ตอนที่ 19
ละอองดาวแทบจะยกเลิกทริปที่เธอเป็นคนต้นคิดจัดขึ้นเพียงเพราะมีสมาชิกเกินมาหนึ่งแต่แค่คนเดียวมันก็ทำให้เธอหมดอารมณ์จนเผลอไปส่งสายตาดุให้กับคนก่อเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความรู้สึกที่เธอส่งไปเลยสักนิด
“คุณนิศามาด้วยก็ดีนะครับครบคู่พอดี”
ภาสกรเอ่ยออกมาเมื่อเห็นภาพน้องสาวตัวเองกำลังเดินคู่มากับนิศามณี
“ดูๆไปสองคนนี้ก็เหมาะกันดีนะครับอย่างคุณนิศาน่าจะเอายัยกานต์อยู่”
“หมายความว่ายังไงคะ”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนเอ่ยออกมาเสียงเบาเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน
“จับคู่ให้ยัยตัวแสบไงครับ”
“ไม่มีทาง!”
ละอองดาวเอ่ยออกมาอย่างลืมตัวแต่ก็ช่างมันเถอะเพราะตอนนี้เธอกำลังจะเปลี่ยนจากไกด์นำเที่ยวเป็นไม้กันหมาแทนแล้วส่วนภาสกรก็ได้แต่ทำหน้างงๆเพราะไม่แน่ใจว่าใครหรืออะไรไปสะกิดสายชนวนของคนตัวเล็กเข้าให้อีก
และแล้วก็นั่งเรือมาถึงเกาะที่ละอองดาวภูมิใจนำเสนอเพราะที่นี่น้ำใสจนมองเห็นตัวปลาที่ว่ายน้ำอยู่แถมยังมีชายหาดที่ขาวละเอียดน่าเดิน
“ที่นี่เรียกเกาะราชานะคะไม่รู้ว่ามีคนเคยมาหรือเปล่า”
ละอองดาวมองหน้านักท่องเที่ยวทั้งสามพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจเพราะถึงจะเป็นคนภูเก็ตแท้ๆนั่นก็ไม่ได้แปลว่าจะรู้จักทุกซอกของเกาะอย่างเธอ
“งั้นตามมาค่ะ”
“คุณดาวดูชำนาญมากเลยนะครับ”
ภาสกรเอ่ยชมไกด์จำเป็นพร้อมกับมองอย่างทึ่งๆ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งเก่งและแกร่งเท่าละอองดาวมาก่อนยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งทำให้เขารู้ว่าคิดไม่ผิดเลยที่ได้มอบหัวใจให้กับเธอคนนี้
“มาบ่อยเหรอครับ”
“ไม่บ่อยค่ะแต่ก็พอพาทัวร์ได้”
คนพูดตวัดสายตาไปมองคนอีกคู่ที่ดูหนึ่งในนั้นจะอ่อนแรงมากจนต้องให้คนที่เดินด้วยประคองอยู่ตลอดเวลาช่างเป็นภาพที่ทำให้เธอนึกหมั่นไส้จนต้องเดินไปดึงคนหมดแรงมาประคองเอาไว้เอง
“อุ๊ย!”
นิศามณีอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็มีมือดีมาดึงเธอออกจากอ้อมกอดอุ่นๆของรวิกานต์แต่ไม่ต้องหันไปมองหน้าคนทำเธอก็พอจะเดาออกว่าเป็นใคร
“ที่จริงคุณน่าจะนอนพักที่ห้องมากว่าจะมาเดินตากแดดแบบนี้”
ละอองดาวเอ่ยกับคนที่เธอเพิ่งกระชากตัวออกมาจากรวิกานต์ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนไม่มีใครได้ทันสังเกตว่าตอนนี้ทั้งสองสาวกำลังเริ่มเปิดศึกกันอีกครั้ง
“เกาะนี้มีกี่อ่าวคะ”
รวิกานต์เอ่ยถามไกด์จำเป็นก่อนจะหันไปยิ้มให้กับธรรมชาติที่สวยงามเกือบร้อยเปอร์เซ็น
“มีห้าแต่ละอ่าวขอบอกว่าสวยสุดๆน้ำงี้ใสจนเห็นตัวปลา”
“ขนาดนั้น”
“งั้นเรามาดำน้ำกันมั้ยคะนิศาเตรียมชุดมาพร้อม”
ไม่พูดเปล่าแต่นิศามณีค่อยๆแกะกระดุมออกทีละเม็ดโชว์สิ่งที่เธอพก…เอ่อเรียกว่าใส่มาด้วยน่าจะถูก ตอนนี้เนินอกขาวเนียนค่อยๆออกมาสู่โลกกว้างอย่างช้าๆแต่หญิงสาวก็ไม่สามารถเปิดโชว์ได้ทั้งหมดเพราะละอองดาวมาคว้ามือเธอเอาไว้เสียก่อน
“ฉันว่าเรามาคุยเรื่องอ่าวกันต่อดีกว่านะ”
ละอองดาวจ้องหน้าคนที่กำลังจะโชว์ของลับกลางหาดพร้อมกับหันไปจิกสองพี่น้องที่ทำหน้าตาหื่นได้แบบหน้าเกลียดสุดๆ
“มีใครอยากฟังต่อมั้ยคะ”
ไกด์จำเป็นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะเดินทำหน้าบูดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อไม่ได้รับการสนใจจากใคร
“คุณดาวเธอโปรโมทดีนะคะ”
นิศามณีพูดพร้อมกับเดินไปคว้าแขนของรวิกานต์เอาไว้แต่มือของหญิงสาวยังไม่ทันได้แตะถูกตัวคนที่แอบชอบก็ถูกคนที่เดินเหวี่ยงไปแล้วกลับมากระชากให้ปลิวตามไป
“คุณดาวจะไปไหนหรือทำอะไรก็เชิญสิคะ”
“ฉันก็ทำให้สิ่งที่ฉันอยากทำนี่ไง”
“คุณคิดจะกันท่า”
“เปล๊า…ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น”
“ยังจะต้องให้ฉันอธิบายอีกเหรอคะคนตาบอดยังรู้เลยว่าคุณต้องการอะไร”
ละอองดาวเงียบไปครู่หนึ่งเธอไม่อยากโต้ตอบอะไรให้มากความเพราะยิ่งคุยกับคนข้างๆก็เหมือนกับเธอกำลังโดนลวงความลับโดยไม่รู้ตัว
“พี่ดาวคะแล้วตกลงไอ้ห้าอ่าวเนื่ยชื่ออะไรบ้าง”
รวิกานต์เดินมาอยู่ข้างๆละอองดาวก่อนจะหันมาทำหน้าสงสัยว่าตกลงอีกคนจะมาเป็นไกด์หรือจะมาทำอะไรกันแน่ดูลึกลับชอบกล
คนถูกถามหยุดเดินแล้วหันไปมองคนเจ้าปัญหาเมื่อกี้เธอจะบอกกลับไม่สนใจทีแบบนี้ทำมาเป็นเซ้าซี้ถาม
“ว่าไง”
“อยากรู้จริงเหรอ”
คนถูกถามพยักหน้ารับช้าๆ
“ก็ได้ที่เกาะราชานี้มีห้าอ่าวที่เรายืนอยู่ตรงนี้ชื่ออ่าวตะวันตกหรืออ่าวปะตกเป็นอ่าวที่สวยที่สุดของเกาะดูเม็ดทรายสิขาวละเอียดเดินนุ่มเท้ามากเลยใช่มั้ยล่ะ”
“นุ่มจริงด้วย”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับคนพูด “ดูนั่น”
หญิงสาวตัวสูงชี้ไปในน้ำทะเลที่ใสมากซะจนเห็นตัวปลาก่อนจะคว้ามือคนข้างๆให้วิ่งไปดูพร้อมกับตัวเอง
“ว้า…นึกว่าปลา”
คนพูดทำท่าผิดหวังเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่ลอยอยู่ในน้ำเป็นลูกมะพร้าวไม่ใช่ปลาอย่างที่เธอคิด ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนหอบอยู่ข้างๆ
“เป็นอะไรเหรอคุณ”
“เหนื่อยสิยะอยู่ๆก็ลากฉันมาแบบไม่ตั้งตัว”
รวิกานต์มองตำแหน่งที่เธอยืนกับจุดเดิมที่เธอลากละอองดาวมาก็ถึงกับอึ้งเพราะมันอยู่ห่างกันอยู่มากพอสมควร “กินน้ำมั้ยเดี๋ยวฉันไปหาให้”
“ถ้ารอให้เธอไปหาให้ฉันคงตายก่อนแหละ”
“ไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอก”
ภาสกรรีบเดินเข้ามาหาคนที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลมก่อนจะส่งน้ำให้อย่างรู้ใจ
“ขอบคุณค่ะ”
ละอองดาวเอ่ยออกมาก่อนจะรับน้ำมาดื่ม
“พี่กรพกน้ำมาด้วยเหรอ”
“อืม มาแบบนี้คอจะแห้งบ่อยๆ”
“ไหนบอกไม่เคยมา”
“เค้าเรียกว่าคนรอบคอบ”
ละอองดาวส่งน้ำคืนให้กับชายหนุ่มก่อนจะหันมาตอบคำถามแทนทำเอาคนขี้สงสัยถึงกับจุกไปเลยทีเดียว จากนั้นละอองดาวก็เลิกสนใจรวิกานต์กับนิศามณี หญิงสาวตัวเล็กหันไปพูดคุยหัวเราะกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวในทริปนี้แทนจนรวิกานต์แอบน้อยใจอยู่หลายครั้ง
“ตอนนี้เราอยู่อ่าวสยามนะคะ ที่นี่เป็นอ่าวที่ยาวที่สุดของเกาะบรรยากาศค่อนข้างจะเงียบสงบไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน ส่วนใหญ่คนจะมาจอดแวะดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นกันที่นี่”
“ดีจังแต่ดูน้ำจะขุ่นไปหน่อยนะครับ”
“ฝั่งนี้มีลมพัดเข้ามาตลอดเลยทำให้มีคลื่นค่อนข้างสูงน้ำทะเลเลยดูขุ่นไม่ใสเหมือนที่อื่น”
“ออ แล้วอีกสามอ่าวละครับเป็นแบบไหน”
“ก็จะมีอ่าวทือเป็นอ่าวเล็กๆหาดไม่กว้างเท่าไหร่ส่วนอีกสองอ่าวเป็นจุดดำน้ำที่สวยมากเลยนะคะชื่ออ่าวขอนแคกับอ่าวหลา”
“โห…คุณดาวนี่รู้ลึกรู้จริงเก่งมากเลยนะครับ”
ภาสกรแทบจะปรบมือให้กับไกด์คุณภาพที่อธิบายเรื่องราวได้อย่างชัดเจนอย่างกับมืออาชีพ
“อย่าชมมากเลยค่ะเดี๋ยวดาวจะเหลิง”
“เรื่องจริงนิครับจริงมั้ยกานต์”
ชายหนุ่มหันไปหาลูกคู่เพื่อหวังเสียงเชียร์ตอบกลับมาแต่ผิดคาดเมื่อรวิกานต์มีเพียงรอยยิ้มแบบแห้งๆส่งคืนมาเท่านั้น
“เห็นมั้ยล่ะคะคงมีแค่คุณกรที่เห็นคุณค่าของดาวส่วนคนอื่นคงหวังอะไรไม่ได้”
พูดจบละอองดาวก็เดินกลับไปทางเรือทันทีเธอขอจบ ทริปนี้เพียงเท่านี้ อันที่จริงต้องบอกว่า…มันไม่น่าจะเกิดทริปนี้ตั้งแต่แรกถึงจะถูก!
ละอองดาวถอดหายใจเบาๆเธอแทบจะคุมอารมณ์ไม่อยู่เมื่อเห็นภาพการเอาอกเอาใจเกินกว่าเหตุของนิศามณีนี่ถ้าเข้าไปสิงตัวรวิกานต์ได้ยัยนั่นคงทำไปแล้ว
หญิงสาวตัวเล็กพยายามสะบัดความคิดแย่ๆให้หลุดออกไปจากหัวแต่ก็ทำไม่ได้เธอถึงต้องมาดับร้อนในห้องน้ำแบบนี้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
คนถูกถามตกใจเล็กน้อยเพราะจู่ๆห้องน้ำที่เคยคิดว่าเป็นส่วนตัวกลับถูกลุกล้ำโดยใครบางคนที่เธอฟังแค่เสียงก็รู้แล้วว่าเป็นใคร
“เธอเข้ามาได้ไง”
“เดินเข้ามา”
“ถ้าฉันดูไม่ผิดห้องนี้มันเข้าได้ทีละคนนะ”
หญิงสาวตัวเล็กหันมาพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังป้ายเพื่อยืนยัน
“เหรอไม่รู้สิ”
คนหน้าด้านยังไงก็คือคนหน้าด้านละอองดาวคงไม่อาจไปต่อความอะไรได้ เธอจึงเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมาแทนแต่กลับถูกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆดึงเอาไว้
“เดี๋ยวสิ…คุณยังไม่ได้ตอบเลยว่าเป็นอะไรถึงมายืนทำหน้าเศร้าอยู่ที่นี่”
“เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับเธอ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากมาวุ่นวายอะไรหรอกนะถ้าพี่กรไม่บอกให้ตามคุณมา”
รวิกานต์อ้างชื่อพี่ชายตัวเองทันทีเมื่อรู้สึกว่าความเป็นห่วงของตัวเองมันดูไร้ค่ามากจนน่าสงสาร
“งั้นก็ฝากขอบคุณคุณกรด้วยแต่ฉันไม่เป็นไร”
ละอองดาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนที่ดึงเธอไว้แต่กลับถูกอีกคนจับแน่นขึ้นก่อนจะดึงตัวเธอเข้าไปใกล้
“คุณคงไม่ได้หึงฉันหรอกใช่มั้ย”
และแล้วรวิกานต์ก็หลุดความคิดของตัวเองออกมาจนได้ จากที่เธอเฝ้าสังเกตอาการและท่าทางของคนตรงหน้ามันเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากอาการของคนหึง
“เธอพูดอะไร”
ละอองดาวอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะเรียกสติให้กลับคืนมา
“ฉันพูดเรื่องจริงคุณกำลังหึงฉันกับคุณนิศา”
รวิกานต์ยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อเริ่มรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมีเค้าโครงของเรื่องจริงอยู่โดยมีใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนสีของละอองดาวเป็นหลักฐานยืนยัน
“หรือคุณจะเถียงว่าคุณไม่ได้กันท่าคุณนิศาให้ออกห่างจากฉัน อันที่จริงเรื่องเมื่อคืนน่าจะดูง่ายสุด”
“ฉัน…”
“ฉัน…ฉันอะไรยอมรับมาเถอะคุณดาว”
คนพูดใช้มือเชยคางหญิงสาวตัวเล็กขึ้นก่อนจะมองลึกเข้าไปในแววตา เธอมองเห็นความสั่นไหวในนั้นมันชัดเจนมากจนแน่ใจว่าละอองดาวก็มีความรู้สึกดีๆไม่ต่างจากตัวเธอ
ทางด้านคนถูกต้อนกำลังรู้สึกสับสนจนพูดอะไรไม่ออก เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนทุกความรู้สึกที่ประดังเข้ามา ความหงุดหงิด โมโหเมื่อมีคนมายุ่งกับคนตรงหน้าอีกทั้งยังความรู้สึกหวงแหนที่เกิดขึ้นจนเธอต้องอ้างเรื่องงานเพื่อให้รวิกานต์มาอยู่ในสายตามันมีที่มาจากแค่คำๆเดียวนี้เองเหรอ “หึง” ไม่น่าเป็นไปได้…
“เธอคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันชอบคุณกรพี่ชายของเธอไม่ใช่ตัวเธอ”
ละอองดาวเอ่ยออกมาพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่น เธอไม่อยากโดนมนต์สะกดจากดวงตาของคนตรงหน้าเล่นงานจนไม่เป็นตัวของตัวเอง อีกอย่างเป้าหมายของเธอคือภาสกรไม่ใช่ใครที่ไหนทั้งนั้น
“แต่ฉันชอบคุณ”
รวิกานต์เอ่ยถ้อยคำที่เต็มล้นอยู่ในหัวใจของตัวเองออกมา หากเธอไม่ได้พูดในวันนี้มันต้องระเบิดออกมาในไม่ช้า ส่วนคนฟังก็ได้แต่ยืนนิ่งเธอกำลังเมาเรือจนหูเพี้ยนไปใช่มั้ย
“ฉันชอบคุณได้ยินชัดมั้ย”
“เธอคงไม่สบายฉันว่าเราไปข้างนอกกันเถอะ”
ละอองดาวพยายามจะเดินออกไปข้างนอกแต่กลับถูกคนตัวสูงดึงเข้ามากอดเอาไว้
“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
คนพูดกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพราะเธอรู้คำตอบที่อีกคนจะพูดแล้ว มันน่าตลกใช่มั้ยที่หัวใจของเธอดันมาหลงรักคนร้ายกาจแบบนี้
“ฉันไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ พอมารู้อีกทีก็มีคุณวิ่งวนอยู่ในหัวใจแล้ว ตลกใช่มั้ยแต่อย่าเพิ่งหัวเราะนะเก็บไว้ก่อน…รอฉันเดินออกไปแล้วคุณค่อยระเบิดเสียงออกมา”
“ฉัน…”
“ชู๊ว…วันนี้คุณต้องเป็นฝ่ายฟังอย่างเพิ่งพูด”
รวิกานต์คลายอ้อมกอดออกช้าๆก่อนจะเอื้อมมือไปปัดผมตรงหน้าของคนตัวเล็กที่กำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าและแววตาแห่งความสงสัยจนเธอนึกสังเวชความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา
“ฉันแค่อยากจะบอกคุณ อยากให้คุณรู้ไว้ว่าความรู้สึกของเรามันต่างกัน ฉันชอบคุณแต่คุณชอบพี่ชายฉัน…ตลกดีนะ”
“รวิกานต์”
“อย่าเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงที่หดหู่แบบนั่นสิคะ ฉันไม่เป็นไรแค่อยากจะบอกให้คุณรู้ไว้ว่าฉันรู้สึกยังไงและจากนี้ไปอย่าเข้าใกล้ฉันให้มากเพราะคุณคงไม่อยากให้ฉันรู้สึกดีไปมากกว่านี้”
คนพูดเดินถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวก่อนจะส่งยิ้มให้กับคนที่เธอเพิ่งสารภาพรัก
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากใจทุกอย่างยังเหมือนเดิมยังไงคุณก็ต้องได้เป็นพี่สะใภ้ของฉัน”
รวิกานต์เดินผ่านคนตัวเล็กออกมาช้าๆแต่เพียงไม่กี่ก้าวเธอก็ถูกคนที่ยืนนิ่งฉุดแขนเอาไว้ หญิงสาวตัวสูงหันไปมองมือน้อยๆนั้นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆปลดออก
“บอกแล้วไงว่าอย่าทำอะไรแบบนี้…เราออกไปกันเถอะ”
พูดจบรวิกานต์ก็เดินออกไปทันที วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เอ่ยปากบอกความรู้สึกกับใครสักคนและไม่ถึงนาทีเธอก็ถูกหักอกแบบยับเยิน…ความหวังลวงตาที่ทำให้เธอกล้าเปิดใจมันหลอกล่อเธอจนเผลอเปิดปากและบดขยี้หัวใจของเธอจนไม่เหลือชิ้นดี…เจ็บปวดจริงๆ