Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๑๐ : ลิขิตฟ้าพารักให้หนักทรวง
เจ้าหญิงนลินยุพาทรงประทับที่อุทยานกับพระพี่เลี้ยงกันตาและเหล่านางกำนัลคนสนิท พระธิดามณีจันทร์ทรงถวายบังคมอย่างชดช้อย
“มีอันใดฤาน้องหญิงมณีจันทร์” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสถามเมื่อเห็นเจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงเข้ามาถวายบังคม
“น้อง นำพวงมาลัยที่น้องเพิ่งกรองเสร็จมาถวายเจ้าพี่เพคะ” เจ้าหญิงมณีจันทร์ถวายพวงมาลัยแด่เจ้าหญิงนลินยุพา
“หอมเสียนี่กระไรมณีจันทร์ ดูถ้าจะงามกว่าพวงมาลัยที่เราร้อยให้เจ้าเมื่อคราก่อนกระมัง” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงรับมาสูดดมความของพวงมาเลศอันงดงามนั้นอย่างเต็มที่ กลิ่นกรุ่นอวลอยู่ในพระนาสิกและพระทัยมิรู้วาย
“ถ้าพระองค์ทรงโปรด น้องจะนำมาถวายพระองค์ทุกวันดีฤาไม่เพคะ” พระนางทรงแย้มพระสรวลรู้สึกยินดียิ่งนักที่พระเชษฐภคินีทรงโปรดพวงมาลัยของนาง
“ขอบใจน้องมากมณีจันทร์” สายพระเนตรที่ทอดมองอ่อนโยนและหวานหยดยิ่งนัก
“พระองค์ทรงเสวยพระกระยาหารฤายังเพคะ” เจ้าหญิงมณีจันทร์ตรัสถามด้วยพระสุรเสียงหวาน แววพระเนตรที่ทอดมองเต็มไปด้วยความหวานหยาดเยิ้มมิต่างกันนัก
“ยังเลยน้องหญิง เมื่อเช้าเรารับพระเครื่องเสียมาก เลยอิ่มตื้อจนถึงเพลานี้”
“แต่เพลานี้บ่ายคล้อยแล้วนาเพคะ กระเดี๋ยวประชวรขึ้นมาจะลำบาก น้องจะเตรียมพระเครื่องมาถวายนะเพคะ”
“ขอบใจน้องมากมณีจันทร์ เป็นบุญของพี่ที่จะได้เสวยพระกระยาหารฝีมือน้อง”
“เพคะ” ตรัสจบเจ้าหญิงมณีจันทร์ก็ทรงพระดำเนินไปยังโรงปรุงพระเครื่อง เพื่อเตรียมพระกระยาหารมาถวายพระเชษฐภคินีอันเป็นที่รักของพระนาง
เมื่อลับพระวรกายของเจ้าหญิงมณีจันทร์ไม่นานนัก เจ้าชายอติรัณณ์ก็เสด็จพระราชดำเนินมายังพระอุทยาน ทรงทอดพระเนตรเห็นเจ้าหญิงนลินยุพาประทับบนโขดหินก็ทรงแย้มสรวลก่อนจะสาวพระบาทไปหาในทันที
“เจ้ามาอยู่ที่นี่อีกแล้งรึ น้องหญิง”
“เสด็จพี่อติรัณณ์ !” เจ้าหญิงนลินยุพาที่ทรงดื่มด่ำกับความหอมของพวงมาเลศในพระหัตถ์ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“ตกใจอีกแล้ว น้องหญิงนี่ขวัญอ่อนเสียนี่กระไร” เจ้าชายอติรัณณ์ทรงประทับนั่งเคียงข้างก่อนที่จะนำพระหัตถ์ไปลูบพระเกศานุ่มสลวยเป็นเงางามของเจ้าหญิงนลินยุพาด้วยความเอ็นดูในท่วงทีไร้จริตจก้านของนาง นางที่พระองค์ทรงพึงใจอยู่ไม่น้อย
“ถวายบังคมเพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงถวายบังคมอย่างอ่อนข้อยงดงามกว่าผู้ใดในสายพระเนตรของเจ้าชายอติรัณณ์
“ไม่เป็นดอกน้องหญิง แล้วนี่น้องทำอันใดอยู่ฤๅ อ้อ...กรองมาลัยนี่เอง มาลัยในมือน้องช่างงดงามยิ่งนัก”
“ขอบพระทัยเพคะ” พระนางทรงตรัสพร้อมนำพวงพาลัยนั้นแนบพระอุระอย่างทรงหวงแหน
“เจ้าจะว่าอันใดฤๅไม่ หากพี่จักขอพวงมาลัยในมือน้อง”
“ทรงว่ากระไรฤๅเพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงถามอย่างตกพระทัย นางจะถวายพวงมาลัยนี้แด่ผู้ใดได้เล่าในเมื่อ....
“พี่จักขอพวงมาลัยในมือเจ้าจักได้ฤๅไม่”
“เพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงถวายพวงมาลัยแด่เจ้าชายอติรัณณ์อย่างมิอาจจะขัดพระประสงค์ได้ ทั้งๆที่ในพระทัยแล้วทรงเสียดายพวงมาลัยนั้นเป็นหนักหนา
“ขอบใจมากน้องหญิง พี่จะถนอมพวงมาลัยน้องกรองนี้อย่างดีเชียวนา อืม...ชั่งงามและหอมยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นพวงมาลัยที่น้องกรอง” เจ้าชายอติรัณณ์ทรงรับมาสูดดมเต็มแรงด้วยทรงเข้าพระทัยไปเองว่าพวงมาลัยนั้นเป็นพวงมาลัยฝีพระหัตถ์ของเจ้าหญิงนลินยุพา
เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในสายพระเนตรของเจ้าหญิงมณีจันทร์ที่นำพระกระยาหาราถวายพอดี พระนางทรงนิ่งอึ้งอยู่ชั่วครู่ที่เห็นว่าเจ้าหญิงนลินยุพานำพวงมาลัยที่พระนางกรองถวาย ถวายต่อให้กับเจ้าชายอติรัณณ์ พระนางทรงระงับความน้อยพระทัยเสด็จพระดำเนินนำนางกำนัลซึ่งถือพระสุพรรณภาชน์บรรจุพระกระยาหารนานาชนิดที่พระองค์ทรงลงมือปรุงด้วยพระองค์เองมาถวายด้วยพระพักตร์ซีดเผือด
“อ้าวน้องหญิง น้องนำพระเครื่องมาถวายน้องหญิงมณีจันทร์ฤๅ” เจ้าชายอติรัณณ์ทอดพระเนตรเห็นเจ้าหญิงมณีจันทร์เสด็จพระดำเนินนำนางกำนัลซึ่งถือพระสุพรรณภาชน์บรรจุพระกระยาหารนานาชนิดจึงทรงทักทายอย่างอารมณ์ดี
“เพคะ พวงมาลัยในพระหัตถ์ของพระองค์งามเสียนี่กระไร พระองค์ทรงได้แต่ใดมาเพคะ” เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงแสร้งถามทั้งๆที่ทรงรู้อยู่เต็มพระอุราว่าพวงมาลัยนั้นเป็นของผู้ใด
“น้องหญิงนลินยุพาให้พี่จ๊ะ ถ้าน้องชอบพี่จักขอให้น้องหญิงกรองประทานแด่น้องด้วยดีหรือไม่” ตรัสพร้อมทรงพระสรวลอย่างเบิกบานพระทัย ในขณะที่ทางฟากเจ้าหญิงทั้งสององค์ต่างก็พระพักตร์ซีดเผือดมิอาจจะกล่าวใดๆออกมาได้อีก โดยเฉพาะเจ้าหญิงมณีจันทร์เมื่อถวายพระกระยาหารเสร็จก็ลงทูลลากลับตำหนักในทันที
“เสวยสิน้องหญิง กระเดี่ยวจะชืดเสียหมด น้องหญิงมณีจันทร์เลื่องชื่อนักในการทำพระเครื่องเสวย อืม...เตรียมมาสองที่เหมาะนักเชียว กระเดี๋ยวพี่จะเสวยเป็นเพื่อนน้องเองนะจ๊ะ” เจ้าชายอติรัณณ์ชี้ชวนให้เจ้าหญิงนลินยุพาเสวยพระกระยาหาร
“เพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสพร้อมกับทอดพระเนตรพระกระยาหารนั้นอย่างเสียพระทัย เจ้าหญิงมณีจันทร์คงจักเตรียมเพื่อเสวยร่วมกับพระองค์กระมัง !
พระกระยาหารนั้นสลักเสลาอย่างงดงาม พร้อมด้วยกลิ่นรสที่หอมฟุ้งน่าเสวย และเปี่ยมด้วยความโอชารสเป็นหนักหนา แต่เจ้าหญิงนลินยุพากลับเสวยอย่างไร้ซึ่งความเจริญอาหารทรงเสวยอย่างซังกะตาย ต่างกับเจ้าชายอติรัณณ์ที่เสวยด้วยความเจริญเต็มที่
หลังจากการเสวยพระกระยาหารเสร็จสิ้น เจ้าหญิงนลินยุพาก็ทรงทูลลาเจ้าชายอติรัณณ์กลับพระตำหนัก ทิ้งให้เจ้าชายผู้นั้นทอดพระเนตรตามอย่างทรงอาลัยยิ่งนัก
...........................................................................
“พระองค์ทรงเกรงว่าเจ้าหญิงมณีจันทร์จักทรงกริ้วพระองค์ใช่ฤๅไม่เพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตากราบทูลถามเมื่ออยู่ลำพังกับพระธิดาในพระตำหนักแล้ว
“มันก็ใช่...” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงครางตอบกลับมาด้วยพระสุรเสียงแผ่ว
“ถ้าเยี่ยงนั้น หม่อมฉันมีความจะกราบทูลถามจักได้ฤๅไม่เพคะ”
“มีอันใดก็ว่ามาเถิดกันตา”
“พระองค์ทรงพึงใจเจ้าหญิงมณีจันทร์ใช่ฤๅไม่เพคะ” สิ้นรับสั่งพระราชทานอนุญาต พระพี่เลี้ยงกันตาก็กลั้นใจถามออกไปทันที
“กันตา !” เจ้าหญิงนลินยุพาอุทานออกมาอย่างตกพระทัยด้วยทรงไม่นึกว่าพระพี่เลี้ยงกันตาจะถามคำถามนี้เป็นหนที่สอง นี่กันตาล่วงรู้ความในพระทัยของพระองค์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ซึ่งทรงนึก พระพักตร์หวานก็ซับสีแดงระเรื่อมากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้ารู้ได้เยี่ยงใดกันตา!”
“โธ่! พระธิดา” กันตาทอดถอนหายใจเมื่อได้ฟังประโยคนั้นก็นิ่งอึ้งไปเลย พระธิดาทรงพึงใจเจ้าหญิงมรีจันทร์จริงๆด้วย
เพียงแค่ทอดพระเนตรเห็นพระพี่เลี้ยงทอดถอนใจ เจ้าหญิงนลินยุพาก็ทรงรู้สึกมืดมนไปหมดไม่รู้จะทรงรับสั่งอันใดออกไป เพราะความจริงเป็นดังที่พระพี่เลี้ยงกันตาพูดออกมาทุกประการ จนในที่สุดก็ทรงตัดสินพระทัยบอกความจริงให้พระพี่เลี้ยงได้ทราบ จะได้มีผู้ให้คำปรึกษาและช่วยกันคิดว่าอาการวิปริตของพระองค์ที่ไปหลงรักอิสสตรีด้วยกันจะต้องแก้ไขเยี่ยงใดดี ก่อนที่พระองค์จะทรงฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
“กันตา เรารู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องวิปริตพิสดารที่ไม่ควรจักเกิดขึ้นแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ใช่ ! เราพึงใจน้องหญิงมณีจันทร์ ซึ่งเป็นสตรีเยี่ยงกันกับเรา พึงใจตั้งแค่ได้พบนางหนแรกและมันแปรเปลี่ยนเป็นความรักเสียแล้วกันตา เรารักนางแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้ใดมาก่อน เราพยายามจะหักห้ามหัวใจของเราเองแล้วนะกันตาแต่มันทำไม่ได้ มันคอยจะคิดถึงนางอยู่ร่ำไป...เจ้าผิดหวังในตัวเรามากใช่ฤๅไม่ กันตา เราไม่สมควรจะเป็นพระธิดาแห่งนครพินทุปุระอีกแล้วใช่ฤๅไม่...” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสด้วยสุรเสียงสั่นด้วยแรงสะอื้น พระอัสสุชลไหลรินอาบพระพักตร์ ทำไมความรู้สึกเยี่ยงนี้ต้องเกิดขึ้นกับพระองค์ด้วยหนอ
จบรับสั่งพระพี่เลี้ยงคนสนิทนิ่งอึ้งอยู่เป็นนานถึงจะพอล่วงรู้มาบ้างว่าพระธิดาทรงรู้สึกลึกซึ้งกับเจ้าหญิงมณีจันทร์ แต่นางก็ไม่นึกว่าจะทรงหลงรักเจ้าหญิงมณีจันทร์ได้มากถึงเพียงนี้
โธ่ ! ทูนหัวของหม่อมฉัน เจ้าชายอติรัณณ์ซึ่งทรงศักดานุภาพยิ่งนักกลับไม่สนิทเสน่หา แต่ดันมามาหลงรักเจ้าหญิงมณีจันทร์ซึ่งเป็นอิสสตรีเยี่ยงเดียวกัน แล้วครานี้หม่อมฉันจะช่วยพระองค์ได้เยี่ยงใด
“ถึงกระไรพระองค์ ก็คือ พระราขธิดาพระองค์เดียวของนครพินทุปุระ...หม่อมฉันว่าบางทีพระองค์อาจจะเพียงแค่ถูกชะตากับเจ้าหญิงมณีจันทร์ก็เป็นได้นาเพคะ พระองค์มิเคยมีพระขนิษฐาพอพบพระนางเข้าก็อาจจะถูกชะตาได้นะเพคะ”
“เจ้าว่าเยี่ยงนั้นฤๅกันตา”
“เพคะ หม่อมฉันว่าพระองค์ต้องทรงอยู่ห่างๆเจ้าหญิงมณีจันทร์และขณะเดียวกันก็ควรที่จะหาพระวโรกาสใกล้ชิดเจ้าชายอติรัณณ์บ้าง อาจจะทำให้พระองค์ทรงรู้พระทัยของพระองค์เองก็ได้นะเพคะ”
“เอาเยี่ยงนั้นก็ได้ ขอบใจเจ้ามากนะกันตา” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสก่อนจะเอนพระวรกายแนบพระเขนยอิง ทรงหลับพระเนตรลงพระอัสสุชลไหลคลอออกมาอาบพระพักตร์ พลางคิดในพระทัยว่า
‘ให้เราอยู่ห่างๆน้องหญิงมณีจันทร์ซึ่งเป็นที่รักของเรา เราคงจะขาดใจตายก่อนกระมัง กันตา’
ฝ่ายเจ้าหญิงมณีจันทร์ทิ้งพระวรกายลงนอนร่ำไห้อย่างสุดกลั้นเมื่อทรงพระดำเนินมาถึงพระตำหนักของพระองค์แล้ว
“ทำไมนะทำไมเกสร เจ้าพี่นลินยุพาเกลียดเราฤๅ พวงมาลัยที่เราร้อยถวายพระองค์ด้วยใจภักดิ์ พระองค์จึงนำไปถวายผู้อื่นด้วยเล่า”พระนางทรงพระกรรแสงด้วยความน้อยพระทัย
“อย่าทรงตรัสเยี่ยงนั้นสิเพคะ ผู้อื่นที่พระองค์เอ่ยมานั้น คือ เจ้าชายอติรัณณ์ พระเชษฐาของพระองค์เองนะเพคะ”
“จะเป็นผู้ใดก็ช่างเถิดเราไม่สนใจแล้วเกสร เจ้าพี่นลินยุพาทำกับเราเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ดอกมณฑาขาวกับพวงมาลัยที่ทรงพระราชทานให้เรา เราเก็บไว้อย่างดี แต่ทำไม…” เจ้าหญิงมณีจันทร์ยังทรงกรรแสงไม่หยุด พระเนตรสีนิลดั่งเนตรมฤคินส่อแววเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด
“พระธิดา ฤๅว่าพระองค์....”
“เราพึงใจเจ้าพี่นลินยุพา เจ้าได้ยินฤๅไม่เกสร เราบอกว่าเราพึงใจเจ้าพี่นลินยุพา...” พระนางตรัสด้วยพระสุรเสียงสั่น ทรงกรรแสงสะอึกสะอื้น พระอัสสุชลไหลอาบพระพักตร์
“ทูนหัวของหม่อมฉัน อย่างทรงกรรแสงอีกเลยนะเพคะ หม่อมฉันใจจะขาดแล้ว...” พระพี่เลี้ยงเกสรโอบกอดพระวรกายของเจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงทรงกรรแสงสะอึกสะอื้นเท่าใด น้ำตาของนางยิ่งรินไหลออกมาเท่านั้น
“เกสร ทำไมเราถึงได้เจ็บเยี่ยงนี้ เราดันพึงใจเจ้าพี่นลินยุพาซึ่งเป็นอิสสตรีเยี่ยงเดียวกันกับเราเสียนี่ แล้วเราจักทำเยี่ยงใดดีเกสร” ทรงตรัสด้วยพระทัยอันปวดร้าว รักแต่สามารถแสดงออกว่ารักได้ มันช่างทุกข์ทรมานอย่างเหลือที่จะกล่าว
“เจ้าชายธราเทพทรงรูปงามและยิ่งใหญ่กว่าผู้ใด เหตุใดจึงทรงไม่ตัดพระทัย....” พระพี่เลี้ยงเกสรเฝ้าปลอบประโลมและหาเหตุผลต่างๆมาโน้มน้าวพระทัยพระธิดา
“เรามิได้พึงใจพระองค์เลยเกสร แม้แต่เพียงนิด หัวใจของเรายกให้เจ้าพี่นลินยุพาหมดแล้ว เจ้าได้ยินไหมเกสร”
“ทรงตัดพระทัยเพคะ ถึงเยี่ยงไรมันก็จักคงเป็นไปมิได้เพคะ อิสสตรีจะรักกันได้เยี่ยงใดกันเพคะ”
“เจ้าไม่เข้าใจเราหรอกเกสร เจ้าไม่เคยมีความรักเจ้าไม่รู้หรอกว่าเรารู้สึกเยี่ยงไร...” พระพักตร์ของเจ้าหญิงมณีจันทร์ซีดเผือดก่อนที่จะแน่นิ่งไป ทำเอาพระพี่เลี้ยงตกใจทำอันใดไม่ถูก
“พระธิดาเพคะ พระธิดา” เสียงสะอื้นไห้ของพระพี่เลี้ยงทำเอาพระนางศุภาวลัยเทวี ซึ่งทรงพระดำเนินมาหาพระบุตรีตกพระทัยก่อนจะมีรับสั่งกับนางกำนัลให้ไปตามหมอหลวงมาตรวจพระอาการของพระธิดา
...........................................................................
ข่าวการประชวรของเจ้าหญิงมณีจันทร์แพร่สะพัดไปทั่วพระนคร หมอหลวงถวายโอรสหลายขนานที่ต่างมีสรรพคุณเป็นหนึ่งในการรักษาโรค ตลอดจนหมอหลวง หมอชาวบ้าน พ่อมดหมอผี ฯลฯ จากเมืองต่างๆถูกเชิญมารักษาพระอาการ แต่ก็มิอาจทำให้พระอาการประชวรของเจ้าหญิงมณีจันทร์ทุเลาลงได้เลย
พระเจ้าชัยวรรธนะ เจ้าชายอติรัณณ์ พระเจ้าชัยวรเมธ พระนางสวรินทร์เทวีเจ้าชายธราเทพเสด็จและมาเยี่ยมพระอาการประชวรด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกันถ้วนหน้า
เจ้าหญิงนลินยุพาเสด็จมาเยี่ยมพระอาการประชวรของเจ้าหญิงมณีจันทร์ด้วยความห่วงใยยิ่งนักอยู่หลายครั้งหลายครา แต่มิได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมเลยแม้แต่คราเดียว พระนางได้แต่เฝ้าอยู่หน้าพระตำหนักอย่างร้อนพระทัยและกลัดกลุ้มเป็นที่สุด
“น้องหญิงโกรธเราถึงเพียงนี้เชียวหรือกันตา แล้วเราจักทำเยี่ยงใด ทำไมนางไม่ให้เราเข้าเยี่ยมทำไม…” พระธิดานลินยุพาทรงกรรแสงออกมาเมื่อเสด็จกลับมาที่พระตำหนักของพระองค์แล้ว
“ทรงทำพระทัยเย็นๆไว้ก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันว่าเรื่องนี้ต้องมีทางออก เพียงแต่ตอนนี้เรายังหาไม่เจอเท่านั้นเพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตาพยายามให้กำลังใจ เพราะไม่รู้จะทำอันใดได้ดีไปกว่านี้แล้ว
นางมองพระธิดาที่ทรงเอาแต่กรรแสงและไม่ยอมเสวยสิ่งใดตั้งแต่เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงประชวรด้วยความกังวลใจ กรรมใดที่พระนางเคยทำไว้หนอจึงทำให้พระองค์ต้องพบกับความรักที่หาทางเป็นไปได้ยากเยี่ยงนี้
...........................................................................