รักลวง
บทที่ ๓ : อยากให้โลกนี้...ไม่มีเธอ
คืนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงดาว เสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยร้องระงมก็ดูจะเงียบผิดปรกติ แล้วจู่ๆก็มีแสงไฟสว่างจ้าจากรถกระบะสี่ประตูสีควันบุหรี่คันหนึ่งซึ่งแล่นตะบึงมาอย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์ดังก้องแนวถนนนั้น ช่วงหนึ่งรถชะลอความเร็ว เพราะต้องวิ่งขึ้นเนินสูง มีอะไรบางอย่างหล่นมาใส่ท้ายรถ โดยที่คนขับไม่มีทางรู้
รถยนต์คันดังกล่าวขับมาตามแนวรั้วไม้สีน้ำตาลเข้ม ก่อนขับมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้สักสีเข้ม ประตูอัตโนมัติของบ้านเรือนไทยริมน้ำหลังใหญ่ในเขตชานเมืองเปิดขึ้น เผยให้เห็นบริเวณบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งมีต้นไม้ร่มรื่น สระบัวหลากสีและบัวกระด้งใบใหญ่ อ่างบัวหลากหลายขนาดเรียงรายตามแนวรั้วบ้าน ผู้เป็นเจ้าของจึงขับเข้าไปจอดภายในโรงโถง หลังคาประดับบราลีงดงามยิ่งนัก ในโรงนั้นมีรถยนต์ยุโรปจอดเรียงรายอยู่สามสี่คัน ประตูรถถูกเปิดออก ก่อนที่ วิรากานต์ หญิงสาวนัยน์ตาคมผมสั้นร่างทะมัดทะแมงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงสแล็กสีเข้มจะลงมาจากรถ
“กลับมาแล้วเหรอเจ้าคะคุณหนูเพลง...” หญิงชราร่างอ้วนในชุดเสื้อคอกระเช้าสีแดงเลือดนกกับผ้าถุงแบบโบราณสีหม่นเดินมารับกระเป๋าเอกสารจากเจ้านายสาว และกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ...เพลงอยากได้น้ำเย็นๆสักแก้ว ป้าอิ่มให้เด็กเอาไปให้ที่หอนั่งด้วยนะคะ...” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงห้าวตามประสาสตรีไทยนิสัยบุรุษ ก่อนจะเดินไปยังบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ ลักษณะเป็นเรือนไทยชั้นเดียว สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง หลังคาเป็นทรงจั่วสูงมีกันสาด ใต้ถุนยกพื้นสูง ซึ่งปลูกสร้างท่ามกลางเหล่าพรรณไม้ครึ้มทั่วบริเวณราวกับอุทยาน มีทั้งสุพรรณิการ์ ลีลาวดีลูกศร มะลิ มะลุลี จำปี จำปา วาสนา การเวก กุหลาบสายพันธุ์ต่างๆ และอีกหลากหลายชนิด
วีรากานต์เดินไปยังบันไดทางขึ้นเรือน ก่อนเดินขึ้นบันไดไปยังตัวเรือน ตัวเรือนแบ่งออกเป็นส่วนๆ ได้แก่ ส่วนเรือนนอนซึ่งมีหอนอนหลายหอ หอหนังสือ หอพระ หอนั่ง และส่วนของห้องปรุงอาหารจะสร้างไว้ต่างหาก ทางด้านหลังของตัวเรือน ตรงนอกชานเชื่อมระหว่างส่วนต่างๆของเรือนไทยจะตกแต่งด้วยต้นไม้จำพวกบอนไซและมีอ่างงบัวตั้งไว้ อ่างบัวลายไทยสีเบญจรงค์ ปลูกบัวหลวงขนาดเล็ก ดอกสีขาวแกมเหลือง ชูช่อส่งกลิ่นหอมตรลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ภายในอ่างเลี้ยงปลาเงินปลาทอง ปลาคาร์ฟ ขนาดเล็กใหญ่หลากสีสันแหวกว่ายอยู่ภายใน ปลาที่มีเกล็ดสีทองดีดตัวขึ้นจากผิวน้ำ แสงตะเกียงทาบส่องแสงกระทบผิวน้ำจนเห็นหมู่ปลาแหวกว่ายกันอย่างรื่นเริง
หญิงสาวละสายตาจากภาพอันสวยงามแล้วเดินไปที่หอนั่งกลางชาน ตรงนั้นปูด้วยพรมเปอร์เชียผืนใหญ่ถักทออย่างวิจิตร มีหมอนขวางสามใบวางอยู่บนตั่งตัวใหญ่ หญิงสาวดึงหมอนใบหนึ่งก่อนค่อยเอนร่างลงอิง สายลมอ่อนๆพัดความหอมของดอกบัวมาทั่วบริเวณช่วยคลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี
“น้ำค่ะ คุณเพลง...” เสียงหวานๆของหญิงสาวรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นอรชร ผมยาวสลวยสีดำขลับ เสื้อคอกระเช้าประดับลูกไม้สีหวาน ผ้าถุงสั้นประมาณเข่าสีช็อกกิ้งพิ้งค์ดังขึ้น หญิงสาวค่อยๆวาง แก้วน้ำเย็นที่ผ่านการลอยดอกมะลิหอมกรุ่น น้ำส้มคั้น และจานขนมชั้นสีสดสวยลงบนโต๊ะตัวใหญ่หน้าตั่งตัวนั้น ก่อนจะนั่งพับเพียบ ใกล้ตัวเจ้านาย
“ขอบใจนะ มีอะไรก็ไปทำเถอะอินทร์” หญิงสาวลืมตาขึ้น ยกแก้วน้ำเย็นขึ้นจิบ
“ค่ะ” อินทุภารับคำ ก่อนหลบตานายสาวด้วยความเขินอาย นายสาวซึ่งรูปร่างหน้าตาดูดียิ่งกว่าบุรุษเพศ น่าหลงใหลจนสาวน้อยอยากอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา
ร่างสูงของผู้เป็นเจ้านายละเลียดขนมชั้นด้วยความอิ่มเอมใจ รสชาติหวานละมุนลิ้นหอมกรุ่น ก่อนยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม
“มีอะไรหรือเปล่าอินทร์” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมไปไหน
“เปล่าๆ ค่ะ” สาวน้อยสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น
เมื่ออินทุภาไปแล้ว คุณหนูของบ้านจึงรับประทานของว่างต่อ ก่อนจะเดินเข้าหอนอนของตนเองไป
.................................................................................
ภายในหอนอนของหญิงสาว ตกแต่งคล้ายห้องของหญิงสาวตกแต่งคล้ายห้องของหญิงไทยโบราณ มีเตียงนอนแบบโบราณสลักลายไทยสวยงามผ้าปุที่นอนสีน้ำทะเลเรียบตึง โต๊ะเครื่องแป้ง คันฉ่อง ฉากปักลายนกยูงรำแพนเป็นต้น หญิงสาวถอดเสื้อผ้าออกไว้ในตะกร้าผ้าสีเบจ พันเรือนร่างด้วยผ้าขนหนูสีครามเดินเข้าห้องน้ำไป
ละอองน้ำอุ่นๆ เป็นฝอยๆ จากฝักบัวพรั่งพรูลงมาตามเรือนร่างขาวเนียนได้สัดส่วนอย่างไม่ขาดสาย หญิงสาวทำความสะอาดร่างกายของตนเองไปเรื่อยๆ ตามปกติ จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงกระแสเย็นๆ ที่มากระทบกาย อันเป็นเหตุให้เธอรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลัง
วีรากานต์ สำเหนียกได้ทันทีว่าตนเองกำลังถูกสายตาคู่หนึ่งจับจ้องจากทางหน้าต่างระบายอากาศของห้องน้ำ....
“ใครน่ะ !” เธอเอ่ยปากถามพร้อมกับหันขวับไปมอง ณ ตำแหน่งดังกล่าว และสิ่งที่ปรากฏในคลองจักษุของหญิงสาวก็คือ ดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองเธออยู่...
“เฮ้ย... !” หญิงสาวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่ดวงตาคู่ดังกล่าวจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หญิงสาวรีบทำธุระส่วนตัวต่ออย่างเร่งรีบ ก่อนจะแต่งตัวด้วยชุดลำลองเรียบง่าย และออกจากห้องน้ำไปด้วยใจคอไม่เป็นส่ำ...
ท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งสดใส กลับพลันมืดครึ้มลงอย่างไม่มีสาเหตุ ตามมาด้วยสายลมกรรโชกแรงที่ภายนอก ซึ่งส่งเสียงหวีดหวิวฟังน่าขนพอง จากนั้นเสียงฟ้าร้องและแสงฟ้าแลบก็ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้าโดยปราศจากหยาดแห่งสายฝน ปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น ทำให้วิรากานต์รู้สึกใจคอไม่ดียิ่งขึ้นไปอีก
ลมพัดกรูเกรียว หญิงสาวรีบออกจากหอนอนมานั่งข่มความรู้สึกที่ริมชานเรือน ดอกบัวและดอกไม้ราตรีส่งกลิ่นหอมละมุนรวยระรินมาตามสายลม แสงสว่างที่ทำให้ความมืดไม่ปกคลุมตัวบ้าน หาใช่ไฟฟ้าเช่นที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ แต่เป็นใต้สี่ – ห้าอัน ที่เสียบติดกับเสาเรือนรอบชานและตะเกียงเล็กข้างเธอ
บรรยากาศเรือนไทยปราศจากแสงไฟฟ้า เรือนไทยปราศจากแสงไฟฟ้า ท่ามกลางแมกไม้ครึ้มสายลมพัดลู่กิ่งไผ่ริมรั้วส่งเสียงหวิดหวิวลมเย็นโชยเอื่อยสัมผัสผิวกายท้าให้ขนลุก เธอใช้มือลูบแขนเบาๆเพื่อลดอาการหวาด สายตามองลงไปยังแมกไม้ที่เวลานี้เห็นเป็นเพียงเงาดำตะคุ่มอยู่เบื้องล่าง
แสงไฟจากไต้ยังให้ความสว่างแก่ชานเรือนอยู่มิวาย หากแต่มิใช่ชานเรือนทุกพื้นที่ ยังมีมุมอับแสงซึ่งสีดำปกคลุม ความหวาดหวั่นที่ยังเกาะเกี่ยวจิตใจเริ่มทำให้เธอคิดจินตนาการว่าอาจมีบางสิ่งบางอย่างหลบมุมอยู่ในความมืดมิดนั้น จนเธอต้องเหลือบมุมอับแสงนั้นเป็นครั้งคราว และต้องตกใจสุดขีดเมื่อมุมที่เคยว่างเปล่า บัดนี้มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในความมืดและคล้ายกำลังเดินตรงมาหาเธอ อาการสะพรึงเกิดขึ้นมาทันทีก่อนที่อีกอึดใจสิ่งนั้นจะปรากฏตรงหน้า
“คุณหนูเจ้าคะ อาหารเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” เสียงเย็นๆดังขึ้นมาจากร่างนั้น
“ป้าอิ่ม !” หญิงสาวอุทานออกมาอย่างตกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโล่งอก เมื่อพบว่าเงาตะคุ่มนั้นเป็นป้าอิ่ม หญิงชราผู้ดูแลบ้านนี้นั่นเอง
‘เพราะสายตาลึกลับคู่นั้นแท้ๆที่ทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิง ผิดวิสัยสาวหล่อใจกล้าได้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่เธอก็อยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิด ทำไมถึงมารู้สึกกลัวเอาตอนนี้’ วีรากานต์บ่นในใจ ก่อนที่จะคิดว่าอาจจะเป็นนกกลางคืนมาหากินแถวนี้ก็เป็นได้
“ป้าเองค่ะคุณหนู มาเชิญคุณหนูไปทานอาหารเจ้าค่ะ”
“จ๊ะป้า”
วีรากานต์เดินไปยังหอนั่ง บัดนี้โต๊ะตัวใหญ่พรั่งพร้อมไปด้วยอาหารไทยนานาชนิด บางชนิดแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามน่ารับประทานทั้งสิ้นถูกจัดวางไว้บนถ้วยชามลายเบญจรงค์สวยงาม ส่งกลิ่นหอมฟุ้งชี้ชวนให้รับประทานยิ่งนัก หญิงสาวนั่งลงที่เบาะรองนั่งซึ่งปูทับพรมเปอร์เชียผืนใหญ่อีกชั้นหนึ่ง ป้าอิ่มคดข้าวหอมมะลิที่ควันกำลังกรุ่นส่งกลิ่นหอมฉุยใส่จานให้หญิงสาว
“วันนี้มีแต่ของโปรด คุณหนูทั้งนั้นเลยนะเจ้าคะ” ป้าอิ่มพูดพร้อมๆกับนั่งลงใกล้นายสาวซึ่งนางเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด
“ขอบคุณค่ะป้าอิ่ม แล้วนี่ยายมีนายังไม่กลับบ้านอีกเหรอคะ” น้ำเสียงของวีรากานต์อ่อนหวานเมื่ออยู่เพียงลำพังกับหญิงชราและยิ่งอ่อนโยนลงเอ่ยถึงหญิงสาวเจ้าของชื่อ
“ยังเจ้าค่ะ คุณมีนา จะกลับมาพักที่บ้านเย็นวันจันทร์เจ้าค่ะ ก่อนจะไปแข่งขันกีฬาในวันศุกร์ค่ะ”
“ค่ะ เดี๋ยวหลังเลิกงาน เพลงจะแวะไปรับยายมีนาก็แล้วกันนะคะป้า...” กล่าวพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไป
“เจ้าค่ะ” ป้าอิ่มพูดพร้อมๆนิ่งพับเพียบเรียบร้อย มองดูนายหญิงของบ้านรับประทานอาหารอย่างสุขใจ
วิรากานต์นั่งทานอาหารต่อไปเงียบๆ ความผิดปรกติต่างๆหายไปหมดแล้ว แสงจันทร์สาดส่องมายังหอนั่งเป็นแสงนวลๆดูสวยงาม ท่ามกลางเงาแสงจันทร์สลัว เงาร่างหนึ่งกำลังลอบมองหญิงสาวด้วยความรักและอาลัยยิ่ง... .................................................................