หลังจากที่ได้กลับมาพักชาร์ตพลังให้ร่างกายอย่างเต็มที่และปลุกกำลังใจของตัวเองให้พร้อมเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
สิตางค์พาตัวเองในชุดลำลองโทนฟ้าอ่อนมายังบ้านของเจ้านายในช่วงเช้าตรู่
แม้อากาศรอบๆจะมืดมนหม่นหมองและชุ่มช่ำไปด้วยสายฝน แต่ก็ไม่ทำให้อารมณ์ของเธอขุ่นมัว ตรงกันข้ามเธอกลับอารมณ์ดี ฮัมเพลงอย่างมีความสุขตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นรถจนกระทั่งถึงบ้านของเจ้านายฝนที่กำลังปรอยลงมาทำให้เธอต้องรีบวิ่งไปยังประตูรั้ว เปิดมันอย่างไวที่สุดและขับเคลื่อนรถเข้าไปจอดด้านใน
นี่ก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า วันอาทิตย์ที่ฝนตกแบบนี้ เจ้านายของเธอคงยังไม่ตื่นแหงๆ
เธอไม่ปล่อยเวลาไปเปล่าด้วยการนั่งรอเฉยๆแต่เลือกที่จะเดินเข้าครัวและเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คนข้างบนได้รับประทานเมื่อตื่นนอน
ภาชนะที่บรรจุอาหารไว้ตั้งแต่เมื่อวานถูกล้างทำความสะอาดและคว่ำไว้ในตระกร้า รวมถึงไวน์แดงยี่ห้อโปรดของสาวห้าวก็หายไปสองขวด เหลือเพียงขวดเปล่าตั้งไว้ให้ดูต่างหน้าบนโต๊ะในครัวเท่านั้น
“โห!ดื่มหนักจัง กว่าจะตื่นนอนก็คงนานเลยซินะ” สิตางค์พึมพำกับตัวเอง ค้นหาวัตถุดิบที่หาได้จากตู้เย็นขึ้นมาเตรียมใหม่และพร้อมปรุงสุกอีกครั้ง
แต่เมื่อผ่านไปได้ครึ่งวัน คนร่างสูงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลงมาจากด้านบน
“เป็นอะไรหรือเปล่านะ”
ความสงสัยทำให้เธอยิ่งอยากค้นหา สิตางค์พาร่างของตัวเองไปยังหน้าประตูห้องนอนของผู้เป็นนาย เธอชั่งใจอยู่นาน ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู
“ก๊อกๆ”
เงียบ..ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่อยู่ด้านในเลยสักนิด
สิตางค์ถือวิสาสะอีกครั้ง เธอค่อยๆหมุนลูกบิดประตูแล้วก้าวเท้าเข้าไปด้านใน พยายามกวาดตามองไปรอบๆ
เครื่องนอนในห้องถูกเก็บให้เรียบร้อย บนเตียงว่างเปล่า..และอลิซเบซไม่อยู่ในนั้น!
นอกจากกระดาษที่หัวเตียงเป็นลายมือของเธอซึ่งบอกถึงความจำเป็นที่เธอต้องกลับไปพักในขณะที่เจ้านายยังหลับอยู่ ยังมีกระดาษอีกแผ่นวางซ้อนทับไว้ด้านล่าง
และแน่นอนว่านั่น..ไม่ใช่ลายมือของเธออย่างแน่นอน
ออกไปข้างนอก กลับเย็นๆ ไม่ต้องห่วง แล้วเจอกัน – อลิซ
ความรู้สึกของหญิงสาวระคนปนเปกันไปหมด ทั้งเป็นห่วง และ โกรธ ที่เจ้านายของเธอทำอะไรโดยภาระกาล ไม่บอกกล่าวเธอสักคำ แม้บุคลิกของอลิซเบซจะดูห้าวเกินผู้หญิง และความฉลาดเฉลียวที่พอตัว คงทำเธอเอาตัวรอดได้ไม่ยาก แต่นี่มันเมืองไทย การเดินทางคนเดียวของคนที่จากแผ่นเดินเกิดไปนานกว่าสิบปีทำให้เธอไม่อาจไว้วางใจได้
คอยดูนะ..กลับมาเมื่อไหร่จะคิดบัญชีให้เข็ดเลย!
ในขณะที่อีกคนทุกข์ร้อน แต่อีกคนนึงกลับรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก
อลิซเบซยืนนิ่งมองป้ายวิญญาณของหลุมศพ ณ สุสานจีนในจังหวัดชลบุรี
นี่คือครั้งแรกในรอบสิบปีที่เธอได้กลับมายืนอยู่หน้าผู้หญิงที่เธอรักที่สุด แม้จะเป็นเพียงภาพถ่ายของร่างไร้วิญญาณ
อลิซเบซเดินทางมาที่นี่เพียงลำพังตั้งแต่ย่ำรุ่ง แม้สภาพอากาศจะไม่เหมาะกับการเดินทางไกลเพราะสายฝนที่ยังตกพรำๆอย่างต่อเนื่อง กอรปกับเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยกลับ แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้เธอย่อท้อ
นี่คือความตั้งใจแรกของการกลับมาเมืองไทยเพื่อมาพบแม่ของเธออีกสักครั้ง
เธอลงมือเก็บกวาดขยะและเศษดินออกจากป้ายสุสานตั้งแต่มาถึง ทำความสะอาดรูปภาพที่อยู่บนเสาหินที่เปรอะเปื้อนฝุ่นด้วยผ้าสะอาดที่เตรียมมา
ช่อดอกลิลลี่สีขาวถูกวางไว้เพื่อแสดงความเคารพ พร้อมกับผลไม้สดชนิดต่างๆของโปรดของคนในภาพก็ถูกนำมาวางไว้ใกล้ๆกัน
“แม่สบายดีนะคะ วันนี้หนูเตรียมดอกไม้และผลไม้ที่แม่ชอบมาให้ด้วย” อลิซเบซเอ่ยคำทักทายกับคนในภาพ รอยยิ้มที่เบิกบานเช่นวันวานทำให้เธอระลึกถึงครั้งที่มารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอเล่าเรื่องราวต่างๆให้คนในภาพฟังด้วยความชื่นบานรวมถึงเรื่องที่เธอได้มีโอกาสมาทำงานในเมืองไทยอย่างไม่คาดฝัน
“หนูไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก โชคดีที่มีคนจ้างหนูมาทำงานในเมืองไทย หนูเลยได้มีโอกาสกลับมาเจอแม่อีกครั้ง พวกเขาดูแลหนูดีมากๆ ให้หนูอยู่ในที่ที่ดีๆ และก็มีคนดูแลหนูเป็นส่วนตัวด้วย เธอเป็นผู้หญิงชื่อสิตางค์ค่ะแม่ หนูว่าหน้าตาเธอก็คล้ายกับแม่มาก หนูเพิ่งรู้จักกับเธอเมื่อวานค่ะ แต่แม่เชื่อไหมคะ? มีอะไรหลายๆอย่างที่เมื่อหนูได้อยู่ใกล้ๆเธอ ก็รู้สึก..เหมือนแม่ยังอยู่ข้างๆหนู”
ความอัดอั้นท่วมท้นภายในใจจนกลายเป็นความหวั่นไหว สาวห้าวพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้น แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไหลออกมาจนได้ และนานพอสมควรที่น้ำตาที่ไหลรินจะหยุดลง
“แม่อย่าโกรธหนูเลยนะคะ หนูไม่ได้ร้องไห้มานานแล้วแต่ครั้งนี้มันกลั้นไม่ไหวจริงๆ”
อลิซเบซยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ยังนองบนหน้าขาวๆของเธอ พยายามยิ้มกับรูปของมารดาเมื่อน้ำตาหยุดไหล
“เอาไว้ถ้ามีโอกาส หนูจะพาเธอมารู้จักกับแม่นะคะ” มือบางๆขยับไปที่รูปของมารดา ก่อนที่จะเอ่ยคำรำลาและเดินทางกลับมายังเมืองกรุง
จะสองทุ่มแล้ว..ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้านายสุดแสบ
สิตางค์เดินไปมาในบ้าน กระวนกระวายใจไม่น้อยที่ต้องรออยู่เฉยๆโดยที่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เธอนั่งลงบนโซฟายาว หันหน้าไปยังประตูหน้าบ้านและจ้องมองอย่างใจจดจ่อ
“นานไปแล้วนะ นับหนึ่งถึงสิบ ถ้ายังไม่กลับมา เรื่องนี้ถึงหูคุณศิรีแน่!”
หญิงสาวนับอย่างช้าๆและใจเย็น คว้าโทรศัพท์มาใกล้ๆเตรียมกดโทรออกหากสาวหล่อไม่กลับมาตามที่เธอกำหนด
คลิก! นั่นมันเสียงเปิดประตูรั้วนอกบ้าน
ความดีใจทำให้สิตางค์รีบวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน และมองเห็นผู้เป็นนายกำลังเดินกลับเข้ามาพร้อมข้าวของพะรุงพะลังเต็มสองมือ
“อ่ะนี่” ถุงข้าวหลามและอาหารทะเลถูกยื่นมาตรงหน้า สิตางค์รับมาอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะแหวใส่คนที่ไม่ทำหน้าดังทองไม่รู้ร้อนซึ่งเดินลิ่วเข้าไปในบ้านหลังจากยื่นของให้เธอเรียบร้อยแล้ว
ยังไม่เคลียร์กันเลย อย่าเพิ่งหนีไปไหนซิ!
“หยุดก่อนค่ะ” สิตางค์เดินมาขวางหน้าคนร่างสูงที่กำลังเดินตรงไปที่บันได
“จะไปไหนทำไมคุณไม่บอกฉันสักคำ”
“แล้วทำไมต้องบอกล่ะ นี่มันวันหยุดนะไม่ใช่วันทำงาน ฉันมีสิทธิ์ที่จะไปไหนมาไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“แต่คุณอยู่ในความดูแลของฉัน จะไปไหนมาไหนก็บอกกันสักคำซิ หายไปเฉยๆแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน?”คนร่างสูงเริ่มเบ้ปาก ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่พอใจที่ผู้จัดการสุดป่วนใช้เหตุผลดังกล่าวมาอ้างเพื่อตำหนิเธอ
ทำยังกับเธอเป็นเด็กเล็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ซะอย่างนั้น
“อย่า ! ทำเหมือนฉันเป็นเด็กได้ไหมคุณสิตางค์ คุณน่ะกลับไปได้แล้ว ฉันเหนื่อยต้องการพัก หลีกไป” มือบางของคนร่างสูงผลักร่างของคนตัวเล็กให้หลบไปให้พ้นทาง และรีบเดินขึ้นไปข้างบนอย่างเร็วโดยไม่สนใจคนข้างล่างที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายเพียงลำพัง
ยิ่งไม่ตอบโต้ สิตางค์ยิ่งหงุดหงิด และแล้วความคิดบางอย่างก็เข้ามาแทนที่
“อยากให้ฉันเผด็จการกับคุณใช่ไหม ได้..จัดให้ค่ะบอส”
ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทั้งวันทำให้อลิซเบซเลือกที่จะนอนแช่ร่างกายในอ่างน้ำอุ่นแทนการอาบน้ำจากฝักบัว ความผ่อนคลายทำให้เธอเผลอหลับไป เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสี่สิบนาที ร่างกายที่พล่อยหลับเพราะความอ่อนเพลียจึงตื่นขึ้นจากนิทรา
สาวห้าวค่อยๆลุกขึ้นจากน้ำ ห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่และเสื้อคลุมอาบน้ำก่อนที่จะออกไปแต่งตัวด้วยชุดนอนที่ด้านนอก
“เฮ้ย!” สาวห้าวตกใจที่เห็นผู้จัดการสาวหน้ามนยังอยู่ในบ้าน แถมอยู่ในห้องนอนของเธอซะด้วย
สิตางค์แต่งตัวในชุดนอนกางเกงลายหมีพูห์สีส้ม นั่งพับเพียบและเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถืออยู่บนที่นอนปิกนิกซึ่งปูที่พื้นข้างๆเตียง เงยหน้าขึ้นมองและยิ้มแย้มเหมือนไม่เกิดเหตุการณ์ที่บาดหมางกันมาก่อนหน้านั้น
ที่จริง นี่ก็คือแผนสำรองที่เธอเตรียมไว้ลับมืออลิซเบซ ทั้งเสื้อผ้าและที่นอนปิกนิกเพิ่งถูกขนมาใส่ไว้ในท้ายรถเมื่อวานนี้ และแล้วในที่สุด…ก็ได้นำออกมาใช้จริงๆ หวังจะควบคุมเจ้านายตัวแสบของเธอให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา
สบายๆไม่ชอบ ชอบให้บังคับ..มันก็ต้องเจอไม้นี้แหละค่ะบอสขา!
“เดี๋ยวฉันเตรียมชุดนอนให้นะคะ” หญิงสาวยิ้ม เดินมายังตู้เสื้อผ้ากุลีกุจอหยิบชุดนอนกางเกงผ้าซาตินสีน้ำเงินส่งให้สาวร่างสูงที่ยืนมองด้วยสายตาขุ่นมัว
“ฉันบอกให้คุณกลับไปได้แล้วไง?” อลิซเบซบอกออกมาด้วยความไม่พอใจ กำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่ไม่เร็วพอกลับถูกนิ้วเรียวของคนตัวเล็กยกขึ้นปิดปาก จุ๊ปากเชิงห้ามปรามไม่ให้ส่งเสียง
“คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่และจะอยู่กับคุณแบบนี้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนกว่าระยะเวลาการทำงานของเราจะจบลง รีบแต่งตัวก่อนนะคะ เช็ดหัวให้แห้งด้วย ฉันเป็นห่วง”
“กลับบ้านไปซะ ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในชีวิตมากเกินไป”
“เสียใจค่ะ” หญิงสาวยิ้มยวนและมองคนตัวสูงอย่างท้าทาย
“ถ้าวันนี้คุณไปไหนโดยบอกกล่าวฉันสักคำ ฉันก็คงไม่ต้องตามติดคุณแจแบบนี้หรอก ฉันบอกคุณแล้วไงว่าชีวิตคุณอยู่ในความดูแลของฉัน และเมื่อคุณละเมิด อิสรภาพที่คุณต้องการก็คงต้องเป็นโมฆะ เข้าใจไหมคะ?” สิตางค์ยิ้มเยาะผายมือออกและเร่งให้คนตาขวางเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำโดยไม่เปิดโอกาสให้อลิซเบซได้โต้ตอบอะไรได้เลย
หลังจากเสียเวลาร่วมชั่วโมงที่ต้องนั่งทะเลาะกับสาวหน้าใส อลิซเบซกลับเป็นเป็นฝ่ายยอมยกธงขาวซะเอง เธอรู้สึกว่าแม้จะเถียงไปนานกว่านี้คงไม่มีประโยชน์เพราะยัยตัวแสบไม่มีท่าทีที่จะอ่อนข้อให้
และทันทีที่คนตัวสูงเงียบเสียง คนตัวเล็กก็ถือโอกาสปิดไฟในห้องให้ดับลง
ถึงเวลาแล้วซินะที่คนทั้งคู่จะต้องพักผ่อนซะที
การนอนบนพื้นแข็งๆหรือแม้จะนอนในที่ที่ไม่คุ้นเคย ไม่ได้เป็นอุปสรรคสักนิดสำหรับสิตางค์ เธอหลับสนิทตั้งแต่หัวถึงหมอน ถ้าไม่มีการปวดเบาในช่วงตีสอง หญิงสาวคงหลับจนถึงเช้าเป็นแน่
สิตางค์เดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเงียบๆแต่เมื่อกลับออกมาจากทำธุระส่วนตัว เธอกลับไปยินเสียงครางเบาๆของคนบนเตียง
แม้จะฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็ได้ยินว่าเธอเรียกหาแม่และชื่อใครอีกคนนึงอยู่
ละเมออะไรนักหนานะ..หรือว่าตั้งใจแกล้งให้ฉันหลอนจนต้องกลับไปนอนที่คอนโด
“คุณอลิซ” มือบางเขย่าแขนของสาวหล่อที่นอนคลุมโปงซึ่งกำลังหันหลังให้คล้ายๆกำลังเขย่ากล่องขนมรูปหมีโคล่าแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ตอบสนอง ร่างที่งอตัวขดเข้าหาผ้าห่มทำให้สิตางค์อดจะแปลกใจไม่ได้
และเธอก็ได้คำตอบ เมื่อวางมือไปบนศีรษะของผู้เป็นนาย
คุณพระ!ตัวร้อนจี๋เลย
สิตางกระเถิบตัวมานั่งบนเตียง พยายามเรียกสติของสาวหล่อที่นอนเพ้อด้วยพิษไข้
อลิซเบซไม่ได้สติเลย ทำไงดี?
ผ้าขนหนูผืนเล็กในตู้เสื้อผ้าถูกนำมาชุบน้ำจนชุ่มบิดหมาดและวางไว้บนศีรษะ ก่อนจะไปข้างนอกและหายาบรรเทาอาการที่อยู่ท้ายรถ
ในวันที่โชคชะตาไม่เป็นใจ อะไรๆก็ดูไม่ง่าย
แม้แต่ยาพาราเซตามอลที่เธอมักพกติดรถมาตลอดก็ดันหมดซะเกลี้ยง
วินาทีนั้นหญิงสาวก็ตัดสินใจที่จะออกไปหาซื้อ แม้มันจะไม่ใช่เวลาที่เธอไม่ควรออกไปเพียงลำพังในยามวิกาล
สิตางค์รีบวิ่งเข้ามาในห้องสวมเสื้อคลุมก่อนปกปิดชุดนอนอีกชั้น และรีบวิ่งออกไปโดยไม่ลืมเหลือบสายตาเจ้านายที่นอนเพ้อเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงด้วยความกังวล
รอก่อนนะคะ…อย่า! เพิ่งเป็นอะไรไปนะคะบอส
ไข้ที่สูงเริ่มลดลงไปบ้างจนทำให้สาวหล่อรู้สึกตัว
อลิซเบซลืมตาช้าๆ หันไปหาแสงของไฟหัวเตียงซึ่งยังคงเปิดให้ความสว่าง ส่วนที่สะดุดตาไม่แพ้กันคือคนที่นั่งฟุบหลับข้างๆตัวเธอ
“คุณสิตางค์..สิตางค์”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากเสียงเรียก อาการงัวเงียหายไปเป็นปลิดทิ้ง ลุกขึ้นนั่งบนเตียงและวางมือไปยังศีรษะของคนที่ยังนอนอยู่
ใจเริ่มชื้นขึ้นเมื่ออุณหภูมิกายเริ่มลดลง
“ยกแขนขึ้นหน่อยนะคะ” สิตางค์ฉวยข้อมือของคนที่นอนอยู่ให้ยกขึ้น และหันไปหยิบแท่งแก้วข้างเตียงมาสะบัดไปมา แม้จะไม่มีแรงขัดขืนแต่อลิซเบซกลับถามด้วยความสงสัยในท่าทางของหญิงสาว
“วัดไข้หน่อยนะคะ..เมื่อคืนคุณไข้ขึ้นตั้ง39องศาแน่ะ” สิตางค์เสียบปรอทวัดไข้ไว้ที่รักแร้ข้างซ้ายของผู้ที่ยังนอนหมดแรง รอจนครบเวลาและนำออกมาดู อุณหภูมิกายที่ต่ำลงทำให้เธอยิ้มออก ไม่เสียแรงที่ยอมอดนอนและคอยเปลี่ยนผ้าชุบน้ำวางไว้บนศีรษะตลอดทั้งคืน
“ไข้ลดลงบ้างแล้วค่ะ เดี๋ยวทานข้าวและทานยาลดไข้ แล้วค่อยเช็ดตัวนะคะ” หญิงสาววางปรอทไว้ที่เดิม ออกไปข้างนอกสักพักและกลับมาพร้อมข้าวต้มหมูใส่ไข่ กลิ่นของอาหารช่างยั่วยวนยิ่งนัก อลิซเบซถูกพยุงตัวให้นั่งพิงหมอนชิดขอบเตียง เธอปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายและให้ความร่วมมือกับสิตางค์เป็นอย่างดีแตกต่างจากยามปกติโดนสิ้นเชิง
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”
“ก็เมื่อคืนคุณไข้ขึ้นสูงค่ะ” สิตางค์คนข้าวต้มให้ความร้อนค่อยๆหายไปพร้อมกับเล่าๆเหตุการณ์คร่าวๆให้คนที่เพิ่งสร่างจากพิษไข้ได้ฟัง
“แล้วทำไมคุณถึงผมถึงคุณเปียกแบบนั้น? ชุดนอนก็ไม่ใช่ชุดเดิมด้วย?”
“ก็..เมื่อคืนตอนขับรถไปซื้อยาที่ร้าน ฝนดันตกหนักแล้วฉันก็ไม่ได้เอาร่มติดไปด้วย”
“แล้วนี่คุณได้นอนบ้างหรือยัง?”
“นอนแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอกรีบทานข้าวก่อนเถอะค่ะ” สิตางค์ยื่นถาดที่วางชามข้าวต้มเข้าไปใกล้คนป่วยแต่ดูเหมือนร่างกายยังไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะออกแรงยกมือขึ้นหยิบช้อนอาจจะไม่ไหวด้วยซ้ำ
“คุณอยู่เฉยๆดีกว่า มาค่ะ เดี๋ยวฉันป้อน” ควันฉุยจากชามข้าวต้มถูกเป่าให้เย็นลงและป้อนเข้าปาก อลิซเบซพยายามรับประทานตามที่คนร่างบางขอแม้จะไม่หมดชามก็ตาม
“ทานยาลดไข้ก่อนแล้วนอนพักสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันเอาชามข้าวต้มไปล้างแล้วจะกลับมาเช็ดตัวให้” หญิงสาวลดหมอนของคนป่วยให้ต่ำลงกว่าปกติเล็กน้อยแทนการนอนราบซึ่งอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้หลังจากรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ เธอเก็บชามออกไปไว้ด้านนอก และกลับเข้ามาพร้อมกะละมังน้ำอุ่นเพื่อเตรียมเช็ดตัวให้กับคนป่วย
“อย่าลำบากเลย เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำดีกว่าค่ะ” อลิซเบซบอกคนตรงหน้าอย่างเขินๆ ตั้งแต่เล็กจนโตมาเธอไม่เคยให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับร่างกายของเธอสักเท่าไหร่ ก็คงมีแต่แม่เท่านั้นที่สัมผัสร่างกายของเธอทุกส่วนสัดตั้งแต่แบเบาะ
“ลำบากที่ไหนกัน คุณยังไข้สูงอยู่ ให้ฉันทำให้เถอะ”
“แต่ว่า..”
“คุณรู้ไหมคะ? การเช็ดตัวเนี่ยเป็นอีกวิธีที่ช่วยทำให้ไข้ลดลงได้นะคะ มันเป็นการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยถ่ายเทความร้อนให้ร่างกายคุณได้อย่างดีเลยทีเดียว มันต่างจากการอาบน้ำธรรมดาก็ตรงที่เวลาที่เราเช็ดตัวเนี่ยมันจะกระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่ผิวหนัง และน้ำอุ่นที่ฉันเตรียมมาเนี่ยก็ยังช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ความร้อนในร่างกายจะได้ถูกระบายได้เร็วขึ้น ไข้คุณก็จะลดลงเร็วๆไงคะคุณอลิซ”
“บรรยายซะเป็นการเป็นงานเชียวนะ” คนป่วยไม่วายส่งเสียงแซว
“แหม! ฉันก็แค่อยากบอกให้คุณรู้ไว้เท่านั้นว่าฉันรู้จริง ไม่ได้มีเจตนาจะแต๊ะอั๋งคุณสักหน่อย และอีกอย่างเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน ไม่ต้องเขิน เราสองคนไม่มีอะไรที่แตกต่างกันหรอก” ไม่รู้ว่าพิษไข้หรือคำพูดเมื่อครู่ที่ทำให้หน้าของอลิซเบซยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่คนร่างบางกลับไม่เห็นกลับปฏิกริยานั้น เธอหันหลังให้และเดินไปปิดเครื่องปรับอากาศให้หยุดทำงาน ก่อนจะเดินตรงมาที่เตียงหยิบผ้าผืนเล็กชุบน้ำอุ่นบิดหมาดเช็ดไปที่หน้าและลำคอของสาวหล่อที่นอนหมดแรง
ผ้าขนหนูอีกสองผืนถูกชุบน้ำบิดหมาดและวางไว้ในตำแหน่งของรักแร้และข้อพับแขนสลับกันกับการเช็ดแขนทั้งสองข้างซ้ำๆจนตำแหน่งดังกล่าวเริ่มเย็นลง
“โอเค ทีนี้คุณช่วยนอนตะแคงหลังไปอีกด้านนึงซิ”
อลิซเบซค่อยๆพลิกร่างและทำตามที่สิตางค์บอก แผ่นหลังขาวๆค่อยๆปรากฏแก่สายตาเมื่อชายเสื้อถูกเลิกขึ้น สาวหล่อสะดุ้งเล้กน้อย แม้จะไม่ใช่ก้อนน้ำแข็งที่ถูลงไปบนแผ่นหลังอย่างในภาพยนตร์ไทยที่เคยฉายแต่มือที่อยู่ใต้ผ้าผ้าของสาวร่างบางที่แตะอยู่บนตัวก็ทำให้ใจเธอเต้นแรงจนเกือบจะทะลุออกมาข้างนอก
“เช็ดแผ่นหลังเสร็จแล้วค่ะ..เดี๋ยวฉันจะขอเช็ดช่วงอกและหน้าท้องของคุณนะคะ”สิตางค์ค่อยๆจับแขนของคนที่นอนตะแคงให้พลิกกลับมาเป็นท่านอนหงาย
ผ้าผืนเล็กที่ยังไม่ได้ใช้ถูกนำขึ้นมาปิดตาคนที่นอนอยู่ ก่อนที่จะขออนุญาตและลงมือแกะกระดุมเม็ดแรกกลางร่องอกของสาวหล่อ สิตางค์ทำทุกอย่างอย่างเป็นปกติ เธอค่อยๆแกะกระดุมออกทีละเม็ดจนหมด
แต่ก่อนที่สาบเสื้อจะถูกเปิดออก มือของสาวหล่อก็เข้ามาคว้ามือบางของหญิงสาวไว้ในอุ้งมือให้หยุดการกระทำนั้น
“ไม่เป็นไรดีกว่า เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง”
“เขินเหรอคะ?” แม้อลิซเบซจะไม่ตอบออกมาเป็นคำพูดแต่ใบหน้าที่แดงกล่ำจนลามไปถึงใบหูก็บอกได้ชัดเจนว่าเธอรู้สึกเช่นนั้น สิตางค์หัวเราะเบาๆค่อยๆกลัดกระดุมให้สาวหล่อในบางเม็ดกลับเข้าที่เดิม เพียงให้ปกปิดท่อนบนและไม่ทำให้สาบเสื้อแยกออกจากกัน
“งั้นให้ฉันพยุงคุณเข้าห้องน้ำแล้วกันนะคะ” ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้น วางแขนพาดกับต้นคอขาวของคนร่างเล็กที่ค่อยๆพาร่างของเธอเข้าห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก เธอพาร่างของสาวหล่อนั่งบนอ่างอาบน้ำและกลับออกมาเอากะละมังน้ำอุ่นที่ถูกใช้เมื่อครู่พร้อมผ้าขนหนูมาไว้ข้างๆเธอ
“เรียบร้อยแล้วก็เรียกฉันได้เลยนะคะ ฉันจะรออยู่ข้างนอก”
“เดี๋ยวก่อน” อลิซเบซร้องเรียกร่างบางที่กำลังจะพ้นจากประตูห้องน้ำอีกไม่กี่ก้าวให้หันกลับมา
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเมื่อคืนนี้นะคะคุณสิตางค์”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอลิซ ฉันเต็มใจ”
ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มกลับออกไปพร้อมกับประตูที่แง้มไว้เล็กน้อย พอให้ได้ยินเสียงแต่คงไม่มีโอกาสได้เห็นคนข้างในที่ยังนั่งนิ่งและแอบอมยิ้มกับความใส่ใจที่ไม่ได้รับมานานแล้ว
จากผู้หญิงคนหนึ่งที่คาดคิดว่าในชีวิตจะได้มีโอกาสได้เจอ
ผู้หญิงที่พยายามเข้ามาวุ่นวายในชีวิตทั้งที่เธอผลักไสออกไปตลอดเวลา
ผู้หญิงที่เธออยู่ใกล้ๆกลับมีความรู้สึกพิเศษที่ทำให้เกิดความหวั่นไหวในใจ
และบางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทำให้เธอ..ยอมเปิดรับ คนใหม่ๆเพื่อให้ชีวิตที่เงียบเหงาได้กลับมาสดใดอีกครั้ง