลานจอดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ” ทองทิพย์พูดดูจริงจัง
“ปล่อยมือนิ่มเดี๋ยวนี้นะคะ” นิมาพูดเสียงดัง
“ไม่ปล่อย ไปขึ้นรถด้วยกันเดี๋ยวนี้” ทองทิพย์พูดเสียงเข้ม
“ไม่ค่ะ” นิมาพูด ทองทิพย์จึงทำอย่างที่พูดขู่ไว้จริงๆ เธอเข้าสวมกอดนิมาอย่างที่ได้พูดไว้
“ถ้ายังไม่ยอมดีดีละก็ โดนจูบแน่ๆ นิ่มคงรู้ว่าทิพย์กล้าทำใช่ไหม” ทองทิพย์กอดกระชับคนที่พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเธอ
“ทิพย์ก็คงรู้ว่านิ่มไม่ชอบให้ใครมาบังคับ” นิมาพูดเสียงอ่อยๆ เธอไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับอ้อมกอดของทองทิพย์ที่กำลังถ่ายทอดความอบอุ่นและความอ่อนโยนซึ่งเธอสัมผัสได้ ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
“ไม่บังคับก็ได้ค่ะ ถ้าขอร้องจะยอมให้ไปส่งไหม” ทองทิพย์คลายอ้อมกอดของเธอในทันที เพราะคำถามขอเธอได้รับคำตอบจากการพยักหน้าตอบรับของนิมา แล้วในขณะนี้