ตอนที่ 15 เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่มาธวีย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเอกอมรกุล การได้เข้ามาเป็นสมาชิกอีกคนของบ้านนี้ทำให้เธอได้สัมผัสถึงความผูกพันธ์ของคนภายในบ้านแต่ดูเหมือนจะมีอยู่คนหนึ่งที่เธอดูเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยจะเข้าพวก
หญิงสาวหันไปมองการพูดคุยระหว่างแพรวรุ่งกับคนสวนที่อวิกาบอกว่าทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกันแต่เธอดูยังไงสายตาของฝ่ายชายก็ฉายแววชัดเจนว่าความสัมพันธ์ต้องมีมากกว่านั้นและที่สงสัยอีกอย่างก็คือตัวของอาศิราที่ดูจะไม่ถือสากับเรื่องราวระหว่างคนทั้งสองเธอล่ะไม่เข้าใจเลยว่าพี่ชายของคนรักทนเห็นภาพแบบนี้ได้ยังไงแต่เดี๋ยวก่อนนะ…ตะกี้เธอเรียก อวิกาว่าคนรักได้ยังไงกันน่าอายจริงๆ มาธวีรีบสะบัดความคิดที่เริ่มก่อด้วยออกไปจากนั้นก็หันไปมองใครบางคนที่กำลังเดินส่งยิ้มมาให้เธอ
“แอบมองอะไรอยู่คะ”
อวิกาเอ่ยประโยคทักทายคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้าจากนั้นก็หันไปมองยังพิกัดเดียวกันเพียงไม่นานหญิงสาวก็ดึงสายตากลับไปหาคนข้างๆพร้อมกับการดึงแขนอีกฝ่ายให้ไปนั่งที่โซฟา
“น้ำเพชรไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“วันนี้วันหยุดค่ะ พักผ่อน”
“กลางสัปดาห์ขนาดนี้เรียกวันหยุดเหรอคะ”
“ก็…”
“ก็อะไรคะแบบนี้เค้าเรียกว่าอู้งาน”
คนพูดส่งสายตาดุๆให้กับคนที่เริ่มทำหน้าจ๋อยแต่เพียงไม่นานมาธวีก็หลุดหัวเราะออกมาเมื่อสามารถทำให้คนข้างๆหงอได้
“แกล้งเพชรอีกแล้วนะคะ”
“เปล่าซะหน่อย”
“โห…ขนาดไม่แกล้งนะเนี้ยถ้าแกล้งเพชรคงหมดโอกาสรอด”
คนพูดทำแก้มป่องเหมือนจะงอนๆแต่มาธวีก็เร็วมากพอที่จะจัดการเจาะลมในแก้มขาวนั้นออกจากนั้นก็ดึงแก้มทั้งสองข้างของอีกคนเล่นไปมา
“จะแกล้งหรือว่าไม่แกล้งน้ำเพชรก็ไม่มีทางรอดอยู่ดีค่ะ”
มาธวีเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่สายตาที่สื่อออกมามันชัดเจนซะจนคนมองไม่กล้าขยับตัว อวิกาจึงปล่อยให้คนตรงหน้าได้ระบายความรู้สึกที่แก้มของตัวเองอย่างเต็มที่เพราะถึงยังไงตอนนี้เธอก็ตกอยู่ในอุ้มมือหมีอยู่แล้วจะบีบก็ตายจะคลายก็ตายไม่มีทางรอด
อาศิรามองข้าวใหม่ปลามันที่กำลังหยอกล้อกันจนน่าอิจฉาจากนั้นก็มานึกถึงเรื่องตัวเองที่มันช่างแตกต่างกันแบบสุดขั้ว ชายหนุ่มเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดังจนคนที่อยู่ในห้องต่างหันมามองที่เขาเป็นตาเดียวกัน
“เอ่อ พี่ไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรใช่มั้ย”
คำพูดของคนมาใหม่สะกิดให้อวิกาต้องก้มดูตัวเองก่อนจะพบว่าตอนนี้ถูกหมียึดครองเกือบทั้งหมด หากว่าอีกคนสิงเธอได้คงทำไปนานแล้ว
“ไม่หรอกค่ะ”
อวิกาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ดึงมือหมีออกจากแก้มของตัวเองได้จากนั้นก็หันไปเรียกพี่ชายของเธอให้เข้ามานั่งร่วมวง
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะทำไมทำหน้าแบบนี้”
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อได้เห็นสีหน้าที่ดูอมทุกข์ของพี่ชาย
“เปล่าพี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“ไปแต่ต้องพาแพรวรุ่งไปหาหมอก่อน”
“พี่รุ้งเป็นอะไรคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรตรวจสุขภาพปกติ”
“ออ…”
อวิกายังไม่ทันเอ่ยให้จบเสียงจากมือถือของเธอก็ร้องเตือนเสียงดังจนต้องรีบกดรับสายแล้วเดินเลี่ยงออกไปคุยที่อื่น
“ทำตัวน่าสงสัย”
มาธวีเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับการหรี่ตาจ้องจับผิดคนที่หนีไปคุยโทรศัพท์ที่อื่น หญิงสาวจึงค่อยๆย่องเพื่อจะได้แอบฟังประโยคสนทนาได้ถนัดขึ้นแต่เพราะระวังเกินเหตุเธอจึงเผลอไปสะดุดขาโต๊ะจนพุ่งไปข้างหน้าแบบเต็มแรงแต่ดีที่ได้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน มาธวีค่อยๆลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองรอดจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิว หญิงสาวส่งยิ้มให้กับคนที่เข้ามาช่วยก่อนจะยกมือแตะที่หัวใจของตัวเองแต่ทว่าทั้งสองคนคงไม่ได้สังเกตถึงคนมาใหม่ที่รีบเดินเลี่ยงออกไปเมื่อได้เห็นภาพแบบนี้
“ไม่เป็นไรแล้วนะ”
อาศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดูก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออกจากหญิงสาวที่เขาช่วยเอาไว้
“ขอบคุณพี่ศิรามากนะคะถ้าไม่ได้พี่ล่ะแย่เลย”
“คราวหลังก็ระวังหน่อยนะพื้นบ้านพี่แข็งมากนะขอบอก”
คนพูดหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่
“พี่ผึ้งจะจับกบในบ้านเหรอคะ”
นั่น! คนพี่หยุดพูดคนน้องก็ต่อทันทีใช่ว่าอวิกาจะไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต้องบอกว่าเธอเห็นตั้งแต่การลุกขึ้นก้าวเดินมายังตำแหน่งที่เธอยืนจนกระทั่งหมีจะล้มเธอก็ไม่เคยพลาดสักฉอดและหากไม่ได้พี่ชายของเธอป่านี้หมีอาจเสียโฉมไปแล้วก็ได้
“น้ำเพชร! ”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของคนพูดที่ผสมผสานทั้งความรู้สึกอับอายในความโก๊ะของตัวเองแล้วยังจะมาถูกตัวต้นเหตุล้อให้ได้อายอีกทุกอย่างจึงแปรเปลี่ยนเป็นลมพายุที่อวิกาตั้งรับแทบไม่ทัน
“เอ่อ…พี่ว่าตอนนี้ได้เวลาแล้วล่ะขอตัวก่อนนะ”
อาศิรารีบลุกเดินออกจากห้องทันที งานนี้หากหมีจะพิโรธเขาก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวใดๆ…พี่รักเพชรมากนะ เป็นคำสั่งเสียที่ดังก้องในใจเพราะร่างกายของเขาตอนนี้ได้วิ่งออกจากจุดเกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อย
บรรยากาศในรถดูอึมครึมแปลกๆทั้งๆที่เจ้าของรถก็สุดแสนจะมั่นใจว่าเขาไม่ได้พูดอะไรผิดหูคนที่มาด้วยสักนิดแต่ไม่รู้ทำไมถึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ไม่พอใจของคนข้างๆแบบนี้
อาศิราค่อยๆเอื้อมมือไปปรับแอร์ให้เย็นมากขึ้นก่อนจะดันช่องแอร์ให้เป่าไปทางแพรวรุ่งที่ทำหน้านิ่งจนเขาเดาอารมณ์ไม่ถูกแต่พียงไม่นานช่องแอร์ที่หันไปทางหญิงสาวก็ถูกดันกลับมาทางเดิมพร้อมกับอาการกระฟัดกระเพียดที่ดูยังไงก็ไม่ใช่แพรวรุ่งคนเดิม
“เธอหิวข้าวมั้ย”
อาศิราพยายามจะหาเรื่องคุยเพื่อลดบรรยากาศความตึงเครียดแต่ช่างเป็นประโยคคำถามที่ไม่ควรจะเอ่ยออกมาด้วยซ้ำเพราะเขากับหล่อนเพิ่งทานก่อนออกมานี่เอง
“ไม่หิว”
คำตอบที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้คนถามรู้สึกคลายกังวลได้บ้างเพราะอย่างน้อยคนข้างๆก็ยังยอมคุยกับเขา
“เอ่อ…เดี๋ยวเสร็จนี่เราไปซื้อของเพิ่มกันมั้ยเธอขาดของใช้อะไรบ้าง”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันซื้อเองได้”
“ไปเถอะนานๆทีเธอจะได้ออกมา”
อาศิราใช้ลูกตื้อและมันก็คงจะได้ผลเมื่อคนข้างๆไม่ได้ปฏิเสธหรือแม้แต่ตอบรับดังนั้นเขาก็จะเข้าข้างตัวเองว่าพาไปได้ก็แล้วกัน
“เธอว่าน้องผึ้งเขาเป็นยังไง”
จู่ๆอาศิราก็ถามออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนคนถูกถามอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของคนพูด แพรวรุ่งค่อยๆก้มหน้าต่ำลงก่อนจะหันกลับไปมองนอกหน้าต่างดังเดิม
“ฉัน น้องผึ้งแล้วก็ยัยเพชรเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กน้องผึ้งเป็นเด็กน่ารักแต่เธอรู้มั้ยตอนเด็กๆน้องผึ้งตัวอ้วนเหมือนกับหมีเลยนะ”
คนพูดถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าและท่าทางตอนเด็กๆของคนที่เขากล่าวถึง
“แต่ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายไม่เคยคิดมาก่อนว่าน้องหมีของฉันจะกลายเป็นนางฟ้าแสนสวยในวันนี้”
การหัวเราะค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนคนฟังที่หันกลับมาจ้องคนพูดอีกครั้งต้องเบือนหน้าหนีอีกจนได้ หญิงสาวประสานมือเข้าหากันก่อนจะออกแรงบีบเพื่อบรรเทาความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรแต่ที่รู้สึกในตอนนี้ก็คือมีบางอย่างกำลังสะกิดอยู่ที่หัวใจของเธอมันรู้สึกเจ็บๆคันจนเธอต้องพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
อาศิราเลี้ยวรถจอดที่ข้างทางก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของคนที่จู่ๆก็นิ่งไป
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”
แพรวรุ่งพยายามเก็บอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ข้างในก่อนจะปัดมือคนข้างๆออกไป
“ฉันไม่เป็นอะไรรีบๆไปเถอะ”
อาศิรามองคนพูดที่ปัดมือเขาออกอย่างน้อยใจก่อนจะหันกลับมาขับรถต่อ เขาคงจุ้นจ้านไปสินะถึงทำให้อีกคนอึดอัดมากแบบนี้ ความห่วงใยที่มีให้กับแพรวรุ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะเก็บไว้เพียงในใจได้จึงอยากแสดงออกมาแต่ทุกครั้งก็ถูกตอกกลับด้วยสีหน้าและแววตาอย่างเดิมทำไมเขาถึงยังไม่รู้สึกชินซะที แล้วยังจะความรู้สึกน้อยใจนี้อีกไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่แต่มารู้อีกทีมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเขาชักจะเริ่มหนักใจขึ้นมาแล้ว
ที่บ้านเอกอมรกุล ตอนนี้เจ้าของบ้านกำลังลงมืออาบน้ำให้พาหนะคู่ใจอย่างขะมักเขม้นจนคนที่มองอยู่ต้องยิ้มให้กับภาพที่เห็น
“ยิ้มอะไรคะ”
อวิการ้องทักใครบางคนที่ยืนแอบอยู่ที่เสา
“ใครยิ้ม”
คนปากแข็งตะโกนตอบกลับมาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คนที่กำลังล้างรถมากขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วแถวนี้มีใครอีกคะนอกจากเราสองคน”
“พูดมาก! แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จเร็วๆหน่อยนะคันของพี่รอต่อ”
มาธวีรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะนึกหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง
“โห…เบิ้ลสองเลยเหรอคะ”
“ก็ท่าทางเหมือนจะฟิตน่าดู”
“ของมันแน่อยู่แล้วค่ะ ไม่เชื่อลองดูมั้ย”
คนพูดส่งสายตาเจ้าเลห์ไปให้คนที่พูดโดยไม่คิด จากนั้นไม่นานมาธวีก็หน้าเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเริ่มสะดุดกับประโยคของตัวเองและคนตรงหน้า
“ร้อนจังพี่ไปรอในบ้านดีกว่านะ”
อวิกาแกล้งไม่สนใจคนที่จะเดินเข้าบ้าน หญิงสาวเดินกลับไปที่รถทำหน้าที่ของตัวเองต่อและเพียงมาธวีเดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าวเธอก็ต้องพบเจอกับความชุ่มฉ่ำของสายน้ำที่ถูกฉีกมายังร่างกายของตัวเอง
“น้ำเพชร! ”
เรียกชื่อเสร็จมาธวีก็หันกลับไปจัดการกับคนช่างแกล้งทันทีแม้ว่าครั้งนี้เธอต้องฝ่ากระแสน้ำที่อีกคนไม่ยอมหันไปทางอื่นแบบเต็มๆแต่มันก็คุ้มเมื่อมือของเธอสามารถคว้าตัวอีกฝ่ายไว้ได้
อวิกาหัวเราะแทบไม่ออกเมื่อตอนนี้คนที่มีสภาพไม่ต่างจากลูกหมีตกน้ำได้เข้ามาประชิดตัวเธอไว้แล้วหน่ำซ้ำตอนนี้อาวุธของเธอก็ถูกหมีหน้าเหี้ยมยึดไปแล้ว
“รู้ใช่มั้ยว่าจะโดนอะไร”
คนฟังกลืนน้ำลายแทบไม่ลงก่อนจะยิ้มออกมาแบบฝืนๆ
“คนสวยเค้าไม่ทำอะไรรุนแรงหรอกใช่มั้ยคะ”
คนถูกชมยิ้มรับกับคำยอนั้นอย่างเต็มใจหากแต่สภาพของเธอในตอนนี้แค่นี้คงจะไม่เพียงพอ
“พี่ผึ้งบ่นว่าร้อนเพชรเลยอยากเอาใจ”
“เหรอคะน่ารักจังเลยนะ”
คนฟังรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยหากแต่บางสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างในแววตาของคนพูดกลับทำให้รอยยิ้มของอวิกาหดหายแทบจะทันที
“พี่จะให้รางวัลนะคะแต่ต้องหลับตาก่อน”
“เอ่อ เพชรขอล้างรถก่อนดีกว่าค่ะ”
อวิการีบเอาเรื่องการล้างรถเป็นข้ออ้างหากแต่คนที่จะให้รางวัลก็ส่ายหัวปฏิเสธพร้อมกับยกมือขึ้นปิดที่ตาของคนตรงหน้าเอาไว้
“หลับตาแล้วห้ามขยับ! ”
น้ำเสียงบวกกับมือเย็นๆทำให้คนถูกสั่งต้องปฏิบัติด้วยความหวั่นใจและเพียงไม่นาน พี่หมีก็ให้รางวัลกับคนช่างแกล้งเป็นการเทน้ำผสมกับน้ำยาล้างรถราดลงตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะตะโกนเรียกเด็กในบ้านให้เอาน้ำแข็งมาเป็นกระติกจนคนถูกเอาคืนถึงกับวิ่งหนีไปหลบอยู่หลังรถ
“เล่นอย่างนี้เลยเหรอคะ”
“อากาศมันร้อนพี่ก็อยากเอาใจน้ำเพชรบ้าง”
คนพูดหิ้วถังที่ใส่น้ำแข็งเข้ามาใกล้จากนั้นก็กวักมือให้คนที่หลบอยู่หลังรถให้เดินออกมา
“เพชรอยู่ตรงนี้สบายดีค่ะ”
“ถ้าไม่ออกพี่จะฟ้องคุณลุง”
ประโยคของหมีขี้ฟ้องทำให้อวิกาต้องจำใจเดินออกมาจากที่หลบซ่อนก่อนจะหลับตายอมรับกับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
น้ำเย็นๆถูกราดตั้งแต่หัวจรดเท้าทำเอาอวิกาออกอาการสั่นอยู่ไม่น้อยและเมื่อน้ำหยดสุดท้ายหมดลงคนถูกเอาคืนก็ชาวาบไปทั้งตัวเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังถูกห่อหุ้มด้วยอ้อมกอดของหมี!
“พี่ พี่ผึ้งเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่ก็ ก็ร้อนเหมือนกันนี่นา”
มาธวีเอ่ยออกมาเมื่อดึงคนตัวสั่นให้เข้ามาสู้อ้อมกอดของตัวเอง ใช่ว่าเธอจะไม่อายแต่ไม่รู้คนตรงหน้ามีแรงดึงดูดอะไรถึงทำให้เธอใจกล้าหน้าด้านทำเรื่องแบบนี้ลงไปและเรื่องบ้าอีกอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะสามารถเข้ามาในความคิดของเธอได้ก็คือตอนนี้เธอกำลังรู้สึกอยากกิน…อวิกา!