web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 154
Total: 154

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๑๓ : ลางสังหรณ์  (อ่าน 1627 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๑๓ : ลางสังหรณ์
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 20:50:59 »



Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๑๓  :  ลางสังหรณ์

    อุทยานดอกไม้ริมสระรมย์นลินแห่งนครพินทุปุระ เจ้าหญิงนลินยุพาทรงประทับอยู่กับพระพี่เลี้ยงกันตาและนางกำนัลด้วยท่าทีที่หม่นเศร้า ความชุ่มฉ่ำของสายน้ำในวันนี้มิอาจทำให้พระทัยของพระธิดาคลายความร้อนรุ่มได้เช่นเมื่อวานวัน
“ลำดวนหวลหอมตรลบ        กลิ่นอายอบสบนาสา
 นึกถวิลกลิ่นบุหงา             รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง
รวยรินกลิ่นรำเพย             คิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง
นิ่งแนบแอบเอวบาง            ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
ชมพวงดวงมาลี                ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
วนิดามาด้วยกัน                จะอ้อนพี่ชี้ชมเชย” ๑
     “พระธิดาเพคะ ทรงเป็นอันใดฤๅเพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตากราบทูลถามเมื่อเห็นเจ้าหญิงนลินยุพาทรงถือพานทองที่มีดอกไม้นานาพรรณซึ่งนางกำนัลเก็บถวายไว้ในพระหัตถ์แต่สายพระเนตรกลับเหม่อลอยออกไปไกล
“เรามิได้เป็นอันใดดอกกันตา ค่ำแล้วกลับตำหนักกันเถิด กระเดี๋ยวอากาศจะเย็นลงไปกว่านี้” พระธิดาตรัสก่อนจะทรงลุกขึ้นเพื่อเตรียมกลับพระตำหนัก
“พระองค์ทรงคิดถึงเจ้าหญิงมณีจันทร์ใช่ฤๅไม่เพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาเมื่อได้ทรงสดับพระพี่เลี้ยงกล่าวคำ พระพักตร์หวานที่เคยหม่นเศร้าก็ซับสีโลหิตจนแดงก่ำประดุจลูกตำลึงสุก
“เจ้าเอ่ยอันใดออกมากันตา เราไม่อยากกล่าวคำกับเจ้าแล้ว” เจ้าหญิงนลินยุพาแสร้งทำพระสุรเสียงขุ่นเพื่อปกปิดพระอาการขวยเขินก่อนจะเสด็จกลับพระตำหนัก
“ทรงรอหม่อมฉันด้วยเพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตาและเหล่านางกำนัลรีบตามเสด็จพระธิดานลินยุพากลับตำหนักแทบไม่ทันเมื่อพระนางทรงพระดำเนินเร็วยิ่งนัก
“กันตา เราอยากไปหาน้องหญิงมณีจันทร์” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสขณะที่ทรงอยู่เพียงลำพังกับพระพี่เลี้ยงในห้องพระบรรทมแล้ว
“พระองค์จักทรงพระดำเนินได้เยี่ยงไรเพคะ ค่ำแล้วหนาเพคะอีกอย่างหนทางที่จักไปก็มิใช่ใกล้ๆ” พระพี่เลี้ยงกันตาพูดติงขึ้นเมื่อทราบความประสงค์ของพระธิดา
“เราคิดถึงนางเหลือเกิน ไม่ว่าเยี่ยงไรคืนนี้เราจักต้องไปหานางให้ได้”
     “พระองค์จะทรงพระดำเนินได้เยี่ยงไรเพคะ หนทางที่จักไปก็มิใช่ใกล้ๆหนาเพคะ”
“ก็ใครว่าเราจะเดินไปล่ะ เจ้าไปเตรียมม้าให้เราเถิดกันตา”
“แต่ถ้าพระเจ้าอยู่หัวและพระมเหสีทรงทราบจะทรงกริ้วนะเพคะ”
     “เจ้าก็ไม่ต้องกราบทูลว่าเราไปนครบุปผาลัย บอกแค่ว่าเราไปขี่ม้าเล่นก็พอ”
“แต่.....”
“ไม่มีแต่กันตา ระยะจากที่นี่ไปนครบุปผาลัยหากขี่ม้าไปก็เป็นหนทางที่ไม่ไกลเลย”
“เพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตาพูดก่อนออกจากพระตำหนักเพื่อทำตามพระราชประสงค์ของเจ้าหญิงนลินยุพา  ทั้งๆที่นางเป็นกังวลยิ่งนัก
จากนั้นพระพี่เลี้ยงกันตาจึงนำม้าทรงของเจ้าหญิงนลินยุพาไปเตรียมไว้หลังพระตำหนักตามพระประสงค์ของพระนาง พระธิดานลินยุพาทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นเครื่องทรงเยี่ยงบุรุษเพศก่อนจะควบม้าทรงหายไปในความืด  ทิ้งให้พระพี่เลี้ยงกันตามองตามด้วยความกังวลใจ
                                       ...........................................................................

    เพลาเย็นใกล้ค่ำลงแล้ว หมู่วิหคทั้งหลายต่างพากันบินกลับรังนอนของตน ท้องฟ้าสีส้มเรื่อเรืองรองยามรถทรงแห่งพระสุริยาใกล้จะลับขอบฟ้า เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงกำลังกรองมาลัยอยู่บริเวณอุทยานรอบสระปทุมจันทรา พระนางประทับทอดพระเนตรบรรยากาศรอบๆสระดังกล่าวและทรงกรองมาลัยในพระหัตถ์ไปด้วย
ภาพผืนน้ำในสระปทุมจันทราที่ไหลเอื่อยๆจับต้องกับแสงแดดในยามเย็นส่งผลให้มองเห็นประกายระยิบระยับกับผิวน้ำราวกับเพชรเม็ดงามที่ส่องสะท้อนกับแสงแดด  มันดูสวยสวยความยิ่งนักในความรู้สึกของเจ้าหญิงมณีจันทร์ยิ่งนัก พระนางทรงเหม่อมองสระน้ำนี้พลางปล่อยอารมณ์ไปกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยโดยมิได้ทรงระวังทำให้ปลายเข็มที่ทรงกรองมาลัยตำเข้ากับพระอนามิกา
 “อุ้ย !” พระสุรเสียงหวานอุทานอย่างตะหนกตกใจ ทำให้พระพี่เลี้ยงที่นั่งอยู่ใกล้พระวรกายเงยหน้าขึ้นมาจากพวงมาลัยบุปผาที่กำลังกรอง   
    “ทรงเป็นอันใดฤๅเพคะ ว้าย ! นางกำนัลตามหมอหลวงมาเร็ว” พระพี่เลี้ยงเกสรตกใจยิ่งนักที่เห็นพระโลหิตไหลออกมาจากพระองคุลีของพระธิดา
“เรามิได้เป็นอันใดมากดอกเกสร แค่เข็มตำนิ้วเท่านั้นเองไม่ต้องตามหมอหลวงหรอก” พระธิดาทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงเรียบก่อนจะนำผ้าซับพระพักตร์เช็ดพระโลหิตออกและทรงแย้มสรวลให้พระพี่เลี้ยงและเหล่านางกำนัลเพื่อเป็นการยืนยันว่าทรงไม่เป็นอะไรจริงๆ     
“แต่หม่อมฉันว่าน่าจะทรงให้หมอหลวงดูอาการเสียหน่อยนะเพคะ”
      “กรองมาลัยต่อเถิด วันพรุ่งจักได้นำไปถวายพระในหอพระ”
“เพคะ”
 จากนั้นพระพี่เลี้ยงเกสรและเหล่านางกำนัลก็กรองมาลัยต่อ หากแต่เจ้าหญิงมณีจันทร์เองมิได้ทรงกรองมาลัยต่อเพราะในพระทัยของพระองค์นั้นทรงรู้สึกวิตกกังวลกับเหตุการณ์เมื่อครู่ การที่จู่ๆเข็มกรองมาลัยมาตำพระอนามิกาซึ่งทรงสวมพระธำมรงค์ที่เจ้าหญิงนลินยุพาพระราชทานให้เป็นลางบอกเหตุอันใดหรือเปล่าหนอหรือเป็นเพียงความไม่ระวังของพระองค์เองกันแน่
“พระธิดาทรงเป็นอันใดฤๅเพคะ” พระพี่เลี้ยงเกสรถามด้วยความห่วงใยเมื่อเห็นพระธิดามณีจันทร์ทรงมิได้กรองมาลัยต่อ
“ไม่ได้เป็นอันใดดอก กลับกันเถิด วันนี้เราจะเสวยพระเครื่องกับเสด็จพ่อเสด็จแม่” จากนั้นเจ้าหญิงมณีจันทร์ก็ทรงเสด็จกลับพระตำหนัก ด้วยความรู้สึกกังวลในพระทัยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะทรงเกรงว่าจะเป้นลางสังหรณ์ ลางสังหรณ์ที่จักทำให้ความรักระหว่างพระองค์กับเจ้าหญิงนลินยุพามลายลง
                         ...........................................................................

    หลังจากที่เจ้าหญิงมณีจันทรทรงเสวยพระกระยาหารร่วมกับพระบิดา พระมารดา และพระเชษฐาแล้วก็ทรงประทับอยู่ที่เฉลียงน้อยหน้าพระตำหนัก  พระพักตรืหวานหม่นเศร้ายิ่งนัก ทรงถอนพระทัยช้าๆก่อนที่จะเบือนสายพระเนตรไปยรท้องนภาซึ่งมีจันทราส่องแสงสุกสกาว
“เสวยพระสุธารสก่อนเพคะ” พระพี่เลี้ยงเกสรนำพระสุธารสมาถวาย
“ขอบใจมากนะเกสร” พระธิดาเอื้อมพระหัตถ์มารับถ้วยพระสุธารสทำให้พระองคุลีต้องกับถ้วยพระสารสบังเกิดความเจ็บแปลบๆที่พระอนามิกา พลันสายพระเนตรทอดมองไปยังพระอนามิกาซึ่งสวมพระธำมรงค์ พระทัยของพระองค์ก็ประหวัดถึงผู้พระราชทานให้มาโดยพลัน
“นึกถึงทรงวงพักตร์ที่ลักษณ์พิศ    ยังเห็นติดเนตรให้อาลัยหา
 คิดถึงคำพร่ำไว้อาลัยลา            พระชลนาคลั่งคลอท้อฤทัย
เผยพระแกลแลดูดวงบุหลัน            เห็นแสงจันทร์แจ่มฟ้าพฤษาไสว
ดูธำมรงค์ลงยายิ่งอาลัย            แม้เหาะได้จะไปหาสุดาดวง
ได้อิงแอบแนบชิดสนิทสนม            ถนอมชมร้อยชั่งในวังหลวง
จะอุ่นเนื้อนุ่มเจ้าพุ่มพวง            กระเพื่อมทรวงแสนจะชื่นทุกคืนวัน” ๒
     “พระธิดา พระธิดาทรงเป็นอันใดฤๅเพคะ” พระพี่เลี้ยงเกสรตรัสถามเมื่อเห็นเจ้าหญิงมณีจันทร์ถือถ้วยพระสุธารสค้างไว้อย่างนั้น
     “ไม่เป็นไรดอกเกสร” พระนางทรงตรัสก่อนยกถ้วยพระสุธารสขึ้นเสวย
ขณะนั้นเอง พระธิดาสังเกตว่ามีใครแอบซุ่มมองเธออยู่ตรงพุ่มไม้และบอกให้เขาออกมา ไม่อย่างนั้นพระนางจะบอกให้ทหารของพระบิดามาจับ
“เจ้าเป็นผู้ใด ทหาร !”
ใครคนนั้นจึงค่อยๆ เดินออกมาและมานั่งก้มหน้าอยู่ตรงหน้าพระนาง พระนางรู้สึกโล่งพระทัยที่ใครคนนั้นเป็นสตรีเช่นเดียวกันกับเธอจึงบอกเจ้าหล่อนไม่ต้องกลัวและสั่งให้เงยหน้าขึ้น และเมื่อพบใบหน้านั้นพระนางก็ทรงพระราชดำเนินลงจากพระตำหนักอย่างเร็วรี่
    “เจ้าพี่เสด็จมาได้เยี่ยงไรเพคะ”
    “เราขี่ม้ามา”
    “ทรงม้า ! พระองค์ทรงม้าเป็นด้วยฤๅเพคะ”
    “เสด้จพ่อสอนพี่ขี่ม้าพร้อมกับเจ้าพี่ธราเทพตั้งแต่ยังเยาว์แต่ถึงพี่จะขี่ไม่เป็นถ้ามันจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พี่ได้พบเจ้าพี่ก็จะทำ”
    “โถ่เจ้าพี่ ทรงเสด็จมาเหนื่อยๆเชิญเสด็จก่อนนะเพคะ”
    “จ๊ะ”
จากนั้นเจ้าหญิงมณีจันทร์ก็เชิญเสด็จพระเชษฐภคินีอันเป็นที่รักขึ้นพระตำหนักของพระนาง
“พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกินมณีจันทร์” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสพร้อมกับทรงสวมกอดเจ้าหญิงมณีจันทร์ไว้ในแนบพระอุระเมื่อประทับเพียงลำพังในห้องบรรทมแล้ว
“หม่อมฉันก็คิดถึงพระองค์เพคะ” เจ้าหญิงมณีจันทร์ตรัสตอบพร้อมกับทรงกอดกระชับพระวรกายบอบบางของเจ้าหญิงนลินยุพาไว้ในวงพระกรกดพระหนุไว้กับพระอังสาของพระนางก่อนที่จะฝังพระนาสิกบนพระปรางค์และซอกพระศอหอมกรุ่นของพระนางอันเป็นที่รัก และแล้วทั้งสองพระองค์ก็ตกอยู่ในห้วงสิเน่หา
๏ พระเสด็จไคลสู่ห้อง...............บรรทม
ถึงอาสน์บรรจถรณ์สม..............ม่านแพร้ว
พรวนเงินพรวนคำสม................สายสูตร
ยี่ภู่ทองรองเตียงแก้ว................เพริศแพร้วเพดาน
          ๏ โอฬารสารเสนาะพร้อง............พาที
สองเกษมเปรมปรีด์..................ผ่องแผ้ว
รวยรื่นรสฤดี...........................ปราโมทย์
พระตระกองกายแก้ว.................แนบเนื้อแนมนม
           ๏ ชมพักตร์จุมพิศเน้น................นวลปราง
เอนแอบอุรานาง........................แนบไท้
สองร่วมภิรมย์ปาง....................ประดิพัทธ์ กันแฮ
ดุจลดารัดไม้...........................เมื่อเมื้อราตรี
          ๏ พยุพยับเมฆครื้น...................ครวญหาญ
วิรุณร่วงโรยรินฉาน..................ครึกครื้น
เวหาฮึกมืดมัวปาน....................เดือนดับ
บงกชแบผกาชื้น......................กลิ่นหรื้นรัญจวน ๓
                                          ...........................................................................

เช้ามืดของวันรุ่งขึ้นเจ้าหญิงนลินยุพาทรงลืมพระเนตรขึ้นและทรงแต่งพระองค์เพื่อเสด็จกลับพระนคร เมื่อทรงแต่งพระองค์เสร็จทรงสาวพระบาทไปหาเจ้าหญิงมณีจันทร์ที่บรรทมหลับอยู่บนพระแท่นบรรจถรณ์ก่อนจะประทับพระโอษฐ์ไปที่พระนลาฏกลมกลึงยังผลให้เจ้าหญิงมณีจันทร์ตื่นบรรทม
“จะทรงเสด็จกลับแล้วฤๅเพคะ”
“จ๊ะ พี่กลับก่อนนะจ๊ะ”
“เพคะ”
หลังจากนั้นพระนางก็เสด็จออกจากตำหนักทั้งที่ทรงอาลัยรักพระขนิษฐาเป็นหนักหนา เมื่อกลับถึงนครพินทุปุระก็พบว่าพระพี่เลี้ยงกันตารออยู่แล้วที่หลังพระตำหนัก
    “มีอันใดรึกันตา”
“องค์เหนือหัวทรงเรียกประชุมที่ท้องพระโรงเพคะ”
“เสด็จพ่อทรงเรียกประชุมด้วยเหตุใด เจ้าทราบฤๅไม่กันตา”
“หม่อมฉันได้ยินมาว่ามีราชทูตจากนครบุปผาลัยมาสู่ขาพระองค์ไปเป็นพระมเหสีเพคะ”
“สู่ขอเรานะหรือ ได้เยี่ยงไรไม่จริงหรอกกระมัง เราเป็นน้องจะอภิเษกก่อนก่อนเจ้าพ่ะราเทพได้เยี่ยงไร เราไม่มีทางยอมดอกหนา”
“หากเป็นพระประสงค์ของเจ้าชายอติรัณณ์ก็ยากที่จะมีผู้ใดขัดได้เพคะ” คำกราบทูลของพระพี่เลี้ยงทำเอาพระธิดานลินยุพารู้สึกไม่สบายพระทัยขึ้นมาครามครันได้แต่ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย
                                ...........................................................................

๑   จากกาพย์เห่เรือ พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
๒  จากพระอภัยมณี บทประพันธ์ของสุนทรภู่
๓  จากลิลิตเพชรมงกุฎ บทประพันธ์ของเจ้าพระยาพระคลัง (หน)




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.