web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 169
Total: 169

ผู้เขียน หัวข้อ: Backpack In Love Chapter 08  (อ่าน 1953 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Backpack In Love Chapter 08
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 10:15:19 »

Chapter 8

วันอังคาร:

ปอนด์และฮานะเก็บของออกจากเกสต์เฮ้าส์ของคุณลุงตอนประมาณ 8 โมงเช้า ก่อนที่จะทิ้งของไว้ที่หน้าเอเจนซี่รถแล้วหาอาหารเช้ากินที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับที่ๆ จะขึ้นรถนั่นเอง สองสาวนั่งกินข้าวกระหนุงกระหนิง หัวใจของทั้งสองพองโต รู้สึกมีความสุข

“ถึงเวียงจันแล้วทำยังไงต่อล่ะ” สาวยุ่นถามขณะที่กำลังกัดขนมปังบาแก๊ต เศษขนมปังติดอยู่ที่ปลายคางของเธอ (กินมูมมามขึ้นมาเชียวล่ะ เพราะปอนด์แท้ๆ)

สาวไทยเอื้อมมือไปหยิบเศษขนมปังที่ติดบนคางแฟนสาวเข้าปาก “ก็นั่งรถต่อจากเวียงจันไปที่ขอนแก่น รู้สึกว่าจะมีเส้นทางการเดินรถใหม่ไปที่นั่น แล้วก็คงจะต่อรถเที่ยวสุดท้ายที่ขอนแก่นเข้ากรุงเทพฯ ถึงที่นั่นก็คงจะเช้าพอดี”

“ฟังดูนั่งรถนานจัง” ฮานะพูดพลางทำหน้าบึ้ง เพราะเธอรู้สึกไม่ดีจากอาการเมารถเมื่อครั้งที่แล้ว

ปอนด์หัวเราะ “ไม่เป็นไรนะ มีฉันอยู่ทั้งคน รับรองปลอดภัยตลอดเส้นทาง”

สาวญี่ปุ่นยิ้มกว้าง “อื้อ”

9.00น. รถ Mini Van เดินทางออกจากเมืองวังเวียงไปยังนครหลวงเวียงจัน เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยครั้งนี้สองสาวได้นั่งที่แถวสุดท้ายของตัวรถ เนื่องจากพื้นที่ส่วนอื่นๆ นั้นฝรั่งได้จองกันเต็มไปหมดแล้ว

“บ๊าย บาย วังเวียง ถ้ามีโอกาสจะมาเยี่ยมใหม่ ถ้าคิดถึงกันอย่าลืมเขียนจดหมายมาบอกกันบ้างน้า...” ปอนด์พึมพำที่ข้างหูของแฟนสาวที่นั่งติดริมหน้าต่าง ทำให้ฮานะหัวเราะคิกคัก

สาวเซอร์เอื้อมมือไปผลักบานหน้าต่างบานเล็กๆ ที่อยู่ข้างสาวยุ่นให้เปิดออกเพื่อเป็นการระบายอากาศ เนื่องจากไม่เปิดแอร์ (อีกแล้ว) ส่วนฮานะก็กินยาแก้เมารถแล้วซบไหล่ปอนด์หลับไปอีกเช่นเคย

3 ชั่วโมงบนรถทำให้สาวเซอร์คิดถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่ผ่านมา ถ้าเธอไม่ได้มาที่นี่ก็คงจะไม่ได้พบกับฮานะ และถ้าเพื่อนของเธอมาเที่ยวตามแผนที่วางเอาไว้ เธอก็คงไม่ได้พบรักกับสาวญี่ปุ่นแสนน่ารักคนนี้เป็นแน่แท้ เธอกับฮานะคงจะเป็นแค่เพื่อนร่วมเดินทางที่แชร์ห้องอยู่ด้วยกันแค่คืนเดียว กลับไปเธอคงไม่เพียงแต่ยกโทษให้เพื่อนๆ แต่คงพาไปเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่เลยเชียวล่ะ เพื่อเป็นการขอบคุณเพื่อนๆ ที่ทำให้เธอได้มาพบกับสาวญี่ปุ่นชื่อดอกไม้ “ฮานะ” ของเธอคนนี้

“ฮานะจังตื่นเถอะ ใกล้ถึงเวียงจันแล้ว” ปอนด์เขย่าตัวแฟนสาวเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในเขตนครหลวงเวียงจัน

“อื้อ” สาวยุ่นขยี้ตาและทำท่างอแงเล็กน้อยก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นจากไหล่ของสาวเซอร์มานั่งตรงๆ

รถ Mini Van เข้าจอดเทียบท่าที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ท่ามกลางแดดยามเที่ยงครึ่งที่ร้อนจัด เมื่อเอากระเป๋าลงจากรถเรียบร้อยแล้ว ปอนด์ก็หยิบหมวกแก๊บขึ้นมาสวมให้ฮานะที่กำลังยืนสลึมสะลืออยู่

“ต้องขึ้นรถที่ท่ารถข้างๆ ตลาดเช้า ฮานะจังอยากเดินไปหรือขึ้นรถตุ๊ก ตุ๊กไป”

“เดินไป” สาวยุ่นตอบด้วยเสียงดังฟังชัด

สาวเซอร์พลิก Lonely Planet เพื่อดูแผนที่ไปตลาดเช้า ปรากฏว่าต้องเดินไกลพอสมควร “ไกลอยู่นะ นั่งรถไม่ดีกว่าเหรอ แดดร้อนด้วย ฮานะจังจะได้พักไง”

ฮานะส่ายหน้า “เดินเถอะปอนด์ เดี๋ยวก็ต้องนั่งรถอีก ฉันอยากยืดแข้งยืดขาบ้าง ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเหนื่อยนะ คนญี่ปุ่นชอบเดิน” พูดจบก็ชูสองนิ้วให้

ปอนด์หัวเราะออกมา “อื้อ งั้นไปกันเลย”

แดดร้อนเปรี้ยงๆ แต่คู่รักต่างเชื้อชาติก็เดินจ้ำไปยังตลาดเช้าโดยอาศัยแผนที่จากหนังสือเดินทางที่โด่งดังไปทั่วโลกเป็นคู่มือ พวกเธอแวะถ่ายรูปเล็กน้อยตรงถนนที่มองไปเห็นประตูไซ (ประตูชัย) ที่ตามประวัติบอกว่าเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลของประตูชัย (ลาร์ค เดอ ทริออมพ์) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เจ้าอาณานิคม ปนกับสถาปัตยกรรมลาว ผ่านมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ท่ารถลาว –ไทยตั้งอยู่ตรงข้ามตลาดเช้าพอดี

“ทนหน่อยนะ อีกนิดเดียว” สาวเซอร์บอกขณะที่กำลังเดินจูงมือฮานะเข้าไปยังท่ารถ

“ค่ะ” สาวยุ่นพูดพลางปาดเหงื่อ

ปอนด์และฮานะจ่ายค่ารถจากเวียงจัน – ขอนแก่นด้วยราคา 50,000 กีบ (180 บาท) เที่ยวเวลา 14.15 น. เมื่อจองรถเสร็จทั้งสองก็มานั่งพักที่ม้านั่งเพื่อรอรถมา

“ฮานะจังจะไปบ้านของคุณลุงเลยหรือเปล่าถ้าถึงกรุงเทพฯ แล้ว”

“ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”

“ฉันจะได้ไปส่งก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” เมื่อคำพูดของสาวเซอร์จบลง สีหน้าของฮานะก็เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

‘นี่เราสองคนจะต้องจากกันแล้วเหรอ ไม่นะ’

“หรือไม่ก็...” ปอนด์เองก็รู้สึกเศร้าใจไม่ต่างกันเมื่อต้องแยกจากแฟนสาว “ไปนอนพักที่บ้านฉันก่อนแล้วฉันค่อยไปส่งฮานะจังทีหลัง”

ข้อเสนอของสาวเซอร์ทำให้สาวญี่ปุ่นยิ้มออกทันที “ถ้ามันไม่เป็นการรบกวนเกินไป... ฉันก็อยากไปบ้านของปอนด์ แต่ว่าจะดีเหรอ”

“ดีสิ ไม่รบกวนหรอก ไปนะฮานะจัง”

“ค่ะ”

รถบัสปรับอากาศสีขาวแถบส้มของบริษัทขนส่ง (ไทย) มาถึงแล้ว พาสองสาวเดินทางจากเวียงจันไปยังด่าน ต.ม. บริเวณสะพานมิตรภาพ ไทย – ลาว เมื่อตรวจ ต.ม. ฝั่งลาว ณ ชายแดนเมืองเวียงจัน เสร็จแล้ว ก็ข้ามไปยังฝั่ง
ไทย เพื่อลง ต.ม. อีกรอบที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งปอนด์และฮานะต้องแยกกันไปตรวจพาสปอร์ตคนละบูธด้วยความที่มีคนมายืนออรอตรวจเยอะมาก จึงต้องแยกบูธสำหรับพาสปอร์ตคนไทยและชาวต่างประเทศ

“เป็นไง” สาวเซอร์ทักเมื่อเห็นฮานะเดินผ่านบูธตรงมาหาเธอที่ยืนอยู่ข้างรถบัตร เธอต้อนรับแฟนสาวด้วยไอศกรีมยักษ์คู่รสส้มเพื่อคลายร้อน

สาวยุ่นหัวเราะเมื่อรับไอศกรีมมาจากมือของปอนด์ “เหนื่อยจัง ร้อนด้วย คนเยอะไปหมดเลย ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ นี่แค่ต้นอาทิตย์เอง”

“นั่นสิ พวกเราขึ้นไปบนรถดีกว่า ไปตากแอร์กัน” ว่าแล้วสาวไทยก็จูงมือสาวญี่ปุ่นขึ้นรถบัส

4 ชั่วโมงนิดๆ ที่รถบัสพาผู้โดยสารจากเวียงจันผ่านจังหวัดหนองคาย อุดรธานี เข้าสู่จังหวัดขอนแก่น ปอนด์กับฮานะนั่งคุยไปตลอดทางบอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้ฟังกัน ทั้งเรื่องดี เรื่องร้าย เรื่องสนุก เรื่องเศร้า รวมถึงสอนภาษาและวัฒนธรรมของตนเองให้แก่กันและกัน จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของปอนด์ดังขึ้น สาวไทยเปิดเครื่องหลังผ่านด่าน ต.ม. ได้ไม่นาน ก็พบว่ามีแมสเสจส่งว่าเพื่อนของเธอโทรมาหาเกือบ 100 ครั้ง

“ฮัลโหล ไอ้ปอนด์ นี่ฉันเองนะเว้ย ซีไง”

“เออ ว่าไง”

“ตอนนี้แกอยู่ไหนวะ”

‘เฮอะ มาถามว่าอยู่ไหนแล้ว ถึงจะหายโกรธแล้วแต่ขอเล่นตัวหน่อยเถอะ ดัดสันดานคนพูดไม่จริงหน่อย’ ปอนด์คิด

“แกสนด้วยเหรอว่าฉันอยู่ไหน”

“เฮ้ย! อย่าพูดงี้ดิว้า ฉันรู้นะเว้ยว่าฉันผิด รับปากแกแล้วไม่ไป แกอย่าโกรธฉันเลยน้า ให้ทำอะไรก็ยอมล่ะ”

“หึ แล้วแกจะทำอะไรได้ล่ะ” ปอนด์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ในใจลิงโลด จะให้พวกมึงเลี้ยงข้าวกูให้เข็ด

ทางฝ่ายเพื่อนสนิทที่กระสับกระส่ายไม่เป็นอันเที่ยวอย่างโสภิตาแอนด์เดอะแก๊งค์ก็หน้าเสีย “แก๊... ไอ้ปอนด์มันยังโกรธอยู่อ่ะ ทำไงดี”

สาวอวบระยะสุดท้ายอย่างจุ๋มส่ายหน้าพลางแย่งโทรศัพท์ออกจากมือเพื่อน “แกก็อย่างงี้ทุกทีเลยอ่ะ ชอบสัญญากับมันก่อนแล้วไม่ทำตามที่พูด มาๆๆ ฉันพูดกะมันเอง” เธอหันไปว่าเพื่อนนิดนึงก่อนที่จะพูดกับสาวเซอร์

“ปอนด์นี่จุ๋มเองนะ”

“อื้อ”

“ตอนนี้แกอยู่ไหนวะ”

“พวกแกสนด้วยเหรอ”

“’ง่า... ปอนด์อ่ะ ฉันเป็นห่วงแกนะเว้ย ไอ้ซีมันก็สำนึกผิดแล้ว รู้มั้ยว่าพวกเราไม่เป็นอันทำอะไรที่หลีเป๊ะเลย เที่ยวก็ไม่สนุก นั่งมองทะเลเป็นหมาหงอย ตั้งแต่ที่รู้ว่าแกมาลาวแล้วพวกฉันเปลี่ยนแผนกะทันหัน”

“เฮอะ แล้วยังไง” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“แง... แกเลิกทำเสียงอย่างงั้นสักทีได้มั้ยอ่ะ ฉันรู้ว่าแกโกรธ จุ๋มสำนึกผิดแล้วน้า ดีกันน้า... ไม่งั้น... ไม่งั้น...” จุ๋มเป็นสาวร่างใหญ่แต่ใจค่อนข้างเล็กไม่สมกับตัวและออกจะขี้แยทีเดียว เมื่อเธอง้อเพื่อนสนิทด้วยคำพูดไม่สำเร็จก็ต้องง้อด้วยน้ำตา ตอนนี้ดวงตาทั้งสองของเธอเต็มไปด้วยน้ำใสๆ ลำคอกำลังส่งเสียงสะอื้น

“เฮ้ยๆๆ อย่าร้องไห้ ถ้าแกร้องฉันจะวางสาย”

“ฮึกๆๆ งั้นแกก็บอกสิว่าแกอยู่ที่ไหน”

“กำลังจะเข้าขอนแก่น”

จุ๋มปาดน้ำตาแล้วทำเสียงใสเหมือนสั่งได้ทันทีเมื่อรู้ว่าเพื่อนของเธอกลับมาสู่มาตุภูมิเรียบร้อยแล้ว “อยู่ไทยแล้ววะ”

“เออ”

“มาถึงกรุงเทพฯ พรุ่งนี้เช้าใช่ป่ะ จะให้พวกฉันไปรับมั้ย” สาวอวบพูดถึงเรื่องแก้ตัวเพื่อไถ่โทษทันที

ปอนด์หันหน้าไปทางฮานะที่กำลังมองบรรยากาศที่อยู่นอกตัวรถด้วยความสนใจ “ไม่ต้อง ฉันมีธุระต้องทำ”

“ธุระ ธุระอะไรวะ”

“ส่งของ”

“ของอะไร”

“ส่งของรัก แล้วก็อาจจะขอเป็นเจ้าของถาวรในวันเดียวกันด้วยถ้ามีโอกาส” สาวเซอร์พูดพลางบีบมือสาวยุ่นแน่น จนฮานะหันมายิ้มให้

“อะไรของแกวะ ไม่เข้าใจว่ะ”

“แล้วจะเล่าให้ฟังวันหลัง อ้อ เรื่องไถ่โทษ ฉันขอเป็นอาหารมื้อใหญ่กับทริปไปเที่ยวฟรีสักทริปนะที่ไหนก็ได้ แค่นี้แหละ” แล้วปอนด์ก็กดวางสาย

“เฮ้ยเดี๋ยวดิ ไอ้ปอนด์”

“ตู๊ดๆๆๆๆ” วางสายไปซะแล้ว

-----------------

“อะไรของมันวะ” จุ๋มบ่นกับโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะส่งคืนให้กับเจ้าของ

“เบาหวิว (ฉายาจุ๋มเค้าล่ะ) ตกลงไอ้ปอนด์มันว่าไง” เตยสาวสวยถามขึ้นบ้าง

“มันอยู่ไทยแล้ว กำลังจะเข้าขอนแก่น”

“เฮ้อ... ค่อยยังชั่ว” ผู้ฟังอีก 4 คนอันประกอบด้วยซี เตย ต้าร์และโบ้แฟนหนุ่มของทั้งคู่ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

“แต่มันพูดอะไรแปลกๆ ว่ะ”

“ยังไงวะ” โสภิตาถาม

สาวอวบทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา “ฉันถามมันว่าจะให้ไปรับที่หมอชิตมั้ย มันก็บอกว่าไม่ต้องมันจะไปทำธุระต่อ ฉันเลยถามต่อว่าธุระอะไร มันก็พูดประมาณว่ามันจะเอาของไปส่ง ของรักอ่ะ แล้วกะว่าจะไปขอของชิ้นนั้นเก็บไว้เป็นการถาวรด้วย”

“ห๋า” 2 หนุ่มและ 2 สาวร้องด้วยความงง

“อื้อ แล้วก็บอกให้พวกเราเตรียมเลี้ยงข้าวมันแล้วก็หาทริปให้มันเที่ยวฟรีสักทริปนึง นี่ฉันว่ามันต้องไปเจอใครที่ลาวแหงๆ เลยว่ะ”

“อืมม์” ไม่มีคำตอบจากคนอื่นๆ นอกจากว่าต้องรอสาวเซอร์บอกเพียงอย่างเดียว

-----------------

“ใครโทรมาเหรอ” ฮานะถามแฟนสาว

“เพื่อนน่ะ กลุ่มที่ทิ้งฉันที่หลวงพระบางไง”

“เหรอ... พวกเค้าว่ายังไงบ้าง”

“ก็ถามว่าอยู่ไหนแล้ว เป็นยังไง ขอโทษที่ทิ้ง”

“แล้วปอนด์ตอบไปว่ายังไง”

สาวเซอร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วตอบว่า “ก็บอกว่าสนด้วยเหรอว่าฉันอยู่ที่ไหน”

สาวยุ่นตีที่มือของปอนด์ “นี่แหนะ! ไปแกล้งเค้า ท่าทางเค้าจะเป็นห่วงปอนด์มากนะ แกล้งเค้าได้ยังไงกัน!”

“โอ้ย มือหนักจังเลย” สาวเซอร์พูดพลางดึงมือที่ถูกตีมาถู ทำให้เธอโดนค้อนไปอีก 1 วงใหญ่

“นิดหน่อยเอง คุยกันแล้ว บอกว่าให้เลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการไถ่โทษแล้วก็จัดทริปฟรีสำหรับพาฮานะจังไปเที่ยวยังไงล่ะ”

“เอ๋”

“อื้อ... นั่นแหละ อ้อ... ฮานะจังโทรไปหาคุณลุงคุณป้าแล้วใช่มั้ย”

“ค่ะ พวกท่านบอกว่าว่างตอนช่วงบ่าย บอกให้ไปหาที่บ้านได้เลย ฉันจดที่อยู่มาแล้ว” ว่าแล้วสาวยุ่นก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้ปอนด์ดู

“งั้นพรุ่งนี้บ่ายฉันไปส่งนะ”

“ค่ะ”

เมื่อไปถึงท่ารถปรับอากาศ จ . ขอนแก่น ทั้งสองก็ซื้อตั๋วเข้ากรุงเทพฯ รถปรับอากาศ VIP 24 ที่นั่ง ขอนแก่น – กรุงเทพฯ เวลา 22.30 น. แล้วปอนด์ก็พาฮานะเดินสะโหลสะเหลด้วยความหิวไปหาของกินทันที (หิวจัด เพราะข้าวกลางวันยังไม่ได้กิน) สาวไทยพุ่งทะยานเข้าหาของกินทุกอย่างที่เธอเห็นอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นของเผ็ดแบบสะใจ ทั้งต้มยำกุ้งและยำรวมมิตร แต่ก็หาของที่ไม่เผ็ดให้แฟนสาวชาวญี่ปุ่นกินด้วย

“ช้าๆ หน่อยปอนด์ เดี๋ยวติดคอ” สาวยุ่นพูดเมื่อเห็นว่าสาวไทยกำลังโซ้ยอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนุกสนาน

“ก็คนมันหิวนี่”

“รู้แล้วค่ะ แต่กินช้าๆ หน่อยเดี๋ยวจุก”

“ค่า”

ฮานะหัวเราะกับท่าทางของแฟนสาว ‘ดูท่าทางจะหิวมากเลยนะ กินใหญ่เลย’

สาวยุ่นได้ลองชิมอาหารหลายชนิดที่แฟนสาวซื้อมา ทั้งหมูสะเต๊ะ ข้าวหน้าเป็ด รวมถึงใจกล้าลองชิมต้มยำกุ้งและยำรวมมิตรอีกด้วย เธอรู้สึกชอบมาก ถึงแม้ว่าจะเผ็ดไปหน่อยสำหรับเธอ แต่รสชาติก็เข้มข้นกว่าอาหารในลาวที่หนักรสเค็มและผงชูรส

เมื่อของคาวหมดก็ต่อด้วยของหวาน บัวลอยไข่หวานร้านเจ้าอร่อยของเมืองถูกลำเลียงเข้ากระเพาะ รวมไปถึงน้ำผลไม้ปั่นที่ไม่ใส่กะทิและนมเหมือนในประเทศลาว

“อ้า... นี่แหละรสชาติที่ใฝ่หา ฮานะจัง โออิชิเดสก๊า (อร่อยมั้ย)” ปอนด์พูดหลังจากที่ดูดน้ำผลไม้ปั่นจากแก้วพลาติก

“อื้อ โออิชิ” ฮานะพูดหลังจากที่ลองกินของทุกอย่างแล้ว

“ฉันลงความเห็นแล้วล่ะว่า อาหารไทยอร่อยที่สุดในโลกกกกก” สาวเซอร์บอกกับแฟนสาว

“เคยกินอาหารญี่ปุ่นแล้วหรือยังไงมาบอกว่าอาหารไทยอร่อยที่สุดในโลก”

“เคยสิ”

“แล้วเคยกินของที่ฉันทำรึยังล่ะ”

“เอ๋ ฮานะจังทำอาหารเป็นด้วย”

สาวยุ่นเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจแล้วพูดว่า “เป็นสิ รับรองจะติดใจ”

“งั้นวันหลังทำให้ชิมหน่อยละกันนะ ท่าทางจะอร่อยเพราะตัวคนทำก็โออิชิ” ปอนด์พูดติดเรทเล็กน้อย ทำเอาสาวยุ่นหน้าแดงก่ำ

“ปอนด์บ้า!” ฮานะทุบแขนแฟนสาวไป 1 ที โทษฐานพูดจาสองแง่สองง่าม

เมื่อกินเสร็จก็เดินเที่ยวเพื่อฆ่าเวลา ทั้งสองจึงพากันเดินไปที่ตลาดโต้รุ่ง ซึ่งตลาดโต้รุ่งใน จ. ขอนแก่นแยกออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนขายของทั่วไปและขายอาหาร

ขณะที่ฮานะกำลังเดินดูเสื้อผ้าอยู่ สายตาของปอนด์ก็เหลือบไปเห็นกำไลเงินแท้อันหนึ่ง มันเป็นกำไลเรียวเล็กส่องแสงแวววาว ประดับลวดลายเถาวัลย์และดอกไม้อย่างสวยงาม สาวเซอร์ตัดสินใจซื้อทันทีโดยไม่ต่อราคาที่แสนจะแพงที่เกือบแตะๆ หลักพันก็ตาม

อีกราวๆ 1 ชั่วโมงจะถึงเวลารถออก ฮานะจึงชวนปอนด์กลับไปยังท่ารถ และสองสาวก็ขึ้นรถตามเวลาที่กำหนดเข้าสู่เมืองหลวงของประเทศไทย กรุงเทพมหานคร




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.