น่านับถือจริงๆเลย
สิตางค์อยากจะปรบมือให้กับสปิริตที่เกินร้อยของอลิซเบซที่ยังสามารถร่วมงานกับ ภัทร ว่าที่สามีของเธอซึ่งปะทะคารมอย่างดุเดือดเมื่อวานเหมือนไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ทุกอย่างราบรื่น และงานที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจกับทุกฝ่าย
แม้ท้ายที่สุดขันติของอลิซเบซจะแตกเมื่อหน้าที่ของเธอกับชายหนุ่มจบลง
สาวหล่อปฏิเสธคำเชิญจากฝ่ายชายที่ออกปากให้ทุกคนซึ่งได้ร่วมทำงานกับเขาในวันนี้ไปรับประทานอาหารมื้อค่ำบนเรือสำราญที่เขาจองไว้เพื่อแสดงการตอบแทน
และคำปฏิเสธดังกล่าวจึงทำให้เธอและผู้เป็นนายต้องกลับมาหาอาหารลงท้องในห้องครัวเหมือนเช่นทุกๆวัน
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเอ่ยคำขอบคุณผู้เป็นนายที่นั่งนิ่งในฝั่งตรงข้ามขณะร่วมรับประทานมื้อเย็นด้วยกันบนโต๊ะอย่างเงียบๆ
“ขอบคุณเรื่องอะไร?”
“ก็เมื่อวานนี้ไงที่..”
“ช่างเถอะ ฉันไม่เคยเอาเรื่องนั้นมาใส่ใจ” ทั้งๆที่คำพูดดูเหมือนไม่แคร์ แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามคนตัวสูงพูดด้วยท่าทางเฉยเมยและลุกขึ้นทันทีเมื่ออาหารในจานตัวเองหมดเกลี้ยง เดินออกจากโต๊ะอาหารพร้อมกับนำจานว่างเปล่าตรงไปที่อ่างล้างจาน
“ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันล้างเอง” สิตางค์ลุกขึ้นตามมาอย่างเร็วเมื่ออาหารของตัวเองหมด เธอวางจานของตัวเองลงในอ่างก่อน แล้วจึงหันมาหยิบจานของอลิซเบซที่ยังถืออยู่ในมือ
“ไม่เป็นไร จานใบเดียวเดี๋ยวล้างเอง”
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ฉันทำเองดีกว่า คุณไปพักเถอะ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง”
แต่ในเมื่อออกแรงอย่างเต็มที่ คนตัวเล็กก็ยังจะเอาชนะคะคาน ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะถือมันต่อไป
เพล้ง!
จานใบนั้นหล่นลงบนพื้น พร้อมกับคนตัวเล็กที่ลงไปนั่งจ้ำเบ้าทันทีที่คนตัวสูงผ่อนแรงปล่อยจานออกจากมือ
“โอ้ย!” สิตางค์โอดครวญเบาๆเมื่อก้นกระแทกพื้นส่งสายตาตัดพ้อคนตัวสูงที่ยังยืนนิ่ง ใช้มือบางยันตัวให้ลุกขึ้นโดยเร็วจนไม่ทันระวัง
เศษจานที่แตกกระจายเมื่อสักครู่ปักเข้าไปในฝ่ามือด้านขวาพร้อมกับเลือดที่ไหลทะลักเมื่อผิวหนังแยกออก
“อยู่นิ่งๆซิ” อลิซเบซพยายามบอกคนตัวเล็กขณะกำลังจ้องมองฝ่ามือตัวเองด้วยใบหน้าซีดเซียว สาวหล่อหยิบผ้าสะอาดที่ยังไม่ได้ใช้ในลิ้นชักใกล้ๆและกดลงไปแรงๆเพื่อให้ห้ามเลือดที่ทะลักออกจากฝ่ามือบางของสิตางค์โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ปล่อย!” สิตางค์พยายามสะบัดมือของอลิซเบซออก แต่สาวหล่อกลับยึดมือบางไว้ในอาณัติและกดผ้าผืนนั้นไว้ในท่าเดิม
“อย่า!ดื้อได้ไหม?” เสียงทุ้มของสาวหล่อหยุดท่าทางของสาวน้อยที่พยายามสะบัดมือออกได้อย่างชะงัก น้ำตาที่ไหลออกไม่เพียงแค่แสดงออกว่าเธอเจ็บแค่ไหนที่มีเศษจานกระเบื้องปักลงไปในฝ่ามือ
แต่มันยังแสดงถึงความเจ็บปวดระคนกับความไม่เข้าใจกับสิ่งที่ผู้เป็นนายเธอแสดงออกเธอด้วย
ท่าทีหมางเมินของอลิซเบซที่มีต่อเธอเกิดขึ้นตั้งแต่สี่ล้อเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ย่านราชพฤกษ์
แม้จะสร้างความหฤหรรษ์ ทั้งมุขตลก เรื่องรอบตัว มื้อเย็นที่เธอตั้งใจจะทำให้ทาน แต่สาวหล่อก็ยังนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น
ถามคำตอบคำ แถมสนใจวิวข้างทางมากกว่าหน้าหวานๆของเธอซะด้วยซ้ำ
มันน่าน้อยใจชะมัด
และถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว เธอก็คงจะไม่มีความหมายและกลายเป็นอากาศสำหรับคนตรงหน้าต่อไปซินะ
“เศษกระเบื้องชิ้นใหญ่ ฉันไม่กล้าดึงออกกลัวว่าเลือดจะไหลไม่หยุด ถ้ายังไงเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ เดี๋ยวฉันขับรถให้”
อลิซเบซพูดจบ เธอพยายามประคองแขนของสาวร่างเล็กให้ลุกขึ้น แต่สิตางค์ก็ยังคงยึดร่างให้อยู่ที่เดิม ไม่ยอมลุกไปไหน
“แผลแค่นี้เดี๋ยวฉันทำเอง ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลหรอก”
“ขอร้องเถอะค่ะคุณผู้จัดการ ช่วยทำตามที่ฉันบอกด้วย” สายตาของสาวหล่อยังคงเว้าวอน แสดงออกให้สิตางค์รับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิด สองมือของอลิซเบซค่อยๆปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตากลมโต ก่อนประคองร่างของเธอไปที่รถ ขับออกไปจากบ้านอย่างรีบเร่งและถึงโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว
สิตางค์ถูกพาไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉินทันทีที่มาถึง โดยที่อลิซเบซ ขอตามเข้ามายืนอยู่ข้างๆตลอดเวลาที่แพทย์เวรในช่วงเวลานั้นทำการรักษา
ผลจากฟิลม์เอกซเรย์พบว่า เศษกระเบื้องที่หนาปักลงในผิวหนังชั้นลึกแต่โชคยังดีที่ความแหลมของมันยังไม่ถึงตำแหน่งของเส้นเลือดขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้กับกระดูกข้อมือ
“เดี๋ยวหมอจะดึงกระเบื้องออก อาจจะเจ็บนิดนึงนะครับ ดึงออกแล้วคงต้องเย็บแผลสักสามสี่เข็ม ปากแผลกว้างแบบนี้ การเย็บแผลจะให้แผลสมานได้เร็วและลดอาการติดเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย” แพทย์เวรแจ้งการรักษาคร่าวๆแก่หญิงสาวก่อนจะหันไปเตรียมอุปกรณ์และทำหัตถการรักษา
สิตางค์หันไปมองแพทย์เวรและนางพยาบาลที่คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แต่จู่ๆใบหน้าขาวๆกลับซีดเผือดลงอีกครั้ง
เมื่อเข็มเล่มเล็กซึ่งถูกแกะออกจากห่อพลาสติก จิ้มลงไปในขวดแก้วดูดยาเฉพาะที่ ได้มาอยู่ในมือของแพทย์เวรซึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอที่นั่งอยู่บนเตียงเข็นและพร้อมฉีดเข้าร่างกายเธอในอีกไม่กี่วินาที
“ไม่ต้องกลัวนะครับ..หมอจะทำทุกอย่างให้เบามือที่สุด” แพทย์เวรพูดด้วยรอยยิ้มแต่กลับไม่ทำให้ความกลัวของสิตางค์ลดลงเลยสักนิด
หมอน่ะหนูไม่กลัว..แต่กลัวเข็มค่ะ กรี๊ด!
หญิงสาวหลับตาปี๋ เบือนหน้าออกจากตรงนั้นและกัดกรามเบาๆเมื่อแพทย์เวรกำลังจะสอดเข็มเล่มเล็กๆเมื่อครู่เข้าสู่ใต้ผิวหนังของเธอหลังจากที่ทำใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดผิวจนเรียบร้อย
มืออีกข้างฉวยผ้าปูเตียงและกำแน่น แสดงให้คนที่ยืนข้างๆรับรู้ถึงสิ่งที่แสดงออก อลิซเบซไม่รอช้าเดินเข้าไปอยู่ข้างๆ ฉวยมือบางซึ่งกำผ้าปูมากำไว้ที่ฝ่ามือของตน พร้อมกับใช้มืออีกข้างโอบศีรษะของเธอให้เข้ามาหาตัว
“ไม่เป็นไรนะคะ ทนเจ็บหน่อยนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” สิตางค์พยักหน้าเบาๆเมื่อได้คนร่างสูงลดตัวลงมาใกล้กระซิบเบาๆที่ข้างหู ในขณะที่มือของคนตัวสูงยังลูบไล้เส้นผมอย่างเบามือ หวังจะลดความกลัวและเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับสิตางค์ให้เบาบางลง
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นใช้เวลาไม่นานนัก แพทย์เวรฉีกยิ้มอย่างพอใจเมื่อทุกอย่างจบลงด้วยดี
“แผลสวยมากเลยครับ แต่หลังจากนี้ภายใน 24 ชั่วโมง ห้าม! แผลโดนน้ำโดยเด็ดขาด เดี๋ยวหมอจะสั่งยาปฏิชีวนะ ซึ่งคุณต้องทานให้ครบตามที่สั่ง และยาลดอาการปวด บวมของแผลให้ไปด้วย จากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยกลับมาตัดไหมนะครับ เดี๋ยวหมอจะออกใบนัดให้” แพทย์เวรจรดปากกาเขียนสิ่งต่างๆลงในแฟ้มเหล็กขณะที่พูดไปด้วยก่อนส่งมันให้พยาบาลที่ยืนรอคำสั่งอยู่
“อีกอาทิตย์พบกัน แล้วก็อย่าลืม! ล้างแผลให้แฟนทุกวันด้วยนะครับ” แพทย์หนุ่มเงยบอกสาวหล่อที่พยักหน้ารับคำสั่ง เดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้สาวสวยที่นั่งนิ่งอยู่นานให้มีโอกาสได้เอ่ยปากแก้ต่าง
นี่..ไม่คิดจะแก้ตัวอะไรกับคุณหมอเลยใช่ไหม?
สิตางค์คิดในใจหันไปค้อนให้สาวหล่อหน้านิ่งที่กำลังประคองร่างของเธอให้ลงจากเตียงเข็นเพื่อเดินไปรับยาที่ด้านนอก
“ปล่อยได้แล้ว” มือบางพยายามสะบัดออกจากอุ้งมือของคนร่างสูงเมื่อเท้าที่ลอยอยู่แตะลงบนพื้นห้อง แต่เหมือนอีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แถมยังขวางร่างนั้นให้ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าอีก
“ขอโทษนะคะ” อลิซเบซนิ่งเงียบ ก่อนจะเอ่ยคำนั้นขึ้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษที่เป็นสาเหตุให้คุณต้องเจ็บตัวในวันนี้”
“ไม่ยกโทษให้” ท่าทางของสิตางค์ยังคงปั้นปึงต่อไป หันมามองค้อนกับร่างสูงที่ส่งสายตาเว้าวอนเพื่อขอความเมตตาและหวังให้เธอให้อภัย
ที่จริง..ความโกรธทั้งหมดเมื่อสักครู่แทบจะหายไปตั้งแต่ได้ยินน้ำเสียงและท่าทางปลอบประโลมของสาวหล่อเมื่อตะกี้นี้แล้ว
ยอมรับว่า..อลิซเบซคือที่พึ่งพิงทางใจที่ทำให้ความเจ็บปวด ความกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทุเลาลงได้จริงๆ
แต่โทษฐานที่ทำให้อึดอัดใจจนแย่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ขอเหวี่ยงกลับหน่อย คงไม่ว่ากันนะคะบอส
“ทำอะไรทำไมไม่คิดบ้าง ดูซิ! มือเจ็บแบบนี้แล้วคืนนี้จะสระผมยังไง?” คนตัวเล็กชูมือบางที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซและตาข่ายต่อหน้าคนร่างสูงที่กำลังยิ้มปนขำ
“โถ่! เรื่องแค่นี้เอง”
“เรื่องแค่นี้เหรอ? คุณมองว่าการไม่สระผมของฉันเป็นเรื่องแค่นี้เองใช่ไหม?” หญิงสาวเริ่มขึ้นเสียงและเตรียมเหวี่ยงอีกครั้งเมื่อได้ยินเจ้านายของเธอพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ฉันกำลังจะบอกว่าคืนนี้จะสระให้ และจะสระให้จนกว่าจะตัดไหมออกเลยค่ะ” อลิซเบซรีบขันอาสาด้วยท่าทางกระตือรือล้น
“ก็ลองไม่ทำให้ดูซิ แล้วถ้าสระไม่สะอาด ไม่สบายหัว จนนอนไม่หลับล่ะก็ น่าดู!” หญิงสาวฆาดโทษก่อนเดินออกไปจากห้อง
แม้จะสิตางค์ยังมีท่าทางเคืองขุ่นแต่อลิซเบซกลับโล่งใจ หญิงสาวยอมให้อภัยกับความงี่เง่าของตนจนเผลอทำเรื่องแย่ๆ คือยกภูเขาลูกใหญ่เบ้อเริ่มของตนออกไปได้
เพราะถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น สาวหล่อ คงไม่ยอมให้อภัยตัวเอง ในการกระทำโง่ๆแบบนี้อย่างเด็ดขาดแม้ว่ามันจะเกิดเพราะความไม่ตั้งใจก็ตาม
“ไม่ต้องมาไหว้ฉัน..ไอ้ลูกชายตัวดีมันอยู่ที่ไหน ไปตามมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้!”
เสียงโวยวายของคุณพรพรรณดังลั่นตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าร้านกาแฟของลูกชาย สร้างความแตกตื่นคนที่กำลังนั่งดื่มกาแฟภายในคาเฟ่บาเลสตา บรรยากาศภายในร้านเงียบกริบ มีแต่เสียงเพลงบรรเลงที่คลอเบาๆ พร้อมกับสายตาของทุกคนซึ่งหันมามองผู้หญิงสูงสัยในชุดทำงานสีดำเป็นตาเดียว
เด็กเสิร์ฟชะตาขาดที่พาตัวเองเข้าไปทักทายก็ค่อยๆถอยร่นเข้ามาด้านในเมื่อผู้เป็นแม่ของเจ้าจองร้านก้าวไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลไหมบุนวมด้วยหนังมันสีแดงเลือดนกข้างๆผนังกระจกไม่ใกล้ไม่ไกลจากเคาน์เตอร์กาแฟ
ภัทรเดินออกมาจากหัวครัวทันทีเมื่อได้ยินเสียงมารดาที่ดังมาจากหน้าร้านพร้อมถือถาดท็อฟฟี่เค้กที่เพิ่งออกจากเตาอบ ส่งให้พนักงานอีกคนเพื่อนำไปใส่ไว้ในตู้โชว์ร่วมกับขนมชนิดอื่นๆก่อนหันไปเตรียมเครื่องดื่มร้อนและขนมหวานที่อบใหม่ให้แก่มารดาที่นั่งหน้าง้ำ กอดอก เตรียมพร้อมที่จะเช็คบิลกับลูกชายตัวดีที่เพิ่งก่อเรื่องและทำให้ ว่าที่ลูกสะไภ้ของเธอ ปฏิเสธที่จะร่วมรับประทานอาหารเย็นเมื่อวานนี้ ทั้งๆที่งานทั้งหมด เธอตั้งใจจัดเพื่อต้อนรับลูกสะไภ้และหวังให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองคืบหน้า
“ชาคาโมไมน์ครับแม่ ช่วยลดความเครียดและช่วยให้ผ่อนคลายได้”
“ฉันว่าแกเปลี่ยนพฤติกรรมของแกดีกว่า ฉันจะประสาทตายก็เพราะแก” คุณพรพรรณค้อนลูกชายที่รินชาคาโมไมน์ในกาเซรามิกสีขาวลงในแก้วชาใบเล็ก แม้จะรู้ดีว่าผู้เป็นแม่พูดถึงเรื่องใด
“ผมทำอะไรผิดเหรอครับ?”
“ไม่ต้องมาแกล้งตีหน้าซื่อใส่ฉันนะ ฉันรู้ว่าแกรู้..ว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร?”
“โถ่! แม่ครับ วันๆผมทำอะไรมากมายหลายอย่าง แล้วเรื่องไหนล่ะครับที่ผมทำให้แม่อารมณ์เสีย?”
“แกไปกวนประสาทอะไรเข้า หนูอลิซถึงได้ไม่ยอมไปงานเลี้ยงบนเรือเมื่อวานนี้”
“โถ่! แม่มาเหวี่ยงผมด้วยกะอีกแค่เรื่องยัยน้ำแข็งไม่ยอมไปงานเลี่ยงเมื่อวานนี้เองน่ะเหรอครับ?” ชายหนุ่มยื่นถ้วยชาที่เทออกมาจากกาใบขาวส่งให้มารดาที่รับมาพร้อมๆกับสายตาพิฆาตขณะที่ตัวกลับยิ้มกว้างเหมือนไม่รู้สึกรู้สมใดๆกับข้อหาที่คุณวรวรรณกำลังต่อว่าเขาอยู่
“คุณแม่บ้านบอกฉันว่าแกมีปากเสียงกับหนูอลิซเมื่อวานซืนที่เขามาถ่ายรูปแกที่บ้าน แถมยังไปทำท่าเจ้าชู้ยักษ์ใส่ผู้จัดการสาวที่เขาพามาด้วย ทำแบบนี้หนูอลิซเขาจะคิดยังไง อีกไม่กี่เดือนก็ต้องแต่งานกันแล้วนะ สร้างภาพไม่ดีแบบนี้เขาคงอยากจะแต่งด้วยหรอก”
“ผมก็แค่อยากจะรู้ ว่ายัยเด็กน้ำแข็งนั่นจะยังไร้ซึ่งความรู้สึกเหมือนเดิมหรือเปล่า? แค่แกล้งเบาๆเอง ไม่คิดว่าโกรธเอาเป็นเอาตายซะขนาดนั้น”
“ไม่มีใครเขาสนุกไปกับแกด้วยหรอกนะ รู้ไหม? ฉันหมดเงินไปเท่าไหร่ แต่ทุกอย่างมันกลับต้องล้มเลิก แผนของฉันพังไม่เป็นท่าก็เพราะแก”
ภัทรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยกชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกรู้สมกับผู้เป็นมารดาที่นั่งกระวนกระวายใจจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้
“ไม่ต้องมาขำ ฉันไม่มีอารมณ์ร่วม”
“ผมก็แค่อยากหยั่งสถานการณ์อะไรบางอย่างดูก็เท่านั้น”
“นี่แกจะทำอะไร ทำไมไม่คิดจะบอกฉันบ้าง เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้นะตาภัทร” คุณพรพรรณคาดคั้นบุตรชาย ตักบราวนี่เข้าปากให้ลิ้นได้สัมผัสรสชาดของขนมที่ตัวเองทำอย่างใจเย็น
“ผมยังไม่อยากบอกอะไรตอนนี้หรอกครับ ขอให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน เอาเป็นว่า งานถ่ายปกนิตยสารมาดามทุสโซ่ในปักหน้า ผมมีเรื่องให้แม่ช่วยครับ”
“จะเอาอย่างไงก็ว่ามา ขออย่าเดี๋ยวอย่าปล่อยหนูอลิซไปอีกเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นแม้แต่ร้านของแกก็จะไม่เหลือ จำเอาไว้”
สายแล้ว..
สิตางค์เบิกตากว้าง มองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวนอนด้วยท่าทางลุกลน ใช้มือข้างซ้ายเลิกผ้าห่มออกจากตัวอย่างเร่งรีบ และรีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ที่ราวตากผ้าในห้องเตรียมจะหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ สวนกับสาวหล่อที่เดินออกมาในชุดลำลอง เสื้อยืดสีดำ กางเกงลายทหารที่ยาวเพียงหัวเข่า ในขณะที่มือถือผ้าขนผืนเล็กเช็ดเส้นผมที่ยังหมาดให้แห้ง
แม้จะผิดสังเกตกับชุดที่อลิซเบซสวมใส่แต่คงไม่มีถ้าต้องหยุดซักถามในตอนนี้เวลาคงไม่อำนวยนัก
นาทีนี้เธอขอทำตัวเองให้พร้อมไปทำงานก่อนดีกว่า
สิบโมงกว่าแล้ว..จะโดนใครกินหัวเรื่องพาเจ้านายไปประชุมสายรึเปล่าก็ไม่รู้?
“รอฉันแป๊บนึงนะ ขออาบน้ำแต่งตัวไม่เกินสิบนาทีค่ะ”
“เดี๋ยว!” อลิซเบสรั้งแขนคนร่างเล็กที่กำลังจะหันหลังให้และกำลังเอื้อมมือเปิดประตูห้องน้ำ
“วันนี้ไม่มีประชุมนะ ทางเอเจนซี่โทรมาบอกแต่เช้าว่าเลื่อนเป็นวันเสาร์แทน มีการเปลี่ยนแปลงห้องเสื้อที่ทีมงานจะมาถ่ายแบบแทนเจ้าเก่า”
“อ้าว..แล้วทำไมเรื่องเลยฉันไม่รู้ล่ะ?”
“คุณจะรู้อะไร้ ที่บอกว่าผมไม่สระจะนอนไม่หลับนี่โม้ชัดๆ ผมเผ้าก็ไม่ได้สระ แถมน้ำท่าก็ไม่ยอมอาบอีกก็เห็นยังหลังสบายอยู่นี่นา” คนร่างสูงพูดจบก็ก้มต่ำสูดดมกลิ่นจากคนตัวเล็กที่ยืนหน้าเหวออยู่เบื้องล่าง
จมูกฟุดฟิด ใบหน้าบู้บี้ ของฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้แถมยังเอามือบีบจมูกอีก บอกให้รู้ว่ากลิ่นที่ดอมดมไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด
“ก็ฉันเหนื่อยนี่..แล้วทำไมไม่ปลุกเล่า?”
“ก็เห็นนอนสบายน้ำลายไหลยืดซขนาดนั้น..ใครจะอยากไปขัดจังหวะ?” คนร่างสูงกล่าวขำๆแต่ก็ไม่วายถูกคนตัวเล็กใช้มืออีกข้างที่ยังสบายตีเพี๊ยะไปที่ต้นแขน
“ไม่พูดด้วยแล้ว” สิตางค์หน้างอเดินเข้าไปข้างใน ไม่หันกลับมาสนใจคนที่ยังยืนขำไม่เลิกอย่างอารมณ์ดี และเดินตามเข้ามาข้างในด้วยโดยที่สิตางค์ไม่ทันมอง
เมื่อนำผ้าเช็ดตัวไปแขวนไว้ในราว และกำลังถอดเสื้อตัวนอกออกถ้าไม่เห็นเงารางๆในกระจกจนเธอต้องรีบหันหลังกลับมามอง
ที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเมื่อ..อลิซเบซเดินตามเข้ามาพร้อมกับเธอ
“ฉันจะอาบน้ำ” สิตางค์รีบบอกพัลวัล เสียงแหลมๆของเธอดังลั่นห้องน้ำเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอไม่อนุญาตให้คนอื่นๆเข้ามาในนี้ด้วย
“รู้แล้ว..ฉันถึงเข้ามาไง” ร่างสูงผลักประตูให้ปิดลง
ในพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆที่มีแค่เธอและผู้จัดการส่วนตัวอยู่ข้างในเพียงลำพังเท่านั้น
แถมอลิซเบซยังย่างสามขุมเดินเข้ามาใกล้คนตัวเล็กที่ยืนตะลึงกับจนเกือบประชิดตัวอีก
เมื่อผ้าเช็ดตัวผืนเล็กถูกแขวนไว้ที่ราว สาวหล่อก็เริ่ม เตือนความจำ ผู้จัดการสาว ถึงสิ่งที่เธอต้องรับผิดชอบเพื่อเป็นการไถ่โทษความผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เมื่อวานบอกให้ฉันสระผมให้ไง?..ลืมไปแล้วเหรอ? ไป..เข้าไปข้างในเถอะฉันเตรียมของพร้อมแล้ว จะรีบสระผมให้คุณเดี๋ยวนี้”