Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๑๒ : คำสัญญาของสองเรา
พยับแดดสาดส่องเข้ามาเหนือพระแท่นบรรจถรณ์ พระธิดามณีจันทร์ตื่นบรรทมขึ้นมาด้วยพระอาการทุเลาลงจนแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ทรงลุกขึ้นประทับนั่งและเห็นพระวรกายบอบบางของพระเชษฐภคินีซุกกายหลับใหลอยู่บนพระแท่นบรรจถรณ์เดียวกัน ไม่ห่างออกไปมีทั้งพระโอสถขนานเอกและพานทองที่มีพวงมาลัยที่พระนางทรงกรองพระราชทานมาให้รวมทั้งพระราชสาส์นและผ้าสไบที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วห้องบรรทม พระนางทรงทอดพระเนตรอยู่ชั่วครูก่อนละพระเนตรกลับมาที่ดวงพักตร์งามล้ำของเจ้าหญิงนลินยุพาก่อนที่จะโน้มพระองค์ลงพินิจดูอย่างใกล้ชิด เกลี่ยพระเกศาบางๆที่ปรกพระพักตร์ออกเผยให้เห็นพระปรางเรื่อผุดผ่องต้องตาต้องใจยิ่งนักจึงทรงก้มลงจุมพิตพระโอษฐ์ประทับประปรางค์หอมกรุ่นของพระนางอย่างหลงใหลอยู่มิวาย
“ตื่นแล้วฤๅน้องหญิง อาการประชวรของน้องทุเลาลงแล้วใช่ฤๅไม่” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงลืมพระเนตรขึ้นมาตรัสถามกึ่งงัวเงีย
“เพคะ หม่อมฉันหายดีแล้วเพคะ” เจ้าหญิงมณีจันทร์ตรัสตอบด้วยความขวยเขิน
“ขอบใจน้องหญิงมากนะ” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสพร้อมกับจ้องมองพระพักตร์งามด้วยแววพระเนตรหวานหยดจนเจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงก้มหน้างุดด้วยความสะเทิ้นอาย
“ทรงขอบพระทัยหม่อมฉันด้วยเหตุอันใดเพคะ”
“ขอบใจที่น้องรักพี่และมอบสิ่งสำคัญที่สุดให้พี่” ตรัสพร้อมกับโอบกอดพระวรกายอ้อนแอ้นของเจ้าหญิงมณีจันทร์แนบพระอุระด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในพระทัย ทางฝ่ายพระขนิษฐาเองก็ทรงกอดตอบพระเชษฐภคินีด้วยความรู้สึกมิต่างกัน
“หม่อมฉันขอคำสัญญาสองประการได้ฤๅไม่เพคะ” เจ้าหญิงมณีจันทร์เงยพระพักตร์ขึ้นสบพระเนตรเจ้าหญิงนลินยุพา
“ได้สิจ๊ะ จะสักกี่ร้อยประการพี่ก็ยอมทั้งนั้น”
“ประการแรก พระองค์ทรงสัญญาได้ฤๅไม่เพคะว่าจะรักหม่อมฉันคนเดียว”
“พี่สัญญาว่าจะรักน้องหญิงคนเดียวทุกภพทุกชาติไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน”
เจ้าหญิงนลินยุพาทรงรับคำทันทีด้วยพระสุรเสียงหนักแน่น เจ้าหญิงมณีจันทร์แย้มสรวลด้วยความปิติก่อนตรัสต่อไป
“ประการที่สอง พระองค์ต้องเก็บรักษาสร้อยเส้นนี้ด้วยพระองค์เองห้ามมอบต่อไปให้ผู้ใดทั้งสิ้น” เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงเปิดผอบทองคำลงยาซึ่งบรรจุสร้อยพระศอทองคำมีจี้ทับทิมรูปพระจันทร์เสี้ยวสลักคำว่า ‘ปทุมจันทรา’อันหมายถึงทั้งสองพระองค์เอาไว้หลังจี้นั้นมาสวมให้พระนาง
“ได้จ๊ะ พี่สัญญาว่าจะรักษาสร้อยเส้นนี้ด้วยชีวิตของพี่ พี่สัญญากับน้องทุกข้อแล้ว ถ้าพี่จะขอคำสัญญาจากน้องอย่างที่น้องให้พี่สัญญาจักได้ฤๅไม่” ทรงตรัสพร้อมกับถอดพระธำมรงค์ซึ่งสลักลายดอกบัวตูมงดงามวิจิตรออกมาจากพระองคุลีและสวมไปที่พระอนามิกาข้างขวาของเจ้าหญิงมณีจันทร์อย่างเบามือด้วยความรักใคร่ทะนุถนอม
“หม่อมฉันสัญญาเพคะว่าจะรักพระองค์คนเดียวทุกภพทุกชาติและจะเก็บรักษาแหวนวงนี้ด้วยชีวิตของหม่อมฉันจะไม่มีทางที่แหวนวงนี้จะออกจากนิ้วหม่อมฉันได้เลยเพคะ”
“ขอบใจน้องมากน้องหญิง ตอนที่น้องป่วยพี่ตกใจเสียแทบแย่หากโลกนี้ไม่มีน้องอยู่ พี่ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”
“มิได้เพคะ หม่อมฉันเสียอีกที่ต้องขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงรักหม่อนฉันอย่างที่หม่อมฉันรักพระองค์ มิเช่นนั้นหม่อมฉันคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หากปราศจากความรักจากพระองค์” เจ้าหญิงมณีจันทร์ตรัสพร้อมกับกอดรัดร่างบางของเจ้าหญิงนลินยุพาเสียแน่นราวกับกลัวร่างนั้นจะหายไป
“เอียงอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย
เมรุชุบสมุทรดินลง เลขแต้ม
อากาศจักจารผจง จารึก พอฤๅ
โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม อยู่ร้อนฤๅเห็น
ตราบขุนเขาคีรีข้น ขาดสลายแลแม่
รักบ่หายตราบหาย หกฟ้า
สุริยจันทรขจาย จากโลก ไปฤๅ
ไฟแล่นล้างสี่หล้า ห่อนล้างอาลัย” ๑
เจ้าหญิงนลินยุพาเอ่ยถ้อยคำฝากรักด้วยพระสุรเสียงหนักแน่นแต่เปี่ยมด้วยความอ่อนหวาน ซึ่งเปรียบเหมือนพระนางเอียงอกเทความรู้สึกทั้งหมดให้นางรับรู้ แม้จะใช้เขาพระสุเมรุเป็นปากกาจุ่มน้ำในมหาสมุทรเอาแผ่นดินละลายแทนน้ำหมึกและใช้อากาศแทนกระดาษก็ยังมิอาจพรรณนาความรักความอาลัยที่มีต่อนางได้หมด ซึ่งแม้ภูเขาจะทลายลง สวรรค์ทั้งหกชั้น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ สูญสลายไปจากโลกนี้ ไฟไหม้ทวีบทั้งสี่จนหมดสิ้น แต่ความรักความอาลัยของพี่ที่มีต่อน้องไม่มีวันหมดไป
เจ้าหญิงมณีจันทร์ได้ฟังถ้อยคำสารภาพรักดังกล่าวก็สะเทิ้นอายยิ่งนัก จากนั้นทั้งสองพระองค์โอบกอดพระวรกายของกันและกันไว้ด้วยอ้อมกอดแห่งความรัก ความภักดีทั้งหมดทั้งมวลในพระทัย
พระอาการประชวรของเจ้าหญิงมณีจันทร์จึงทุเลาลงจนดีขึ้นทันตาเพราะความรักจากเจ้าหญิงนลินยุพาดั่งคำที่ว่า ‘ไข้ใจต้องใช้หัวใจรักษาเท่านั้น’
เมื่ออาการประชวรของเจ้าหญิงมณีจันทร์ทุเลาลงเจ้าหญิงนลินยุพาก็เสด็จกลับพระตำหนักด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในพระทัยอย่างยิ่งยวด
...........................................................................
เจ้าชายธราเทพทรงเสด็จมาเยี่ยมพระอาการประชวรของเจ้าหญิงมณีจันทร์ ผู้มีศักดิ์เป็นพระพระขนิษฐาที่พระองค์ทรงพึงใจทันทีที่ได้ทอดพระเนตรดวงพักตร์งามพิสุทธิ์ยากจะหาเทพธิดาใดมาเทียบนั้น ด้วยความร้อนรนพระทัย โอสถหลายขนานมิอาจทำให้อาการทุเลาลง พระองค์จึงออกสืบเสาะหาโอสถขนานเอกที่ทรงคิดว่าจะสามารถรักษาพระอาการประชวรให้ทุเลาลงได้ เมื่อทรงหามาให้ก็ทรงมอบให้หมอหลวงปรุงเป็นพระโอสถมาพระราชทานแด่พระนาง พระองค์ทรงถือถ้วยพระโอสถด้วยพระองค์เอง
“พระธิดาเพคะ เจ้าชายธราเทพมาขอเข้าเฝ้าเพคะ” พระพี่เลี้ยงเกสรนำความมากราบทูล
“รีบเชิญเสด็จเข้ามาเถิด” เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงสรงน้ำและแต่งองค์เรียบร้อยประทับยังพระอาสน์ใกล้ๆพระแท่นบรรทม
เมื่อเจ้าชายธราเทพเสด็จเข้ามาในห้องพระบรรทมแล้ว เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงลุกขึ้นรับเสด็จด้วยพระอาการที่ดีขึ้น เจ้าชายทรงเสด็จดุอาการด้วยความห่วงใย
“น้องหญิงพี่นำยามาให้ แต่ดูท่าทางคงไม่ต้องใช้แล้วกระมัง เพราะน้องหญิงไม่เป็นไรแล้ว”
“ยาที่หมอหลวงปรุงถวายเมื่อวันก่อนช่วยให้อาการน้องดีขึ้นมากเพคะ แต่ยังไม่เป็นปรกตินัก”
“ถ้าเยี่ยงนั้นเสวยยานี่เสียหน่อยจักได้หายขาด” เจ้าชายธราเทพตรัสพร้อมกับยื่นถ้วยพระโอสถไปให้เจ้าหญิงมณีจันทร์
“ขอบพระทัยเพคะที่พระองค์ทรงพระกรุณาต่อหม่อมฉัน” เจ้าหญิงทรงรับถ้วยพระโอสถมาเสวยด้วยใบหน้าเหยเก โอสถรสเฝื่อนขมจนพระนางสำลัก
“ดื่มน้ำหน่อยนะ” ทรงรับถ้วยพระสุธารสที่พระพี่เลี้ยงเกสรรินถวายมาส่งให้ พระนางส่งถ้วยพระโอสถคืนให้เจ้าชายธราเทพก่อนรับถ้วยพระสุธารสมาเสวย
“ขอบพระทัยเพคะ” พระนางทรงลุกขึ้นถวายบังคมอย่างชดช้อยงดงาม
“ไม่เป็นไรหรอกน้องหญิง น้องหายป่วยแบบนี้พี่จักได้เบาใจ” ทรงแย้มสรวลด้วยความยินดีที่เห็นเจ้าหญิงมณีจันทร์หายจากพระอาการประชวร
เจ้าชายธราเทพทรงเยี่ยมพระอาการของเจ้าหญิงนลินยุพาไม่นานนักก็ทรงเสด็จกลับพระตำหนักเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นว่าพระนางทรงหายเป็นปรกติดีแล้ว เพื่อจักได้เสด็จไปแจ้งข่าวแก่พระเจ้าชัยวรรธนะ เจ้าชายอติรัณณ์ พระเจ้าชัยวรเมธ พระนางสวรินทร์เทวี และเจ้าหญิงนลินยุพาได้รับทราบถึงการหายจากพระอาการประชวรของเจ้าหญิงมณีจันทร์ กษัตริย์ทุกพระองค์และเหล่าพสกนิกรต่างชื่นชมโสมนัสกันถ้วนหน้า พระเจ้าชัยวรรธนะจัดงานเฉลิมฉลองให้พระธิดา นครบุปผาลัยจึงกลับคืนสู่ปรกติสุขอีกครา
หลังจากเสร็จงานเฉลิมฉลองเสร็จสิ้น คณะพระราชอาคันตุกะจากนครพินทุปุระก็เสด็จกลับพระนคร เจ้าหญิงนลินยุพากับจ้าชายธราเทพเสด็จกลับพระนครด้วยความรู้สึกอาลัยยิ่งนักที่ต้องจากนางอันเป็นที่รักกลับบ้านเมืองของตน การเสด็จเยือนบ้านพี่เมืองน้องครานี้สำเร็จได้ด้วยดี ไมตรีของสองนครแน่นแฟ้นยิ่งนัก
เสียดายเพียงแต่ว่ามันมิอาจมั่นคงเป็นปึกแผ่นไปตลอดกาลเท่านั้น....
...........................................................................
๑ จากนิราศนรินทร์คำโคลง บทประพันธ์ของ นายนรินทร์ธิเบศร์ (อิน)