web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 140
Total: 140

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๒ : ไม่เหลือแม้หัวใจ....ที่ผูกพัน  (อ่าน 1573 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๒ : ไม่เหลือแม้หัวใจ....ที่ผูกพัน
« เมื่อ: 05 มกราคม 2014 เวลา 18:10:13 »
ดาวบนพื้นน้ำ
บทที่ ๒ : ไม่เหลือแม้หัวใจ....ที่ผูกพัน
      
ในห้วง...ความฝัน...ของฉัน      เรานั้น...ยังรัก...กันเสมอ
ข้างกาย...ของฉัน...ยังมีเธอ         เรายังรัก...กันเสมอ...ไม่เปลี่ยนไป
หากแต่...ในความ...เป็นจริง         ทุกทุกสิ่ง...เป็นเพียงฝัน...อันสดใส
ข้างกาย....ของฉัน...ไม่เหลือใคร         ไม่เหลือแม้....หัวใจ...ที่ผูกพัน

   กนกพิชญ์ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความปวดร้าว  กี่ค่ำคืนแล้วหนอที่ในฝันของเธอ ยังคงเป็นภาพรักหวานซึ้งของเธอกับปิญารัตน์  ทั้งๆความเป็นจริงความรักของเธอทั้งสองคนมันได้จบลงไปแล้ว  ไม่เหลืออะไรที่เธอควรจะจดจำเลยสักนิด 
   กนกพิชญ์สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปก่อนลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว กนกพิชญ์แต่งตัวด้วยความตื่นเต้น หญิงเลือกชุดเสื้อประจำจังหวัดสีชมพู กระโปรงสีเดียวกันมาสวมเพื่อให้เข้ากับการแต่งกายสีประจำวันซึ่งเป็นข้อบังคับการแต่งกายของโรงเรียนแห่งนี้
   หญิงสาวนั่งแต่งหน้าบางๆอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนที่มือของเธอจะปัดไปโดนกรอบรูปที่มีรูปเดียวของเธอในชุดนักศึกษาที่อยู่บนหัวเตียงร่วงลงพื้น  หญิงสาวเก็บเศษกระจกใส่ที่ตักผง และรูปใบนั้นขึ้นมา ทำให้เห็นรูปที่ซ่อนอยู่หลังรูปใบนั้น รูปคู่ที่แสนหวานชื่นระหว่างเธอกับพี่เจน !!!
   เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นค่อยๆผุดขึ้นมาในความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์ม้วนเดิมที่นำมาฉายซ้ำอีกครั้ง

เมื่อสองปีก่อน

   “อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉันอีก” เสียงแหลมๆของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น เมื่อโยนกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของปิญารัตน์ลงตรงหน้าผู้เป็นเจ้าของ
   “คุณแม่หมายความว่าอย่างไรคะ เจนกับแพมคบด้วยกันมานานแล้วคุณแม่ก็ทราบ แล้วทำไม...” เธอถามออกไปอย่างสงสัย เมื่อจู่ๆมารดาของคนรักมากีดกันเอาตอนนี้ทั้งๆทราบว่าพวกเธอคบหากันเกินกว่าคำว่าพี่น้องมานานนักหนา
   “เพราะฉันทนเห็นพวกแกทำผิดอีกต่อไม่ไหวแล้วนะสิ ออกไปจากห้องของลูกสาวฉันได้แล้ว และอย่ากลับมาที่นี่อีก” หญิงวัยกลางคนกล่าวน้ำเสียงกร้าว
   “ถ้าคุณแม่ไม่เห็นด้วย เจนก็จะไปและจะไม่กลับมาที่นี่อีก...พี่ไปแล้วนะแพม ดูแลตัวเองด้วย” เธอหยิบกระเป๋าแล้วสาวเท้าออกจากห้องของคนรักด้วยความอาลัยอาวรณ์     
   “พี่เจนอย่าไป อยู่กับแพมนะคะ พี่เจน” กนกพิชญ์รีบวิ่งตามคนรักแต่มารดาก็ดึงแขนเธอเอาไว้
   “เข้าไปในห้อง ยัยแพม...แม่มีอะไรจะให้ดู...แกจะได้หูตาสว่างสักที”
   นางกาญจนาดึงมือของบุตรเข้าไปในห้องพักไปแล้ว ในขณะที่ปิญารัตน์หันกลับมามองอีกครั้ง ก่อนออกเดินจากไปจาหอพักแห่งนี้ด้วยน้ำตานองหน้า
   “คุณแม่ไปได้รูปพวกนี้มาจากไหนคะ” กนกพิชญ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเสียงแผ่ว มือที่สั่นระริกตกไปข้างลำตัวหลังจากดูภาพที่มารดานำมาให้ดู  หากมันเป็นเพียงภาพถ่ายธรรมดา  หัวใจของเธอคงไม่ปวดร้าวถึงเพียงนี้ ทว่าภาพการร่วมรักระหว่างปิญารัตน์กับหญิงสาวแปลกหน้าที่สวยจัดคนหนึ่ง ทำให้เธอเหมือนกับตายทั้งเป็น
   “แม่จะได้รูปมาจากไหนก็ตามมันไม่สำคัญเลยสักนิด  มันสำคัญอยู่ที่ว่า คนในภาพใช่แฟนลูกหรือเปล่า” กาญจนาเอ่ยกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงกร้าว ทั้งที่ในใจของนางสงสารบุตรสาวยิ่งนัก แต่นางจำเป็นต้องทำให้กนกพิชญ์คบกับปิญารัตน์แยกทางกัน นางไม่ผิดใช่ไหมที่ต้องการให้บุตรสาวมีอนาคตที่สดใสกว่านี้
   “อาจจะเป็นภาพตัดต่อก็ได้นะคะคุณแม่ หรือไม่บางทีคนในภาพอาจจะแค่คล้ายพี่เจนก็ได้นะคะ” กนกพิชญ์พยายามหาเหตุผลมาแย้ง
   “ยัยแพม !! แม่เป็นแม่ของลูกนะ จะทำร้ายลูกด้วยเหตุผลอะไร ยอมรับซะเถอะว่าเจนเขานอกใจลูก”
   “ไม่จริงใช่ไหมคะคุณแม่ บอกแพมมาสิคะว่ามันไม่จริง” กนกพิชญ์พูดทั้งๆที่น้ำตานองหน้า มือบางค่อยๆยกขึ้นปิดหูอย่างไม่อยากหรับรู้อะไรอีกแล้ว

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก น้องแพม เป็นอะไร หรือเปล่าจ๊ะ พี่ขอเข้าไปนะคะ”
   เสียงเรียกของธนัญญาดังมาจากประตูห้อง ทำให้กนกพิชญ์รีบซ่อนรูปดังกล่าวไว้หนังสือเล่มหนึ่งด้วยเกรงว่า ธนัญญาจะเห็นเข้า ความรีบร้อนทำให้เศษกระจกบาดเข้าที่นิ้วเรียวสวยส่งผลให้โลหิตไหลออกมาเป็นทาง
   “ว๊ายเลือดนี่นาน้องแพม  เดี่ยวพี่ไปเอายามาใส่ให้นะคะ “ พูดจบ ธนัญญาก็วิ่งกลับห้องของตัวเองไป
   “ขอบคุณนะคะ” กนกพิชญ์พูดเมื่อปลาสเตอร์สีหวานถูกปิดทับรอยแผลที่นิ้วของเธอ หลังจากใส่ยาเรียบร้อยแล้ว
   “ไม่เป็นไรจ๊ะ  แต่งตัวเสร็จหรือยังคะ จะได้ไปโรงเรียนพร้อมๆกัน” ธนัญญายิ้มให้ด้วยรอยยิ้มแสดงถึงความจริงใจ ทำให้หัวใจของกนกพิชญ์กระตุกวูบ ธนัญญาดีกับเธอถึงเพียงนี้ แล้วกนกพิชญ์จะให้เธอรู้เรื่องความหลังครั้งเก่าของเธอกับปิญารัตน์ได้อย่างไร
   “เสร็จแล้วค่ะ” กนกพิชญ์ยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มเซียวๆ
   “ถ้าอย่างนั้นน้องแพมปิดห้องแล้วเอาเศษแก้วพวกนี้ไปทิ้งขยะข้างล่าง แล้วรอพี่ตรงโรงอาหารก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่เอากล่องยาไปเก็บที่ห้องก่อนแล้วจะตามลงไปนะคะ” ธนัญญาพูดเมื่อช่วยกนกพิชญ์เก็บเศษแก้วลงถุงพลาสติกเรียบร้อยก่อนยื่นให้ครูสาวรุ่นน้องนำมันไปทิ้งถังขยะ
   “ค่ะ” กนกพิชญ์รับคำก่อนล็อคประตูห้อง แล้วลงไปชั้นล่างของตัวบ้าน
   กนกพิชญ์กับธนัญญาเดินมาลงชื่อทำงานพร้อมกัน คุณครูมากหน้าหลายตาต่างมาลงชื่อที่ห้องทำงานแห่งนี้  กนกพิชญ์กระพุ่มมือไหว้พร้อมแนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักเธอ ซึ่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หน้าตาของกนกพิชญ์มีความละม้ายคล้ายคลึงกับธนัญญายิ่งนัก
   “อัครศิลปิน กรองศาสตร์กรองศิลป์การดนตรี ร้อยกรองบทกวีซึ้งกมล...” เสียงเพลงซึ่งเป็นเพลงใช้สำหรับเป็นสัญญาณให้นักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติดังขึ้น  กนกพิชญ์จึงเดินลงมาที่หน้าเสาธงพร้อมๆกับธนัญญาและคณะครูที่โรงเรียน
   เด็กนักเรียนทุกสายชั้นเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบตามลำดับสายชั้นเรียน แยกแถวชายและหญิง มีบรรดาคณาจารย์ยืนคุมอยู่เป็นจุดๆทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง กนกพิชญ์ยืนอยู่ข้างๆ ธนัญญา กับ ปรารถนา ซึ่งเป็นครูที่นี่คนแรกที่เธอรู้จัก เมื่อกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จสิ้นแล้ว ครูซึ่งทำหน้าที่ครูเวรในวันนี้จึงออกมาพูดและให้กนกพิชญ์แนะนำตัวกับนักเรียน
   “สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน ครูชื่อ กนกพิชญ์  กาญจนวิเศษณ์ จะมาสอนวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ กับ มัธยมศึกษาปีที่ ๔ และสอนภาษาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ กับ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ พร้อมทั้งเป็นครูที่ปรึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ ค่ะ” กนกพิชญ์แนะนำตัวให้นักเรียนได้รู้จัก พร้อมกับกวาดสายตาไปที่นักเรียนทั้งหกสายชั้น ก่อนแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงกังวาน ชัดเจน และเต็มไปด้วยความมั่นใจ
   การเข้าแถวเคารพธงชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กนกพิชญ์เดินไปห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/๒ ที่เธอมึคาบสอนคาบแรกของวันนี้ เมื่อเธอเข้าห้องเรียนดังกล่าวนักเรียนก็ได้ลุกขึ้นทำความเคารพ หญิงสาวบอกให้นักเรียนนั่งลง แต่ก่อนที่จะทันได้เอ่ยอะไรต่อ ภาพของธนัญญาในชุดเสื้อคอปกสีชมพูกับกระโปรงสีชาวที่เดินเคียงคู่มากับปิญารัตน์ซึ่งเพิ่งกลับมาจากธุระในตัวเมือง  กำลังเดินตรงมายังอาคารหลังนั้นทำให้หัวใจของกนกพิชญ์ปวดร้าวขึ้นมาราวกับถูกกระชากหัวใจออกไปจากอกแล้วขยี้ให้แหลกคามือ
   “อาจารย์เป็นอะไรกับอาจารย์ธนัญญาคะ ทำไมหน้าตาเหมือนกันจังค่ะ” เสียงเรียกของนักเรียนหน้าตาจิ้มลิ้มที่เธอถามทางเมื่อวานเอ่ยขึ้นมา เรียกให้เธอหลุดจากภวังค์
   “ไม่ได้เป็นอะไรกันจ๊ะ ครูก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีคนที่หน้าตาเหมือนครูขนาดนี้” กนกพิชญ์ตอบน้ำเสียงแผ่ว สัมผัสได้ถึงความร้อนผะผ่าวที่ดวงตาคู่สวย
   “จริงๆเหรอคะ นี่ถ้าบอกว่าอาจารย์ทั้งสองคนเป็นพี่น้องหรือคู่แฝดกันหนูเชื่อนะคะเนี่ย” เด็กสาวอีกคนถามขึ้นมา
   “ครูเพิ่งจะรู้จักอาจารย์ธนัญญาที่นี่เหมือนกันจ๊ะ เอาล่ะเดี๋ยวครูจะให้พวกเราแนะนำตัวให้ครูรู้จักทีละคนนะคะ เริ่มจากเลขที่หนึ่งเลยจ๊ะ” กนกพิชญ์พูดตัดบทก่อนนั่งฟังนักเรียนแนะนำตัว เชิดหน้าขึ้นสูงพร้อมกับหลับตานิ่งเพี่อสกัดกั้นธารน้ำตาที่กำลังจะไหลเอ่อ
   “อาจารย์เป็นอะไรไปคะ เอ่อ...อาจารย์คะหลับเหรอคะ พวกหนูแนะนำตัวเสร็จแล้วค่ะ” เสียงนักเรียนคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเรียกครูสาวคนใหม่ด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงหลับตานิ่ง
   “ครูไม่ได้หลับหรอกจ๊ะ แค่หลับตา  พอดีฝุ่นเข้าตาครูน่ะจ๊ะ เอาล่ะเปิดหนังสือเรียนสิจ๊ะ ครูคนเก่าเขาสอนถึงไหนแล้ว” กนกพิชญ์ลืมตาขึ้นช้าๆพร้อมๆกับส่งยิ้มหวานสดใสให้นักเรียนทั้งห้อง ก่อนเริ่มทำการเรียนการสอนแม้ว่าภายในใจของเธอจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลเอ่ออยู่ข้างในจนแทบจะล้นทะลักออกมาก็ตาม
   
ตอนเย็นของวันนั้นทางโรงเรียนได้จัดเลี้ยงต้อนรับกนกพิชญ์ที่หอประชุมของโรงเรียน บรรยากาศงานต้อนรับเต็มไปด้วยความชื่นมื่นตรงข้ามกับความรู้สึกของกนกพิชญ์ที่มันเศร้าเสียเต็มประดา ภาพของปิญารัตน์กับธนัญญาที่นั่งข้างๆกันคอยตักอาหารให้กันมันทำให้หูตาเธอพร่าพรายไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
“น้องแพมคะ เชิญบนเวทีค่ะ” เสียงครูปรารถนาประกาศเชิญให้เธอขึ้นไปบนเวทีเพื่อรับมอบช่อดอกไม้จากผู้อำนวยการโรงเรียนและของขวัญจากคณะครู หญิงสาวรับของขวัญที่เต็มไปด้วยไมตรีจากเพื่อนร่วมด้วยความปิติ สำหรับหญิงสาวที่ไกลบ้านอย่างเธอการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเช่นนี้สร้างความอบอุ่นให้กับเธอยิ่งนัก
“ยินดีต้อนรับนะคะแพม ของขวัญจากพี่และพี่เจนจ๊ะ” น้ำเสียงของธนัญญาพร้อมกล่องของขวัญสีขาวสะอาดตาถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มสดใสของผู้มอบให้
“ขอบคุณค่ะพี่เรย์ พี่เจน” น้ำเสียงและสีหน้าที่ตอบกลับเต็มไปด้วยความสดใสต่างจากดวงตาที่ฉายแววเสร้าออกมาอย่างปิดไม่มิด
“ดิฉันว่าให้น้องแพม ร้องเพลงขอบคุณพวกเราดีไหมคะ” เสียงของครูปรารถนาดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่เสียงเห็นด้วยของเพื่อนร่วมงานจะดังขึ้น ทำให้กนกพิชญ์ต้องจับไมค์ร้องเพลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ หญิงสาวบอกรายชื่อเพลงที่ต้องการร้องกับครูที่คุมเครื่องเสียง
เสียงหวานใสดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้าเพื่อถ่ายทอดความรู้สึก ดังกระทบหัวใจคนฟังที่นั่งฟังเงียบๆอยู่ด้านล่างเวที สองสายตาประสานกันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมหลบสายตา ก่อนที่ปิญารัตน์จะทนกับสายตาที่แสดงร้าวรานอย่างปิดไม่มิดนั้นไม่ได้ก่อนเป็นฝ่ายหลบสายตาเสียเอง
กว่างานเลี้ยงจะเลิกรา เวลาที่ล่วงเลยมาค่อนคืน คณะครูทยอยกลับบ้างแล้ว เช่นเดียวกับกนกพิชญ์ที่หอบช่อดอกไม้และกล่องของขวัญที่ได้รับจากเพื่อนร่วมงานกลับบ้านพักครู
หญิงสาวไขกุญแจเข้าไปในห้องพักส่วนตัว ก่อนวางบรรดาของขวัญเหล่านั้นบนโต๊ะทำงาน หญิงสาวไปที่หน้าห้องเพื่อประตู สายตาสะดุดเข้ากับกล่องของขวัญขนาดกระทัดรัดสีฟ้าใสที่วางอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนหยิบมันขึ้นมาพิจารณา หญิงสาวปิดประตูห้องก่อนกลับมาสนใจที่กล่องของขวัญ ก่อนจะค่อนแกะมันอย่างสั่นระริก เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง ธารน้ำตาที่กักเก็บไว้ตั้งแต่เช้าก็ค่อยๆไหลออกมาด้วยมิอาจกั้นมันไว้ได้อีก
 “ก็ไม่รู้ต้องทนเจ็บจนถึงเมื่อไหร่        จึงจะลืมเธอได้อย่างนั้น
เมื่อสายลมและแสงจันทร์            ยังคงบังคับให้ฉันกลับไป....กลับไปรักเธอ
เกลียดสายลมเกลียดท้องฟ้า         ที่คอยจะมาแกล้งฉัน
เกลียดแสงดาวเกลียดแสงจันทร์         ที่สั่งให้ฉันไม่ลืมภาพเธอ
เกลียดตัวเองเกลืยดหัวใจ            ที่มันยังรักเพียงเธอเสมอ
ทุกค่ำคืนฉันยังละเมอ            เจ็บที่ใจมันยังคิดถึงเธอ...ทุกๆคืน” ๑
               .............................................

๑ เพลง : ทุกๆคืน      ศิลปิน :  ปอย Portrait




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.