web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 48
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 58
Total: 58

ผู้เขียน หัวข้อ: Part 1 : ขนนกสีเพลิง บทนำ  (อ่าน 2269 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
Part 1 : ขนนกสีเพลิง บทนำ
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 20:40:45 »
Part 1 : ขนนกสีเพลิง บทนำ

Love-les Project: Lady in the Night
โดยนักเขียน 2 คน
Cylinly และ Half-life

เหตุเพราะหลังปี 2012 มนุษยชาติต่างร่วมยินดีเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามคำทำนายของชาวมายา ที่มีมาแต่โบราณ โดยไม่รู้ว่าเค้าลางความเลวร้ายกำลังก็ก่อตัวขึ้น จนในปี 2015 เกิดการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ระเบิดครั้งสำคัญทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ถูกลอบทำลาย ปล่อยกัมมันตภาพรังสีคร่าชีวิตคนกว่าครึ่งโลก พื้นที่อยู่อาศัยเหลือเพียงทวีปเดียวที่ใช้ได้ ผู้คนที่รอดชีวิตต้องอพยพมาอยู่รวมกัน เกิดการตั้งกลุ่มผู้นำในฐานะวีรบุรุษ พวกเขาได้แบ่งโซนต่างๆ เพื่อจัดระเบียบโลกใหม่อีกครั้ง เป็นเวลากว่า 20 ปี ทุกอย่างจึงเข้าที่เข้าทาง โลกไม่มีประเทศเหมือนอดีตอีกต่อไป...

ถึงกระนั้น มนุษย์ก็ยังมีมากกว่าทรัพยากร ผู้คนอดอยาก คนที่โดนกัมมันตภาพรังสีถูกกักไว้อีกทวีปหนึ่งเพื่อรอวันหมดลมหายใจ เกิดกลุ่มคน(Gang) และผู้มีอิทธิพลแผ่ขยายในแต่ละโซนของทวีป กลุ่มผู้นำโลกจึงสร้างอาวุธและอุปกรณ์ทันสมัยจากมันสมองของอัจฉริยะหลากหลายสาขาเพื่อต่อกร รวมทั้งพยายามใช้ทรัพยากรที่จำกัดให้เพียงพอ โลกกลับเข้าสู่วิทยาการล้ำสมัยแต่จิตใจคนกลับต่ำลงเพราะการแก่งแย่งชิงทรัพยากรกัน
นั่นจึงก่อกำเนิด “กองสืบสวนพิเศษสากล”ขึ้น โดยทุกๆ โซนจะต้องมีองค์กรนี้คอยกำกับดูแลความเรียบร้อย ถือเป็นเหมือนตำรวจโลก พวกเขาปั้นนักสืบและตำรวจระดับยอดเยี่ยมออกมาเพื่อให้คนเคารพกฎหมาย ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนคดโกง หนอนบ่อนไส้และอิทธิพลของกลุ่มมืดเข้ามาแทรกแซง โดยเฉพาะ พื้นที่โซนตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นโซนแออัดและมีคดีร้ายแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ปี 2049 ความไม่ชอบมาพากลในโซนนี้ทำให้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เกิดเหตุการณ์สำคัญอีกครั้ง ครั้งนี้ต่างจากครั้งไหนๆ เมื่อกลุ่มจอมโจรไลเบท ปรากฏตัวและทำตัวเหมือนโรบินฮู้ด ออกล่าพวกโจรกับตำรวจเลวเพื่อเอาของมาให้คนยากจนตามสถานแออัดต่างๆ ปล้นยาหรือของมีค่าที่พวกคนรวยชอบกักเก็บไว้เพื่อตัวเอง เหล่าตำรวจมีทั้งขนานนามนักย่องราตรีกลุ่มนี้ว่าเป็นฮีโร่และมองภัยสังคม เกิดความแตกแยกระหว่างคนที่ยกย่องกับคนที่ต้องการจับมาลงโทษ และนั่นคือที่มาของ ซีรีส์
Lady in the night…



บทนำ


กลางดึก ณ. โซน SE… ตอนเหนือ
แสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นจากหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลบนข้อมือของหญิงสาวในชุดสีดำสนิทซึ่งกำลังใช้ไขควงอัตโนมัติขนาดเล็กเท่าด้ามปากกาไขแผงวงจรที่มีปุ่มกดของตู้เซฟออก แล้วค่อยๆ ต่อเครื่องมือถอดรหัสรูปทรงสี่เหลี่ยมเข้ากับแผงวงจรของตู้เซฟ ก่อนจะเหลือบมองตัวเลขที่โชว์อยู่บนหน้าปัดนาฬิกา พลางทำเสียงจิจ๊ะในลำคออย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนสองนาทีแล้ว นั่นบอกให้รู้ว่าเธอทำงานช้ากว่าที่กำหนดไว้ไปสองนาที ตัวเลขคลาดเคลื่อนแค่นี้อาจเป็นค่าความคลาดเคลื่อนที่คนปกติทั่วไปรับได้ แต่สำหรับคนที่กำลังปล้นบ้านเศรษฐีระดับนายพลอยู่นั้น อาจจะต้องคิดหนัก
ตัวเลขสี่หลักบนหน้าจอเครื่องถอดรหัสหยุดลงในที่สุด ประตูตู้เซฟเด้งออกมาเองแบบอัตโนมัติ โจรสาวเผยยิ้มตรงมุมปากด้วยความพอใจ ทองคำแท่งและธนบัตรถูกกวาดออกมายัดลงกระเป๋าจนเกลี้ยงตู้เซฟ

น่าจะล้านกว่าคอล์ยได้...

พอเก็บเงินจนหมดแล้วเธอก็รีบหันไปปีนกลับออกทางหน้าต่าง กระโดดลงพื้นเบื้องล่างอย่างชำนาญ ไม่มีอาการทรุดหรือเซจากแรงโน้มถ่วงเลยแม้แต่น้อยทั้งที่ลงจากความสูงเกือบเจ็ดเมตร
ทันใดนั้น หญิงสาวได้ยินเสียงประตูห้องเซฟก็ถูกเปิดออก พร้อมๆ กับมีร่างชายวัยประมาณห้าสิบกว่า ผมหงอกเกือบทั้งหัวยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าตกอกตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเสียท่าถูกโจรปล้นซะแล้ว
“เฮ้ย! ขโมย! ขโมย! การ์ด...การ์ด...”
ชายร่างท้วมคนนั้นร้องลั่นด้วยคำซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบด้วยอารมตกใจ ก่อนจะวิ่งไปกดกริ่งเพื่อให้สัญญาณกันขโมยดังทั่วบ้าน ท่าทางตื่นตระหนกเพราะกล้องวงจรปิดและคนที่เขาจ้างมาดูแลบ้าน ไม่มีใครเห็นโจรรายนี้เข้ามาเลยสักนิด
บรรดาบอดี้การ์ดทั้งหลายรู้แล้วว่ามีคนบุกเข้ามา ร่างสูงโปร่งก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้งก่อนจะพรางตัวในจุดที่เงาต้นไม้ตกกระทบเพื่อให้มองเห็นยากขึ้น

ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก...
เมื่อเห็นว่าความวุ่นวายยังอยู่ในบ้าน โจรสาวก็รีบวิ่งไปด้านหลังบ้านพลางหาทางหนี แต่พอจะปีนข้ามกำแพงพ้น พวกบอดี้การ์ดก็ดันได้ยินเสียงเข้าแล้วกรูกันมายืนอยู่ที่กำแพง มองเห็นหลังโจรกระโดดออกไปอย่างว่องไว ทั้งที่บนกำแพงมีเหล็กดัดรูปทรงปลายแหลมเรียงรายไปทั่ว เธอกลับหลบมันได้อย่างชำนาญ
“จัดได้” หญิงสาวพูดลอย ทว่าคำพูดของเธอทำให้เสียงสัญญาณกันขโมยหวีดร้องแหลมสูงทั้งบ้าน ระบบรักษาความปลอดภัยกลับมาอีกครั้ง ยิ่งทำให้เจ้าของบ้านอย่างนายพลอีวานอฟ ทั้งคลั่งทั้งเสียหน้า
“ไปจับมันมาสิ ยืนบื้ออยู่ได้” เจ้าของบ้านแหกปากคอแทบแตกพลางกดปิดสวิตซ์เสียงแต่เหมือนมันไม่ได้ผล เขาประสาทจะแตก โบกมือไล่คนที่เข้ามาช่วย ทำเอาพวกที่รอคอยคำสั่งกระโดดข้ามกำแพงกันให้จ้าละหวั่น เห็นดังนั้นคนออกคำสั่งถึงกับยืนกุมขมับแน่นเหมือนคนจะเป็นบ้าก่อนจะสบถออกอย่างเหลือ
“โธ่โว้ย! ไอ้พวกโง่ ข้างๆ ก็มีประตูก็ไม่เปิดออกไป ฮึ้ย!” ร่างท้วมแทบอยากจะเอาหัวโขกพื้นแรงๆ แก้เครียดที่เสียเงินตั้งแพงเพื่อจ้างคนแบบนี้มาเป็นบอดี้การ์ด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงตะโกนไล่หลังโจรสาวมาติดๆ

ตลกดีพวกนี้

เธอนึก... บอดี้การ์ดพวกนี้ช่างไร้หัวคิด คิดว่าการตะโกนสั่งมาแบบนั้นแล้วฉันจะหยุดรึยังไง ตลกสิ้นดี...

ตามมาเลยพวกป๊อบปี้ด็อก ถ้าจับฉันได้ปุ๊บ จะได้กระดูกไปแทะเป็นรางวัลปั๊บไงล่ะ

นักโจรกรรมสาวยิ้มกริ่มพลางกวดเท้าจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็ว เธอรู้ดีว่าบ้านระดับนี้ย่อมจะต้องมีการ์ดและระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม แต่เอาเข้าจริงท่าทางนายพลเจ้าของบ้านดูจะงกไปหน่อยระบบป้องกันทุกอย่างจึงดูอ่อนแอไปหมด หนึ่งในนั้นทำเป็นหัวหมอวิ่งอ้อมไปดักที่ถนนด้านหน้า พอเธอเลี้ยวมากำลังจะออกจากโซนหมู่บ้านได้ เจ้าบอดี้การ์ดคนนั้นก็กระโจนออกมาจากความมืดตั้งใจจะจับเธอไว้ให้อยู่หมัด

ควับ…
หญิงสาวในชุดสีดำสนิทก้มตัวหลบมือของเขาได้อย่างหวุดหวิดแล้วกลิ้งตัวออกไปอีกทาง ก่อนที่เธอจะดึงมีดพกอันเล็กออกมา แล้วปาใส่ที่น่องของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำจนชายคนนั้นล้มลงไปนอนร้องโอดโอย พอได้จังหวะเธอก็รีบวิ่งต่อไปยังจุดหมาย ความที่หญิงสาวมีรูปร่างปราดเปรียวบวกกับชุดดำสนิทแฝงตัวในความมืดทำให้พวกบอดี้การ์ดคลาดสายตาไปในที่สุด ยิ่งในสภาวะที่พลังงานไม่ได้มีเหลือใช้ สองข้างทางจึงมีแสงสลัวๆ รถรายามกลางคืนมีน้อย ความเงียบทำให้เธอได้ยินเสียงฝีเท้าตัวเองชัดเจน จนในที่สุดเสียงคนที่ตามมาก็ค่อยๆ ลดความดังลงและไกลออกไป

เฮ้อ...

แม้เธอจะถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่นักโจรกรรมสาวยังคงวิ่งอย่างรวดเร็วผ่านอาคารพาณิชย์ที่เรียงกันเป็นทิวแถวก่อนจะถึงถนนใหญ่ ร้านค้าแต่ละร้านปิดเรียบร้อยเหลือเพียงแสงไฟด้านหน้าที่เปิดอยู่เฉพาะพวกร้านหรูๆ เธอวิ่งจนจวนถึงที่หมาย นึกไปว่ากำลังจะพ้นจากพวกคนที่ตามมาได้แล้ว
แต่ทว่าพอหันไปบอดี้การ์ดคนหนึ่งยังวิ่งตามเธอจนเจอตัว ร่างบางเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ตามมาอย่างไม่ลดละ

จะอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย... สมเป็นสุนัขรับใช้จริงๆ

เมื่อถึงทางแยกโจรสาวก็วิ่งเลี้ยวซ้าย เจ้าบอดี้การ์ดหนุ่มเห็นด้านหลังของขโมยไหวๆ เขาจึงวิ่งตามอย่างไม่ลังเล มั่นใจว่าตัวเองต้องได้ผลงานแน่ๆ จึงไม่ทันระวังตัวรีบเลี้ยวตาม

ฉึก...!
บางอย่างแทงเข้ามาที่อกบอดี้การ์ดคนนั้นในทันทีที่เขาพ้นทางเลี้ยว เขาไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าตัวเองโดนอะไร จู่ๆ สติก็ดับวูบ ล้มลงกับพื้นถนนอย่างไร้เรี่ยวแรง..
เมื่อเห็นว่าปืนยาสลบที่ยิงระยะประชิดทำงานอย่างได้ผล นักโจรกรรมสาวก็ยิ้มน้อยๆ ด้วยความสะใจก่อนจะรีบไต่กำแพงเหล็กด้านสุดสูงกว่าสี่เมตรออกไปเพื่อเจอกับรถที่จอดรอรับเธออยู่ตรงถนนเส้นหลัก
ร่างของใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนเบาะคนขับ
“ช้ากว่าที่คิดนะ” เสียงนั้นพูดขึ้น ร่างบางมองหน้าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แค่สามนาทีทำเป็นบ่นไปได้ เอาล่ะ ทีนี้ก็เรียบร้อย...”
หญิงสาวบอกสั้นๆ แล้วโยนของที่ได้ไว้เบาะหลังรถสปอร์ตสีดำสนิท ก่อนจะนั่งรถคันนั้นออกสู่ไฮเวย์ มุ่งตรงไปยังจุดหมายที่ไม่มีใครรู้

…………………………………


ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ร่างท้วมของพลเอกอีวานอฟก็สั่นเทาด้วยความโมโหอีกครั้ง ใบหน้าแดงก่ำเพราะรู้ว่าของล้ำค่าได้อันตรธานหายไปพร้อมกับเจ้าหัวขโมยนั่นแล้ว

“พวกแกมันไม่ได้เรื่อง!!!”
เขาตะคอกใส่บอดี้การ์ดเจ็ดชีวิตที่วิ่งกลับมามือเปล่า แถมยังมีทั้งคนบาดเจ็บและสลบไสลไม่ได้สติ ทั้งๆ ที่คนบุกรุกนั้นเป็นแค่คนคนเดียวแท้ๆ
“โจรกระจอกตัวเดียวยังจับมันไม่ได้ หรืออยากไปเป็นขอทานในสลัมกันเหมือนเดิมเฮอะ”
บรรดาชายฉกรรจ์หน้าซีด ความอัปยศที่รู้ว่าตัวเองยกโขยงกันไปจับโจรสาวคนเดียวไม่ได้ ทำให้ไม่มีคำโต้แย้งใดๆ
“ท่านคะ” เสียงแม่บ้านประจำคฤหาสน์ดังขึ้น นายพลวัยเกษียณหันกลับไปมองด้วยความหงุดหงิด เวลาแบบนี้เขาต้องการระบายความแค้นมากกว่าให้ใครมาขัดจังหวะ
นี่ตกอยู่ในห้องทำงานค่ะท่าน” หญิงวัยกลางคนหยิบบางสิ่งออกมาจากข้างตู้เซฟ เธอไม่เคยเห็นมันมาเลยก่อนหน้านี้ จึงแน่ใจว่าเจ้าของบ้านต้องอยากเห็นเป็นแน่

และเป็นจริงดังที่เธอคิด... เจ้าสิ่งที่อยู่ในมือทำเอานายพลถึงกับตาค้าง สีหน้าตื่นตะลึง!!!

ขนนกสีเพลิง...

“ตามตัวผู้พันเจมส์มาหาฉันเดี๋ยวนี้!!!” นายพลสั่งเสียงกราดเกรี้ยว นานเหลือเกินที่เขาไม่ได้เห็นเจ้าสิ่งนี้ด้วยตาตัวเอง




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.