ตอนที่ 25
พุทธชาดนัดแป้งร่ำมารับประทานอาหารกลางวันที่ร้านพุทธรักษาซึ่งเป็นร้านของรักษาคนรักของเธอ แป้งร่ำตอบตกลงในทันทีที่พุทธชาดบอกกับเธอว่าอยากให้มาคุยกันเรื่องของนิมา ซึ่งพอจะมีความคืบหน้าเรื่องโทรศัพท์ลึกลับที่กลุ่มเพื่อนๆ พอจะทราบ แต่ผลของการทดลองโทรไปของพุทธชาดไม่ได้ผลอะไร
“ฉันเหมือนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมากมายเหลือเกินนะ เมื่อครั้งก่อนก็เรื่องของคุณพุดกับคุณรักก็ทีหนึ่งแล้ว รีบวิ่งแจ้นมาทันทีเมื่อมีเรื่องราวเกิดขึ้น นี่ก็มาแม่นิ่มนวลอีกคน ถ้ามีเพื่อนสนิทมากกว่านี้มีหวังการงานไม่ต้องทำกัน” แป้งร่ำพูดเสียยืดยาวแต่ก็ยิ้มๆ ทะเล้นๆ ให้กับทั้งพุทธชาดและรักษา
“เพราะคุณแป้งเป็นคนน่ารักมาก เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนทุกคน” รักษายิ้ม
“ชมหรือด่าอยู่คะ คุณรัก ฟังดูก็ยังเหมือนยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่ดี” แป้งร่ำทำหน้าทะเล้นใส่พุทธชาด
“ฉันเห็นด้วยกับคุณรัก ว่าแป้งน่ารักเสมอสำหรับพวกเรา ยิ่งครั้งนี้ยิ่งเป็นห่วงมากใช่ไหมกับแม่นิ่มนวลของเธอ” พุทธชาดถาม
“ใช่สิ ตอนแม่นิ่มนวลอกหักเมื่อครั้งก่อน ฉันยังจำได้ดี ไปตามดุตามว่าเรื่องให้กลับมาร่ำเรียนเล่นเอาเหนื่อย กว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้ก็แทบแย่ เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าถ้าอกหักอีกครั้งมันจะเหมือนเมื่อคราวก่อน” แป้งร่ำนึกถึงเรื่องราวในครั้งนั้นก็แอบถอนใจเล็กๆ
“ตอนนั้นอาจยังเด็กอยู่นะคะ อีกอย่างเป็นรักครั้งแรกด้วยใช่หรือเปล่าคะ รักจำได้ว่าพุดเล่าให้ฟัง หลังจากที่เราพอจะรู้ว่าคุณทิพย์เข้ามาในชีวิตคุณนิ่ม” รักษาหันไปถามพุทธชาดซึ่งพยักหน้าแทนคำตอบ
“ใช่ค่ะ แต่พุดเชื่อว่านิ่มน่าจะแข็งแกร่งขึ้นนะคะ เพราะหลังจากนั้นมาไม่เคยแสดงออกถึงความอ่อนแอไม่ว่าจะเรื่องอะไรให้เราเห็นอีกเลย” พุทธชาดพูด
“ขอให้แข็งแรงอย่างที่ว่าจริงๆ เถอะนะ เพราะแม่สาวร้ายก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาใจไม่ถูก บทจะร้ายก็ร้ายขึ้นมาเฉยๆ ไอ้เพื่อนเราก็ใจดีเหลือเกิน ไม่ใช่สิคงต้องบอกว่าไปหลงรักเขามากเกินไปมากกว่า” แป้งร่ำพูดบ่นแต่ก็มีความเป็นห่วงอยู่เต็มหัวใจ
“เอาเถอะน่า จะสมหวังหรือจะผิดหวัง แม่นิ่มนวลก็จะมีพวกเราเคียงข้างอยู่เสมอ เราเคยผ่านมันมาได้กับหลายๆ เรื่อง ครั้งนี้พวกเราก็จะพาเพื่อนไปได้แน่ๆ ไม่ว่าจะสมหวังหรือไม่ก็ตาม พุดพร้อมจะยิ้มให้ถ้าเพื่อนมีความสุขแล้วก็พร้อมจะเช็ดน้ำตาให้เสมอเมื่อเพื่อนมีความทุกข์” พุทธชาดพูดด้วยความมั่นใจทำให้รักษายิ้มกว้างขึ้นกับความน่ารักของคนรักของตัวเอง
“ดีใจนะคะ ที่ได้ยินแบบนี้” รักษากุมมือพุทธชาดเอาไว้แนบแน่น
“ฉันก็เหมือนกัน เอาไงเอากัน แต่ก็ภาวนาให้แม่นิ่มนวลสมหวังนะ” แป้งร่ำยิ้มให้กับทั้งรักษาและพุทธชาด
นิมาเตรียมอาหารกลางวันไว้สำหรับทองทิพย์ตามที่ได้รับปากไว้ แต่เวลานี้ก็บ่ายแล้วยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมา รวมถึงไม่โทรมาบอกด้วยว่าจะเข้ามาหรือไม่ นิมาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเดินไปเดินมาและมองออกไปทางด้านหน้าร้านอยู่บ่อยครั้ง
“ไม่โทรไปล่ะคะ พี่นิ่ม” พนักงานของร้านพูดกับนิมาที่หยุดเดินในทันทีที่ได้ยินสิ่งที่สาวน้อยที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าพูดออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ อาจจะคงยุ่งๆ เรื่องงานอยู่ เอาเป็นว่าถ้าคุณทิพย์มาถึงล่ะก็ ฝากอุ่นอาหารให้ด้วยนะคะ พี่ไปทำงานข้างในก่อนนะ” นิมายิ้มก่อนที่จะเดินเข้าไปทางด้านหลังของตัวร้านซึ่งเป็นห้องทำงานของเธอ
“ได้ค่ะ” พนักงานสาวกลับไปทำงานของเธอต่อ
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น นิมารีบหยิบขึ้นมาดูในทันทีแต่ภาพที่เห็นหน้าจอไม่ได้เป็นการโทรเข้าจากคนที่เธอรอคอย กลับเป็นแป้งร่ำเพื่อนรักของเธอ
“สวัสดี แป้ง” นิมาทักทาย
“ทำไมเสียงเหี่ยวแห้งขนาดนั้นล่ะคะ แม่นิ่มนวล” แป้งร่ำรู้สึกว่าเพื่อนของเธอเสียงไม่สดใสเหมือนเคย
“ไม่มีอะไร มีอะไรให้แม่ค้าขนมรับใช้คะ คุณแป้งร่ำ” นิมายิ้มเล็กๆ เมื่อได้พูดหยอกล้อเพื่อน
“อยากกินขนม แต่ว่าขี้เกียจไปที่ร้าน” แป้งร่ำหันมาหัวเราะกับรักษาและพุทธชาดที่กำลังส่ายหน้ากับเพื่อนที่ชอบแกล้งแหย่นิมาอยู่บ่อยๆ
“อยู่ที่ไหนคะ จะนำไปส่งให้ค่ะ” นิมารู้ว่าแป้งร่ำพูดแหย่เธอก็เลยแกล้งถามกลับไปเช่นนั้น
“ใจดีจริงๆ แต่ขอเป็นสาวสวยชุดหนังสีดำกับเจ้ามดดำยักษ์เป็นคนมาส่งขนมได้ไหมคะ แม่นิ่มนวล” แป้งร่ำพยายามกลั้นหัวเราะของตัวเองไว้ เพราะกำลังนึกภาพนิมาที่คงอยากจะหยิกเธอเป็นแน่
“ไม่ตลก” นิมาพูดเพียงแค่นั้น ทำเอาคนฟังยิ้มจ๋อยๆ จนพุทธชาดกับรักษากลับเป็นคนกลั้นหัวเราะแทนเมื่อเห็นหน้าจ๋อยๆ ของแป้งร่ำ ซึ่งพุทธชาดกับรักษาเดาได้ว่าคงโดนคำพูดอะไรตอกกลับมาแน่ๆ
“เสียงเขียวไปนะคะ แม่นิ่มนวล เล่นเอาเพื่อนจ๋อยไปเลยรู้ไหม” แป้งร่ำบอกปลายสายไปตามตรงและรีบส่งต่อโทรศัพท์ให้พุทธชาดในทันที จากน้ำเสียงนั้นก็พอ จะรู้ว่าเพื่อนรักอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“สวัสดี นิ่ม” พุทธชาดทักทายนิมา
“สวัสดี คุณพุด”
“ไปดุอะไรแม่เพื่อนจอมทะเล้นเข้าล่ะ นี่แทบจะโยนโทรศัพท์มาให้พุดคุยแทนเลยนะ” พุทธชาดถาม
“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แค่บอกว่า ไม่ตลก ก็แค่นั้นเอง”
“โดนดุนั่นเอง ทำไมต้องดุเพื่อนขนาดด้วยล่ะ ปกติก็ไม่เห็นจะเคยดุแป้งจนต้องให้พุดมาคุยแทนแบบนี้ มีเรื่องอะไรทำให้อารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า” พุทธชาดรู้สึกแปลกใจ เพราะปกตินิมาแทบจะไม่เคยอารมณ์เสียให้เห็น
“ไม่มีอะไร ว่าแต่อยู่ที่ไหนกันคะ” นิมาพยายามเบี่ยงเบนเรื่องที่พุทธชาดถามเธอ เพราะตัวเธอเองก็รู้สึกผิดที่ไปพูดน้ำเสียงไม่ค่อยดีกับแป้งร่ำ
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง มีอะไรบอกมาเดี๋ยวนี้” พุทธชาดคาดคั้นเพราะคิดว่าอย่างน้อย การได้พูดออกมาคงทำให้เพื่อนรักของเธอสบายใจขึ้น
“สาวร้ายของพุดนัดไว้แล้วไม่มา” นิมาพูดเสียงอ่อยๆ
“นัดแล้วไม่มา เลยทำให้แม่นิ่มนวลของพวกเราอารมณ์เสียงจนแป้งร่ำจ๋อยไปเลย” พุทธชาดหัวเราะตามมาหลังจากพูดจบ
“ไม่ได้อารมณ์เสียสักหน่อย” นิมายังคงโต้แย้ง
“ก็ได้ เดี๋ยวพุดจะโดนดุอีกคน นัดอะไรอย่างไร แล้วทำไมถึงเบี้ยวล่ะ”
“นัดให้เตรียมอาหารกลางวันให้ จนนี่ก็จะเย็นแล้ว โทรก็ไม่โทรจะไม่ให้โมโหได้อย่างไรล่ะ” นิมาบอกกับพุทธชาดด้วยน้ำเสียงเข้มๆ
“เป็นห่วงหรือโกรธ” พุทธชาดถามยิ้ม
“ก็ทั้งสองอย่างค่ะ ไม่มาก็น่าจะโทรบอก หายไปเฉยๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน” นิมายังคงพูดเสียงเข้มๆ นั่นทำให้พุทธชาดอมยิ้มและนึก
ในใจว่าเพื่อนรักของเธอท่า ทางจะเป็นเอามาก
“งานเข้าสาวร้ายล่ะคราวนี้ เย็นนี้ก็กลับไปเล่นงานที่บ้าน อย่าหนักนักนะ เดี๋ยวจะตายเสียก่อน แค่กอดแค่จูบแก้แค้นก็พอแล้ว” พุทธชาดนึกขำแต่ก็คิดว่าคนที่ฟังอยู่คงอยากจะบีบคอเธอแน่ๆ แป้งร่ำหัวเราะเสียงดังกรอกเสียงไปทางโทรศัพท์ด้วยอยากแก้แค้นเพื่อนที่แกล้งดุเธอไปเมื่อสักครู่
“จับถอดเสื้อผ้าเสียด้วยก็ดี ถ้าร้ายนัก” แป้งร่ำพูดกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ที่พุทธชาดยังคงถืออยู่
“สองคนนี้ก็ชอบไปแหย่ คุณนิ่ม” รักษาปรามทั้งพุทธชาดและแป้งร่ำ
“เอาล่ะ ก็กลับบ้านเร็วๆ หน่อย พุดคิดว่าสาวร้ายต้องรีบกลับไปแก้ตัวที่บ้านแน่ๆ นิ่มต้องกลับไปทำมื้อค่ำให้พี่นากับพี่ทัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” พุทธชาดถาม
“ใช่ค่ะ คุณพุด แต่กลับเลยดีกว่าเย็นนี้ลูกค้าไม่เยอะมาก” นิมาอยากรีบกลับไปอย่างที่พุทธชาดบอก
“รีบกลับไปจัดการที่ปล่อยให้รอ หรือรีบไปทำของอร่อยๆ รอกันนะ”
“ยังไม่เลิกแหย่อีกนะคะ ไปแล้ว คุณพุดแปรพักตร์ไปรักสาวร้ายไม่รักเพื่อนอย่างนิ่มแล้ว น่าน้อยใจจริงๆ ไว้คุยกันใหม่นะคะ ฝากสวัสดี
คุณรักกับแป้งด้วยนะคะ” นิมาอมยิ้ม เมื่อได้พูดคุยกับทั้งแป้งร่ำและพุทธชาด ซึ่งยามใดที่เธอไม่สบายใจ เพื่อนรักของเธอมักจะทำให้เธอสบายใจได้ในเวลาไม่นานนัก
“ยิ้มได้แล้วใช่ไหม แม่นิ่มนวล” พุทธชาดยิ้มเพราะเสียงของเพื่อนเธอดูจะกลับมาเป็นปกติแล้ว
“ขอบคุณนะคะ คุณพุด”
“ยินดีมากค่ะ แม่นิ่มนวล” พุทธชาดยิ้ม แป้งร่ำและรักษาก็ยิ้มด้วยเช่นกัน
ทองทิพย์โทรศัพท์หานิมาหลายครั้ง หลังจากที่ออกจากห้องประชุมกับงาน ที่เธอไม่คิดว่าจะมากมายและวุ่นวายขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีการ
ตอบรับใดๆ จากปลายสาย ทองทิพย์รู้สึกผิดที่นัดหมายไว้เมื่อตอนกลางวันแต่เธอก็ไม่ได้ไปตามนัดและยังไม่ได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้นิมาทราบ รู้สึกโกรธตัวเองที่มาคิดถึงเรื่องโทรศัพท์เอาก็เย็นย่ำป่านนี้แล้ว เพราะมัวแต่คิดเรื่องงานที่เพิ่งเข้ามาดูและเกิดปัญหามากมายซึ่งเธอต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย
“ตายแน่ ทองทิพย์” ทองทิพย์กำลังคิดหาวิธีขอโทษนิมา
อาหารมื้อค่ำพร้อมแล้วที่ ณ ตึกใหญ่ซึ่งเป็นเรือนหอของทองทัดและนาริน แต่ผู้ร่วมรับประทานยังไม่พร้อม ทองทัดเดินไปชะเง้อมองออกไปทางด้านหน้าบ้านทำท่าเหมือนรอใครอยู่ ซึ่งทั้งนารินกับนิมาคิดเช่นเดียวกันว่า น่าจะรอน้องสาวซึ่งโทรมาบอกเอาไว้ว่ากำลังเดินทางกลับมา ทองทัดยิ้มเมื่อเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้าน เจ้าของบ้านรีบเดินไปเปิดทั้งนารินกับนิมาจึงเดินออกไปดูว่าทองทัดออกไปต้อนรับใคร
ชายหนุ่มรูปงามทักทายทองทัดอย่างสนิทสนมดูท่าทางจะรู้จักคุ้นเคยกันมานาน นารินรู้สึกแปลกใจเพราะทองทัดไม่เคยบอกเธอมาก่อนว่าจะมีเพื่อนมาร่วมรับประทานอาหารด้วย แต่อย่างไรเสียเธอกับนิมาก็คงต้องต้อนรับอย่างดีเท่าที่เจ้าบ้านจะทำได้อย่างเต็มที่
“นายวาทิต นี่นารินภรรยาพี่เอง” ทองทัดแนะนำชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดิน
เข้ามาพร้อมๆ กันให้รู้จักกับนาริน
“สวัสดีครับ พี่นา”
“สวัสดีค่ะ คุณวาทิต”
“เรียกผมว่า วา ก็ได้ครับ”
“สวัสดีค่ะ วา” นารินยิ้มให้ชายหนุ่มที่ดูท่าจะเป็นรุ่นน้องที่สนิทสนมกับสามีของเธอด้วยความเป็นมิตร
“พี่นา ดูสวยกว่าในรูปที่พี่ทัดส่งให้ผมดูอีกนะครับ” วาทิตยิ้มให้นารินและยิ้มเลยไปที่นิมาซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังของพี่สาว
“ขอบคุณนะคะ” นารินบอกขอบคุณวาทิตพร้อมรอยยิ้ม
“ส่วนสาวสวยที่ยืนอยู่โน่น ชื่อ นิมา เป็นน้องสาวของนาริน เรียก นิ่ม ก็ได้” ทองทัดแนะนำวาทิตกับนิมาให้รู้จักกัน นิมาพนมมือไหว้ทักทายเพราะคาดเดาเอาว่าเธอน่าจะอ่อนวัยกว่า
“สวัสดีครับ น้องนิ่ม” วาทิตรับไหว้และทักทายนิมา
“สวัสดีค่ะ คุณวาทิต”
“เรียกพี่วา ดีกว่านิ่ม สั้นๆ เจ้าคนนี้อัธยาศัยดี เป็นสุภาพบุรุษเต็มร้อยและที่สำคัญโสดสนิท จัดอยู่ในจำพวก หล่อ รวย เก่ง แต่ยังหาแฟนไม่ได้น่ะ” ทองทัดหัวเราะทำเอาวาทิตยิ้มจ๋อยๆ สองพี่น้องก็ยิ้มๆ กับสิ่งที่ทองทัดบรรยายสรรพคุณของแขกผู้มาเยือน
“สรรพคุณที่สาธยายมา ตอนแรกๆ ก็ฟังดูดีนะครับ แต่การตบท้ายของพี่ทัดนั่นแหละที่ทำให้ผมขายไม่ออก” วาทิตพูดยิ้มๆ
“นายวา เป็นรุ่นน้องทัดตั้งแต่สมัยมัธยมและก็ติดต่อกันมาเรื่อย กลับมาเมืองไทยก็ได้พบกันบ้าง แต่กลับมาคราวนี้มีดีกรีดุษฎีบัณฑิต
กลับมาให้สาวๆ รุมตอมเสียด้วย ครบสูตรเลยล่ะนายคนนี้” ทองทัดบอกกับนารินแล้วยิ้มๆ มองไปทางนิมาซึ่งไม่ได้สนใจสิ่งที่ทองทัดพูดนัก
หากแต่เธอกลับชะเง้อมองไปทางหน้าบ้านมากกว่า
“ยินดีด้วยนะคะ ด็อกเตอร์” นารินพูดแสดงความยินดีกับวาทิต
“ขอบคุณครับ พี่นา” วาทิตพนมมือไหว้แสดงความขอบคุณ
“ไปลองชิมฝีมือสาวๆ บ้านนี้ดูบ้าง เผื่อจะติดใจ” ทองทัดพูดเป็นนัยๆ คนฟังพอจะเข้าใจว่าทองทัดกำลังพูดถึงนิมา
การสนทนาระหว่างมื้ออาหารนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ซึ่งก็เหมือนว่าทองทิพย์ดูจะถูกลืมไปเลย หลังจากแขกผู้มาเยือนมาถึง ก็ไม่มีใครพูดถึงทองทิพย์อีก มีเพียงนิมาที่รู้สึกเป็นห่วงคอยฟังเสียงรถยนต์และชะเง้อมองออกไปด้านนอกอยู่บ่อยๆ
“น้องนิ่ม ทำอาหารอร่อยมากครับ” วาทิตพูดชมนิมาพร้อมกับตักอาหารใส่จานให้นิมา
“ขอบคุณค่ะ นิ่มไม่รู้ว่าจะมีแขก พี่ทัดไม่ได้บอกก็เลยไม่ได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษไว้ต้อนรับค่ะ” นิมาพูดออกตัว
“พี่ต่างหากนะครับ ที่ต้องขอบคุณน้องนิ่ม คิดถึงอาหารไทยแทบแย่ พอได้ชิมก็ได้ทานของอร่อยทั้งนั้นเลย” วาทิตยิ้มให้นิมาที่ต้องหัน
มาสนใจวงสนทนาเพราะจะเป็นการเสียมารยาท หากว่าเธอจะยังคงชะเง้อมองและสนใจกับคนที่ยังมาไม่ถึง
ทองทิพย์ได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยกันดังออกมาถึงนอกบ้าน นึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้มื้อค่ำดูท่าทางจะสนุกสนานครื้นเครง หรือมีการฉลองอะไรกันเกิดขึ้น ทองทิพย์ยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่เธออยากพบมาตลอดทั้งวัน และรู้สึกผิดที่ผิดนัดรวมถึงอยากขอโทษด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ที่ยังคงวางไว้ที่เบาะหลังรถ ทองทิพย์ยิ้มกับดอกไม้ช่อนั้นก่อนที่จะรีบเข้าไปที่ตึกใหญ่ ชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งข้างนิมาทำให้สีหน้าของทองทิพย์ที่ยิ้มกับตัวเองเมื่อสักครู่เปลี่ยนไปในทันที รวมถึงท่าทีที่นิมาดูไม่ ได้สนใจอะไรนักกับการกลับมาของเธอ
“ไปไหนมาแก กลับมาเสียค่ำเลย” ทองทัดทักทายน้องสาวที่เพิ่งกลับมา
“ก็เรื่อยเปื่อยค่ะ กลับช้าหรือเร็วก็ไม่ได้มีใครสนใจอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ”
“รถติดละสิท่า อารมณ์เสียมาเลยแม่น้องสาว ทิพย์นี่ วาทิต เพื่อนรุ่นน้องพี่เอง เรียก พี่วา เหมือนที่นิ่มเรียกก็ได้ แล้วนี่ทิพย์ หรือนางสาวทองทิพย์ น้องสาวตัวแสบที่พี่เล่าให้นายฟังบ่อยๆ นั่นแหละ” วาทิตยิ้มๆ กับทองทัดที่แนะนำน้องสาวแปลกๆ แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเขาจึงทักทายทองทิพย์ขึ้นก่อน
“สวัสดีครับ น้องทิพย์” วาทิตลุกขึ้นยืนและยิ้มให้ทองทิพย์
“สวัสดีค่ะ พี่วา” ทองทิพย์พนมมือไหว้ตามมารยาท แต่สายตากลับไปสนใจอยู่ที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ วาทิตมากกว่า” นิมาไม่ยอมชายตามามองเธอเลยสักนิดถึงแม้ตอนนี้เธอจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับนิมาก็ตาม
“รถติดหรือคะ” นารินถาม เพราะดูท่าทางคนที่เพิ่งมาถึงดูเหนื่อยๆ
“ไม่มากค่ะ พอดีทิพย์แวะซื้อ เอ่อซื้อของนิดหน่อยค่ะ เลยกลับมาช้า”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวพี่เอาน้ำสมคั้นมาให้ดีกว่านะคะ จะได้สดชื่นขึ้น” นารินบอกกับทองทิพย์และทำท่าจะลุกไปจากโต๊ะ แต่นิมาก็ทัดทานไว้ก่อน
“เดี๋ยวนิ่ม จัดการให้เองค่ะ รอสักครู่นะคะ” นิมาบอกทองทิพย์โดยไม่มองคนที่กำลังมองเธออยู่เลยสักนิด
“ทิพย์ขอไปล้างมื้อก่อนนะคะ” ทองทิพย์รีบลุกตามนิมาออกมาทันที
นิมาไม่ทันสังเกตว่ามีคนเดินตามเธอเข้ามา กว่าจะรู้ตัวก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง เธอพยายามจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของทองทิพย์
“ทิพย์ขอโทษค่ะ พี่ผิดนัด” ทองทิพย์กระซิบบอกคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ
“นัดก็ไม่ได้สำคัญอะไร จะมาขอโทษทำไมกันคะ” นิมาพูดเสียงเข้ม
“โกรธหรือคะ” ทองทิพย์พูดน้ำเสียงออดอ้อน
“ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ ในเมื่อก็เพิ่งบอกไปว่านัดมันไม่ได้สำคัญอะไร”
“ไม่โกรธก็หอมได้สิ” ทองทิพย์อมยิ้มก่อนที่จะรีบหอมแก้มของนิมาโดยไม่ ให้เจ้าตัวได้ตั้งตัว
“ปล่อยได้แล้ว เรามีแขกอยู่ข้างนอกนะคะ” นิมาเอาเรื่องของวาทิตซึ่งมาเป็นแขกร่วมรับประทานอาหารมาเป็นข้ออ้าง
“หนุ่มหล่อ หน้าตาดี ขับรถหรู ก็เลยสำคัญกว่าผู้หญิงร้ายๆ อย่างทิพย์”
“แน่นอนค่ะ” นิมาพูดจบก็เดินกลับออกไปที่โต๊ะอาหารทันที โดยไม่ได้สนใจทองทิพย์ซึ่งมองตามเธอออกมา
ทองทิพย์ไม่ค่อยพอใจนักกับการแสดงออกของนิมาที่ดูจะเอาอกเอาใจแขกผู้มาเยือนมากจนเกินไป และที่สำคัญพี่ชายของเธอดูจะเต็มใจช่วยเหลือถึงขั้นออกแรงสนับสนุนเลยก็ว่าได้
“เออ พี่ลืมบอกนิ่ม ดร.วา จะไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับนิ่มเลยนะครับ คงได้พบกันบ่อยๆ แน่” ทองทัดพูดยิ้มๆ มองสบตากับนารินที่นึกขำกับการออกแรงเชียร์อย่างเห็นได้ชัด ตัววาทิตก็ยิ้มเช่นกัน
“หรือคะ ดีใจจังเลยค่ะ พี่วาคุยสนุกดี อีกอย่างนิ่มคงต้องขอคำแนะนำเรื่องหนังสือด้วยค่ะ ขออนุญาตไว้เสียแต่ตอนนี้เลยนะคะ” นิมา
ยิ้มให้วาทิตและเหลือบมองไปทางทองทิพย์ที่จ้องเธอไม่วางตาเลยตั้งแต่กลับมานั่งร่วมโต๊ะอาหาร
“ยินดีครับ เอาไว้พี่จะเอารายการหนังสือที่มีอยู่ส่งให้ นิ่มก็ลองเลือกดูแล้วแล้วค่อยนัดไปรับที่มหาวิทยาลัยก็ได้ครับ” วาทิตพูดด้วยความเต็มใจ
“ขอบคุณค่ะ” นิมาพนมมือไหว้ขอบคุณวาทิต
“น้องทิพย์ครับ พี่คงต้องขออนุญาตไปรบกวนเรื่องสถานออกกำลังกายและขอแนะนำด้วยนะครับ พี่ทัดคุยนักคุยหนาเรื่องการฝึกสอนที่น้องทิพย์เรียนมาเฉพาะทางสำหรับเรื่องของการออกกำลังกาย”
“ยินดีค่ะ พี่วาว่างเมื่อไหร่ก็เชิญได้เลยค่ะ ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ แต่ตอนนี้ทิพย์ขอตัวก่อนนะคะ รู้สึกเพลียๆ มีแฟ้มงานที่จะต้องดูอีกหลายแฟ้มเหมือนกันค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่วา” ทองทิพย์มองสบตากับนิมา ดวงตาคู่สวยที่เคยมองเธอด้วยความห่วงใย หากแต่ในขณะนี้ดูเย็นชาจนทำให้หัวใจของทองทิพย์รู้สึกแปลกๆ
“ยินดีเช่นกันครับ ผมก็คงต้องขอตัวเช่นกัน มารบกวนนานแล้ว ทุกคนจะได้พักผ่อน เอาไว้เราไปสังสรรค์กันตามประสาผู้ชายก็แล้วกันนะครับ พี่ทัด ผมขออนุญาตเอาไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ พี่นา” นารินยิ้มๆ กับสิ่งที่วาทิตพูด
“ตามสบายค่ะ”
ทองทิพย์ไม่ได้รอส่งวาทิต เธอขอตัวแยกไปพักผ่อน หลังจากการพูดคุยกันในห้องครัวเธอและนิมาก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย แม้แต่
คำเดียว นิมาเองก็ดูจะสนอกสนใจแขกผู้มาเยือนมากกว่า ทองทิพย์เดินเอื่อยๆ มานั่งรับลมเย็นๆ อยู่ที่หน้าตึกซึ่งเป็นที่พักของเธออยู่สักพัก ความเหนื่อยล้าที่ต้องอยู่ในห้องประชุมและดูเอกสารมาเกือบทั้งวันทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายเริ่มจะไม่ไหว ดอกไม้ช่อใหญ่ที่ซื้อมายังคงวางอยู่ข้างๆ เธอ นิมาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าตึกที่พักของตัวเองกำลังจะเปิดประตูเข้าไปได้ภายในก็ได้ยินเสียงของทองทิพย์ดังขึ้น
“พี่กับน้องก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ ชอบคนหน้าตาดี หน้าที่การงานดี รวย แค่นั้นก็พอแล้วหรืออย่างไรกันคะ” ทองทิพย์พูดขึ้นลอยๆ
“หมายความว่าอย่างไร ที่ว่าพี่น้องเหมือนกัน” นิมาพูดเสียงเข้ม เพราะมีการพาดพิงไปถึงพี่สาวของเธอ
“ก็เหมือนอย่างที่พูดนั่นแหละคะ ความเหมาะสมมันคงสำคัญกว่าความรักล่ะสิ” ทองทิพย์พูด นิมาเดินเข้ามาใกล้ๆ ทองทิพย์และจ้องเขม็งไปที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มองจ้องเธอไม่ลดละเช่นกัน
“มันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่ใช่หรือคะ ที่จะคบกับใครด้วยเหตุผลอะไร”
“ก็ใช่ ก็ดี จะได้รู้ไว้ว่าเป็นแบบนี้ เอาไปดอกไม้ตั้งใจซื้อมาเพื่อจะขอโทษที่ผิดนัด แต่ตอนนี้ไม่ดีกว่า ฝากเอาไปทิ้งลงถังขยะด้วยนะ อ้อแล้วขอให้นอนหลับฝันดีอย่าลืมฝันถึงไอ้ด็อกเตอร์รูปหล่อนั่นด้วยล่ะ” ทองทิพย์พูดจบก็เดินจ้ำอ้าวหายเข้าไปในตึกที่พักทันที นิมามองดูดอกไม้ที่รับมาจากทองทิพย์
“จะมีอีกไหม วันที่เราจะพูดกันดีดี หัวเราะด้วยกันเหมือนสองสามวันแรกที่เรารู้จักกัน ตอนนี้เราสองคนเหมือนจะเป็นศัตรูกันมากกว่าคนที่รู้สึกดีดีต่อกันแล้วรู้บ้างหรือเปล่าทิพย์” นิมาพูดกับตัวเอง หอบดอกไม้ช่อใหญ่เดินเข้าบ้านมาด้วยหัวใจที่อิดโรยหลังจากได้ยินคำพูดเหน็บแนมของทองทิพย์