web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 62
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 31
Total: 31

ผู้เขียน หัวข้อ: Backpack In Love Chapter 07  (อ่าน 2157 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Backpack In Love Chapter 07
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 10:13:25 »

Chapter 7

สองสาวเดินข้ามสะพานไม้เข้าไปในตลาดเพื่อหาอาหารเช้ากินกัน ซึ่งเป็นโจ๊กหมูใส่ไข่ (หมูหั่นเป็นชิ้นๆ วางอยู่บนโจ๊กที่คลุกกับไข่ดิบเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่หมูสับแล้วตอกไข่ลวกใส่ลงไปแบบบ้านเรา) ปอนด์พยายามหาอาหารที่แฟนสาวไม่เคยกินให้ฮานะลอง พร้อมกับบอกว่าที่เมืองไทยอาหารจะมีให้เลือกมากกว่านี้หลายเท่านัก

“จริงเหรอ อยากลองกินทุกอย่างจังเลย”

“เอาสิ” ปอนด์พูด แต่ในใจคิดว่า

‘อยากลองกินทุกอย่างเลย จะเลี้ยงรอดมั้ยเนี่ย แต่สวย น่ารัก ให้อภัย ปอนด์ทำด้ายยยย สู้เว้ยยยยย’

หลังจากนั้นก็เดินไปซื้อน้ำ Mulberries shake (รสชาติมันเหมือนบูลเบอร์รี่ผสมกับสตรอเบอร์รี่) ของร้าน Organic Farm มานั่งกินกันอีก แล้วก็ไปเช่าจักรยานเพื่อขี่ไปถ้ำ ร้านที่ทั้งสองเช่านั้นมีจักรยานให้เลือกเพียงแค่แบบเดียวนั่นก็คือจักรยานแม่บ้าน เช่าทั้งวันในราคา 10,000 กีบ ซึ่งต้องส่งคืนภายในเวลา 6 โมงเย็น

“ไปกันเถอะ” คนที่ร่าเริงเมื่อได้ปั่นจักรยานดูเหมือนจะเป็นฮานะ เธอปั่นนำหน้าแฟนสาวชาวไทยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ฮานะจังระวังตกสะพานนะ!” ปอนด์ร้องตะโกนเมื่อพวกเธอต้องขี่จักรยานข้ามสะพานไม้โยกเยก

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เชื่อมือเถอะ” สาวยุ่นตะโกนกลับมาแล้วขี่รถจักรยานบนสะพานไม้ที่ไม่มั่นคงอย่างไม่กลัวตก

“โอ้วว ตู มีแฟนเป็นนักปั่นน่องเหล็กทีมชาติญี่ปุ่น” สาวเซอร์บ่นกับตัวเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วขี่รถตามฮานะไป

ถนนหนทางที่มุ่งไปสู่ถ้ำพูคำเป็นถนนลูกรังเต็มไปด้วยก้อนหิน เหมาะสำหรับจักรยานเสื้อภูเขา รถป๊อก ป๊อก  และรถอีแต๋นเท่านั้น แต่ไม่เหมาะกับจักรยานแม่บ้านเลยแม้แต่น้อย สองสาวใช้ความพยายามอย่างมากในการประคองรถให้รอดพ้นจากหมู่ก้อนหินที่เต็มถนน ช่วงไหนที่เป็นหมู่บ้านถนนจะดีหน่อย แต่ช่วงไหนที่ไม่ใช่หมู่บ้าน ถนนจะเต็มไปด้วยหิน หิน และ หิน ยิ่งช่วงลงเขามือต้องกุมแฮนด์รถและเบรกไปพร้อมๆ กับ บวกกับแรงสั่นสะเทือนจากถนนที่ขรุขระทำให้มือของทั้งสองชา

สองข้างทางตลอดระยะทาง 7 กิโลเมตรคือทุ่งนาแห้งๆ เพราะเป็นหน้าแล้งและป่า รวมถึงหมู่บ้าน 2 – 3 แห่งอยู่ตามรายทาง เมื่อชาวบ้านเห็นนักท่องเที่ยวขี่รถผ่านมาก็จะส่งเสียงทักทายว่า “สะบายดี” ตลอดทาง
เมื่อมาถึงปากทางเข้าถ้ำพูคำก็เล่นเอาหอบแฮ่ก แบงค์ 10,000 กีบ ถูกควักออกมาจากกระเป๋าสตางค์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นค่าเข้าไปดูถ้ำและสระน้ำ Blue Lagoon

“เหนื่อยมั้ย” ปอนด์ถามฮานะพลางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาเช็ดหน้าให้แฟนสาว

“นิดหน่อย แต่ก็สนุกดี สนุกมากเลย” สาวยุ่นตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วก็เอื้อมมือขึ้นมาปัดผมที่ปรกหน้าปอนด์ให้เข้าที่แล้วก็เดินกุมมือตรงไปยังสะพานที่สร้างคร่อม Blue Lagoon ซึ่งนำไปสู่ทางขึ้นถ้ำพูคำ

“สวยจังเลยยยยยยย” เสียงของสาวยุ่นดังขึ้นเมื่อเห็นสีของ Blue Lagoon

บ่อน้ำสีน้ำเงินอมเขียวใสปิ๊งจนมองเห็นก้นสระและตัวปลาที่แหวกว่าย นี่คือ Blue Lagoon แหล่งน้ำธรรมชาติที่ไหลมาจากถ้ำที่อยู่บนเขา ฮานะยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาชักภาพ ทันที หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินไต่กองหินอันสูงชันเพื่อขึ้นไปดูถ้ำพูคำ กว่าจะถึงปากถ้ำก็เล่นเอาสองสาวหอบแฮ่กอีกครั้ง เมื่อดื่มน้ำ (ที่ติดกระเป๋าของปอนด์มา) และนั่งพักจนหายเหนื่อยกันแล้วก็เดินเข้าไปข้างในถ้ำที่อากาศเย็นสบายกว่าด้านนอกมาก

ภายในถ้ำประดิษฐานระพุทธรูปปางไสยยาสน์ศิลปะแบบไทย (ตามที่ Lonely Planet บอก) องค์พระไม่ใหญ่มาก แต่นำมาจัดวางไว้อย่างมีศิลป์นั่นก็คือ วางตรงช่องด้านบนของถ้ำพอดี เวลาแสงส่องเข้ามาก็จะกระทบกับองค์พระแลดูงดงาม

“ข้างในมีอะไรเหรอปอนด์”

ฮานะถามเมื่อเห็นก้อนหินหลายก้อนถูกพ่นด้วยสเปรย์สีขาวเป็นรูปลูกศรกับตัวอักษรเขียนว่า

“To Cave”

“อืมม์ จะลองถามพวกเขาดู”

ปอนด์พูดพลางพยักพเยิดไปทางด้านในที่มีไกด์นำทางชาวลาวและนักท่องเที่ยวฝรั่ง 2 คนเดินออกมา

“พี่คะๆ ข้างในมีอะไรคะ” สาวไทยตะโกนถามไกด์หนุ่มด้วยภาษาไทย

“ข้างในมันกะมีปู กับบ่อน้ำ แต่ว่าพวกเจ้าต้องย่างเข้าไปลึก ละมันกะมืดหลาย” ไกด์หนุ่มพูดพลางหอบ

สาวเซอร์หันไปแปลและถามแฟนสาวว่าจะเอายังไง ฮานะส่ายหน้า เอาเป็นว่าไม่เข้า ทั้งคู่จึงเดินออกจากถ้ำและปีนก้อนหินลงไปด้านล่าง

“โอ๊ะ เย็นจังๆ” เสียงหวานๆ ของสาวยุ่นดังขึ้นมาเมื่อเท้าของเธอแตะพื้นน้ำของสระ Blue Lagoon ในขณะที่ปอนด์ถ่ายรูปแฟนสาวอยู่

“อยากลงเล่นน้ำมั้ย”

“เล่นได้เหรอ”

“ได้สิ นั่นไง เอาไว้กระโดดน้ำ แล้วพวกนั้นก็เอาไว้เล่น” สาวเซอร์ชี้ไปยังต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ริมสระ รวมถึงเชือกต่างๆ ที่ผูกติดกับต้นไม้

“แล้วจะเอาชุดที่ไหนเปลี่ยนล่ะ”

“ก็ไม่ต้องเปลี่ยน ลงชุดนี้เลย แล้วกว่าพวกเราจะขี่รถไปถึงเมืองก็แห้งพอดี”

“จริงเหรอ”

“อื้อ”

“งั้นก็เล่น” พูดง่ายทำง่ายจริงนะแม่คุณ น่ารักจริงๆ

ว่าแล้วสาวยุ่นก็ฝากของกับปอนด์แล้วก็ลงไปว่ายน้ำทันที ดูท่าทางเธอมีความสุขมากเลยทีเดียว สาวญี่ปุ่นโบกมือให้กับแฟนสาวขณะที่เธอกำลังลอยตัวอยู่กลางสระ

“ลงมาด้วยกันสิปอนด์”

“เดี๋ยวของหาย”

“ไม่หายหรอกน่า”

“งั้นกระโดดน้ำให้ดูก่อน ถ้าฮานะจังกระโดด ฉันจะลงน้ำ” สาวเซอร์ท้าแล้วชี้ไปทีต้นไม้

ฮานะมองไปที่ต้นไม้แล้วทำหน้าบูดเหมือนกำลังงอน ปอนด์คิดว่าเธอคงไม่กล้ากระโดด แต่แล้วก็ผิดคาดเมื่อสาวยุ่นว่ายน้ำขึ้นมาบนฝั่งแล้วเดินไปที่ต้นไม้

“ถ่ายรูปให้ด้วยนะ” เธอหันมาบอกแฟนสาว เล่นเอาปอนด์เอ๋อไปเลย

“เฮ้ย! เอาจริงดิ”

สาวญี่ปุ่นร่างเล็กที่นั่งยองๆ บนกิ่งไม้ใหญ่มองลงไปบนพื้นน้ำด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ เธอมองสาวไทยที่ยืนถือกล้องดิจิตอลยืนอยู่บนฝั่งไม่ไกลจากเธอมากนักเพื่อเตรียมพร้อมที่จะถ่ายรูป

“พร้อมมั้ย” ปอนด์ตะโกนถาม ฮานะส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

“นับ 3 นะ” อ๋า บอกว่าไม่พร้อมยังไงล่ะ ปอนด์บ้า

“1”

“2” เอ้ะ! ก็บอกว่าไม่พร้อมยังไงล่ะ คอยดูเถอะเดี๋ยวเค้าจะแกล้งคืน

“3”

ฮานะหลังตาปี๋ กลั้นหายใจ แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้าทันที

“ตูมมมมมม”

ปอนด์รีบวิ่งเข้าไปใกล้สระน้ำทันทีพลางมองหาแฟนสาว เมื่อสาวญี่ปุ่นโผล่ขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับรอยยิ้มก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฮานะชู 2 นิ้วให้สาวเซอร์ถ่ายรูปแล้วพูดว่า

“ลงมาเลยนะ สัญญากันแล้ว”

“จ้าๆ” ดุจริงเว้ย แฟนหรือแม่เนี่ย ปอนด์คิดพลางเก็บของๆ ตนเองและฮานะลงกระเป๋ากันน้ำแล้วนำไปวางไว้ที่โคนต้นไม้

“เดี๋ยว” สาวเซอร์ชะงักเมื่อได้ยินเสียงแฟนสาวขณะที่กำลังจะก้าวขาลงน้ำ สาวยุ่นว่ายน้ำขึ้นมาบนฝั่ง

“อะไรเหรอ”

“ขึ้นไปกระโดดเลย”

“ง่า... ไม่โดด ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ ขึ้นไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปเอากล้อง”

ว่าแล้วสาวไทยก็โดนสาวญี่ปุ่นลากตัวขึ้นไปบนต้นไม้ ฮานะหยิบกล้องขึ้นมาแล้วไปยืนรอตรงที่ๆ ปอนด์เคยยืนถ่ายรูปให้กับเธอ

สาวเซอร์ขึ้นไปนั่งยองๆ อยู่บนกิ่งไม้อย่างกล้าๆ กลัวๆ ‘สูงไม่ใช่เล่นนะนี่ เสียวเว้ย’

“พร้อมนะ” เสียงของฮานะตะโกนขึ้นมา

“เฮ้ย! ไม่พร้อม”

“นับ 3 นะ”

อ่า นั่นมุขหนูนะคุณแม่.........

“1”

“2” เอาเว้ย สระอโนดาตที่ภูกระดึงตูก็เคยลงว่ายมาแล้ว วันนี้ขอกระโดดสระ Blue Lagoon ณ วังเวียงหน่อยก็แล้วกัน

“3”

ปอนด์กลั้นหายใจแล้วพุ่งตัวไปข้างหน้าทันที

“ตูมมมมมม”

“สุโก้ยยยย (สุดยอดดดด)”

เสียงของสาวญี่ปุ่นตะโกนหลังจากที่สาวไทยหล่นลงไปในน้ำแล้ว เธอหัวเราะร่า เมื่อปอนด์โผล่หน้าขึ้นมาเธอก็ตะโกนบอกว่า “ท่าสวยมากเลยปอนด์”

หลังจากนั้นสองสาวก็ลงว่ายน้ำเล่นอยู่พักหนึ่ง มีฝรั่งเข้ามาร่วมว่ายน้ำและกระโดดน้ำเล่นอีก 4 – 5 คน แล้วปอนด์ก็ชวนฮานะขึ้นจากน้ำ

“สบายตัวดีจัง”

สาวยุ่นพูดขณะที่กำลังบีบน้ำออกจากผมยาวสีดำ ขณะที่สาวไทยสะบัดผมไปมาเหมือนน้องหมา ทำให้ฮานะหัวเราะและตีที่แขนของปอนด์เพื่อให้หยุดสะบัดผม เมื่อนั่งพักให้ตัวหมาดก็เดินออกจากสระไปที่จอดรถจักรยาน

-----------------

กว่าปอนด์และฮานะขี่จักรยานมาถึงตัวเมืองก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ท้องส่งเสียงร้องโครกครากเพราะความหิว แดดยามเที่ยงก็แรงจนแสบตา ทางขากลับก็ดูหนักหนาพอๆ กับขามา เมื่อทั้งสองขี่รถมาถึงบ้านพักก็หอบแฮ่ก ทั้งสองฝากรถจักรยานไว้กับลุงที่บ้านพักแล้วเดินไปหาของกิน

“ตัวแห้งจริงๆ ด้วย” สาวยุ่นพูดพลางใช้มือจับไปที่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของตนเอง

“บอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวก็แห้ง”

“ค่าๆ คนเก่ง” ฮานะพูดพลางควงแขนปอนด์

เมื่อถึงร้านอาหารใกล้กับที่พัก สองสาวที่กำลังนั่งอ่านเมนูตรง ที่นั่งที่มีลักษณะเป็นพื้นยกสูงติดริมน้ำ โต๊ะตัวเล็ก ฝูกแข็งๆ และหมอน ที่สามารถนอนได้เลยเมื่อกินเสร็จ สาวไทยอ่านเมนูแล้วก็พูดว่า

“เดี๋ยวนี้ฮานะจังพูดเก่งขึ้นนะ ยิ้มเก่ง หัวเราะเก่งขึ้นกว่าเก่าอีก” สาวแดนปลาดิบเงยหน้าที่มามองปอนด์ สีหน้าของเธอดูงงๆ แต่แล้วก็ยิ้มออกมาแบบเขินๆ

“แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ”

“ดีสิ”

สาวเซอร์ปิดเมนูแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาแฟนสาว “น่ารักมากเลยรู้มั้ย ตอนเจอกันแรกๆ ฮานะจังไม่ค่อยกล้าพูด กล้าคุย เงียบๆ แล้วก็ขี้เกรงใจ เอะอะๆ ก็ขอโทษ แต่ตอนนี้ฮานะจังกลายเป็นคนกล้าพูด ยิ้มเก่ง ร่าเริง ขนาดโอเด็ตยังพูดเลยว่า ฮานะจังดูสดใสขึ้น แถมเมื่อกี้ก็กล้ากระโดดน้ำลงจากต้นไม้ด้วย”

“เหรอ...” สาวยุ่นยิ้มตอบ

“ฉันเป็นแบบนี้ได้ก็เป็นเพราะฉันได้อยู่กับปอนด์นั่นแหละ” แล้วมือของทั้งสองก็กุมกันแน่น รอยยิ้มกว้างๆ ถูกส่งผ่านไปยังกันและกัน

อาหารที่สั่งมากินคือผัดเห็ดกับข้าว และไข่เจียวหมูสับจานใหญ่บึ้มของปอนด์ ส่วนฮานะสั่งเสต็กหมู และน้ำผลไม้ปั่น สาวยุ่นไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนสาวชาวไทยถึงทำคิ้วขมวดทุกครั้งเมื่อเห็นน้ำปั่นของเมืองลาว

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ น้ำนี่มันมีอะไรเหรอ” ฮานะถามแล้วชี้ไปที่แก้วน้ำมะนาวปั่น

“ไม่เข้าใจทำไมน้ำปั่นที่นี่ต้องใส่กะทิกับนม ดูมันไม่เข้ากันเลย กินแล้วรู้สึกรสชาติมันแปลกๆ”

“คงจะเป็นสูตรของเค้ามั้ง แล้วที่เมืองไทยเป็นยังไง”

“ก็ไม่ใส่กะทิกับนม มีแค่น้ำผลไม้กับน้ำเชื่อม แล้วก็เกลือ”

“เหรอ... อยากลองชิมมั่งจังเลย”

“งั้นถึงเมืองไทยแล้วจะพาไปกินนะ”

“อื้อ”

อาหารที่นำมาเสิร์ฟจานใหญ่มากเพราะเป็นไซส์ที่ทำให้ฝรั่งกิน สองสาวเอเชียกินได้ไม่เท่าไหร่ก็อิ่ม แต่ก็ยังไม่อยากจะลุกเดินออกไปเที่ยวไหนท่ามกลางแดดทะลวงผิวยามบ่ายเช่นนี้ พวกเธอจึงนอนเล่นตรงนั้น สาวแดนปลาดิบนั่งพิงระเบียงไม้พลางมองออกไปที่ลำน้ำซอง ขณะที่ปอนด์กำลังลงสีน้ำลงบนรูปที่เธอวาดตั้งแต่ที่อยู่บนพูสิในวันที่พบกับสาวอังกฤษร่างอวบ

เมื่อสาวเซอร์ลงสีน้ำเสร็จและกำลังรอให้สีแห้ง เธอเงยหน้าขึ้นมามองแฟนสาวก็พบว่าฮานะหลับไปเสียแล้ว

“ท่าทางจะเพลียมากเลยนะเนี่ย” ปอนด์พูดเสียงเบาพลางขยับตัวเข้าไปใกล้

สาวไทยเข้าไปนั่งข้างๆ ฮานะ แล้วเอาหมอนวางไว้บนตักของตนเอง เธอค่อยๆ ขยับตัวสาวญี่ปุ่นให้ลงมานอนบนตักของเธออย่างแผ่วเบาโดยกลัวว่าแฟนสาวของเธอจะตื่น หลังจากที่จัดท่าทางการนอนของฮานะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปอนด์ก็หยิบไกด์บุ๊คภาษาไทยขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา

-----------------

20 นาทีผ่านไป ด้วยความที่อากาศค่อนข้างร้อนทำให้รู้สึกเหนียวตัว ฮานะก็ลืมตาตื่น เธอพบว่าตัวเองนอนตักสาวเซอร์อยู่ สาวยุ่นยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่ให้นอนตักนั่งสัปหงก ในมือข้างหนึ่งถือไกด์บุ๊ค มืออีกข้างหนึ่งกุมมือเธอไว้ สาวญี่ปุ่นนอนจ้องใบหน้าของปอนด์แฟนสาวชาวไทย ดวงตากลมโตชั้นเดียวปิดสนิท จมูกโด่งสวย กับริมฝีปากบางที่ช่างพูด และคอยส่งยิ้มให้เธออยู่เสมอ ใบหน้าขาวที่เป็นสีออกแดงๆ เพราะความร้อนของอากาศทำให้สาวเซอร์คนนี้ดูสวยและน่ารักมากขึ้น

‘น่ารักจัง’ ฮานะพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา แล้วยื่นมือขึ้นไปลูบที่ใบหน้าของปอนด์

สาวไทยสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่มากระทบแก้ม เธอยกมือขึ้นมาจับที่แก้มทันที เมื่อเธอรู้สึกถึงความนุ่มที่อยู่ตรงมือ ปอนด์รีบลืมตามขึ้นทันที

‘ฮานะจางงงงงงงงงง น่ารักจังเล้ยยยยยยยยยยย’

สาวเซอร์ตะโกนร้องในใจเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานๆ ของสาวยุ่นที่นอนหนุนตักเธอส่งขึ้นมาให้ ดวงตากลมโตเหมือนลูกกวางของฮานะส่งสายตาหวานซึ้งมายังเธอ อีกทั้งริมฝีปากอิ่มที่ยิ้มกว้างอวดฟันขาวสวยเหมือนไข่มุกก็ยิ่งทำให้ใจของปอนด์เต้นแรง สาวไทยทำอะไรไม่ถูกจึงทำได้แค่เพียงยิ้มเขินๆ ตอบกลับไป

‘อ้ายยยยยย ยิ้มนี้ให้แค่ฉันคนเดียวนะคะปอนด์ อย่ายิ้มให้คนอื่นนะ หวงๆๆๆๆ’

‘โอยยย มีแฟนน่ารักแบบนี้ให้ทำอะไรก็ยอม ไม่ยกให้ใครแน่’

“เอ่อ ตื่นแล้วเหรอฮานะจัง” สาวเซอร์ถามหลังจากที่ทั้งสองสบตากันอยู่นาน

“ค่ะ” สาวญี่ปุ่นตอบ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นจากตักที่ตนเองหนุนนอนอยู่

ปอนด์ยื่นรูปภาพที่เธอเพิ่งลงสีเสร็จให้แฟนสาวดู ฮานะยิ้มกว้างอีกครั้ง “สวยจังเลย ปอนด์นี่วาดรูปเก่งนะ”

“ไม่เท่าไหร่หรอก บอกแล้วไงว่าใจรัก”

“รักแค่วาดรูปอย่างเดียวเองเหรอคะ” เสียงหวานถามขึ้นพลางส่งสายตาถามบนที่อยู่ด้านบน

สาวเซอร์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ใช่แค่วาดรูปหรอก ฉันรักการท่องเที่ยว รักธรรมชาติ รักครอบครัว รักเพื่อน แล้วก็รัก...” สาวยุ่นกลั้นหายใจรอฟังคำตอบ

“คนๆ นี้ คนที่กำลังนอนตักฉันอยู่” ปอนด์พูดพลางยิ้มอย่างอายๆ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ

ฮานะดึงมือของสาวไทยขึ้นมาจูบ “ฉันก็รักคุณค่ะ”

-----------------

หลังจากนั่งเล่นนอนเล่นอยู่นานสองนานที่ร้านอาหาร สองสาวก็เดินเล่นลัดเลาะไปตามริมลำน้ำซอง พวกเธอสองคนคิดว่าการใช้บริการล่องห่วงยางหรือ Tubing ที่มีอยู่นั้นแพงเกินไป (40,000 กีบ ประมาณ 120 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) และคิดว่าน้ำในลำน้ำไม่ลึกมาก และน่าจะพอที่จะเดินลุยไปได้ พวกเธอจึงเดินตัดเลาะลำน้ำขึ้นไปเรื่อยๆ พร้อมๆ กับการถ่ายรูป

“โอ๊ะๆๆ น้ำแรงจัง” สาวยุ่นร้องขณะที่กำลังเดินทวนน้ำ ถึงแม้ว่าน้ำจะลึกเพียงแค่หัวเข่าแต่กระแสน้ำก็ไหลค่อนข้างแรงพอสมควร ฮานะที่ยืนไม่ค่อยมั่นคงเพราะพื้นด้านล่างเป็นก้อนหินก้อนกลมๆ และเต็มไปด้วยสาหร่ายลื่นๆ ทำให้เธอกำลังจะล้ม

สาวเซอร์เดินเข้าไปโอบเอวแฟนสาวจากด้านหลังเพื่อเป็นหลักในการทรงตัวให้กับฮานะ สาวญี่ปุ่นยืนกอดคอสาวเซอร์อยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินต่อไป โดยที่เธอกอดแขนปอนด์แน่น

“ตรงนี้ลื่น ระวังหน่อยนะ” สาวไทยกระซิบบอกฮานะ สาวยุ่นพยักหน้ารับ

เมื่อเดินมาได้สักพักหนึ่งทั้งสองก็เห็นสิ่งมีชีวิตมีลักษณะเป็นกลุ่มอยู่ที่กลางลำน้ำ จะเป็นคนที่ล่องมาตามลำน้ำก็ไม่ใช่เพราะไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

“นั่นตัวอะไรน่ะ” ฮานะถาม

ปอนด์เดินเข้าไปใกล้แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “โอ๊ะ! ควายเล่นน้ำ”

เบื้องหน้าของพวกเธอคือควายฝูงหนึ่งกะจำนวนด้วยสายตาแล้วมีประมาณ 10 ตัว ได้ พวกมันยืนแช่น้ำอยู่โดยไม่ตื่นกลัวกับห่วงยางและเรือคยัคของนักท่องเที่ยวที่ลอยเข้าไปใกล้พวกมัน

“ถ้าเราเดินเข้าไปใกล้ มันจะทำอะไรพวกเรามั้ย” ฮานะถามด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก

“ไม่รู้สิ อยากไปต่อมั้ยล่ะ หรืออยากกลับแล้ว กลับก็ได้นะ”

“ไม่เอาจะไปต่อ” สาวญี่ปุ่นยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อไป แต่ในใจก็ยังกล้าๆ กลัวๆ กับฝูงควายที่อยู่เบื้องหน้า

“อ้ะ เดินก็เดิน งั้นเดินริมๆ ตลิ่งก็แล้วกัน”

“อื้อ”

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ฝูงควายเท่าไหร่ ใจของสองสาวก็เต้นแรงขึ้นเท่านั้น เพราะว่าควายตัวหนึ่งดูเหมือนจะเป็นจ่าฝูงหันมาจ้องสองสาวเป็นการใหญ่

“น่ากลัวจัง” สาวยุ่นเกาะแขนปอนด์แน่นขึ้น

“อื้อ” สาวเซอร์กุมมือของแฟนสาวแน่น

“ค่อยๆ เดินนะ อย่าเดินเร็ว” สองสาวเดินเลาะริมตลิ่งที่เต็มไปด้วยโคลนด้วยความทุลักทุเล สายตาก็มองไปที่ฝูงควาย โดยเฉพาะตัวจ่าฝูงที่ยังคงจ้องมาที่พวกเธออย่างไม่ลดละ ถึงแม้ว่าปอนด์และฮานะเดินผ่านพวกมันไปแล้วก็ตาม เจ้าจ่าฝูงตัวนั้นก็ยังคงมองมาที่เธออยู่ จนกระทั่งพวกเธอเดินออกห่างออกไปประมาณ 5 – 6 เมตร มันจึงหันกลับไป

“เฮ้อ โล่ง” สาวเซอร์ถอนหายใจออกมาเป็นภาษาไทย

“โยกัตต้า (โล่งอกจัง)” ฮานะพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง

“เป็นไง” ปอนด์ถาม

“น่ากลัว แต่ก็สนุกดี”

ปอนด์และฮานะเดินทวนกระแสน้ำไปเรื่อยๆ จนถึงหมู่บ้านที่มีเด็กชายและหญิงเล่นน้ำกันอยู่อย่างสนุกสนาน รวมถึงบรรดาฝรั่งที่ล่องห่วงยางและพายเรือคยัคผ่านไป ทุกคนโบกมือให้สองสาวแล้วส่งเสียงทักทายเป็นระยะๆ

“ตรงโน้นมีอะไรหว่า” สาวไทยชี้ไปยังทางลูกรังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่เธอยืนอยู่

“เมื่อกี้เห็นชาวบ้านเดินออกมา แสดงว่าข้างในอาจจะมีอะไร” ฮานะตั้งข้อสังเกต

“งั้นไปดูกันมั้ย” สาวเซอร์ถาม

“อื้อ... เอาสิ”

กว่าจะเดินต้านน้ำไปฝั่งตรงข้ามได้ก็เล่นเอาเกือบล้มหัวทิ่มไปหลายหน แต่ฮานะก็ยังคงส่งเสียงหัวเราะใสๆ ออกมาด้วยความสนุกสนาน ทำเอาสาวไทยสุดเซอร์อดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ เมื่อถึงริมฝั่งหน้าถนนลูกรัง ปอนด์ก็เห็นยายคนหนึ่งเดินออกมา

“สะบายดี” สาวเซอร์ร้องทัก

“สะบายดี” ยายทักตอบ

“ข้างในนี้มันมีอะไรอ่ะคะ แล้วเดินกลับไปแถวบังกะโลได้มั้ย” ปอนด์ถามเป็นภาษาไทย

ยายตอบกลับมาเป็นภาษาลาวอย่างรวดเร็วจนสาวไทยจับต้นชนปลายไม่ถูก ฟังรู้เรื่องเพียงแค่ว่า เดินได้แต่ถ้าจะเอาให้ชัวร์ก็เจอคนก็ถามเอาอีกทีละกัน แล้วยายก็เดินจากไป เล่นเอาปอนด์ทำหน้าเอ๋อแล้วหันไปแปลให้ฮานะฟัง

“ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ลองเข้าไปดูกันเถอะ” สาวญี่ปุ่นบอกแล้วดึงมือแฟนสาวเดินเข้าไปในถนนลูกรัง

ถนนลูกรังที่ไว้สำหรับรถอีแต๋นหรือเกวียนผ่านได้แค่ครั้งละ 1 คัน สองข้างทางเป็นป่า มองไปไกลๆ ก็จะเห็นทุ่งนาแห้งๆ ยิ่งเดินลึกก็ยิ่งเปลี่ยว จนถึงทางสองแพร่ง

“ไปทางไหนกันดีล่ะปอนด์”

“ด้านนั้นเป็นบ้านของเรา ไปทางนี้น่าจะดีกว่า”

สาวเซอร์ชี้ไปที่ทางซ้ายมือ ฮานะพยักหน้าแล้วก็ออกเดินต่อไป

เมื่อเดินออกมา สิ่งที่สองสาวเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือทุ่งนา ทุ่งนา และทุ่งนา ด้านขวามือเป็นภูเขาหินปูนสูงตระหง่าน ภูเขาที่ปอนด์เรียกเอาเองว่า “เขาเหลียงซาน”

“อู..............”

ทั้งคู่ส่งเสียงในลำคอด้วยความทึ่ง (อีกครั้ง) เมื่อเห็นภาพตรงหน้า มันเป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่ ทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา กับภูเขา

สองสาวเดินเข้าไปในทุ่งนาที่แห้ง และแตกระแหง หน้าแล้งชาวนาไม่ปลูกขาว จึงทำให้วัชพืชและดอกหญ้าต่างๆ ขึ้นแทนที่

“สวยจัง” ฮานะวิ่งไปนั่งอยู่ท่ามกลางดอกหญ้าสีเหลืองที่ขึ้นอยู่เต็มทุ่งนา ปอนด์ถ่ายรูปแฟนสาวที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขทันที

เดินมาได้สักประมาณ 10 นาทีก็ยังไม่มีคนผ่าน เห็นแต่เพิงของชาวนาที่ปลูกเอาไว้เพื่อนอนเฝ้าเวลามีหน้าทำนาอยู่ 3 – 4 หลัง

“นี่เราหลงทางกันรึเปล่า” สาวยุ่นถามขณะเดินบนคันนา

“คงไม่มั้ง นั่นไงสะพานแดง” ปอนด์ชี้ให้แฟนสาวดูสะพานที่เก็บเงินคนข้าม “แต่ถ้าพวกเราหลง เราก็คงเป็นคนหลงทางที่มีความสุข”

“เอ๋”

สาวเซอร์ส่งกล้องดิจิตอลของตนให้ฮานะดู มันเป็นภาพของสาวญี่ปุ่นที่กำลังหัวเราะร่ากับมวลหมู่ดอกหญ้า สาวแดนปลาดิบยิ้มกว้างเธอกอดแขนปอนด์แน่นแล้วพูดว่า

“ใช่ พวกเราเป็นคนหลงทางที่มีความสุขที่สุด เพราะฉันได้อยู่กับคนๆ นี้” คำพูดนี้เล่นเอาคนฟังยิ้มหน้าบานแล้วให้รางวัลแฟนสาวไป 1 ฟอด

20 นาทีต่อมา ปอนด์และฮานะก็มานั่งอยู่หน้าบ้านพักของตนเอง สาวยุ่นนอนเล่นอยู่บนเปลญวนในขณะที่สาวเซอร์กำลังนั่งเขียนอะไรขยุกขยิกอยู่ตรงโต๊ะตัวเล็กอยู่อีกด้านหนึ่ง

“ทำอะไรน่ะปอนด์”

“บัญชีค่าใช้จ่าย”

“ทำไปทำไมเหรอ”

“ดูว่าใช้เงินไปเท่าไหร่แล้ว ดูว่ามีค่ารถเหลือพอที่จะกลับถึงกรุงเทพฯ รึเปล่าด้วย”

“แล้วจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ”

“พรุ่งนี้กะว่าจะต่อรถจากที่นี่ไปเวียงจันแล้วก็จะต่อจากเวียงจันข้าเมืองไทยเลย”

“อ้าว... ไม่ค้างที่เวียงจันเหรอ”

“ไม่ดีกว่า”

“ทำไมล่ะ”

“มันไม่ค่อยมีอะไรให้ดู ค่าที่พักก็แพงกว่าที่นี่ด้วย อีกอย่างถ้ากลับกรุงเทพฯ ได้เร็ว ฉันก็จะมีเวลาเหลืออีกวันนึงก่อนที่จะกลับไปทำงาน จะได้ไม่เหนื่อยมาก ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”

“เอ๋”

“ฉันเคยไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน ใช้วันหยุดไปกับการเที่ยวซะจนหมดเลย ตอนเช้าตื่นขึ้นมาเรียนไม่ได้ เพราะเหนื่อยจัด ยังจำได้เลยว่าวันนั้นอาจารย์ให้ทำเทสต์ย่อยด้วย คะแนนเก็บเลยหายหมด เกือบไม่ผ่านวิชานั้นแหนะ”

ฮานะหัวเราะออกมาแล้วเดินลงจากเปลญวนมานั่งข้างๆ ปอนด์ เธอซบใบหน้าของเธอลงบนไหล่ของอีกแฟนสาว สาวเซอร์หันหน้ามาจูบที่เรือนผมของอีกฝ่ายหนึ่ง

“แล้วฮานะจังจะไปเมืองไทยวันไหน”

“ปอนด์กลับวันไหน ฉันก็จะไปกับปอนด์ด้วย”

“แล้วญาติของฮานะจังอยู่ที่ไหนล่ะ”

“รู้สึกว่าคุณลุงกับคุณป้าจะอยู่แถวประตูน้ำ แต่ฉันกะว่าพอเข้าเมืองไทยแล้วถึงจะโทรหาพวกท่าน ตอนนี้ฉันรู้อยู่อย่างเดียวว่าอยากอยู่กับปอนด์”

สาวเซอร์ยิ้มแล้วดึงตัวฮานะเข้ามากอด “ฉันก็อยากจะอยู่กับฮานะจัง”

-----------------
หลังจากนั้นสองสาวก็ไปหาอะไรกินกัน แต่ก่อนหน้านั้นปอนด์กับฮานะก็นำจักรยานไปคืนและจองรถ Mini Van ไปเวียงจันที่เอเจนซี่ใกล้กับบ้านพัก สนนราคา 70,000 กีบ (ราวๆ 250 บาท) ต่อคน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินทางไปเวียงจัน ที่อยู่ห่างจากวังเวียงประมาณ 154 กิโลเมตร

ฮานะเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งที่มีเตาไก่ย่างอยู่ด้านหน้า สองสาวลองกินส้มตำลาว (ใส่ปลาร้ากับพริก 3 เม็ดแต่เผ็ดโคตร) และสปาเก็ตตี้

“คาไลๆๆๆ (เผ็ดๆๆๆ)” เมื่อส้มตำคำแรกเข้าปาก สาวยุ่นก็บ่นอุบทันที มือป่ายไปมาควานหาน้ำดื่ม ปอนด์ส่งแก้วน้ำให้แฟนสาวแล้วตักส้มตำเข้าปาก

“ไม่เผ็ดเหรอ”

“นิดหน่อย พอทนได้”

แม่หญิงคนที่ตำส้มตำเดินเข้ามาหาสองสาวแล้วถามปอนด์เป็นภาษาลาวว่า “เป็นจั๋งใด๋ ส้มตำลาวพอสู้ส้มตำไทยได้บ่”

“แซ่บอยู่ แต่เผ็ดไปนิด” สาวเซอร์ตอบพร้อมกับยิ้มให้

‘ปอนด์บ้า ทำไมยิ้มให้คนอื่นแบบนั้นเล่า!’ ฮานะที่นั่งอยู่ข้างๆ มองค้อนอย่างไม่พอใจ

“ชะอุ้ย” เมื่อสาวไทยเห็นสายตาที่ไม่พอใจบวกกับแก้มป่องๆ ของแฟนสาวก็สะดุ้ง ‘เป็นอะไรเนี่ย’

“ฮานะจังเป็นอะไรไป” ปอนด์ถามอย่างใจเย็น

สาวยุ่นไม่ตอบ เธอนั่งกอดอกมองตรงไปข้างหน้า ตรงจอทีวีของร้านอาหารที่เปิดเรื่อง FRIENDS ซีรี่ส์ยอดฮิตของอเมริกาที่ร้านอาหารเกือบทุกในวังเวียงจะจัดโต๊ะ (น่าจะเรียกว่าตั่งมากกว่า) พร้อมกับหมอนและฝูกให้นักท่องเที่ยวมานั่ง มานอนดูซีรี่ส์เรื่องนี้กัน

‘อ่า... เป็นอะไรหว่า งอนอะไรล่ะเนี่ย’ สาวไทยทำหน้างงแบบไม่เข้าใจ

‘ยิ้มให้คนอื่นอยู่เรื่อยเลย หวงนะ ไม่รู้รึยังไง’ สาวแดนปลาดิบก็ทำแก้มป่องแบบไม่พอใจ

บรรยากาศในร้านช่างมาคุ ถึงแม้ว่าตอนในซีรี่ส์จะเรียกเสียงฮาให้กับฝรั่งที่นั่งกินและดื่มอยู่ทั้งร้านสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ฮานะก็ยังคงไม่หันมามองหน้าปอนด์เสียด้วยซ้ำ จนถึงเวลากลับบ้านพักสาวยุ่นก็ยังไม่ยอมให้สาวไทยเดินจูงมือเหมือนเคย

“ฮานะจัง เป็นอะไรไป”

‘คนบ้า ไม่รู้รึยังไงว่าฉันหึง’ ไม่มีคนตอบจากสาวแดนปลาดิบที่เดินนำหน้า

‘เอาไงดีวะตู’ ปอนด์เกาศีรษะตัวเองด้วยความเซ็ง เธอเดินตามหลังแฟนสาวไปเงียบๆ พลางคิดหาวิธีง้อไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทำผิดอะไร

“หือ...” สาวญี่ปุ่นกลับหลังหันมาหาแฟนสาวที่เดินอยู่หันเธอ แต่ก็ไม่เห็นใคร

‘หายไปไหนของเค้านะ ซนจริงเชียว’ ฮานะมองซ้ายมองขวาหาร่างของปอนด์ เมื่อหาไม่เจอเธอจึงเดินกลับไปทางเดิม

“ว้ายยยยยย” สาวยุ่นร้องเสียงหลงเมื่อเธอโดนใครบางคนรวบตัวจากด้านหลัง เธอพลิกตัวหันกลับไปแล้วใช้มือทั้งสองทุบตีไปที่บ่าของอีกฝ่ายแบบไม่ยั้งทันที

“โอ้ยๆๆๆๆ พอแล้วยอมแล้ว” มือของบุคคลนิรนามยิ่งกอดเธอแน่นพลางส่งเสียงร้องโอดโอย

เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยร้องออกมาฮานะก็หยุดมือ “ปอนด์!”

“ว่าไงคะที่รัก” สาวเซอร์พูดแล้วก้มหน้าลงไปหมายที่จะหอมแก้มสาวญี่ปุ่น

ฮานะเบือนหน้าหนีทันที ทำเอาจมูกโด่งๆ ของแฟนสาวพลาดไปซุกอยู่ที่ซอกคอของเธอ

“หยุดนะ... ปอนด์บ้า... บอกให้หยุดไง”

“ไม่หยุดจนกว่าจะบอกเธอเป็นอะไร” สาวไทยตอบด้วยเสียงอู้อี้พลางไล้จมูกไปตามซอกคอแล้วเลื่อนขึ้นมาจนถึงใบหู

“ถ้าไม่หยุดฉันโกรธนะ!” สิ้นเสียงของแฟนสาวชาวญี่ปุ่น ปอนด์เงยหน้าขึ้นมาทันที ใบหน้าของเธอบ่งบอกว่าไม่เข้าใจ

“ขอโทษนะ ฉันไม่รู้ว่าฉันทำผิดอะไร ฉันเพียงแค่ไม่อยากให้เธอโกรธเท่านั้นเอง” สาวไทยส่งสายตาอ้อนวอนไปหาฮานะ สีหน้าและแววตาของปอนด์ดูเศร้า

‘อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวใจอ่อนรู้มั้ย ไม่เอานะ ไม่ทำหน้าเศร้านะ’

“เอ่อ... คือ...” สาวญี่ปุ่นพูดอ้ำอึ้ง ด้วยความที่ว่าอาการงอนเมื่อกี้หายไปหมดแล้วเพราะความใจอ่อน

สาวเซอร์เลื่อนใบหน้าของเธอเข้าไปหาใบหน้าของฮานะ หน้าผากของสองสาวชิดติดกัน

“เป็นอะไรไปคะ ไม่พอใจอะไรก็บอกนะ ฉันจะฟังที่ฮานะจังพูดทุกอย่างเลย ถ้าฮานะจังไม่อยากให้ฉันทำอะไรฉันจะไม่ทำ อยากให้ฉันทำอะไรฉันก็จะทำ ฉันแคร์ฮานะจังมากเลยรู้มั้ย”

สาวญี่ปุ่นหลบสายตาอ้อนวอนของปอนด์นิดหนึ่ง “เอ่อ... ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่พอใจที่ปอนด์ยิ้มให้คนอื่นเท่านั้นเอง ก็แค่... หวง”

‘หึงก็ไม่บอก แต่ ฮานะจังตอนนี้น่ารักจังเลยยยยยยยย’ สาวเซอร์คิดในใจ

“ถ้างั้นถ้าฉันยิ้มให้คนอื่นอีกแล้วทำให้ฮานะจังไม่พอใจ ฉันอนุญาตให้ฮานะจังตีฉันได้ทันที ฉันจะได้ไม่ยิ้ม โอเคมั้ย” ปอนด์ยื่นข้อเสนอ จะบอกว่าไม่ยิ้มให้คนอื่นก็คงจะไม่ได้ เพราะความเป็นคนที่เฮฮา มนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยมประหนึ่งนางงามมิตรภาพ รอยยิ้มเป็นปราการด่านแรกที่จะเข้าถึงตัวคนอื่น (ก็เหมือนตอนที่เธอสองคนพบกันครั้งแรกที่ท่าเรือนั่นแหละ) ถ้าไม่ยิ้มให้คนอื่นเพราะกลัวแฟนหึงก็ใช่ที่ เลยต้องหาทางออกด้วยวิธีนี้

“ก็ได้ค่ะ”

“แล้วมีอะไรอย่างอื่นที่ไม่อยากให้ทำอีกมั้ย”

ฮานะเงียบไปพักหนึ่งแล้วบอกว่า “ตอนนี้ยังคิดไม่ออก”

“งั้นตอนนี้หายงอนแล้วนะ ไม่โกรธแล้วนะ”

“อื้อ”

“กลับบ้านกันเถอะ ฉันอยากกอดฮานะจังใจจะขาดแล้ว” ปอนด์บอกด้วยเสียงออดอ้อน แล้วก็หอมแก้มแฟนสาวไป 1 ฟอดใหญ่

ฮานะหัวเราะออกมา แล้วก็ยิ้มอย่างอายๆ “ฉันเองก็อยากกอดปอนด์เหมือนกัน”





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.