ตอนที่ 30
ลมพัดพาเกลียวคลื่นเข้าหาฝั่ง กลุ่มสาวๆ ที่เพิ่งมาถึงรู้สึกสดชื่นเมื่อได้สูดกลิ่นอายทะเล วันแห่งการพักผ่อนกำลังเริ่มต้นขึ้น เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหลังจากที่ทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งริมชายหาด
“จัดการแบ่งห้องกันเองนะครับ” ทองทัดยิ้มให้กับเพื่อนๆ ของนิมา
“ขอบคุณ พี่ทัดกับพี่นามากค่ะ ที่เป็นจะเป็นเจ้าภาพให้พวกเราตลอดการพักผ่อนเลย ใจดีที่สุด” แป้งร่ำพูดแทนเพื่อนๆ
“พี่สองคนต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกเธอ ช่วยงานแต่งงานพี่อย่างขยันขัน แข็ง จ่ายค่าแรงให้ก็ไม่ยอมรับกัน แค่นี้มันน้อยไปเสียด้วยซ้ำนะคะ” นารินยิ้มให้กับเพื่อนๆ ของน้องสาวที่ยิ้มแป้นเมื่อได้รับคำชม
“เอาละครับ ชมกันไปมาไม่จบแน่ พี่ว่าแยกย้ายเข้าห้องพักกันก่อนดีกว่า เก็บของเรียบร้อยก็ใช้เวลาพักผ่อนตามอัธยาศัยนะครับ เจอกันมื้อค่ำสักหกโมงเย็นนะครับ” ทองทัดพูดสรุป ทั้งกลุ่มจึงต่างแยกย้ายกันเข้าห้องพัก
“นิ่มนอนห้องแป้งก็ได้นะ เดี๋ยวให้คุณสามีไปนอนห้องพี่วา” แป้งร่ำบอกกับนิมาซึ่งยิ้มจางๆ ให้ พุทธชาดกับแป้งร่ำเห็นเพื่อนเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจาอยู่นานแล้ว
“ไม่เป็นไร พี่ทัดจองห้องเผื่อไว้ คนเดียวสะดวกกว่า นิ่มจะมาแยกสามีกับภรรยานอนคนละห้องได้อย่างไรล่ะ ตามสบายไม่ต้องเป็นห่วง” นิมายิ้มให้เพื่อนทั้งสองก่อนที่จะหันไปสบตากับทองทิพย์ซึ่งมีเจนจิราเกาะแขนอยู่ไม่ห่าง และกำลังรั้งตัวให้เดินตามไปยังห้องพัก
“ถ้าอย่างนั้นให้เวลาเก็บของและพักผ่อนหนึ่งชั่วโมง ใครจะไปนั่งรถเล่นชมเมืองล่ะก็เชิญนะคะ” พุทธชาดพูดแล้วก็หันมองสบตากับทองทิพย์ที่ทำหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ได้ยินไปเมื่อสักครู่
“มาครับพี่ช่วยหิ้วของไปส่งให้” วาทิตอาสาช่วยหิ้วกระเป๋าให้นิมาซึ่งยิ้มให้ด้วยความขอบคุณในความมีน้ำใจ
รักษาและพุทธชาดเข้าห้องพักของตัวเอง พอประตูปิดลงรักษาก็เข้าสวม กอดพุทธชาดไว้แนบแน่นคนถูกกอดอมยิ้มกับความน่ารักของคนรักของเธอ
“มีอะไรคะ มาอ้อนแบบนี้” พุทธชาดถามรักษา
“ไม่ได้อ้อนอยากกอดเฉยๆ เราไม่ได้มาเที่ยวกันนานแล้วนะคะ มัวแต่ทำงาน ถ้าไม่ได้พี่ทัดกับพี่นาป่านนี้ก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานกันอยู่แน่ๆ” รักษาหอมแก้มของพุทธชาดที่อมยิ้มและแก้มเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ
“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แค่มีคุณรักอยู่ใกล้ๆ พุดก็มีความสุขมากแล้วค่ะ แต่วันนี้คงมีความสุขมากที่สุด เพราะไม่มีใครพกเรื่องงานมาด้วย อุปกรณ์การทำงานพุดทิ้งไว้ที่บ้านหมดเลยค่ะ” พุทธชาดจูบเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากเรียวบางของรักษาที่ไม่ยอมปล่อยให้เป็นเพียงสัมผัสอันแผ่วเบา เพราะตอนนี้รักษารั้งตัวของพุทธชาดไว้แล้วพรมจูบไปจนคนที่ถูกจูบก็กอดรักษาเอาไว้แนบแน่นเช่นกัน
“หวานเหลือเกินนะ แฟนใครก็ไม่รู้ ว่าแต่ว่ามีเวลาหนึ่งชั่วโมงทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างเลยนะคะ” รักษายิ้มทะเล้นมองสาวสวยที่ทำคิ้วขมวดอยู่ในอ้อมกอด
“คิดอะไรทะลึ่ง” พุทธชาดพูดจบก็หัวเราะเสียงดัง
“คุณพุดนั่นแหละคิดทะลึ่งอยู่คนเดียว รักหมายถึงว่าอาบน้ำ หรือนอนพักสักครู่ คุณพุดนั่นแหละคิดอะไรอยู่คะ” รักษายิ้มทะเล้น
“เปล่าเลยนะคะ ไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ มาขอกอดหน่อยนะ”
“อ้อนกลบเกลื่อน” รักษาเข้าสวมกอดพุทธชาดไว้
“คุณรักว่าไหม ทิพย์กับนิ่มดูแปลกๆ” พุทธชาดพูดขึ้น รักษาจึงคลายอ้อมกอดแล้วทำท่าคิดกับสิ่งที่ได้ยินพุทธชาดบอก
“เรื่องคุณเจนหรือเปล่าคะ แฟนเก่านอนห้องเดียวกัน ถ้าเป็นคุณพุดล่ะจะหึงไหม” รักษาถามพุทธชาดที่ทำตาวาวใส่
“เอาตายแน่ค่ะ อย่าได้คิดเชียวนะ” พุทธชาดแอบหยิกเข้าที่แขนรักษา
“ไม่มีทางคุณพุดน่ารักขนาดนี้ รักจะไปมีใครได้ล่ะคะ” รักษาอมยิ้มกับหน้าดุดุของพุทธชาด
“คุณเจนทำอะไรนิ่มไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าทิพย์ไม่ร่วมมือด้วย พุดว่าทิพย์กำลังทำตัวเหินห่างกับนิ่มนะคะ แต่พุดไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องแฟนเก่าก็ไม่น่าแปลกใจ แม่นิ่มนวลคงตัดใจได้ง่าย แต่ถ้ามีอะไรแอบแฝงนี่สิก็น่าเป็นห่วง”
“อาจจะแค่หึงหรือหวงไหมคะ คุณพุดคิดมากไปหรือเปล่า” รักษาไม่อยากให้พุทธชาดคิดมากจึงพูดไปอย่างนั้น
“ถ้าห่วงใยความรู้สึกแม่นิ่มนวล ก็ไม่น่าจะพักห้องเดียวกับแฟนเก่านะคะ” พุทธชาดพูดเสียงเข้มรู้สึกหวงแทนเพื่อน
“ก็จริง แต่อย่าทำเสียงเข้มอย่างนั้นสิคะ” รักษาพูดยิ้มๆ
“ลืมตัวไปค่ะ” พุทธชาดยิ้มจางๆ ให้รักษาที่นั่งอมยิ้มอยู่
“เป็นห่วงก็ไปคุยกันนิ่มสิคะ ตอนนี้สะดวกแล้ว อาบน้ำให้สบายตัวก่อนก็ได้ค่ะ แล้วก็เจอกันข้างล่างเลย หรือไม่อย่างนั้นคืนนี้อนุญาตให้ไปนอนคุยกันก็ได้” รักษายิ้มให้พุทธชาดที่ยิ้มกว้างขึ้นและแกล้งจูบรักษาแรงๆ ไปหนึ่งครั้ง
“น่ารักจริงๆ รักตายเลยแบบนี้ เดี๋ยวอาบน้ำก่อนค่อยไปคุยกันนิ่ม แต่ถ้าไม่ได้เรื่องคืนนี้คุณรักนอนคนเดียวก่อนนะคะ”
“ได้อยู่แล้ว เห็นแก่ขนมอร่อยๆ ที่ร้านแม่นิ่มนวล ยอมได้แน่นอน”
“เห็นแก่กินนั่นเอง” พุทธชาดกับรักษาหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
ลมพัดเย็นสบาย สีของน้ำทะเลดูกลมกลืนกันสีท้องฟ้าเป็นที่สุด นิมายิ้มมองไปไกลสุดสายตาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ภาพที่เธอ
เห็นช่างดูสวยงามนัก นิมาจึงยังคงยืนจ้องมองออกไปในทิศทางเดิม
“ดูมีความสุขนะ” เสียงของทองทิพย์ดังมาจากทางด้านหลัง นิมาจึงหันไปตามเสียงของทองทิพย์ที่เธอเพิ่งได้ยิน
“ใครๆ ก็ต้องหาความสุขใส่ตัวด้วยกันทั้งนั้นแหละค่ะ” นิมาหันกลับมามองภาพสวยงามนั้นอีกครั้ง
“ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมหิวกระเป๋าตามไปส่งถึงห้อง” ทองทิพย์พูดขึ้นลอยๆ
“ก็คนเขามีน้ำใจ”
“หน้าห้องหรือข้างในล่ะ ที่ว่ามีน้ำใจ” ทองทิพย์พูดโดยไม่ได้สนใจคนที่หันหลังกลับมา ซึ่งทำหน้าตาเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อเธอเลยทีเดียว
“ชี้โพรงให้กระรอก ก็ดีเหมือนกัน นิ่มลืมคิดไป” นิมาอมยิ้มและกำลังจะเดินหนีทองทิพย์ที่ยืนคิ้วขมวดจ้องมองเธออยู่
“ใจง่าย” ทองทิพย์พูดขึ้น
“เอาอย่างนี้นะ ทิพย์จะว่าอะไรนิ่มก็ว่ามาเลยทีเดียว จะมาเหน็บแนมกันบ่อยๆ แบบนี้อยู่ทำไมคะ ถ้าไม่ชอบหน้ากันนักก็อยู่ห่างๆ กันก็
ได้ นิ่มจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย ในเมื่อก็ชัดอยู่ว่ามีแฟนอยู่แล้ว อ้อแล้วก็ขอร้องเลิกมาวุ่นวายกับนิ่มเสียที ในเมื่อปัญหาคืออะไร สาเหตุคืออะไร ก็ไม่มีการอธิบายหรือบอกเล่าสักอย่าง บทจะดีก็ดีเสียเหลือเกิน บทจะร้ายก็เป็นแบบนี้ จะเอาอย่างไรว่ามาเลยดีกว่า” นิมาพูดเสียยาวเหยียด ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่คิดว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจตลอดระยะเวลาสองสามวันที่ทองทิพย์ดูเฉยเมยกับเธอโดยไม่รู้สาเหตุออกมาจนเกือบหมดแบบนี้
“บอกก็ไม่สนุกสิ แบบนี้สนุกดีแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาโดนทิ้งบ้างจะเป็นอย่างไร ทิพย์อยากเห็นนิ่มเสียใจ เวลาเสียใจจะเป็นแบบ
ไหนกัน” ทองทิพย์มองจ้องนิมาเขม็ง สายตาอันอ่อนโยนและดูอบอุ่นไม่มีเหลือให้เห็นสักนิด นิมารู้สึกเช่นนั้น
“ตกลงที่ทำดีมาตลอด ทำมาเป็นรู้สึกดีต่อกัน มันก็เป็นเพียงเรื่องที่สร้างขึ้นเพียงเพราะอยากเห็นนิ่มเสียใจอย่างนั้นหรือคะ” นิมาถาม
“ก็แล้วแต่จะคิด อย่างไรเสียก็ระวังหัวใจตัวเองเอาไว้หน่อยก็แล้วกันนะคะ” ทองทิพย์พูดจบก็เดินจากไป นิมามองตามด้วยความไม่เข้าใจ แต่ท่าทางที่เปลี่ยนไปดูชัดเจนมากกว่าทุกครั้ง
“ถ้าอยากจะกลับไปดีกับแฟนเก่า ก็บอกกันดีดีก็ได้ไม่เห็นต้องมาทำให้เจ็บ ปวดแบบนี้เลย” นิมารำพึงกับตัวเอง
กลุ่มเพื่อนของนิมารวมตัวกันไปขับรถเล่นก่อนที่จะถึงเวลาตามที่ทองทัดนัดหมายไว้ ทุกคนสังเกตเห็นว่านิมาเงียบไปกว่าเดิม พุทธชาดกับแป้งร่ำทำคิ้วขมวดเหมือนๆ กัน ไม่รู้จะเริ่มต้นถามเพื่อนอย่างไร แต่ที่คาดเดากันคนต้นเรื่องที่ทำให้เพื่อนเธอเป็นแบบนี้ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากทองทิพย์
“อกหักหรือเปล่านะ เพื่อนฉัน” แป้งร่ำเริ่มพูดขึ้นก่อน ที่กล้าพูดเรื่องอกหักก็เพราะว่าในรถคันที่เธอนั่งมามีเพียงกลุ่มเพื่อนเท่านั้น ส่วนสามีของเธอและวาทิตไปด้วยกันอีกคันซึ่งขับตามหลังอยู่
“นิ่ม” พุทธชาดเรียกชื่อนิมาเสียดัง เพราะอาการเหม่อลอยของเพื่อนที่ไม่ได้สนใจฟังคำพูดของแป้งร่ำเลยสักนิด
“มีอะไร คุณพุด” นิมาถามเพราะรู้สึกตกใจที่พุทธชาดเรียกเธอเสียงดัง
“นิ่มนั่นแหล่ะมีอะไร ทำไมเงียบจังเลยแถมยังเหม่อลอย รู้ตัวบ้างหรือเปล่า” พุทธชาดพูดประโยคสุดท้ายคล้ายกับดุนิมา
“คิดอะไรเพลินอยู่ คุณพุดมีอะไร” นิมาถาม
“คุณพุดไม่มี แต่แป้งมี ถามว่าอกหักหรืออย่างไรกันแม่นิ่มนวล” แป้งร่ำยิ้มทะเล้นให้นิมา
“ยังไม่ได้รักสักหน่อยจะอกหักได้อย่างไรล่ะ” นิมาบอกกับแป้งร่ำซึ่งกำลังอมยิ้มกับคำพูดของเพื่อน พุทธชาดและรักษาก็ยิ้มๆ มองสบตากัน
“บาปนะแก โกหกเพื่อนน่ะ นิ่ม” พูดจบแป้งร่ำก็หัวเราะออกมาทันที แต่คนที่ถูกพูดถึงทำหน้ามุ่ยมองสบตากับเพื่อนของเธอ
“มีอะไร ไหนเล่ามาสิ” พุทธชาดแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเข้ม นิมาจึงเล่าเรื่องความเฉยชาของทองทิพย์ หลังจากวันที่พุทธชาดกับ
แป้งร่ำได้พบที่ร้านขนมจนมาถึงวันนี้ และยังมีเรื่องที่ได้ปะทะคารมกันที่ชายหาดนั่นอีก
“นิ่มกำลังจะบอกว่า ทิพย์เปลี่ยนไป ตั้งแต่วันที่ไม่สบายอย่างนั้นใช่หรือเปล่าคะ” รักษาถาม
“แต่ไอ้ตอนสุดท้ายที่คุยกัน ฟังดูแย่มากนะ คนบ้าอะไรวะ อยากเห็นคนอื่นเสียใจ” แป้งร่ำรู้สึกโมโหแทนนิมา
“มันต้องมีสาเหตุนะ รักว่า” รักษาบอกสิ่งที่คิด ซึ่งพุทธชาดก็คิดเหมือนกัน
“ว่าแต่หล่อนจะเอาอย่างไร แม่นิ่มนวล หาสาเหตุหรือหยุด” แป้งร่ำถามซึ่งคำถามของแป้งร่ำทำให้ทุกคนเงียบไป และตั้งใจฟังคำตอบจากนิมา
“บอกตามตรงว่าอยากหยุด แต่มันมีเรื่องคาใจ นิ่มไปทำอะไรไว้ทำไมทิพย์เขาถึงอยากให้นิ่มเสียใจ แล้วไอ้ที่ทำดีกับนิ่ม ทำเป็นว่ารู้สึกดีดีต่อกันมันโกหกจริงๆ หรือเปล่า แล้วคนเรามีเรื่องอะไรมันถึงต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้เลยหรือ”
“เออก็จริง ถ้าให้นึกถึงหญิงสาวแสนดีที่แป้งรู้จักนะ คนแรกที่นึกถึงก็ต้องเป็นแม่นิ่มนวลแน่ๆ แล้วทำไมสาวร้ายถึงอยากทำให้เสียใจ” แป้งร่ำทำท่าคิด
“ถ้าหากว่ามันแย่มาก มั่นใจใช่ไหมว่าจะตัดใจได้” พุทธชาดถามนิมาแบบตรงๆ เพราะเธอรู้ดีว่า เพื่อนของเธอคนนี้เป็นหญิงสาวใจเด็ดเอาการ
“ไม่กลัวจะผูกพันจนตัดไม่ได้หรือคะ” รักษาพูดแย้งขึ้น
“นิ่มผ่านมาได้ครั้งหนึ่งแล้วค่ะ และเชื่อว่าน่าจะผ่านไปได้ ถ้าเขาจะร้ายเพราะเขาอยากร้ายกับนิ่มจริงๆ คงตัดใจได้ไม่ยากนัก แต่ถ้ารู้สึก
ดีแต่มีเหตุหรืออะไรที่อยู่ในใจจนต้องการมาทำให้นิ่มเสียใจ นิ่มก็อยากรู้นะคะ ว่าสาเหตุมันคืออะไรกันแน่” นิมาบอกรักษาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความมั่นใจ
“แต่คงต้องเหนื่อยกว่าเดิมแน่ เล่นถอยห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าสาเหตุมันคืออะไร ถ้าเข้าใกล้แม่นิ่มนวลเหมือนเดิมยังจะพอมีโอกาส” แป้งร่ำถอนใจหันไปมองสบตากับนิมาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เชื่อสิ ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็กลับมา ความรู้สึกข้างในซ่อนไว้ไม่ได้นานนักหรอกค่ะ ถ้าเขาร้ายได้ นิ่มก็ร้ายได้” รักษาพูดยิ้มๆ
“โหแฟนใครหนอ แอบร้ายลึกเหมือนกันนะ คุณพุด” แป้งร่ำหัวเราะเล็กๆ
“คุณรักกำลังทำให้พุดไม่ไว้ใจรู้ไหม แอบร้ายลึกอย่างที่แป้งบอกหรือเปล่า”
“ความร้ายมีอยู่ในพวกเราทุกคนนะ รักว่า เพียงแต่ว่าจะหยิบมันออกมาใช้หรือเปล่า แต่ถ้าหยิบเอามาใช้เพื่อช่วยนิ่ม รักก็เต็มใจจะร้ายนะ” พุทธชาดกับแป้งร่ำยิ้มให้กันแล้วส่ายหน้าอย่างคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินรักษาพูดแบบนี้
“มีเพื่อนอย่างคุณรัก คุณพุด และแป้ง ไม่ว่าจะปัญหาอะไรพวกเราก็ผ่านมันมาได้ตั้งหลายครั้ง ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างมาตลอด รักทั้งสามคนเลยนะ” นิมาพูดเสียงอ่อยๆ
“พวกเราก็รักเธอ แม่นิ่มนวล” พุทธชาดยิ้มยื่นมือไปจับมือเพื่อนไว้