เสียงเอะอะโวยวายของเจ้าสี่ขาดังมาเป็นระยะๆ พวกมันต่างพากันวิ่งไปมาราวกับว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดน่ากลัวที่กำลังจะจับเนื้อของมันแยกเป็นชิ้นๆ หญิงสาวผู้แสนอาภัพสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกแรงใจแต่สิ่งที่เธอลืมไปก็คือกลิ่นที่มันรันจวนใจอยู่ในเวลานี้
“อุ๊บ...แหวะ!”
มัทนารีบเอามือขึ้นปิดปากพร้อมกับค่อยๆกล้ำกลืนสิ่งที่กำลังจะออกมาให้ลงไปอยู่ที่เดิมก่อนจะสะบัดไล่ความพะอืดพะอมที่กำลังโจมตีตัวเองให้หลุดออกไป…ถึงเวลาออกศึกแล้ว!
“เฮ้ย!”
แต่เพียงแค่ก้าวเดียวความฮึกเหิ่มก็ทลายหายไปเมื่อตอนนี้ร่างของเธอกำลังไถลไปกับขี้หมูกองโตดีนะที่ใช้มือดันเอาไว้ก่อนไม่งั้นหน้าของเธอคงได้มุดเข้าไปอยู่ใจกลางกองขี้หมูเป็นแน่แต่มือเธอนี่สิ…
เสียงหัวเราะทำให้คนที่กำลังทนเหม็นกับขี้หมูต้องหันไปมองก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองหน้าคนที่เยาะเย้ย
“ขี้หมู”
“ใช่ไง”
“เหม็นนะคะว่ามั้ย”
คนพูดพยายามเอามือออกห่างจากหน้าตัวเองให้มากที่สุดก่อนจะเดินไปหาคนที่ยังไม่หยุดหัวเราะ
“มาปล่อยกันอีกรอบมั้ย”
พูดจบมัทนาก็วิ่งตรงเข้าไปหาเป้าหมายอย่างรวดเร็วจนหทัยภัทรต้องรีบเดินถอยหลังออกไปจากกรงที่ขังหมูจนขาแทบจะพันกัน
“ไอ้โรคจิต!”
“ใครกันแน่โรคจิตเห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องตลก”
“นี่กล้าว่าฉันเหรอ”
“ไม่ได้เอ่ยชื่อใครคุณอยากรับก็ตามสบาย”
“ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ เป็นเจ้าหนี้แล้วก็ผู้มีพระคุณสำนึกไว้บ้าง”
คนพูดกำลังจะก้าวไปประจักษ์หน้ากับคนอวดดีแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำให้เธอต้องเด้งมายืนตรงนี้ก็ทำให้เธอเลิกความคิดที่จะเดินเข้าไป
“จำได้ค่ะ จำได้ขึ้นใจเลยตอนนี้ก็กำลังตอบแทบอยู่ไงคะ”
มัทนาตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับการสลักมือแรงๆเพื่อให้สิ่งที่ติดอยู่ที่มือหลุดออก
“นี่! ระวังหน่อยสิมันโดนฉันนะ”
หทัยภัทรแทบจะกระโดดเข้าไปกระชากตัวลูกหนี้อวดดีมาหักคอแต่มันติดอยู่เพียงอย่างเดียวนี่แหละ
“ไอ้บ้า!”
พูดจบนายหญิงของไร่ก็รีบวิ่งออกไปทันทีเพราะขืนชักช้าเธอคงโดนสะเก็ตระเบิดขี้หมูที่ไอ้คนบ้าสะบัดมาแน่ๆ
“คำก็บ้าสองคำก็บ้า ยัยป้าโรคจิต!”
คนพูดบ่นพึมพำในลำคอพร้อมกับมองตามหลังคนที่เพิ่งวิ่งออกไปและเพียงไม่นานกลิ่นที่ไม่น่าพิศมัยก็กลับมาแตะจมูกอีกครั้งจนมัทนาต้องรีบวิ่งไปที่ก๊อกน้ำเพื่อทำความสะอาดตัวเองเสียก่อนไม่อยากจะเชื่อว่าเธอทนยืนอยู่แบบเหม็นๆเพียงเพื่อได้แกล้งอีกคนคิดแล้วแทบจะอ้วกออกมาอีกรอบ
หญิงสาวตัวสูงยกมือปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดงานที่ได้รับมอบหมายก็เสร็จซะที งานนี้หมูจริงๆไม่ใช่หมูธรรมดานะ “ขี้หมู” กองโตเลยแหละ
“เก่งนิ”
มาแล้วไงล่ะเจ้าของเสียงที่คอยหลอกหลอนเธอมาทั้งวัน เย็นแล้วก็ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน
“ถึงยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่แต่ไม่เป็นไรยังมีโอกาสแก้ตัว”
“ลุงชัยบอกว่าอีกอาทิตย์ค่อยมาใหม่ค่ะ”
มัทนาอ้างชื่อคนที่คอยช่วยเธอวันนี้ทั้งวันหากไม่ได้ลุงชัยป่านี้เธอคงนอนตายคากองขี้หมูไปแล้ว
“เหรอก็ดีนะแล้วลุงชัยบอกอะไรเธออีกหรือเปล่า”
คนถูกถามหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“โรงนาที่ฉันใช้เลี้ยงหมูมีประมาณสิบกว่าโรงเธอคงต้องเร่งหน่อยแล้วล่ะ”
คนพูดยิ้มกว้างออกมาทันทีก่อนจะเดินนำคนที่ดูจะอึ้งๆไปที่รถ
“เร็วๆสิจะกลับมั้ยหรือจะนอนที่นี่”
จบประโยตข่มขู่มัทนาก็รีบวิ่งไปที่รถทันทีเพราะเธอรู้แน่แก่ใจว่าถ้าช้าเพียงเสียววินาทีเธอจะถูกอีกฝ่ายทิ้งแบบไม่เหลียวหลังกลับมามองเลย
ในที่สุดก็ได้เวลาที่ความมืดเข้ามาปกคลุมสะทีคงมีแค่เพียงเวลานี้ที่มัทนาจะอยู่อย่างสงบโดยไม่มีใครรบกวน หญิงสาวมองไปที่อีกฝั่งของท้องฟ้าป่านี้พ่อของเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงเธออย่างที่เธอกำลังคิดถึงท่านหรือเปล่าถ้าพ่อรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่คืออะไรท่านต้องรู้สึกผิดและเสียใจมากแน่ๆเพราะฉะนั้นเธอต้องอดทนรอ รอวันที่เธอจะเป็นอิสระถึงแม้จะมองไม่เห็นทางเดินเลยก็ตาม
“ที่นี่ดูดาวสวยดีว่ามั้ย”
เจ้าของเสียงนุ่มเดินมายืนข้างๆคนที่ยืนอยู่ก่อนหากแต่สายตายังไม่ละจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงของตวงดาว
“คุณหทัยภัทร!”
น้ำเสียงเรียกที่ดูตกใจทำให้เจ้าของชื่อต้องหันหน้าไปมองคนข้างๆอย่างสงสัย
“ก็ใช่น่ะสิคิดว่าเป็นผีหรือไงดูทำหน้าเข้า”
“เจอผียังดีกว่า”
“ว่าอะไรนะ!”
“เอ่อ…”
คนพูดไม่คิดแทบจะกัดลิ้นตัวเองทั้งๆที่เธอมั่นใจว่ามันคือเสียงของความคิดแต่เธอดันหลุดพูดออกมาให้คนข้างๆได้ยิน
“เปล่าค่ะ”
“แต่ฉันได้ยิน”
“เอ่อ มัทแค่บอกว่าบังเอิญเจอกันอีกแล้ว”
“แล้วไป”
มัทนาเป่าปากอย่างโล่งอกที่สามารถรอดมาได้ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนข้างๆอีกครั้ง
“คุณหทัยภัทรมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ฉันก็มาดูดาวสิจะให้มาหาของกินหรือไง”
“อืม…จริงด้วย”
คนพูดพยักหน้ารับช้าๆก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นสาบานได้มั้ยว่าคนข้างๆไม่ได้ตอบเพื่อกวนเธอ
“แล้วเธอล่ะมายืนเกะกะอะไรตรงนี้”
“ก็มา…”
มัทนาต้องรีบกลืนประโยคที่เธอกำลังจะกวนกลับลงคอมันคงไม่ดีแน่ถ้าเธอจะทำให้อีกฝ่ายโกรธ ที่นี่ยิ่งมืดๆอยู่ด้วยเกิดแม่คุณองค์ลงเธอคงไม่รอดถึงพรุ่งนี้เช้า
“มา มาเดินเล่นค่ะ”
“คงเดินเพลินน่าดูเลยนะถึงมาที่นี่ได้”
“มัทเดินมาเรื่อยๆค่ะ รู้ตัวอีกทีก็มาถึงที่นี่แล้ว”
คนพูดยิ้มกว้างพร้อมกับมองไปรอบๆ วันนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยกลุ่มดาวและพระจันทร์ที่ทอแสงเปล่งประกายอวดรัศมีของตัวเองนั่นทำให้ความมืดของเวลากลางคืนดูน่าพิสมัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
“ไม่อยากเชื่อว่าคนกรุงอย่างเธอจะชอบบรรยากาศบ้านนอกแบบนี้”
“คนแถวนี้โชคดีมากค่ะที่ได้อยู่ภายใต้ความสงบและสวยงามของธรรมชาติ”
“พูดดูดีจังเลยนะ”
“มัทแค่พูดในสิ่งที่คิด”
“เธอจะคิดหรือจะพูดอะไรไม่จำเป็นต้องมาบอกฉัน”
คนพูดหันหลังเตรียมกลับเข้าบ้านแต่กลับถูกคนที่ยืนอยู่ดึงแขนเอาไว้
“นี่ปล่อย! บอกหลายครั้งแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
มัทนามองที่มือตัวเองก่อนจะรีบปล่อยมือออกตามที่คนตรงหน้าต้องการ
“มัทขอโทษค่ะมัทแค่อยากจะขอบคุณคุณหทัยภัทรที่ช่วยเหลือ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะฉันเอาคืนแน่”
คนพูดยกยิ้มที่มุมปากมันดูน่ากลัวจริงๆสำหรับมัทนาในเวลานี้
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าคะ”
คนถูกถามที่กำลังจะเดินไปหันมามองหน้าคนขี้สงสัยอีกครั้งก่อนจะเดินกลับมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าเจ้าของคำถาม
“ไม่รู้สิ”
หทัยภัทรยกมือขึ้นสัมผัสแก้มขาวเนียนของคนที่ยืนนิ่งอย่างเบามือก่อนจะลากวนเข้ามาใกล้เรียวปากบางที่ทำให้เธอถึอกับต้องกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อข่มอารมณ์บางอย่างเพียงแค่ได้มองใกล้ๆ
“นั่นใครน่ะ!”
เสียงจากบุคคลที่สามช่วยเรียกสติทำให้คนที่เกือบเผลอไผลไปกับความรู้สึกบางอย่างของตัวเองต้องรีบถอยหลังออกห่างอย่างเร็วและท่าทางของหทัยภัทรก็ทำให้มัทนาแปลกใจไม่น้อย อยู่ดีๆก็เข้ามาใกล้จนแทบจะสิงเธอแล้วไหนจะสายตาที่จ้องมองมายังเธอนั่นอีกมันดูน่ากลัวจนเธอไม่กล้าที่จะสบสายตาและโชคดีเหลือเกินที่มีคนอื่นเดินผ่านมาไม่อย่างนั้นเธอคงถูกอีกฝ่ายสาปให้เป็นก้อนหินไปแล้ว
“พี่หทัย”
การเอ่ยเรียกชื่อทำให้หัวใจที่เริ่มจะชุ่มชื่นกลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้งเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงช่วยชีวิตคือใคร
“มาทำอะไรที่นี่คะ”
ปาลิตาเอ่ยถามก่อนจะหันไปเห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“เธอมาทำอะไรตรงนี้หรือว่าจะมาขโมยของ”
นั่นปะไรประโยคแรกก็จะเอาเธอเข้าคุกซะแล้วเพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือเธอควรจะไปให้ไกลจากที่นี่
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วมัทของตัวนะคะ”
พูดจบมัทนาก็เดินหนีทันทีสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่จ้องจะหาเรื่องเป็นอย่างมากแล้วยิ่งหันมาเห็นสายตาของพี่สาวที่แอบมองตามคนที่เดินไปจนแทบไม่กระพริบตาก็ยิ่งทำให้อารมณ์หงุดหงิดของปาลิตาเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“ดึกแล้วไปนอนกันเถอะ”
“พี่หทัยคะพี่ยังไม่ได้ตอบคำถามตาเลย”
“พี่ง่วงแล้วค่อยคุยกัน”
“แต่พี่หทัยคะ…”
หทัยภัทรหันไปส่งสายตาดุให้กับคนที่เซ้าซี้ไม่เลิกก่อนจะเดินหนีกลับเข้าบ้านไปใช่ว่าเธอง่วงเหมือนอย่างที่อ้างแต่เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรดีต่างหากว่าการที่เธอมายืนอยู่ที่นี่ก็เพียงเพราะเห็นเงารางๆของใครบางคนก็เท่านั้น
“โธ่เว้ย!”
ปาลิตากำมือแน่นพร้อมกับหันไปมองยังบ้านหลังเล็กๆที่อยู่ไกลออกไป คอยดูนะเธอจะทำให้คนที่มันกล้ามายุ่มย่ามกับคนที่เธอรักได้รู้สำนึก หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างเมื่อนึกได้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิด รับรองพี่หทัยของเธอต้องชอบเพราะเจ้าตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนต้นคิดเรื่องราวทั้งหมดและคงไม่ผิดหากเธอจะรับมาสานต่อโดยไม่บอกก่อน…
เปิดจองแล้วน๊าตั้งแต่วันนี้ - 10 กุมภา 14
ราคาเล่มละ 350 บาท
ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท
รวมที่ต้องโอน 380 บาท
สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท
โอนเงินมาได้ที่
ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
457-211-232-8
ชื่อบัญชี สมทรัพย์
โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
Mail
mydestiny_k@hotmail.comTel 087-0591110
Line samakae
facebookhttps://www.facebook.com/mea.you.927
ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ^^