อาการป่วยของอลิซเบซเริ่มทุเลาลงจนเกือบจะหายเป็นปกติ
ไม่มีอาการไข้สูงดั่งเช่นวันก่อน แต่ร่างกายยังคงอ่อนเพลียอยู่
การพักผ่อนให้เพียงพอ คงเป็นทางหนเดียวที่ทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแต่หากจะต้องรอให้อลิซเบซแข็งแรงจนเป็นปกติ การประชุมอาจต้องเลื่อนออกไป ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่ซินเทียโปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ รวมถึงความน่าเชื่อถือของเจ้านายเธอต่อเจ้าของงานก็อาจจะลดลงด้วย
และในฐานะที่สิตางค์ คือผู้จัดการส่วนตัวของสาวหล่อเธอ จึงไม่ยอมให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด!
การเจรจาต่อรองจึงเป็นสิ่งที่เธอต้องทำ สิตางค์อธิบายความจำเป็นถึงสาเหตุดังกล่าวโดยไม่ลืมย้ำว่าผู้เป็นนายของเธอกังวลแค่ไหน หากเป็นต้นเหตุให้การประชุมดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป เพราะ..เธอ
การเสนอทางเลือกให้ทุกฝ่ายได้เจรจากกันผ่าน โครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนที่จะต้องเสียเวลาเดินทางไปที่ออฟฟิคทั้งที่สาวหล่อยังมีสภาพร่างกายไม่พร้อม น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“เอาล่ะนะ นั่งตรงนี้ค่ะ” อลิซเบซถูกพามานั่งในห้องครัวแทนที่จะเป็นห้องรับแขก หรือในห้องนอน เนื่องจากสถานที่ไม่อำนวยต่อการประชุมสักเท่าไหร่
หญิงสาวปรับลุคให้คนป่วยเล็กน้อย หวีผมเผ้าที่ยุ่งและฟูจนเรียบ เสื้อเชิ้ตตัวสีขาวถูกเปลี่ยนแทนเสื้อโปโลสีครีมที่อลิซเบซใส่นอน แต่ท่อนล่างยังคงเป็นกางเกงผ้าแพรที่เธอสวมใส่เหมือนเดิม
ผู้จัดการสาวแตะพัฟผ้าที่มีแป้งฝุ่นทาลงบนใบหน้าของสาวหล่อ แถมด้วยการเติมลิปกลอสที่ริมฝีปากให้กับผู้เป็นนายซึ่งเธอพยายามเบือนหน้าหนี
“ประชุมผ่านหน้าจอ มันต้องแต่งหน้าขนาดนี้เลยเหรอ?”
“มันคือการสร้างความเชื่อถือค่ะ คงไม่มีใครอยากทำงานกับคนป่วยหรอกนะคะ รวมถึงตัวคุณเองด้วย..ใช่ไหม?” หญิงสาวยิ้ม มองคนตรงหน้าด้วยความภูมิใจที่สามารถแปลงโฉมคนป่วยให้กลับมาดูดีได้ในไม่กี่วินาที
สิตางค์วางกระดาษที่เตรียมไว้ตรงหน้าสาวหล่อพร้อมอุปกรณ์เครื่องเขียน นั่นคือแผนงานอย่างย่อที่อลิซเบซต้องรับรู้ก่อนที่จะเริ่มการประชุมผ่านสัญญาณมือซึ่งส่งผ่านในอากาศ โดยที่เธอได้สรุปคร่าวๆให้ผู้เป็นนายได้ฟังไปด้วย
ไอแพด อุปกรณ์สำคัญในการประชุมถูกตั้งไว้ด้านหน้าของสาวหล่อ โดยมีผู้จัดการส่วนตัวนั่งอยู่ข้างๆ
“พร้อมนะคะ” เมื่อเจ้านายตอบรับสิตางค์ก็ต่อสัญญาณถึงปลายทางทันที
การประชุมเริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทายของผู้ว่าจ้างกับคนสาวทั้งสองที่หันหน้ามองจอ ต่อด้วยการแสดงความห่วงใยของทีมงานที่มีต่อช่างภาพสาวหล่อที่เพิ่งล้มป่วยหลังจากมาเดินทางมาถึงเมืองไทยเพียงแค่สองวัน ตามมาด้วยคำชมถึงสปิริตของเธอ ที่แม้จะป่วยก็ยังรับผิดชอบและทำให้การประชุมดังกล่าวไม่ต้องเลื่อนออกไปจนอาจให้เกิดความเสียหาย
อลิซเบซยิ้ม เธอขอบคุณสำหรับคำชมของทุกๆคนผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม ก่อนหยิบแผ่นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กที่สิตางค์เตรียมไว้ให้ทางด้านซ้าย เขียนอะไรบางอย่างลงไปแล้วยื่นให้ผู้จัดการสาวที่นั่งข้างๆ กับเธอ
“คำชมเมื่อครู่..ฉันถือว่าเป็นของคุณ ^^”
หญิงสาวยิ้ม เหลือบตามองสาวหล่อก่อนหยิบปากกาที่อยู่ข้างๆเขียนบางอย่างลงไปแล้วส่งคืน
“ด้วยความยินดีค่ะบอส ^3^”
แล้วการเจรจาร่วมหนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป ทุกฝ่ายต่างแบ่งหน้าที่กันทำตามที่เจ้าของงานมอบหมาย
สิตางค์ปิดโปรแกรมการสนทนา เก็บไอแพดที่ตั้งอยู่ด้านหน้าไปไว้ที่โต๊ะรับแขก ขณะที่อลิซเบซก็เก็บกระดาษซึ่งเธอจดรายละเอียดต่างๆส่งให้ผู้จัดการสาวที่กำลังจะก้าวออกไป เตรียมพร้อมที่จะรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
สิตางค์เดินย้อนกลับเข้ามาในห้องครัวอีกครั้ง หยิบจานสปาเก็ตตี้ขี้เมาหมูสับที่เตรียมไว้ในช่วงเช้าเข้าอุ่นในไมโครเวฟแล้วส่งให้ผู้เป็นนายที่นั่งอยู่ตรงที่เดิม
อลิซเบซมองตามผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็น ซึ่งกำลังเทน้ำส้มคั้นลงแก้วใสทรงสูงให้เธอด้วยสายตาชื่นชม
แทบไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงมีบุคลิกมั่นใจในตัวเองและทำงานอย่างคล่องแคล่วซึ่งเห็นได้จากการแก้ปัญหาต่างๆอย่างชาญฉลาดเช่นการประชุมเมื่อครู่ จะมีคุณสมบัติเป็นแม่บ้านแม่เรือนทุกกระเบียดนิ้ว ไม่เพียงแค่อาหารที่รสล้ำเลิศในทุกมื้อที่เธอมีโอกาสได้รับประทานเท่านั้น
เตียงที่ปูอย่างเรียบตึง บ้านช่องที่สะอาด แจกันดอกไม้สดซึ่งเธอจัดและวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง เป็นสิ่งที่อธิบายรายละเอียดทุกอย่างได้ดี
“วันนี้ทานอาหารรสจัดบ้างนะคะ เห็นคุณทานแต่ข้าวต้มมาหลายมื้อน่าจะเบื่อแล้ว”
“คุณชอบทำอาหารเหรอ?” สาวหล่อส่งคำถาม ขณะที่เธอกำลังละเลียดหมุนเส้นสปาเกตตี้ด้วยส้อมอลูมิเนียมก่อนตักเข้าปาก
“ไม่ชอบก็ต้องชอบค่ะ เพราะบ้านฉันมีรีสอร์ทเล็กๆที่ปาย ที่นั้นสอนให้ฉันต้องทำให้เป็นในทุกๆอย่าง ไม่ใช่แค่ทำอาหาร แต่ฉันยังต้องทำความสะอาด จัดดอกไม้ ดูแลสวน และถ้าไม่มีแม่คอยสอน คอยบอก ฉันก็คงทำไม่ได้ดีขนาดนี้หรอกค่ะ”
ที่แท้ต้นแบบของการเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่เธอเป็นอยู่ ก็ถ่ายทอดจากผู้เป็นแม่ของเธอนี่เอง
นี่ซินะที่เขาว่ากันว่า..ดูช้างให้ดูที่หาง ดูนางให้ดูที่แม่
“ได้รับการถ่ายทอดมีเสน่ห์ปลายจวักมาดีแบบนี้ พูดเลย..แฟนคุณคงไปไหนไม่รอดแน่นอน”
สิตางค์ถึงกับขำเบาเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวจากปากเจ้านาย ในขณะที่คนตรงข้ามนั่งนิ่งรอฟังคำตอบบางอย่าง..อย่างใจจดจ่อ
“งั้นก็ต้องรอให้ฉันหาแฟนให้ได้ก่อนนะคะ แล้วฉันจะให้คำตอบคุณได้ว่าเส่น่ห์ปลายจวักของฉันจะมัดใจเขาอยู่ไหม?” หญิงสาวจิบน้ำส้มคั้นแก้เก้อ และก้มลงรับประทานอาหารของตัวเองต่อไป
โดยไม่ทันสังเกตคนที่นั่งตรงข้ามที่เริ่มยิ้มอย่างมีความหวังกับคำตอบที่ได้ยิน
เมื่ออาหารตรงหน้าหมดลง อลิซเบซก็เอ่ยปากขอตอบแทนแม่ครัวหัวปาก์ด้วยการเสนอตัวเป็นลูกมือช่วยล้างจานชามหลังจากทั้งคู่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว
แต่หญิงสาวกลับปฏิเสธ
“วันนี้มีพัสดุจากอเมริกามาส่งให้ด้วยนะคะ ฉันเซนต์รับไว้ให้อยู่ที่ห้องรับแขก คุณลองตรวจดูซิคะว่าของครบไหม? ส่วนจานเนี่ยมีไม่กี่ใบเดี๋ยวฉันล้างเองค่ะ”
อลิซเบซเดินตรงไปหน้าบ้านทันที เช็คของที่ส่งตามสิ่งที่ผู้จัดการส่วนตัวบอกทีละใบจนมาถึงกล่องสุดท้ายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและวางอยู่เดี่ยวบนพื้นห้องแยกจากกล่องอื่นๆ
เมื่อกล่องถูกเปิดออก สาวหล่อเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงหยิบกล้องถ่ายภาพตัวเก่งที่มักจะใช้ทำงานเป็นประจำซึ่งบรรจุอยู่ในกล่องนั้น ตรงไปหาสาวร่างบางที่ยังอยู่ในห้องครัว
คนตัวสูงเดินกลับเข้ามาอย่างเงียบๆ ประคองกล้องบนฝ่ามือหันหน้าไปทางคนตัวเล็ก ปรับโฟกัสให้ชัดเจน และลั่นชัตเตอร์เมื่อได้โอกาสที่เหมาะสม
แชะ..แชะ!
“ฮึ่ย! คุณ” สิตางค์หน้าเหวอ เดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาคนตัวสูงที่ยืนยิ้ม พิงประตูมองภาพที่ตัวเองเพิ่งลงมือถ่ายในหน้าจอสีเหลี่ยมผืนผ้า
“ฉันยังไม่ได้ตั้งตัวเลย หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง ชุดก็ไม่เป๊ะ ลบเหอะนะ ฉันขอ”
“ไม่นะ..ก็โอเค้” อลิซเบซลดกล้องให้คนตัวเล็กที่ยืนอ้อนวอนเธออยู่ข้างๆได้ดูภาพนั้นด้วยตา ทั้งแสงและเงา องค์ประกอบทุกอย่างที่ถ่ายออกมา ส่งผลให้คนในภาพน่ามองแม้จะไม่ได้แต่งหน้าหรือโพสท่าด้วยความตั้งใจ
“โห่!เทพมากๆเลยนะเนี่ย”
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ” อลิซเบซยิ้ม เธอยื่นกล้องที่อยู่ในมือให้คนตัวเล็กที่คะยั้นคะยอขอดูฝีมือการถ่ายภาพที่ชวนให้ทึ่ง
สิตางค์ถือเดินถือกล้องนำไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก และกดดูภาพไปเรื่อยๆ ในขณะที่เจ้าของกล้องเดินตามไปนั่งข้างๆและมองภาพที่เธอถ่ายไว้ไปพร้อมกัน
ภาพในกล้องส่วนใหญ่จะเป็นภาพวิว และผู้คนในเมืองใหญ่ รวมถึงสัตว์บางประเภทก็ถูกเก็บไว้อย่างมากมาย
“งานคุณดีมากเลยนะ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะเก็บภาพทั้งหมดแล้วจัดโชว์ผลงานซะทีเดียว”
“ฉันก็อยากทำแบบนั้น แต่ภาพพวกนี้ใครๆก็ถ่ายได้”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ฉันคนนึงที่ทำไม่ได้” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ นิ้วเรียวกดปุ่มเพื่อเลื่อนดูรูปอื่นๆต่อไปด้วยความเพลิดเพลิน
“แล้วรูปนี้ล่ะ คุณถ่ายด้วยตัวเองหรือเปล่า?” สิตางค์หันหน้าจอที่โชว์ภาพไปให้สาวหล่อที่นั่งข้างๆแต่ดูเหมือนยังไม่ชัดเจนนัก อลิซเบซจึงเปลี่ยนท่าทางจากการนั่งท่าปกติเป็นไขว่ห้าง ท้าวแขนไปยังเอวอีกด้านของสาวร่างบางและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ขณะเดียวกันสิตางค์เอียงตัวและยื่นกล้องเข้าไปให้คนข้างได้มองเห็นอย่างชัดเจน
สิตางค์วิจารณ์รูปที่อยู่ในรูปที่อยู่ในกล้อง หันมาหาอลิซเบซด้วยสายตาชื่นชม ขณะที่คนถูกชมกลับที่ยิ้มบางๆ ถ่อมตัวกับเสียงชมที่ดังเป็นระยะๆ
สาวหล่อเหลือบเห็นแฟ้มที่วางอยู่ยนโต๊ะ เธอละสายตา หยิบมันขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง
สิตางค์เองก็เช่นกัน เธอละความสนใจจากภาพในกล้อง ปิดโปรแกรมและวางมันไว้ที่โต๊ะ หันมามองผู้เป็นนายที่กำลังพลิกประวัติของผู้ชายคนนี้อ่านคร่าวๆ
“ชายในฝันประจำปี 2013” สาวหล่ออ่านออกมาอย่างดังๆกับพาดหัวที่ปริ๊นท์ออกมาจากนิตยสารระดับไฮเอนฯ ท่าทางของเธอดูสงสัยไม่น้อย จนสาวร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆต้องขยายความ
“ค่ะ..ผู้ชายคนนี้ชื่อคุณภัทร เป็นไฮโซ เปิดร้านกาแฟชื่อคาแฟ่บาเลสต้า อยู่ในซอยคอนแวนต์ เพิ่งได้รับการโหวตจากนิตยสารไฮโซไซตี้ประเทศไทยให้ได้ตำแหน่งชายในฝันของปีนี้มาหมาดๆด้วยนะคะ”
“แหม!หน้าตายังกะพิมพ์นิยม แถมยังไฮโปรไฟล์ซะขนาดนี้ ผู้หญิงคนไหนจะไม่ชอบ”
“รวมถึงคุณอลิซของดั๊นด้วยไหมเคอะ?” หญิงสาวเสียงล้อเลียนและยื่นหน้าเข้าไปใกล้สาวหล่อ หากแต่เธอกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น ตีหน้าบึ้งใส่แทนที่จะเขินอายอย่างเช่นสาวๆทั่วไป
“ฉันแซวเล่นน่ะค่ะ อย่า!โกรธซิคะ” แฟ้มในมือถูกปิด และเหวี่ยงลงบนโต๊ะเบาๆ ท่าทางของผู้เป็นนายทำให้ผู้จัดการสาวแอบหนักใจ หากเป็นผู้หญิงคนอื่นแค่เห็นภาพและฟังคุณสมบัติคร่าวๆอาจทำให้ถึงขั้นเพ้อและนับวันรอให้ได้ร่วมงาน แต่คงไม่มีผลกับเจ้านายของเธอ
แล้วถ้าหากอลิซเบซรู้ว่า..ผู้ชายคนนี้กำลังจะกลายเป็นคู่ชีวิตของเธอในอนาคตล่ะ?
นี่มันงานหินชัดๆ..สิตางค์ถึงกับเครียดเมื่อรู้สึกได้ถึงความลำบากกับตำแหน่งแม่สื่อจำเป็นที่ต้องทำให้คนทั้งคู่ยอมแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันตามที่คุณทรงชัยขอร้องเธอไว้
อลิซเบซวางแขนสองข้างไว้บนหัวเข่า ประสานมือทั้งสองไว้หลวมๆวางคางที่คมมนไปบนนั้น มองตรงไปยังแฟ้มกระดาษคล้ายกับกำลังใช้ความคิด
“ไม่ได้โกรธ เพียงแต่ไม่รู้สึกอินด้วยก็เท่านั้นเอง กำลังคิดอยู่ว่าจะถ่ายรูปผู้ชายคนนี้ให้ออกมาในรูปแบบไหน?”
“มันยากขนาดนั้นเลยเหรอคะ..แค่การถ่ายภาพคนๆนึง?”
“มันก็ไม่ยาก แต่ถ้าอยากให้ภาพนั้นสื่อให้คนทั่วไปเห็นถึงตัวตนที่แท้จริง ช่างภาพทุกคนก็จำเป็นที่ต้องรู้จักกับใครคนนั้นก่อน ไม่ใช่จากภาพถ่ายแบบนี้ ถ้าได้เห็นเขาทำงาน ได้เห็นวิธีการใช้ชีวิต มันก็คงจะไม่ยากและรู้ว่าควรจะถ่ายภาพผู้ชายคนนี้ออกมาได้ยังไง? แล้วอีกอย่างจะได้ทำให้เขาไม่เกร็งและภาพที่ถ่ายออกมาจะเป็นธรรมชาติที่สุดยังไงล่ะ”
ได้การณ์ละ…สิตางค์กระหยิ่มยิ้มเล็กยิ้มน้อย เหมือนคิดอะไรได้
ในเมื่ออลิซเบซเปิดทางขนาดนี้ ทำไมเธอกลับไม่ใช้โอกาสทำให้คนทั้งสองได้มาเจอกันซะล่ะ? นี่คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้สาวหล่อได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นในฐานะนายแบบของนิตยสารที่กำลังจะต้องร่วมงานกันรวมถึงว่าที่สามีในอีกสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย
“ก็ไม่เห็นจะยาก ถ้าคุณอยากรู้จักคุณภัทรให้มากขึ้นก่อนจะเริ่มถ่ายภาพ…ฉันพอก็มีวิธีค่ะ”
เมื่อแน่ใจแล้วว่า..ร่างกายของอลิซเบซแข็งแรงแล้วจริงๆ และสภาพอากาศก็ปลอดโปร่งไม่มีฝนโปรยปรายลงมา
สิตางค์จึงเลือกที่จะผู้เป็นนายไปพบกับเจ้าของร้านคาเฟบาเลสตา ตามคำสัญญาไว้เมื่อบ่ายวันก่อน
แต่หากเธอจะลงมือเพียงลำพัง อาจจะคว้าน้ำเหลว..เห็นที งานนี้เห็นที่ต้องมีผู้ช่วย
และ คุณศิรี คงเป็นช็อยส์ที่ดีที่สุดสำหรับการนัดบอดครั้งแรกของคู่รักในอนาคต โดยมีเธอทำหน้าที่เป็นแม่สื่อครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน
สถานที่นัดพบของคนทั้งคู่ไม่ใช่ร้านกาแฟของชายหนุ่ม แต่กลับเป็นคฤหาสน์หรูย่านราชพฤกษ์
“พี่นัดให้คุณทั้งคู่ตอนสิบโมงเช้าของพรุ่งนี้ พี่แจ้งเธอว่า คุณทั้งสองคนต้องการทำรีเสิร์ชก่อนที่จะมีการถ่ายทำงานจริง”
ไปถึงบ้านเชียว..ว๊าว! งานนี้คงเป็นการบุกถ้าเสือของจริงเลยสินะ
ทั้งคู่ได้รับการต้อนรับขับสู้ราวกับเป็นแขกคนพิเศษ และถูกเชิญให้ไปรอในศาลาที่อยู่ริมสระว่ายน้ำแทนที่จะเป็นห้องรับแขกในตัวบ้านที่หรูหรา
ขนมนมเนยและชามะตูมถูกยกมาเสิร์ฟให้ทั้งคู่ได้รองท้องก่อน ชายในฝัน ที่สาวทั้งสองต้องการพบจะปรากฏตัว
อลิซเบซมีท่าทีแปลกๆ มองไปรอบๆตัวบ้านอย่างคุ้นเคยตั้งแต่เดินเข้ามา จนสิตางค์อดแปลกใจไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“มีความรู้สึกเหมือน..เคยมาที่นี่” สาวหล่อกล่าวถึงอาการเดจาวูของตนเองให้ผู้จัดการส่วนตัวได้ทราบ เธอหยิบกล่องถ่ายรูปที่สะพายมาด้วย หมุนกล้องไปทางตัวบ้าน และตัดสินใจกดชัดเตอร์ เพื่อเป็นการคร่าเวลา
ไม่นานนัก ชายหนุ่ม ที่ทั้งสองต้องการพบก็เดินเข้ามาหาพวกเธอพร้อมกับรอยยิ้ม เสื้อโปโลสีฟ้ากับกางเกงสแลคสีขาว ช่วยเสริมให้ผู้ชายผิวขาวเหลืองคนนี้ดูมีออร่าและน่ามอง
“ขอโทษนะครับที่วันนี้ผมให้พวกคุณมาพบที่บ้าน..เดี๋ยวช่วงบ่ายจะมีนิตยสารอีกเล่มมาสัมภาษณ์ หากไปที่อื่นเกรงว่าจะไม่สะดวก” เขาเอ่ยทักทายกับสาวทั้งสองทันทีที่เดินมาถึง
สิตางค์ทำหน้าที่เดินเกมส์ต่อเนื่องหลังจากนั้น
ไม่ใช่แค่การแนะนำตัวของเธอและสาวหล่อ แต่เป็นการยิงคำถามที่ดึงเอาบุคลิกภาพ ความคิด และทัศนคติออกมาให้เจ้านายของเธอได้เห็น
ซึ่งทั้งหมดน่าจะเป็นประโยชน์กับงานของอลิซเบซ รวมถึงได้รู้จักผู้ชายที่จะได้มาเป็นว่าที่สามีในอนาคต ไม่มากก็น้อยสิน่ะ
การสัมภาษณ์จะเป็นไปอย่างราบลื่น ชายหนุ่มจะให้ความร่วมมือในการตอบคำถามเป็นอย่างดีและยอมให้อลิซเบซถ่ายภาพเพื่อประกอบกับการเก็บข้อมูลกำมะลอกลับไป
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”
เมื่อเห็นว่า ถึงเวลาอันสมควร แม่สื่อจำเป็นก็สมควรออกไปจากวงสนทนานี้ซะที เพื่อปล่อยให้คนทั้งคู่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
สิตางค์ขอตัวเข้าห้องน้ำและเดินไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รีรอ สาวหล่อมีท่าทีที่ว่าอยากจะตามไปด้วย
“ห้องน้ำด้านล่างมีเพียงห้องเดียวครับ” คำตอบที่ชัดเจนของภัทร ทำให้สาวหล่อจำใจนั่งรอเพียงลำพังกับชายหนุ่มต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก
บรรยากาศรอบข้างมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครยอมเอ่ยปากพูดคุยอะไรเลย จนแม่สื่อจำเป็นที่แอบดูคนทั้งคู่หลังพุ่มไม้หงุดหงิดกับท่าทีของคนทั้งสองที่ยังคงวางเฉย
นี่เขาเล่นเกมส์ใครพูดก่อนแพ้หรือเปล่านะ? พูดอะไรกันบ้างซิคะ..ได้โปรด!
ในที่สุด ภัทรก็เป็นฝ่ายเลือกทำลายความเงียบ เขาเลื่อนจานซูเฟล่เนื้อส้มไปวางไว้ที่หน้าหญิงสาวที่กำลังหยิบชามะตูมอุ่นๆขึ้นจิบ
“ลองทานซิครับ ตัวนี้ผมเพิ่งลองทำแทนซูเฟล่เนื้อปูที่เคยขายที่ร้าน น่าจะถูกปากและเหมาะกับคนที่แพ้อาหารทะเลและไม่ชอบขนมหวานอย่างคุณ”
นี่เป็นข้อมูลลับเฉพาะของเธอ อลิซเบซมั่นใจว่า แม้แต่ผู้จัดการสาวที่คลุกคลีอยู่กับเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างสิตางค์ก็คงจะไม่ทราบ
ว่าอาหารจำพวกเบเกอรี่ รวมถึงของทะเล เป็นอาหารสองชนิดที่ชีวิตนี้จะไม่แตะต้องอีกเด็ดขาด
ของหวาน ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ แม้จะทานเข้าไปไม่กี่คำ ส่วนอาหารทะเล กลับเป็นพิษต่อร่างกาย เพราะครั้งหนึ่งเคยทำให้เธอเกือบตายมาแล้ว
“ทำไมคุณถึงรู้?” หญิงสาววางถ้วยชามะตูมที่ถืออยู่และเงยหน้ามองผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามอย่างสงสัย
รอยยิ้มแบบนี้..ท่าทางแบบนี้ ทำไมกลับคุ้นตาของเธอจัง?
“มันเป็นข้อมูลเบื้องต้นครับ การหาของต้อนรับแขกสำหรับที่นี่ จำเป็นต้องทราบข้อมูลเบื้องต้น มันเป็นวิสัยของผมที่ชอบใส่ใจและอยากทำให้คนที่ได้ลิ้มรสจากอาหารที่ผมทำมีความสุขก็เท่านั้นเอง”
“ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเราเคยเจอ หรือรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ?”
ชายหนุ่มเป็นฝ่ายยกชาขึ้นดื่มบ้าง ก่อนจะเงยหน้าและตอบคำถามแก่สาวห้าวที่กำลังตั้งใจฟัง
“เป็นคำถามที่ผมเบื่อมาก รู้ไหม? ผู้หญิงหลายคนตั้งคำถามกับผมด้วยประโยคนี้ เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับผมทั้งนั้น..แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคุณด้วย”
สิตางค์รีบเดินให้เร็ว เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของอลิซเบซที่พร้อมจะเหวี่ยงผู้ชายตรงหน้าให้แหลกคามือหลังจากเจ้าของบ้านพูดประโยคนี้ออกมาจากปาก
“บ้านของคุณสวยดีนะคะ บรรยากาศร่มรื่นมาก” สิตางค์ยิ้ม เดินเข้ามาขัดจังหวะคนทั้งคู่ที่กำลังประทะคารมกัน เหมือนไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นมาก่อนหน้านี้
“ ถ้าคุณสิตางค์ชอบ..วันหลังเชิญอีกนะครับได้ บ้านผมยินดีต้อนรับ คุณ ทุกเมื่อ” ชายหนุ่มส่งสายตาเจ้าชู้ มองผู้หญิงตากลมโตที่ยืนอยู่ข้างๆ จนอลิซรู้สึกหมั่นไส้..เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากจะเร่งให้สิตางค์เก็บของและกลับไปยังที่พักเร็วๆ
“ต้องขอบคุณนะคะ ที่ให้พวกเรามาทำรีเสิร์ชก่อนร่วมงานจริงๆ แล้วพบกันวันพฤหัสนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ ในขณะที่เจ้าของบ้านเอ่ยปากเพื่อขอร้องอะไรบางอย่างก่อนที่ทั้งคู่จะเดินจากไป
“จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมจะขอให้คุณช่างภาพถ่ายรูปคู่ระหว่างผมกับคุณสิตางค์สักรูป” สิตางค์ทำท่าอึกอัก หันไปมองช่างภาพกิตติมศักดิ์ที่มีทีท่าไม่สบอารมณ์และอยากเดินออกไปให้พ้น
แต่ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ เธอจึงได้เพียงหยิบกล้องและเล็งไปยังคนทั้งคู่ที่ยืนข้างๆกัน
อลิซเบซไม่คาดคิดว่า ผู้ชายในฝันของสาวๆหลายๆคนจะกล้าเอื้อมมือหนาๆรั้งเอวคนร่างบางที่เพิ่งรู้จักเพียงครั้งแรกให้เขามาใกล้ ในขณะที่สิตางค์ได้แต่ยืนนิ่ง หันไปสบตาของผู้ชายที่ยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับราวกับต้องมนต์สะกด
สาวหล่อมองภาพของคนตรงหน้าด้วยดวงตาร้อนผ่าว เจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นผู้จัดการสาวอยู่ในอ้อมแขนของชายในฝัน
แม้มันเป็นสิ่งที่ฝืนใจ…แต่อลิซเบซก็เลือกที่จะกดชัตเตอร์บันทึกภาพข้างหน้าอย่างที่ชายหนุ่มต้องการ