web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 11
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 10
Total: 10

ผู้เขียน หัวข้อ: สัญญาวิวาห์กำมะลอ ตอนที่ 2  (อ่าน 2247 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
สัญญาวิวาห์กำมะลอ ตอนที่ 2
« เมื่อ: 31 ธันวาคม 2013 เวลา 23:37:17 »

ตอนที่ 2

   วันนี้อากาศดีแถมรถไม่ติดทำให้อวิกาอดที่จะยิ้มรับวันแห่งความรื่นรมย์แบบนี้ไม่ได้แต่แล้วเสียงขัดจังหวะจากมือถือเครื่องจิ๋วก็ดังขึ้นทำให้เจ้าตัวต้องผละจากอารมณ์สุนทรีกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง หญิงสาวกดรับสายทันทีเมื่อมองเห็นว่าใครโทรมา
   “ค่ะพี่ศิรา”   
   “อยู่ไหนแล้วทำไมไม่รอพี่”
   ปลายสายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนคนยังไม่ตื่นนอน
   “ถ้ารอพี่ศิราเพชรคงยังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะวันนี้”
   “พูดแบบนี้กับพี่กับเชื้อได้ยังไงฉันเป็นพี่ชายแกนะ”
   “ก็ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่กล้าพูด”
   “อวิกา!”
   เสียงตะหวาดจากปลายสายหาได้ทำให้คนฟังกลัวแต่กลับทำให้เกิดเสียงหัวเราะชอบใจแทน
   “โอ๋ๆๆไม่ยั่วก็ได้ว่าแต่มีอะไรค่ะร้อยวันพันปีไม่เห็นจะให้รอ”
   “ช่วงนี้พี่กลัวไม่อยากไปไหนมาไหนคนเดียว”
   “ทำไมค่ะไปมีเรื่องกับใคร”
   “ไม่ได้มีเรื่องกับใครพี่แค่กลัวหมีบุกบ้าน”
   ประโยคหลังฟังดูแผ่วๆทำให้อวิกาต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ท่าทางพี่ชายเธอจะเป็นโรคกลัวหมีขึ้นสมอง
   “เค้าคงไม่น่ากลัวขนาดนั้นมั้งคะ”
   “วางใจไม่ได้หรอกถ้าเพชรนึกหน้ายัยนั่นออกเหมือนพี่”
   อาศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆฟังแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้แต่มันก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว
   “ที่จริงเพชรก็อยากช่วยนะคะแต่ก็จนปัญญาจริงๆ”
   “เย็นนี้คุณพ่อจะพาพี่ไปเจอหมีเพชรไปด้วยกันนะ”
   คนพูดเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
   “แต่เพชรนัดเพื่อนไว้แล้ว”
   “เห็นเพื่อนดีกว่าพี่พี่ไม่เคยว่าแต่ช่วงนี้อย่าเพิ่งทิ้งกันสิ”
   “พี่ศิลาไม่ใช่เด็กแล้วนะคะอีกอย่างคุณพ่อก็ไปด้วยคงไม่น่ากลัวหรอก”
   “คุณพ่อนี่แหละตัวชงเลย”
   “แต่ว่า…”
   “เพชรได้โปรดอย่าทิ้งพี่”
   อวิกาจำใจต้องยอมรับคำเว้าวอนของคนในสายใช่ว่าเธอสงสารแต่เพราะทนรำคาญไม่ไหวไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองจะกลัวอะไรยัยหมีใส่แว่นขี้มูกหนาเตอะนักหนาว่าแต่ชื่อยาวไปมั้ยนะพี่สะใภ้ของเธอ
   หญิงสาวต้องรีบหักพวงมาลัยรถเข้าฟุตบาทเมื่อจู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์ขี่มาตัดหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดประตูก้าวเท้าไปดูผลงานของรถคู่กรณี
   “ขับรถภาษาอะไรของคุณเนื่ย!”
   เสียงโวยวายของใครบางคนทำให้อวิกาต้องเลิกสนใจรอยหน้ารถแล้ววิ่งไปดูผู้หญิงที่เปื้อนโคลนทั้งตัวโดยเฉพาะใบหน้า
   “ยี้คุณทำฉันเลอะหมดเลย”
   คนเปื้อนโคลนยังคงโวยวายด้วยน้ำเสียงแสบแก้วหูจนอวิกาต้องเอามือมาอุดหูเป็นช่วงๆก่อนจะเอื้อมมือไปช่วยประคองอีกคนให้ลุกขึ้น
   “คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
   “เจ็บ!”
   “ตรงไหน”
   อวิกาไล่สำรวจตัวคนตรงหน้าอย่างละเอียดหากแต่ไม่พบบาทแผลหรือน้ำสีแดงเลยสักหยด
   “ก็ไม่มีแผลนิ”
   “โอ๊ย!...ไม่ต้องมีแผลก็เจ็บได้ดูตัวฉันสิขนาดนี้แล้วคุณยังจะเอาแผลอะไรอีก”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงวินๆก่อนจะพยายามเช็ดโคลนที่หน้าออก อวิกามองคนเหวี่ยงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาช่วยเช็ดอีกแรง
   หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อให้อีกคนเช็ดได้สะดวกขึ้นเพราะตอนนี้มือของเธอมันเลอะมากจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
   “ผ้าเลอะหมดแล้ว”
   อวิกามองผ้าที่เต็มไปด้วยโคลนก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ดูเลอะมากจริงๆหญิงสาวคว้ามืออีกคนให้เดินขึ้นรถของเธอก่อนจะหันไปส่งเงินให้กับวินมอเตอร์ไซค์ที่หญิงสาวนั่งมาจำนวนหนึ่งเพราะจากที่เห็นคนขับไม่เป็นอะไรเลยมีแต่คนซ้อนนี่แหละที่ไม่รู้ว่าทำอีท่าไหนถึงเข้าไปคลุกโคลนได้ทั้งตัวแบบนี้

   หญิงสาวสองคนเดินเข้ามาในห้างที่ยังไม่เปิดแต่คนที่พามาสามารถเดินเข้ามาได้อย่างสบายก่อนจะฉุดอีกคนให้เข้าไปด้วย
   “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”   
   “พาคุณมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าไง”
   “แต่ฉันกำลังทำห้างเค้าเลอะแล้วไหนจะรถคุณอีก”
   “เอาเถอะเพชรทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นทุกอย่างเพชรจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”
   หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่ายเพราะเธอก็ไม่ได้อยากอยู่ในสภาพนี้เช่นกันขืนให้บิดาเห็นเธอคงต้องโดนเอ็ดเพราะดันทะลึ่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน
   มาธวีก้าวออกมาพร้อมชุดใหม่ที่คนพามาหาให้ดูๆไปคนข้างนอกก็มีสไตล์ดีนะที่เลือกชุดแบบนี้มาให้เธอแต่มันดูมิดชิดจนเธอหายใจแทบไม่ออก
   “เสร็จแล้ว”
   หญิงสาวหันไปมองรอบๆก็ไม่พบคนที่พามา
   “ไปไหนแล้วนะ”
   “คุณคะ”
   เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้มาธวีต้องหันกลับไปมองก่อนจะพบเข้ากับคนที่เธอไม่คุ้นหน้า
   “คะ”
   “ฉันเป็นเลขาของคุณอวิกาค่ะพอดีเธอต้องรีบไปประชุมเลยฝากฉันดูแลคุณต่อ”
   มาธวีอารมณ์เสียเล็กน้อยถึงจะเข้าใจในข้ออ้างแต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกขัดใจแบบนี้
   “ไม่เป็นไรฉันไปล่ะ”
   คนพูดเชิดหน้าขึ้นก่อนจะเดินออกไปช้าๆ
   “เดี๋ยวค่ะ นี่นามบัตรของคุณอวิกาเธอฝากให้คุณถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อนนะคะ”
   หญิงสาวมองคนพูดครู่หนึ่งก่อนจะยกนามบัตรในมือขึ้นมาดู อวิกา   เอกอมรกุล ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าโลกมันกลมมากขนาดนี้เพิ่งคุยถึงเมื่อวานวันนี้จะได้มาเจอตัวเป็นๆแบบนี้ มาธวีพลิกดูนามบัตรอีกด้านที่มีข้อความเขียนอยู่ “ฉันพร้อมจะรับผิดชอบมีอะไรโทรมาได้นะคะ”
   “เธอเนื่ยนะจะรับผิดชอบฉัน ยัยแคระ!”
   มาธวีเอ่ยอกมาเบาๆก่อนจะเก็บนามบัตรนั้นเข้ากระเป๋าพร้อมกับเดินออกจากห้างไปอย่างรวดเร็ว
   
   พอใกล้เลิกงานอาศิราก็รีบมายืนดักอวิกาที่หน้าห้องทำงานทันทีเพราะเกรงว่าน้องสาวจะเบี้ยว
   “มีอะไรคะ”
   อวิกาเปิดประตูห้องออกมาก็เจอเข้ากับพี่ชายที่ยกเก้าอี้มานั่งขว้างทางเอาไว้
   “ตามสัญญา”
   คนพูดเอ่ยออกมาพร้อมกับการการคว้ามือคนตรงหน้าเอาไว้
   “รู้แล้วน่าปล่อย”
   “พี่ไม่ไว้ใจ”
   “พี่ศิราค่ะเพชรไม่ใช่เด็กนะคะบอกว่าไปก็คือไป”
   คนถูกเอ็ดทำหน้างอทันทีก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออกช้าๆ
   “ก็แค่นี้”
   อวิกาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินนำออกไปโดยมีชายหนุ่มวิ่งตามเหมือนลูกติดแม่
   
   “เพชรพี่กลัวหมี”
   นี่คือคำสั่งเสียสุดท้ายที่อาศิราได้เอ่ยเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเอาแต่นั่งเงียบไม่ปริปากแม้แต่คำเดียวจนคนนั่งข้างๆต้องเอื้อมมือไปแตะไหล่ให้กำลังใจ
   และแล้วก็ได้เวลาที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาถึงอาศิราและอวิกายกมือไหว้พร้อมกัน ศิวัชมองคนทั้งคู่อย่างชื่นชมดูดีทั้งคนพี่คนน้องสมกับที่เขาคุยไว้กับลูกสาวจริงๆ
   “เดี๋ยวยัยผึ้งตามมา อดใจอีกนินะตาศิรา”
   จบประโยคทั้งคนพูดและคนข้างๆก็ต่างหัวเราะออกมาพร้อมกันแล้วก็มีอวิกาที่แอบหัวเราะออกมาน้อยๆเพราะเกรงสายตาดุที่พี่ชายส่งมาตอนนี้ทั้งโต๊ะอยู่ในโหมดสบายๆแต่คงมีอาศิราเท่านั้นที่กำลังหัวเราะไปพร้อมๆกับน้ำตา
   “แล้วนี่พ่อศิราดูแลทางด้านไหนล่ะ”
   ศิวัชเริ่มซักไซร้ข้อมูลของว่าที่ลูกเขยเพราะอีกไม่นานต้องเกี่ยวดองกันแล้ว
   “ผมดูแลเกี่ยวกับสินค้าและบริการครับ”
   “พี่ศิราเก่งมากเลยนะคะบริหารจนห้างของเรามีกำไรเพิ่มเป็นเท่าตัว”
   อวิกาเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจแต่คนที่ถูกชมนี่สิถึงกับน้ำตาเล็ดเพราะสถานการณ์ในตอนนี้เขาอยากจะได้คำตำหนิมากกว่า
   “ไม่จริงหรอกครับทำขาดทุนไปนักต่อนักแล้ว”
   “ตาศิรานี่ถ่อมตัวจังนะ”
   อาศิราถึงกับหัวเราะไม่ออกเมื่อคำพูดของเขากำลังถูกแก้โดยว่าที่พ่อตาแล้วไหนจะสีหน้าชื่นชมนั้นอีกมันช่างเปรียบเหมือนโซ่ที่มัดเขาให้แน่นขึ้นเรื่อยๆทำให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก
   
   “สวัสดีค่ะ”
   น้ำเสียงสั่นๆของคนมาใหม่ทำให้ทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ต้องหันไปมองพร้อมกันอย่างแปลกใจ
   หญิงสาวแปลกหน้าสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเดินเข้ามาหาชายหนุ่มที่ดูจะทำหน้าสงสัยไม่แตกต่างจากคนในโต๊ะ
   “ฉันมาทวงสิทธิ์”
   ประโยคกำกวมที่เอ่ยออกมาก็ไม่สามารถคลายความสงสัยให้กับคนฟังได้
   “เธอพูดเรื่องอะไรเข้ามาผิดห้องหรือเปล่า”
   อาศิราเอ่ยออกมาทันทีเมื่อนึกไปถึงเรื่องมิจฉาชีพ
   “ผมว่าคุณออกไปดีกว่านะก่อนที่ทางเราจะแจ้งตำรวจ”
   ชายหนุ่มลุกขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังประตู
   “คุณกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ”
   หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงดังจนคนทั้งร้านเริ่มหันมาให้ความสนใจทำให้อวิกาต้องรีบเข้ามาแทรกกลางห้ามคนทั้งคู่ก่อนจะบอกให้ทั้งสองนั่งลง
   “เราน่าจะไล่ยัยนี่ไปนะดูสิหน้าตาก็ไม่ดีแล้วยังจะเป็นพวกต้มตุ้นอีก”
   “พี่ศิราคะใจเย็นๆ”
   อวิการ้องห้ามพี่ชายก่อนจะหันมาหาคนหน้าซีด
   “คุณเป็นใครแล้วต้องการอะไรจากพวกเรา”
   “ฉันชื่อแพรวรุ้งเป็น…เป็นเมียของพี่ชายคุณ!”
   “อะไรนะ!”
   ทั้งโต๊ะตกอยู่ในอาการเงียบหากแต่มีเพียงชายหนุ่มที่เป็นจำเลยเท่านั้นที่ตะโกนออกมาสุดเสียง
   “เธอโกหกฉันไม่รู้จักเธอเราไม่รู้จักกันบ้าไปแล้วออกไป!”
   ชายหนุ่มลุกขึ้นโวยวายทันทีก่อนจะจัดการลากแขนผู้หญิงหน้าด้านออกไปทิ้งนอกร้านอย่างอารมณ์เสีย
   “ปล่อยฉันนะ”
   “ไม่ปล่อย! ที่จริงอย่างเธอไม่น่าจะเข้ามาเหยียบที่แบบนี้ได้ออกไปแหละดีแล้ว”
   “ปล่อยนะฉันเจ็บ”
   ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าแบบเหยียดๆ
   “ที่จริงเธอก็น่าตาดีนะถ้าจะมาเสนอขายก็ขอแบบนุ่มนวลหน่อยแล้วก็ช่วยเลือกสถานที่ด้วย!”
   คนถูกว่าสะบัดมือออกก่อนจะตบหน้าคนพูดอย่างแรงจนใบหน้าของชายหนุ่มหันไปตามแรงเหวี่ยง อาศิราหันกลับมาจ้องหน้าอีกคนอย่างเอาเรื่องก่อนจะง้างมือเพื่อเอาคืน
   “พอเถอะศิรา”
   น้ำเสียงนิ่งๆของกำธรดังขึ้นพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งที่ถูกส่งให้กับหญิงสาวนิรนาม
   “หนูเอาเงินนี่ไปแล้วก็ไปซะ”
   “ขอบคุณท่านมากนะคะแต่ฉันไม่ได้อยากได้เงิน”
   “แล้วคุณต้องการอะไร”
   อวิกาเอ่ยถามออกมาทันทีเพราะชืนปล่อยให้เรื่องราวลุกลามแบบนี้คงไม่ดีแน่
   “ฉันอยากให้คุณศิรารับผิดชอบ”
   อาศิราแทบจะกระโจนเข้าไปบีบคอคนพูดแต่ดีที่บิดาคว้าแขนของเขาเอาไว้ไม่อย่างนั้นเรื่องอาจจะวุ่นมากกว่านี้
   “ที่จริงฉันไม่ได้จะทวงสิทธิ์ให้ตัวเองแต่กำลังเรียกร้องให้ลูก”
   “ลูก!”
   คนฟังเอ่ยออกมาแทบจะพร้อมกัน
   “ใช่ค่ะลูกของฉันกับคุณศิรา”
   พูดจบหญิงสาวก็ส่งบางอย่างให้คนที่ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้า อาศิรารับมาดูก่อนจะหันไปจ้องหน้าอีกคนสลับกับนามบัตรไปมา
   “พ่อดูหน่อย”
   กำธรรับมาดูก่อนจะหันไปมองหน้าบุตรชายที่ตอนนี้ถึงกับอ้าปากค้างหน้าตาแบบนี้แหละที่บ่งบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้พูดจริง
   “แต่ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่า…ว่าเด็กในท้องคุณเป็นลูกผม”
   ชายหนุ่มยังอดที่จะเอ่ยค้านออกมาไม่ได้เรื่องมันเร็วมากจนเขาไม่ได้ตั้งตัว ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาเผลอไปมีอะไรด้วยเมื่อสองเดือนก่อนแต่ก็แค่ครั้งเดียวมันไม่น่าจะพลาดได้
   “คุณเป็นคนแรกของฉันอันนี้คุณก็น่าจะสัมผัสได้”
   “ผม…”
   “ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับแกบอกมาแค่คำเดียวพวกเราพร้อมจะเชื่อแก”
   “นั่นสิพี่ศิรา”
   “ผม ผมขอโทษครับพ่อ…ตอนนั้นผมเมาก็เลยทำให้เกิดเรื่องแบบนี้”
   กำธรมองหน้าบุตรชายพร้อมกับถอนหายใจเรื่องราวมันบานปลายมากซะจนแก้ไขอะไรไม่ได้เมื่ออาศิราก็ยอมรับเพราะจำนนท์ต่อหลังฐานที่มีลายมือของเจ้าตัวเขียนไว้ “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็มาหาได้ตามนามบัตร” พอเขามาจริงๆก็จำไม่ได้มันน่าซัดซักทีสองทีจริงๆแต่ก่อนจะเคลียร์อะไรต่อกำธรก็ต้องหันมาเห็นใบหน้าของใครอีกคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะงานนี้ไม่รู้จะแก้เรื่องไหนก่อนดีแล้ว…
      
      




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.