web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 21
Total: 21

ผู้เขียน หัวข้อ: What a Coincidence! Chapter 4  (อ่าน 2952 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
What a Coincidence! Chapter 4
« เมื่อ: 18 มกราคม 2014 เวลา 23:42:38 »
Chapter 4

คืนนี้ฉันนอนด้วยความทรมานเนื่องจากมียัยสาวหน้าแรงที่นอนอยู่ข้างๆ คอยกวนการนอนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนอนดิ้น นอนกอด นอนรัด นอนกัดฟัน และนอนละเมอ...

“อืมมมม ไม่เอาอ่ะ อย่านะ ก็เค้าไม่ชอบนี่นา”

ฉันหันหน้ามามองเพื่อนสาวที่กำลังพูดจาติดเรทและทำให้คิดไปไกล หูมันผึ่งขึ้นมาทันที

“อย่านะ อย่ามาทำแบบนี้กับเค้านะ” เสียงเริ่มดังขึ้นเหมือนจะโกรธ

“ทำไมไม่มีคนรักเค้าเลย มีแต่คนทิ้งเค้า” อืมม เหรอออ

เคยมีคนบอกว่า เด็ก คนเมา และคนนอนละเมอมักจะพูดแต่ความจริงเสมอ งั้นนอนฟังมันพูดสักหน่อยก็แล้วกัน

“....................” พอตั้งใจฟังมันก็หยุดพูดซะงั้น อะไรวะ เซ็งเป็ดวู้ นอนต่อดีกว่า

“อย่านะ อย่าทำอะไรฟางนะ ฟางไม่ยอมจริงๆ ด้วย” เอ้า พอจะนอนมันก็พูด เว้ย มึงจะเอาอะไรกะกู ไอ้ฟางง

“ฟางแค่อยากได้คนที่คอยดูแลฟาง คนที่ห่วงใยฟาง และคนที่จะอยู่กับฟางทั้งชีวิต ไม่ใช่คนที่มาหาประโยชน์จากฟาง ทำไมไม่มีใครเข้าใจบ้างเลย! มีแต่คนบอกรักฟาง แต่รักแค่ลมปาก ทำไมอ่ะ ทำไม”

เงียบไปสักพักก็พูดต่อ “ชอบบีบบังคับกันนัก ไม่เข้าใจเลย ฟางไปทำอะไรให้ ถึงชอบกดดันฟาง ชอบทิ้งฟาง ที่เข้ามาหาฟางก็เพราะแค่หน้าตาใช่มั้ย แต่ทำไมไม่ทำความรู้จักกับตัวฟางล่ะ”

เอาล่ะเว้ย เริ่มดราม่าขึ้นเรื่อยๆ และ ชักมันส์ๆ

“ผู้ชายทำไมถึงได้เลวขนาดนี้วะ ถ้าหาผู้ชายดีๆ มาแต่งงานได้ฟางคงหาไปแล้วล่ะ ทำไมแม่ชอบบังคับ ทำไมพวกพี่ชอบกดดันฟางจังเลย ถ้าคิดจะกดดันฟางให้ฟางแต่งงานไปแล้วไม่มีความสุข หย่าขึ้นมาแม่กับพี่จะว่ายังไง”

อ่าฮะ เรื่องครอบครัวนี่เอง สงสัยคงจะฝันว่าเถียงกับที่บ้าน แสดงว่าเครียดมากจนเก็บเอามาฝันเลยเหรอเนี่ย

“ไม่ต้องมากดดันฟางให้ฟางหาแฟนหรอกนะ ไม่ว่ากี่คนต่อกี่คนที่พวกแม่กับพี่เห็น มันก็แค่ผู้ชายชั่วๆ ที่คิดจะมีเซ็กส์กับฟางอย่างเดียวนั่นแหละ แล้วไม่ต้องหาคนมาให้ฟางด้วย ฟางจะหาเอง ถ้าฟางหาไม่ได้ก็อย่ามาว่าฟาง อย่ามายัดเยียดคนโน้นคนนี้ให้ฟาง ฟางไม่เอา!”

มั่นมากเลยค่ะคุณเพื่อ ได้ใจเฟมินิสต์ไปเลย และท้ายสุด

“ฟางไม่อยากพูดเรื่องแต่งงานอีก ถ้าแม่พูดอีกทีฟางจะแต่งงานกับทอม” น่าน... มีท้าด้วย ประชดกันอีกต่างหาก

เสียงของเพื่อนสาวเงียบไปพร้อมกับการเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคงหันหลังให้กับฉัน ฉันจ้องมองดูแผ่นหลังของเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกที่ผสมกัน ทั้งสงสาร และเห็นใจ นี่คงจะโดนผู้ชายหลายคนจะมาเอาเปรียบแถมถูกที่บ้านกดดันให้แต่งงานใช่มั้ยเนี่ย ปัญหาโลกแตกของผู้หญิง น่าสงสารชะมัดเลย เฮ้ออ ไอ้ฟาง สู้ๆ นะเว้ยเฮ้ย ฉันเป็นกำลังใจให้

เหมือนเพื่อนสาวจะได้ยินเสียงในความคิด เธอจึงหันหน้ามาหาฉัน... เว้ย ทำไมยัยนี่มันสวยแบบนี้วะ แต่เอ๊ะ ทำไมไม่รู้สึกอิจฉาเลย รู้สึกว่าน่ารักซะมากกว่า แก้มแดงๆ เพราะฤทธิ์เบียร์ ผมยาวสลวย ขนตายาวๆ กับตากลมโตที่ปิดสนิท จมูกโด่งๆ ปากอิ่มๆ สีชมพู โห... แกไปเป็นดาราท่าจะรุ่งกว่าเป็นข้าราชการอีกนะเนี่ย มองไปมองมาชักอยากจะเป็นผู้ชายจีบมันซะให้รู้แล้วรู้รอด อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นแฟนยัยสาวหน้าแรงคนนี้จะเป็นยังไง

ฟางใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าขึ้น เผยให้เห็นหน้าผากกลมมน เหอเหอ โชว์เม่งให้ดูซะและ กลมเชียวล่ะ และแล้วปากของเธอก็เผยอเล็กน้อยเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ฉันจ้องหน้าเพื่อนสาวหน้าแรงเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอกำลังจะพูด คงจะระบายเรื่องที่อัดอั้นตันใจออกมาอีกระลอก เอาล่ะ ฉันจะตั้งใจฟังในสิ่งที่แกพูดนะ ถ้าฉันช่วยได้ ฉันก็จะช่วย

“เลขอะไรอ่ะ อ๋อ 19”

แป่ว... ไอ้ฟางงงงง มึงเป็นเจ้าแม่ตำหนักไหนเนี่ย ให้หวยด้วย ด้วยความอึ้ง และความง่วงทำให้ฉันที่ไม่ระวังตัวก็ถูกเท้าของสาวหน้าแรงถีบตกเตียง

“โอ้ย” ฉันกลิ้งตกลงไปอยู่บนพื้นอย่างสวยงามด้วยท่าลังกาหลังเข่าคู้ หลังและหัวของฉันกระแทกกับพื้นปาร์เก้เข้าอย่างจัง

“ทำอารายเสียงดังจางงเลยยยย คนจาหลับจานอน” แหนะ ยังมีหน้ามาบ่นอีก โอ้ยยย ผู้หญิงแบบนี้ไม่จงไม่จีบมันแล้ว กูไม่อาววววววววว

โอ้ยยยย เจ็บโว้ยยย หัวโนเลย ก้นกบหักมั้ยวะนั่น ไอ้ฟางงง แก... ไอ้เพื่อนบ้า
...

“กิ้งก่อง กิ้งก่อง”

ฉันตื่นขึ้นมาด้วยเสียงกริ่งหน้าประตูบ้าน

“อื้ออออ ใครกันวะมาแต่เช้าเลย” ฉันงัวเงีย แต่เอ๊ะ ทำไมรู้สึกว่าตัวมันหนักๆ

เมื่อลืมตาขึ้นมาก็จ๊ะเอ๋กับหน้าสวยๆ ของสาวหน้าแรงเพื่อนของฉันนี่เอง ตอนนี้ฉันอยู่ในสถานะเป็นหมอนข้างให้กับฟาง เพื่อนสาวหน้าแรงกอดฉันแน่นจนแทบจะขยับตัวไม่ได้เลยทีเดียว

“กิ้งก่อง กิ้งก่อง กิ้งก่อง กิ้งก่อง” กดถี่จริงวุ้ย เดี๋ยวก่อนได้ม้ายยยยย โอ้ย ทำไมมือยัยนี่ติดแน่นเป็นปลาหมึกอย่างนี้ล่ะ ไอ้ฟางเอามือแกออกปายยยยยย

ฉันค่อยๆ แกะ ดึง ทึ้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่สามารถทำให้ฉันหลุดออกจากพันธนาการของสาวหน้าแรงได้ โดยที่เพื่อนสาวได้แต่ส่งเสียงงึมงำในลำคออย่างไม่ค่อยพอใจนัก เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ

“กูรู้แล้วววววววว รอแป๊บนึงได้ม้ายยยยยยยยยยยย” ฉันตะโกนขณะที่ใช้มือดันใบหน้าสวยๆ ของฟางให้ออกจากคอของตัวเอง ลมหายใจอุ่นๆ ที่กระทบกับต้นคอทำเอาขนลุกซู่

“กิ้งก่อง กิ้งก่อง กิ้งก่อง กิ้งก่อง” เสียงกริ่งกดเป็นจังหวะ และเริ่มถี่มากขึ้นเมื่อฉันเดินลงจากบันไดชั้นสอง ฉันแอบมองที่หน้าต่างห้องนั่งเล่นเพื่อดูว่าใครมากด
กริ่งหน้าบ้าน โต้งกับแนนนั่นเอง เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงเดินออกไปเปิดประตู

“โหหห คุณนายกว่าจะตื่นบรรทม เล่นให้พวกกูกดกริ่งซะจนมือหงิก” เกย์หนุ่มต่อว่าทันทีเมื่อฉันเปิดประตูให้

“พวกมึงจะมาทำไมกันแต่เช้าวะ” ฉันพูดพลางหาวนอน

สาวแว่นที่หิ้วของพะรุงพะรังมาก็มองหน้า “เช้าที่ไหนอ่ะมึง นี่มันจะสิบเอ็ดโมงแล้วนะเว้ย จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนวะ”

“อ้าวเหรอ ไม่รู้อ่ะ เหมือนเพิ่งจะได้นอนเอง” ฉันพูดพลางปิดประตูรั้ว ส่วนเพื่อนทั้งสองก็เดินเข้าบ้านไปแบบรู้งาน เพราะเคยมากันหลายครั้งแล้ว

เพื่อนทั้งสองวางของลงบนโต๊ะรับแขกตรงห้องนั่งเล่นทันทีพลางบีบแขนเพื่อให้หลุดจากความเมื่อยที่ต้องยืนแบกของกินอยู่นาน “น้ำๆๆๆ ขอน้ำหน่อยดิไอ้เจ้าของบ้าน” เกย์หนุ่มร้องบอก

“ไปเอาเองสิเว้ย” ฉันพูดพลางหาว

“ไม่บริการเลยนะมึง แขกมาบ้านแท้ๆ มีอย่างที่ไหนให้แขกเดินไปเอาน้ำมากินเอง” โต้งยังคงพูดต่ปากต่อคำ

“กูไม่เห็นมีแขกที่ไหนเลย มีแต่เกย์หุ่นล่ำอย่างมึงแหละอีโต้ง ไปเลยรู้ไม่ใช่เหรอว่าห้องครัวอยู่ที่ไหน อยากกินอะไรไปเอามากินเองเลย” ฉันไล่

เกย์หนุ่มยืนขึ้นจากโซฟาแกล้งทำท่าเป็นไม่พอใจ “ชิชะ นังเรียวจันทร์ มีสาวมานอนด้วยแล้วลืมเพื่อนคนนี้เลยนะมึง” ว่าแล้วเกย์หนุ่มก็เดี๋ยวตูดบิดเข้าห้องครัวไป

ฉันนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง “ง่วงฉิบ นอนก็ไม่ได้นอน เจอกะเทยกวนตีนอีก” ฉันบ่น

แนนยื่นลูกชิ้นปิ้งที่ซื้อมาให้ฉัน 1 ไม้ “อ้ะ เอาไปกินซะ มึงโทรมมากเลยรู้ป่าว”

“ขอบใจ ว่าแต่... มาทำไมกันวะ”

“ก็อยากรู้ไงสรุปแล้วฟางจะให้แกทำอะไร” อ๋อ อยากรู้เรื่องชาวบ้านนี่เอง

“อ่ะโห ถ้าไม่มีเรื่องฟางเข้ามาเกี่ยวก็คงไม่สะแหร๋นมากันใช่มั้ยเนี่ย” ฉันแซว

“ช่ายแล้ว” สาวแว่นพูดไปหัวเราะไป “อีโต้ง เอาจานมาใส่กับข้าวกับขนมมาด้วย” แนนตะโกนบอกโต้งที่ยังอยู่ในครัว

แนนหันมาถามต่อ “สรุปแล้วฟางจะให้แกทำอะไรวะ”

“ยังไม่รู้เลยว่ะ เมื่อคืนมาถึงก็หลับเป็นตาย”

“หลับเป็นตาย แต่ทำไมท่าทางมึงเป็นซอมบี้ขนาดนี้วะ”

“หลับเป็นตายแบบว่าหลับสนิทไงมึง แต่กูไม่สนิทด้วยเพราะไอ้ฟางมันทั้งนอนกัดฟัน นอนดิ้น นอนละเมอ กูจะนอนได้ที่ไหนละวะ อย่างเซ็งอ่ะ”

“มึงก็ไปนอนห้องพ่อมึงหรือไม่ก็พี่ชายมึงดิวะจะได้นอนหลับ อีโง่” โต้งส่งเสียงด่าออกมาจากห้องครัว

“เออ อีคนฉลาด ห้องพ่อกูกับห้องไอ้เคียวมันล็อค มึงจะให้กูไปนอนที่ไหนไม่ทราบ” ฉันตะโกนกลับไป “อีกอย่างถ้าไอ้ฟางมันลุกขึ้นมาอ้วกอีกทีนึงจะเป็นคนมาจัดการวะฮะ” ฉันว่า

“ค่า... คุณเรียวจันทร์เก่งที่สุดเลยค่ะ ฉล๊าด ฉลาด” เกย์หนุ่มส่งเสียงประชดประชันตามมา

“เออ แล้วฟางล่ะ” สาวแว่นหันมาถามต่อ

“ยังไม่ตื่นเลย นอนอยู่ข้างบน” ฉันพูดพลางชี้นิ้วขึ้นไปบนบ้าน

เกย์หนุ่มเดินเข้ามาพร้อมจาน แก้วน้ำสี่ใบและขวดน้ำ “แล้วคมเคียวที่รักของฉันละคะ คุณน้องสามี”

“อีนี่มาถึงก็ถามหาแต่ผู้ชาย... มันยังไม่กลับเว้ย สงสัยไปนอนบ้านเพื่อนมันมั้ง”

“ว้ายยย เคียวขา... นอกใจโต้งได้ยังไงกับละค้า... ไม่ยอมนะไม่ยอม” โต้งพูดพลางต่อว่าต่อขานกับรูปของไอ้หน้าเกือบหล่อในชุดครุยรับปริญญาที่แขวนอยู่บนผนังห้องนั่งเล่น แหม ดูมันทำท่าสะดีดสะดิ้ง แหลไม่มีใครเกิน

“พอเลยๆๆๆ อีโต้งอย่ามาสตรอเบอร์รี่แถวนี้ ไอ้เรียวไปตามฟางลงมากินข้าวไป พวกฉันซื้อของกินมาเยอะแยะเลย เมื่อคืนอ้วกออกมาหมด คงหิวแย่และ” แนนไล่ฉันขึ้นไปตามเพื่อนสาวหน้าแรง

“อื้อ” ฉันเดินขึ้นไปบนบ้านอย่างว่าง่ายขณะที่สาวแว่นและเกย์หนุ่มกำลังแกะกับข้าวใส่จาน

เมื่อฉันเดินเข้าไปในห้องฟางก็ไม่อยู่ที่เตียงซะแล้ว คงจะอาบน้ำอยู่เพราะฉันได้ยินเสียงฝักบัวดังออกมาจากห้องน้ำ ฉันก็เลยเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมชุดให้กับตนเอง

ขณะที่กำลังหากางเกงอยู่นั้นเสียงประตูห้องน้ำก็เปิดออก

“เสร็จแล้วเหรอ...” ฉันหันไปถามเพื่อนสาวแล้วก็พบกับภาพที่ชวนให้หน้าแดง

ฟางในสภาพกึ่งเปลือย เส้นผมและลำตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำ ร่างกายถูกพันด้วยผ้าขนหนูผืนไม่ใหญ่มาก มันปกปิดเพียงแค่หน้าอกถึงต้นขาเท่านั้นเอง เผยให้เห็นผิวขาวๆ เนียนๆ ของเพื่อนสาว แถมยัยเพื่อนคนนี้ก็ยังทำท่าเซ็กซี่เหมือนนางแบบบนปก FHM ซะนี่กระไร

“อื้อ” ฟางตอบรับด้วยเสียงในลำคอช่วงเวลาเดียวกับที่ฉันหันหน้ากลับไปที่กองเสื้อผ้า

“หาเสื้อผ้าให้หน่อยดิ” สาวหน้าแรงพูด เธอนั่งลงบนเตียง

“อื้อ ได้ เสื้อยืดก็แล้วกันเนอะ” ฉันตอบ

“ได้ๆ กางเกงเลหรือกางเกงวอร์มก็ได้ แล้วกางเกงในกับเสื้อในฉันไปไหนวะ” สาวหน้าแรงพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ดูเหมือนว่ายังคงโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่

“อ้ะ เอานี่ไปละกัน” ฉันยื่นเสื้อผ้า อันเป็นเสื้อยืดไซส์ M  กับกางเกงเลให้พร้อมกับเสื้อชั้นในของสาวหน้าแรงที่ผึ่งกับไม้แขวนเสื้อเอาไว้เมื่อคืน ส่วนกางเกงในนั้นเป็นของฉัน

ฟางมองกางเกงในแล้วทำหน้างงๆ “เพิ่งซื้อใหม่ยังไม่ได้ใช้”

“อ่อ ขอบใจนะ” ฟางพูดพลางใช้มือสางผม ท่าทางของเธอไม่ระวังตัวเสียด้วยซ้ำ โอ้ยยย โชว์ต้นขาขาวๆ อีกแล้ววว อีกนิดเดียวหวอก็จะออก แถมไอ้ปมผ้าขนหนูตรงหน้าอกมันก็จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ โว้ยยย อย่ามายั่วได้ม้ายยย

ฉันรีบคว้าผ้าขนหนูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีก่อนที่ผ้าขนหนูผืนนั้นจะหลุดออกมา เฮ้อออ ค่อยยังชั่ว แต่เอ๊ะ... น้ำอะไรไหลจากจมูกวะ ฉันใช้มือแตะที่จมูกของตนเองแล้วมองดู
 
เลือด! เลือดกำเดาไหล! เฮ้ย! นี่ฉันเป็นพวกบ้ากามที่เลือดกำเดาไหลตอนเห็นคนโป๊ไปแล้วหรือยังไง อะไรวะแค่เห็นเพื่อนตัวเองยั่วแค่นี้เอง แล้วทำไมเลือดกำเดาก็ไหลออกมาแบบนี้!

ฉันรีบใช้กระดาษทิชชู่ห้ามเลือดทันที แล้วรีบเปิดน้ำฝักบัวราดหัวเพื่อให้เลือดหยุดไหล

“บ้าไปกันใหญ่แล้ว” ฉันพึมพำกับตัวเอง
...
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำฟางก็ลงไปสมทบกับเพื่อนๆ ของฉันข้างล่างเสียแล้ว เสียงหัวเราะ เสียงช้อนส้อมกระทบจาน และเสียงทีวีดังจนฉันได้ยินถึงชั้นบน เมื่อฉันเดินลงไปข้างล่างก็เห็นสาวหน้าแรง เกย์หนุ่ม และสาวแว่นกำลังนั่งกินอาหารและขนมพลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

“มานี่เลยมึง มานี่เลย” โต้งพูดพบางขยับที่ให้ฉันนั่งลงข้างๆ

“อาบน้ำนานจังมึงนี่” แนนพูดบ้าง

“อื้อ” ฉันส่งเสียงตอบรับในลำคอพลางยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม น้ำหวานๆ คงช่วยให้เลือดลมทำงานได้ดีขึ้น

เกย์หนุ่มตักข้าวใส่จานของฉันพร้อมกับกับข้าวอีกหลายอย่าง “เอาเลยมึง แดกกันตามสันดานเลยค่ะ”

“เออ” ฉันรับคำ หางตามองไปที่ฟางซึ่งนั่งหัวเราะกับรายการทีวีแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว

เมื่อกินเสร็จ ล้างของเสร็จแล้ว พวกเราทั้งสี่ก็มานั่งทอดอารมณ์อยู่ในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง และแล้วประเด็นที่เพื่อนทั้งสองของฉันมาในวันนี้ก็เริ่มขึ้น โดยมีแนนเป็นคนเปิดประเด็น

“ฟาง ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือยัง”

“หือ เรื่องอะไรเหรอ” สาวหน้าแรงหันมาถาม ทำหน้าทำตาเหรอหราไม่รู้เรื่อง

“เรื่องที่เลิกกับแฟนไง พี่เมอะไรนั่นอ่ะ”

“อ๋อ เรื่องนั้นอ่ะเหรอ เค้าไม่คิดอะไรมากแล้วแหละ ผู้ชายมันก็อย่างนี้อ่ะ ไม่ค่อยมีใครรักเค้าจริงหรอก”

โต้งแหววขึ้นมา “แหมมม ผู้ชายดีๆ ก็มีนะค้า... อย่างเช่นพี่ชายของไอ้เรียวมันไง หล่อ นิสัยดี เป็นสุภาพบุรุษ ชาติตระกูลก็ดี แถมยังก้นงอนน่ากินอีกด้วย”

ฟางหัวเราะคิก ส่วนฉันมองเพื่อนด้วยสายตาเซ็งๆ

“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เค้าจะหาคนได้อย่างเคียวน่ะสิ ผู้ชายที่เข้ามาหาเค้าส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างพี่เมทั้งนั้นแหละ หวังแต่จะฟันเค้า เฮ้อ... มีแฟนเป็นทอมจะดีมั้ยน้า”

“โหห ถ้าฟางมีแฟนเป็นทอมนะ ผู้ชายเสียดายตายเลย” สาวแว่นพูด “สวยก็สวย หุ่นก็ดี น่ารักด้วย ผู้ชายที่ไหนก็อยากได้”

“อยากได้แต่ก็ทิ้งเค้าทุกราย”

“นี่แสดงว่าเคยเกือบโดนผู้ชายทำมิดีมิร้ายมาใช้มั้ยอ่ะ” แนนถาม

“อื้อ”

“โหห แล้วโดนไปมั่งยังอ่ะ” เกย์หนุ่มถามด้วยความใคร่รู้

“บ้า... ถามอะไรก็ไม่รู้ โต้งอ่ะ... ไม่หรอก เค้ายังไม่เคย เพราะเค้ามีคาถาป้องกันตัวเอง” ฟางเล่า

“คาถาอะไรอ่ะ” โต้งและแนนพร้อมใจกันถาม พวกมึงนี่ไม่รู้เรื่องชาวบ้านสักเรื่องจะได้มะ

สาวหน้าแรงหัวเราะกับท่าทางของเกย์หนุ่มและสาวแว่น “ก็ถามอย่างนี้ไง คุณรักแม่ของคุณมั้ย ถ้าฝ่ายนั้นตอบว่ารัก เค้าก็จะบอกว่าเค้าก็รักแม่ของเค้าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าทำเค้า มันจะทำให้แม่เค้าเสียใจ และแม่คุณเสียใจด้วย”

“....................” พวกฉันอึ้งไปกับคาถาของฟาง

“แล้วถ้าอีกฝ่ายบอกว่าไม่รักแม่หรือไม่มีแม่ล่ะ” แนนถาม

“เค้าก็จะบอกว่า คุณไม่รัก แต่เค้ารัก ถ้าคุณทำแบบนี้จะทำให้แม่ยายในอนาคตของคุณต้องเสียใจ เพราะฉะนั้นก็อย่าทำ”

“....................” อึ้งไปอีกระลอกหนึ่ง

“พูดคำนี้ออกมาทีไรได้ผล 100% หดทุกราย” ฟางพูดพลางชูสองนิ้วอย่างภูมิใจ “พี่เมก็เป็นรายล่าสุดที่เค้าพูดแบบนี้ด้วย”

ฉัน โต้ง และแนนมองหน้ากันแบบอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าสาวสวยคนนี้จะร้ายกาจถึงขนาดมีคาถาสั่งหดที่ได้ผลถึงขนาดนี้เลยเชียว

“สรุปว่าเรื่องพี่เมนี่โอเคแล้วใช่มั้ยอ่ะ” เกย์หนุ่มถาม

“โอเคแล้ว เค้าโดนอย่างนี้ออกบ่อย แป๊บเดียวก็หาย ชินแล้วล่ะ เบื่อกับผู้ชายไม่จริงใจ”

“เออ ใช่ จะถามว่าเมื่อคืนอ่ะฟางบอกให้ไอ้เรียวมันรับผิดชอบ ฟางจะให้มันรับผิดชอบอะไรเหรอ” สาวแว่นถามต่อ เข้าเรื่องได้สักทีหลังจากที่รอมากนาน

สาวหน้าแรงจ้องหน้ามาที่ฉันแล้วพูดว่า “เค้าจะให้มันรับผิดชอบที่ทำให้เค้าต้องขาดคนมาคอยดูแล เพราะฉะนั้นไอ้เรียว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปแกต้องดูแลฉันจนกว่าฉันจะหาแฟนใหม่ได้ ฉันไปไหน แกต้องไปด้วย ฉันทำอะไร แกต้องทำด้วย เข้าใจมั้ย”

“เฮ้ย อย่าพูดตามใจด้วยเองแบบนั้นดิ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากตัวติดเป็นปาท่องโก๋กับแกด้วย” ฉันปฏิเสธโดยทันที

“ไม่ได้! แกต้องทำตามที่ฉันบอก เพราะไม่งั้น…”

“ไม่งั้นอะไร” ฉันถามกลับ ดูเหมือนว่าเพื่อนของฉันจะหาข้ออ้างไม่ได้

“ไม่งั้นฉันจะฟ้องพ่อแก” อ้าวเฮ้ย พ่อฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยวะนั่น

ฉันส่ายหน้าอย่างระอา “อย่ามาแถเลยไอ้ฟาง ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย เพราะงั้นฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร แค่แบกตัวแกกลับมานอนบ้านฉันตอนเมาก็จะแย่อยู่แล้วนะ”

“อย่ามาพูดกับฉันอย่างนี้นะ!” หนอยแหนะมีขึ้นเสียงใส่ด้วย “ก็เพราะแกนั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้!”

“ก็แล้วมันเป็นแบบไหนล่ะ แกเองก็เป็นคนบอกเลิกกับแฟนแท้ๆ แล้วทำไมฉันต้องรับผิดชอบ!” ฉันเถียงกลับในขณะที่เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หันซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังนั่งดูเทนนิส

“ก็เพราะถ้าฉันไม่เจอแก พี่เมก็คงไม่ได้เจอกับใบเฟิร์น แล้วฉันก็คงไม่ได้บอกเลิกพี่เมแบบนี้หรอก”

“ไม่เกี่ยวกันเลย ฉันจะไปหรือไม่ไปมันก็ไม่เกี่ยวกันเลยไอ้ฟาง แกคิดดูดีๆ ถ้าแกไม่อ้อนว่าจะมานอนเต้นท์เดียวกับฉันพี่เมอะไรของแกก็คงไม่ได้ไปอยู่กับยัยใบเฟิร์นหรอกนะ”

ฟางเงียบไปเล็กน้อยกับคำพูดของฉัน “ไม่เกี่ยวตรงไหน เพราะยังไงถ้าฉันไม่เจอแก ฉันก็คงไม่ต้องเลิกกับพี่เม” โว้ยย ยังจะเถียงอีก นี่ตกลงมึงจะเอาชนะกูให้ได้เลยงั้นใช่มะ

“ยังไงก็ตามเรื่องนี้ฉันไม่ผิด และฉันก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรแกด้วย” ฉันพูดเสียงแข็ง

สาวหน้าแรงจ้องมาทางฉันเขม็งแล้วพูดว่า “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบ รวมทั้งต้องช่วยฉันหาแฟนใหม่ด้วย”

“ธุระไม่ใช่” ฉันตอบ

“มันต้องใช่ เพราะว่าแม่ฉันจะให้ฉันแต่งงานภายในปีหน้า ถ้าฉันไม่แต่งแม่ฉันจะให้ฉันแต่งกับอาแปะโรงน้ำปลาเพื่อนพ่อของฉัน”

“แล้วไง”

“อาแปะโรงน้ำปลานะเว้ย นี่แกจะให้ฉันแต่งงานกับคนรุ่นราวคราวพ่องั้นเหรอวะ แกไม่สงสารฉันเลยเหรอ ต้องไปนั่งกรอกน้ำปลาในโรงงานอ่ะนะ ให้ฉันตายดีกว่า” ฟางพูดอย่างรวดเร็ว

“ก็ไปดิ แต่งเลย ดีออก... บ้านแกจะได้มีน้ำปลาใช้ฟรีไปตลอดชีวิต” ฉันยังคงยืนยัน

“ไอ้เรียว ไอ้เพื่อนบ้า แกไม่สงสารฉันเลยหรือยังไง”

“ไม่”

“ทำไมแกถึงทำกับฉันแบบนี้” เอาแล้ว เริ่มจะร้องไห้อีกแล้ว

“ก็ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเรื่องนี้ฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ทำไมฉันต้องมารับผิดชอบ ทั้งเป็นคนคอยดูแลแก แถมยังให้ฉันหาแฟนให้แกอีก ฉันไม่อยากหาเหาใส่หัว แล้วกะอีแค่เรื่องหาคนมาคอยดูแลแก ไปไหนไปด้วย ทำอะไรทำด้วย ทำไมแกไม่หาเพื่อนสนิทแกให้คอยทำหน้าที่นี้ละวะ ทำไมต้องเป็นฉันด้วย”

ฟางพูดอะไรไม่ออก เธอได้แต่ทำปากเบะและน้ำตาคลอเบ้า “ไอ้เรียวบ้า” แล้วเธอก็วิ่งขึ้นไปข้างบน

โต้งกับแนนที่นั่งฟังมาตลอดก็ทำหน้างงๆ จนกระทั่งแนนพูดออกมาว่า “ไอ้เรียวจะว่าไปฟางก็น่าสงสารนะ”

“น่าสงสารตรงไหน”

“ตรงที่จะถูกแม่จับแต่งงานกับอาแปะโรงน้ำปลาเลยนะเว้ย คนรุ่นราวคราวพ่อเลยมั้ง”

“แล้วยังไง นี่อย่าบอกนะว่าแกจะให้ฉันทำตามอย่างที่ไอ้ฟางมันพูดอ่ะ”

“ฉันไม่ได้หมายความว่างั้น แต่มาคิดดูดีๆ ฟางก็น่าสงสารไง ถูกที่บ้านบังคับให้แต่งงาน แถมเพิ่งจะมาเลิกกับแฟนอีก ชีวิตลูกผู้หญิงคนนึงที่อยากจะแต่งงานกับผู้ชายที่เลือกเองน่ะมันเป็นความใฝ่ฝันเลยนะเว้ย” สาวแว่นพูดพลางปลอบโยน

“แนนมันพูดถูกนะแก ช่วยๆ มันหน่อยเถอะ เอางี้ ฉันยกเคียวสุดหล่อของฉันให้ฟางก็แล้วกัน ไม่เอาก็ได้” เกย์หนุ่มพูดพลางตบไหล่ฉัน

“ให้มันน้อยๆ หน่อยอีโต้ง นี่แกจะให้ฉันยอมไอ้ฟางมัน แถมยังจะให้มันมาเป็นพี่สะใภฉันอีกเหรอวะ ไม่เอาอ่ะ” ฉันว่า แต่ในใจก็คิดสงสารเพื่อนสาวหน้าแรงอย่างที่เพื่อนทั้งสองพูดเหมือนกัน และเมื่อนึกถึงสิ่งที่ฟางละเมอเมื่อคืนแล้วการที่อยู่คอยเป็นเพื่อนมันก็คงจะดีกว่าที่จะปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียว แต่เอ้ะ แล้วเพื่อนสนิทของสาวหน้าแรงล่ะ ไม่มีเลยเหรอ

แนนเข้ามานั่งกอดคอฉัน “เอาน่าเรียว ไหนๆ ฟางมันก็เป็นเพื่อนแก ช่วยมันซะหน่อยเถอะ หน้าตาแบบนั้นอ่ะฉันเชื่อเลยว่าคงอย่างฟางต้องมีแฟนใหม่ได้ชัวร์ ไม่เกิน 2 อาทิตย์ แนนคอนเฟิร์ม”

ฉันมองหน้าเพื่อนทั้งสองแบบไม่เชื่อใจนัก

“เชื่อเถอะน่าเรียว ไม่งั้นก็ลองถามเคียวก็ได้ว่าอยากจีบฟางมั้ย ฉันว่านะอย่างเคียวก็คงสนใจฟางอยู่ไม่น้อยละน่า ฉันไม่ถือหรอก บอกแล้วไงว่ายกให้” โต้งพูดต่อ

ฉันนึกถึงคำพูดของพี่ชายของฉันว่าไม่ชอบแย่งของๆ ใคร ตอนนี้ฟางก็โสดแล้ว แถมคำพูดของพิมสาวอวบก็ดังเข้ามาในหัวว่า ‘ดูดิ ทั้งหล่อ ทั้งสวย เข้ากั๊น เข้ากันอย่างกับกิ่งทองใบหยก’

“เรื่องเคียวรอถามมันก็แล้วกัน แต่เรื่องให้ฉันดูแลมันอ่ะฉันคงขอคิดดูก่อน” ฉันตอบ

“เออ... ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้ฉันว่าแกขึ้นไปดูฟางมันหน่อยเถอะ ป่านนี้จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้แล้ว” แนนพูด

“อื้อ” ฉันรับคำแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
...

เมื่อฉันเปิดขึ้นไปในห้องก็เห็นเพื่อนสาวนั่งพับเพียบพิงเตียงนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา

“ฟาง” ฉันเรียก

สาวหน้าแรงหันหน้าหนี พลางเอามือปาดน้ำตาบนใบหน้า “อะไร”

“แกร้องไห้ทำไม”

“ฉันไม่ได้ร้องไห้”

“ก็เห็นอยู่ว่าร้อง แกเป็นอะไร”

ฟางหันหน้ามา ใบหน้าบึ้งตึง เอาเรื่อง “เสียใจไง ไม่มีใครรักฉัน ไม่มีใครอยากอยู่กับฉัน แม้แต่แกที่เป็นเพื่อนฉันก็ยังขับไล่ไสส่งให้ฉันไปแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ชอบ คนที่ฉันไม่รักได้เลย ไล่ฉันอย่างกะหมูกะหมา”

ถามคำเดียวมาเป็นชุดเลยเว้ย “เดี๋ยวดิ ทำไมแกไม่ฟังเหตุผลบ้างเลยวะ”

“ไม่... ไม่เอา ไม่ฟัง” สาวหน้าแรงเอามือปิดหู

ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างระอา “ก็ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนี่หว่า แกจะให้ฉันรับผิดชอบอะไรล่ะ อีกอย่างคนคอยดูแลแกก็น่าจะมี แกก็น่าจะมีเพื่อนเยอะ”

เพื่อนสาวส่ายหน้า “ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่คนคุยกันแต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนฉันจริๆ ก็มีไม่กี่คนเอง เพื่อนสนิทก็แทบจะไม่มีเลย ไม่เหมือนกับแกหรอกที่มีทั้งแนน โต้ง รวมถึงพวกที่ไปเที่ยวด้วยกัน”

อะไรหว่า แม้แต่เพื่อนก็มีไม่เยอะเหรอเนี่ย น่าสงสารจริงเว้ย

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจ ทำไมๆๆๆๆ” ฟางตะโกนพร้อมกับใช้กำปั้นทุบพื้นอย่างแรงหลายต่อหลายครั้ง ด้วยความกลัวว่ามือของเพื่อนสาวจะแตกเพราะพื้นไม้ปาร์เก้ ฉันจึงดึงตัวสาวหน้าแรงเข้ามากอด

“ทำไมทุกคนทิ้งฉันไปหมดเลย ทำไมล่ะ แกก็จะทิ้งฉันด้วยใช่มั้ย เรียว บอกหน่อยสิว่าฉันทำอะไรผิดเหรอ ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงเป็นแบบนี้” เพื่อนสาวพูดตัดพ้อพร้อมกับกอดฉันแน่น กอดไม่กอดเปล่ามีทุบหลังทุบหัวซะด้วยอ่ะ คนนะเว้ยไม่ใช่กระสอบทราย หยุดได้แล้ว มันเจ็บ...

ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมใครต่อใครถึงทิ้งฟางแบบที่เธอพูด ฉันไม่สามารถตอบคำถามของเธอได้ รู้แต่เพียงอย่างเดียวว่าสาวหน้าแรงคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างมีอารมณ์รุนแรง ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังและพร้อมที่จะพุ่งชนอยู่เสมอ ต้องมีใครสักคนคอยคุมและดูแล ไม่งั้นเพื่อนสาวคนนั้นอาจทำเรื่องร้ายแรงถึงขั้นฆ่าตัวตาย หรือฆ่าคนอื่นตายเพราะความโกรธและอารมณ์ที่พุ่งพล่านได้ง่ายๆ

“ฉันมันไม่ดีตรงไหนล่ะ แกบอกฉันหน่อยสิเรียว” ฟางหยุดทุบฉันแล้วก็กอดฉันไว้แน่น เสียงลมหายใจปนสะอื้นของเธอดังก้องอยู่ข้างหูของฉัน

เอ่อ... ก็อยากจะบอกอยู่อ่ะนะ แต่รู้สึกว่าบอกตอนนี้แกคงจะไม่ฟังหรอกฟาง ว่านิสัยแกเป็นอะไรที่เข้าใจยาก เอาใจยาก และอยู่ด้วยยาก เฮ้อ... เอาไงก็เอา ทนรำคาญยัยนี่ไปสักพักก็ได้วะ

“ก็ได้ ฉันจะช่วย” ฉันกระซิบข้างหูเพื่อนสาว

“อะไรนะ” ฟางเงยหน้าขึ้นมาถามฉันด้วยน้ำตาที่นองหน้า

“ฉันจะรับผิดชอบตามที่แกบอกเอง”

“จริงนะ”

“อื้อ จริง”

“ไม่โกหกนะ”

“ลูกทหารพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”

“สัญญานะ”

“สัญญา”

ฟางยิ้ม พลางยกมือขึ้นตะเบ๊ะฉัน ฉันยิ้มแล้วตะเบ๊ะตอบ “งั้นเราตกลงกันแล้วนะ”

“อื้อ”

“ด้วยกฎ 2 ข้อ”

“ห๋า... กฎอะไรของแกวะ”

“ข้อ 1 ฉันถูกเสมอ และ ข้อ 2 ถ้าฉันทำผิดให้กลับขึ้นไปดูข้อหนึ่งใหม่”

กฎอะไรกับวะเนี่ย อย่างกับกฎรับน้องมหา’ลัยสมัยโซตัสครองเมือง “เฮ้ย ไม่เอา ไม่เอากฎ”

“ไม่ได้ต้องมีกฎ ไม่งั้นแกจะไม่เชื่อฟังฉัน”

“ไม่เอา”

“ไม่ทำตามกฎไม่ได้ เพราะไม่งั้นฉันจะถือว่าแกไม่ใส่ใจในหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีต่อฉัน เป็นลูกทหารไม่ใช่เหรอก็ต้องทำตามกฎสิ ใช่มั้ยคะ” สาวหน้าแรงยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

“....................” ฉันพูดอะไรไม่ออก รู้สึกมึนๆ กึ่มๆ กับคำพูดของเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ในอ้อมกอด

จู่ๆ ฟางยืนขึ้น เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้า เมื่อล้างหน้าเสร็จแล้วก็เปิดประตูห้องเพื่อที่จะเดินลงไปข้างล่าง

“เราตกลงกันแล้วนะคะ คุณเรียวจันทร์ คุณต้องรับผิดชอบดิฉันด้วยกฎ 2 ข้อ ลูกทหารพูดคำไหนคำนั้นนะคะ อย่าให้เสียชื่อลูกสาวพลเรือตรีนักรบ อิทธิไกรฤกษ์นะคะ อ้อ! เย็นนี้กรุณาขับรถไปส่งดิฉันที่บ้านด้วยนะคะ ส่วนโปรแกรมสำหรับวันพรุ่งนี้ ค่อยมาคุยกันอีกทีเข้าใจมั้ยคะ” สาวหน้าแรงพูดตามมาด้วยยิ้มสวยๆ สวยแบบสามารถทำให้หัวใจหนุ่มๆ หลายคนละลายได้ และรอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เฮ้ย... มันจะมากไปแล้วนะไอ้ฟางงงงงงงงงงงงง

และแล้วสาวหน้าแรงก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ฉันที่นั่งอยู่บนพื้นห้องมองตามไปแบบอึ้งๆ พร้อมๆ กับเลือดกำเดาที่ค่อยๆ ไหลลงมาเป็นครั้งที่ 2 ของวัน

‘ไม่นะ ม่ายยยยยยยยยยยยย นี่กูเสียรู้ให้กับไอ้ฟางเหรอเนี่ย’ ฉันตะโกนอยู่ในใจ พลางหากระดาษทิชชู่มาซับเลือด

ไอ้ฟาง แก... ยัยตัวร้าย แกทำให้ฉันรู้ว่ามารยาหญิงหน้าตาดีนี่ร้ายยิ่งนัก!




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.