Chapter 10 : เจ้าตัวเล็กกับความวุ่นวายที่น่ายินดีฝาแฝดหน้าไม่เหมือนกัน พยายามเขย่งตัวเพื่อจะชะโงกหน้าไปดูสิ่งต่างๆภายในห้องตรงหน้า แต่เพราะยังเล็กมาก ขาสั้นตัวเตี้ยเกินไป ต่อให้เขย่งเท่าไหร่ก็ไม่มีทางมองเห็น คนที่ยืนมองอยู่ด้วยรอยยิ้มจึงต้องเข้าไปช่วยเหลือ
“อยากดูน้องเหรอลูก.. มาค่ะปะป๊าช่วย” ดาเรนเข้ามาก้มรวบตัวลูกสาวขึ้นอุ้มทีละคนอย่างไม่ลำบาก โชคดีที่ตัวใหญ่แม้ว่าลูกๆจะตัวโตกว่าเด็กอื่นเพราะได้เชื้อดีมาจากเธอและนิโคล ก็ยังไหวอยู่ที่จะอุ้มพวกเขาดูอะไรที่อยากดู
แต่ถ้านิกกี้เห็น ฉันก็จะโดนดุอีกว่าตามใจลูกมากไป ไหนจะปวดหลังให้เค้านวดอีก... อา..แต่อย่างหลังนี่ฉันอยากเป็นเพราะอยากอ้อนเค้ามากกว่า..
ภรรยาที่รัก...
“ปะป๊า.. ทำไมน้องต้องอยู่ในห้องนั้นล่ะคะ” อมีเลียถามสงสัย มือน้อยๆชี้ไปที่ร่างเล็กๆในห้อง เด็กทารกอยู่ในตู้อบดูท่าทางไม่น่าห่วงนัก หากคุณหมอสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตู้อบนั่นไม่ได้กำลังคุยกันด้วยท่าทางเครียดๆ
หวังว่าคงไม่มีอะไรนะเจส..
“เอ่อเพราะว่า.....” พยายามจะหาคำมาอธิบายให้ลูกฟัง หากมันกลับยากเต็มที ทำยังไงจะให้เด็กอายุไม่ถึงสี่ปีเข้าใจล่ะว่า เพราะน้องคลอดออกมาก่อนเวลาอันควร ก็เลย....
“เพราะว่าน้องหนีออกมาจากท้องน้าเพนนีเร็วก่อนเวลาที่ควรจะตื่นไงคะ ก็เลยต้องถูกทำโทษนิดหน่อย”
คำตอบจากเสียงแบบนี้พาให้คนที่พยายามจะตอบมันก่อนอ้าปากค้าง มองไปหาคนตอบก็พบภรรยาตัวเองขยิบตาขี้เล่นให้ ก่อนเข้ามาขอตัวลูกแฝดหนึ่งคนไปอุ้ม โอ้..คุณภรรยาที่รัก...
“เลยต้องอยู่คนเดียวเหรอคะ น่าสงสาร”
เสียงใสๆเจือความเศร้าของลูกสาวที่ตนอุ้มดึงความสนใจจากแม่ของเขากลับไป แอนเดรียน้อยกำลังซึม มองไปที่น้องตัวเล็กในห้อง ระหว่างมองลูกอย่างสงสัย เสียงแม่เขาก็มากระซิบ
“แอนเดรียเป็นเด็กอ่อนโยนเหมือนฉันเลย”
ดาเรนยิ้มไม่รู้จะเถียงยังไง “ก็อ่อนโยนค่ะ ถ้าไม่สวมบทโหดอยู่เรื่อย”
นิโคลหัวเราะ ขยับเข้ามาหอมแก้มลูกสาวที่อีกคนอุ้มก่อนหอมคนที่ตัวเองอุ้มบ้าง “มันก็ต้องมีโหดกันบ้างสิคะดาเรน ไม่งั้นดาเรนจะได้ฝาแฝดที่น่ารักสองคนแบบนี้เหรอ.?”
คนฟังเลิกคิ้วมองเหมือนไม่เห็นด้วย แต่ยิ้มมุมปากเมื่อถูกค้อนเล็กๆ เพื่อความปลอดภัย เธอจึงเปลี่ยนประเด็น ไม่งั้นเดี๋ยวโดน.. “เพนนีเป็นไงบ้างคะ ร้องหาลูกไหม.?”
“แรกๆก็ร้องค่ะ แต่พอพยาบาลอธิบายและฉันช่วย ก็สงบไปได้ นี่ก็หลับไปแล้วล่ะค่ะ” นิโคลตอบเสียงเครียดไปนิด เริ่มคิดเป็นห่วงแม่ลูกที่ต้องแยกจากกัน แม้จะชั่วคราวแต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นความเจ็บปวด ใครๆก็อยากเห็นหน้าลูกที่สู้อดทนอุ้มท้องมาตั้งนานทั้งนั้น ตอนนั้นเธอก็เป็น จำได้...
“ค่ะ คิดว่า ถ้าไม่มีอะไรน่าห่วง หมอคงให้เจสจูเนียร์ออกจากห้องนั่นได้เร็วๆนี้”
“แล้วนี่เจสยังคุยไม่เสร็จอีกเหรอคะ.?” ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำถามดี คนที่ถูกถามถึงก็เดินออกมาหน้ายุ่งๆ อดไม่ได้เลยต้องวิจารณ์ “โอ้..คุณดูน่ากลัวจัง”
คุณหมอถอนหายใจ ยักไหล่อย่างเสียไม่ได้ก่อนหันไปหาลูกสาวที่นอนหลับอย่างสงบอยู่ในตู้อบของเด็กที่ยังไม่แข็งแรงพอ “เค้าบอกว่า ฉันวุ่นวายเกินหน้าที่หมอสูติฯ”
คำตอบพาให้สองคนที่รอฟังมองหน้ากัน ดาเรนยิ้มและพูดก่อน “งั้นฉันก็เดาได้ว่า เจสจูเนียร์สบายดีใช่ไหม.?”
“ใช่.. แต่แล้วไงดาเรน.. พวกเค้าไม่ให้ฉันอุ้มลูก ของฉัน” เจสสิก้าเน้นคำสุดท้ายและมองตาขวางไปที่หมอเด็กที่เพิ่งเดินออกจากประตูมา คุณหมอสาวคนนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วหันหลังจากไป
“ดูหล่อนสิ!” หมอสูติฯหน้าใสชี้ “หล่อนนั่นแหละที่สั่งให้ลูกฉันอยู่ในตู้อบเหมือนไก่!” พูดแล้วก็ถอนหายใจอย่างหัวเสีย “ฉันบอกหล่อนว่า เจสซี่พร้อมแล้วที่จะออกมาดูโลกกว้าง แต่หล่อนยังยืนยันให้เค้าอยู่ในนั้น ทำไม.?”
“โอ้เจส.. แล้วเธอไม่คิดบ้างหรือไงว่า หมอเด็กจะเข้าใจเด็กดีกว่า” ดาเรนย้อน แล้วก็โดนค้อนกลับมาให้ต้องชำเลืองหาตัวช่วย นิโคลจึงเข้ามาแท็คทีม
“เอาเถอะค่ะเจส.. ยังไงเจสซี่ก็คลอดก่อนกำหนดนะคะ คุณหมออาจจะอยากแน่ใจว่า เค้าจะแข็งแรงพอที่จะไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น”
“โอ้..เธอพูดเหมือนเป็นหมอแทนที่จะเป็นอินทีเรียเลยนะนิกกี้” คุณหมอตัวจริงประชด แต่คนฟังกลับยิ้มรับหน้าตาเฉย “ก็ได้ๆ ฉันเชื่อพวกเธอ แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”
“อะไรล่ะ/อะไรล่ะคะ!” สองคนถามพร้อมกัน คนจะตอบทำหน้าเครียดเหมือนเรื่องใหญ่ คนรอเริ่มใจคอไม่ดี
“หล่อนไม่ให้ฉันแตะลูกฉันสักนิดเลย กลัวฉันจะเอาเชื้อโรคไปใส่ลูก ฉันเนี่ยนะนิกกี้ เป็นตัวเชื้อโรค ฉันเป็นหมอใช่ไหม.?”
คนฟังสองคนหัวเราะพร้อมกันทั้งที่อีกคนโวยวาย ก็อุตส่าห์ฟังตั้งนาน เหตุผลที่โมโหก็แค่นี้เอง แต่คนเห่อลูกอ่ะนะจะให้ทำไง..
“ขำอะไรพวกเธอ..”
นิโคลส่ายหน้ายิ้มเอื้อมมือมาบีบบ่าพี่สาวที่นับถือ ไม่อยากให้โกรธไปกว่านี้ แค่นี้เจ้าตัวเล็กสองคนของเธอก็งงจะตายแล้วว่าผู้ใหญ่เป็นอะไรกัน
อมีเลียกับแอนเดรียเงียบอยู่ก็จริง แต่เงี่ยหูฟังผู้ใหญ่พูดทุกคำ เธอรู้ดี.. ฝาแฝดช่างจดจำเสมอ “คุณใจเย็นๆก่อนเจส เดี๋ยวฉันจัดการให้” พูดจบก็เดินไปพร้อมลูกสาวที่ขอเดินเอง ตามหลังคุณหมอเด็กที่เดินอยู่ไม่ไกลพอเห็นหลังอยู่
ดาเรนมองตามหลังลูกกับภรรยาก่อนหันมามองอีกคนที่ยังหน้าบึ้ง ผิดแค่ตอนนี้เห็นหล่อนกำลังมองอย่างอาลัยไปยังเด็กทารกในห้อง เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่า หล่อนก็แค่คิดมาก
“เจส.. เค้าไม่ได้เป็นอะไร เธอก็รู้นี่.. เธอเป็นหมอ”
“ใช่ฉันรู้.. แต่ฉันไม่อยากให้เค้าอยู่คนเดียวที่นั่น ฉันสงสาร”
“ฉันเข้าใจ.. แต่ถ้าเธออยากให้เค้าแข็งแรงพอที่จะเจอกับโลกข้างนอก เธอต้องเชื่อหมอเด็กคนนั้น จำได้ไหมว่า เค้าคลอดก่อนกำหนด”
คนถูกเตือนเรื่องที่แกล้งลืมถอนหายใจแรง หันมาหาคนเตือนก็เจอสายตามองอย่างเห็นใจ และไม่ใช่แค่จากคนรุ่นเดียวกันเท่านั้น จากเด็กตัวเล็กที่กำลังถูกอุ้มอยู่ด้วย และดวงตาสีฟ้าใสๆของแอนเดรียก็ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เจสสิก้ายิ้มพร้อมยื่นมือไปขอตัวเขามา และเด็กน้อยก็ยอมมาด้วยอย่างไม่งอแงเหมือนจะรู้ว่า เธอกำลังต้องการ...
เวทย์มนตร์ประหลาดที่เด็กเท่านั้นที่มี...
ไม่รู้สิ แค่ได้กอดก็ผ่อนคลายอารมณ์ได้แล้ว..
“อาเจสอยากพาน้องกลับบ้านด้วยเหรอคะ.?” แอนเดรียถามตามประสาเด็กแต่ก็ทำให้คนถูกถามน้ำตาคลอพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้า มือเล็กๆจับแก้มผู้ใหญ่ขี้แยและพูดเสียจนเขาอึ้ง “น้องต้องตื่นก่อนสิ ไม่งั้นจะเล่นด้วยได้ไง..”
เจสสิก้าทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ยิ้มเจื่อนแต่อีกคนกลับหัวเราะและเสริมขึ้น “ก็ถูกของแอนเดรียนะเจส ไม่ใช่เหรอ.?” คุณหมอสาวกลอกตาเมื่อโดนจี้ทั้งสองทางจากสองคน ได้โอกาสดี ดาเรนเลยจี้ไปอีกอย่าง “ฉันว่า เธอไปหาเพนนีดีกว่า ทางนี้มีพยาบาลดูแลอย่างดี ถ้ามีอะไรเค้าก็ตามเธอเอง วันนี้อยู่ที่นี่ทั้งวันไม่ใช่หรือไง”
คุณหมอกดหัวคิ้วลงไม่ค่อยพอใจกับทางเลือกนี้นักแต่ก็จำยอมพยักหน้า หันไปมองลูกสาวตัวเองอย่างอาวรณ์อีกครั้งก่อนจะโดนกระตุ้นซ้ำ
“อาเจสพูดไม่รู้เรื่องเหมือนอมีเลียบางทีเลย”
“หืมม.?” เจสสิก้าฮัมเสียงสูงมองหน้าเด็กน้อยเป็นคำถามก่อนเหลือบตาไปหาอีกคนที่ยิ้มกลั้นหัวเราะอยู่ อยากหงุดหงิดแต่ทำไม่ลงเพราะเธอรักพวกเขา
“โอเคๆ แอนเดรีย.. อาจะไปแล้ว”
“งั้นแอนเดรียขอไปซื้อขนมได้ไหม.?” เด็กน้อยต่อรอง ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากัน และตกลงทำตามเด็กโดยไม่แย้งแต่ยังขอมีเงื่อนไข
“ไปก็ได้ แต่แอนเดรียต้องสัญญากับอาก่อนหนึ่งอย่าง”
“อะไรคะ.?”
เจสสิก้ายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่ดาเรนส่ายหน้าให้ แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมปล่อยโอกาสนี้ให้รอดมือ ..แก้แค้นเด็ก..
“เอ่อก็.. ขอคิดก่อนนะ”
แต่คงจะบอกเงื่อนไขเด็กน้อยใจร้อนช้าเกินไปเลยโดนทวงอีกครั้งด้วยเสียงใสๆแต่หงุดหงิดอย่างที่ผู้ใหญ่ต้องกลัว
“แอนเดรียหิวแล้ว แอนเดรียอยากกลับบ้าน มะม๊าบอกว่าจะทำเค้กแต่ไม่ทำ แอนเดรียหิวววว...” เด็กน้อยความอดทนต่ำเริ่มจะออกฤทธิ์ คราวนี้เห็นทีคุณหมอจะอยู่ต่อรองไม่ไหว ส่งคืนเด็กให้ปะป๊าของเขาที่รออ้าแขนรับ แล้วก็ถอนหายใจเหนื่อยขณะที่ดาเรนปลอบลูกสาวในแบบที่เคยทำ
ดีที่พกเสบียงเป็นนมกล่องมาด้วย ไม่งั้นไม่จบ..
แอนเดรียน้อยช่างหิวยอมสงบลงได้เมื่อมีของกินเข้าปาก และไม่ติดใจเอาความผู้ใหญ่ที่ชอบหาเรื่องขณะที่ผู้ใหญ่คนที่ว่ายังทำหน้าเคืองๆเด็กอยู่
“เจส.. ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย เธอยั่วเค้าก่อน” ดาเรนว่าพลางส่งสายตาให้เดินตามกันออกไปจากจุดพื้นที่ของเด็กอ่อน เห็นพยาบาลหลายคนเริ่มมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร บางทีเด็กของเธออาจจะเสียงดังเกินไป ผู้ใหญ่ก็ด้วยเหมือนกัน
“ก็แค่อยากจะล้อเล่น” คุณหมอยังเถียงอยู่ อารมณ์เสียจากเรื่องอื่นยังไม่ยอมรับ สายตายังมองเหลียวหลังไปที่ห้องเด็กอ่อนอย่างพะว้าพะวังจนโดนมืออีกคนมาดึงแขนลากออกไปด้วยกัน “ดาเรน.. เดี๋ยวสิ!”
“ไม่เดี๋ยวแล้วเจส.. ฉันคิดว่า ตอนนี้เพนนีอยากจะเจอเธอนะ เค้าจะต้องอยากรู้เรื่องลูกจากปากเธอมากกว่าใครๆ”
“แต่ดาเรน...”
“หุบปาก และทำตาม!” ดาเรนเผลอตวาด มือหนึ่งลากแขนอีกคนให้ตามกันไป อีกมืออุ้มลูกสาวอย่างระวัง คิ้วขมวดอย่างไม่ตั้งใจแต่มันก็คลายลงเพราะเสียงแซวจากคุณหมอตัวยุ่งคนเดิม
“ฉันเริ่มจะรู้สึกว่า เธอเป็นโรคนิโคลซินโดรมแล้วนะดาเรน ระวังตัวหน่อยก็ดี”
.............................................
เสียงฝีเท้าดังเบาๆเข้ามาใกล้ห้องนอน ดาเรนถอนหายใจแผ่วพยายามผ่อนคลายพร้อมละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ที่ทำงานค้างอยู่ ไม่อยากทำหน้าเครียดใส่คนที่กำลังจะเดินเข้ามาในห้อง รู้ว่าหล่อนก็เพิ่งจะเหนื่อยมาเหมือนกัน เหนื่อยคนละอย่างกับเธอ แต่อาจจะมากกว่าก็ได้เมื่อต้องรบกับเด็กๆ
“งานเร่งเหรอคะ.?”
คำถามที่ห่วงใยและร่างนุ่มอบอุ่นที่มาโน้มตัวลงกอดจากด้านหลังเก้าอี้พาให้ยิ้มดีใจจนลืมเรื่องเครียดๆกับงานไป และนึกขึ้นได้ว่ามันไม่จำเป็นต้องทำให้เสร็จในวันนี้ก็ได้ เวลายังมี อันที่จริงเธอน่าจะหาเวลาพักผ่อนด้วยกันหลังจากที่ผ่านความวุ่นวายในโรงพยาบาลมาแล้ว และยังจะสองแสบที่เพิ่งจะส่งเข้านอนสำเร็จนั่นอีก
ถึงเวลาของปะป๊า.. มะม๊าหรือยัง...
มือขาวจับมืออุ่นที่วางทาบบนบ่าตัวเองมากดจูบเบาๆ เจ้าของมันเลิกคิ้วขี้เล่นให้ในแบบที่รู้กัน รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว แต่งงานกันมากี่ปีแล้ว ซ้ำอยู่ด้วยกันมานานกว่าที่แต่งงานอีก ทำไมจะไม่เข้าใจ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่ นอกจากจะมีใครคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม
หวังว่าคงไม่มี...
ก็เรามีเบบี๋ด้วยกัน... จะเรียกว่า โซ่ทองยังน้อยไปสำหรับเจ้าสองแฝด ต้องโซ่เพชรหรือเพลตตินั่มเลยล่ะ..
“ก็ไม่เร่งหรอกค่ะ แค่อยากทำให้มากที่สุดตอนที่มีเวลา” ตอบพร้อมมองตากันอย่างพยายามจะสื่อความหมายทางแววตา แน่นอนว่าอีกคนเข้าใจจึงยื่นมือมาชักชวนให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“งั้นไปนอนกันดีกว่านะคะ พรุ่งนี้เด็กๆต้องไปโรงเรียน แล้วเราก็ยังต้องไปเยี่ยมเพนนีกับเจสซี่ที่โรงพยาบาลอีก”
“ค่ะ แต่ขอเซฟงานแป๊บนะ” หันกลับไปจัดการเก็บงานใส่คอมพิวเตอร์ แต่ไม่วายเธอต้องยิ้มกลั้นหัวเราะกับมือซนๆที่ล้วงชายเสื้อเข้ามาลูบหน้าท้องเล่นให้ขนลุกเกลียวไปทั้งตัว ไหนจะเสียงขี้เล่นของเจ้าของมืออีก
“ดาเรนบ้าจี้เหรอคะ ไม่ยักรู้”
“งั้นทำให้รู้ดีกว่าเนอะ” หันไปเจอผู้หญิงที่ยืนยิ้มหน้าแดงรออยู่ มองกันด้วยสายตาที่สื่อความหมายเดียวกัน จากนั้นก็ก้มลงสัมผัสปากกันเบาๆก่อนจะพากันเข้าสู่อารมณ์ปรารถนาที่มากกว่า นิโคลก้าวถอยหลังให้เธอเดินตามไปจนถึงที่นอนและยอมให้เธออุ้มขึ้นไปอย่างยินดี หากเมื่อนัวเนียกันได้ที่แล้ว หล่อนกลับพูดขึ้นขัดจังหวะ
“ดาเรนอิจฉาเจสไหมคะ.?”
คนถูกถามกระพริบตาปริบๆ มองคนนอนหงายด้านล่างงงๆ “อิจฉาเจส.? เรื่องอะไรเหรอคะ” ย้อนถามกลับไปอีกคนก็กลับไม่ตอบในทันที หล่อนไล้นิ้วไปตามผิวเนียนที่ไหปลาร้าของเธอพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ เริ่มรู้แล้วว่า บางครั้งก็ไม่เข้าใจหล่อนเหมือนกัน ก็นิกกี้ชอบคิดอะไรแผลงๆได้ตลอดเวลา..
แบบคาดไม่ถึงด้วยนะ..
“นิกกี้พูดให้รู้เรื่องสิคะ”
“ดาเรนใจร้อนจังค่ะ” นิโคลทำขำ คล้องคอคนด้านบนลงมาแลกสัมผัสที่ปากกันอีกรอบพร้อมมือตัวเองที่ล้วงเข้าไปลูบไล้ผิวนุ่มๆเล่นให้เจ้าของมันเสียวสะท้าน จังหวะการหายใจของดาเรนเปลี่ยนไปในทางที่เธอเข้าใจดี หล่อนเริ่มมีอารมณ์และคงจะลืมเรื่องที่เธอพูดขึ้นลอยๆนั่นไปแล้ว และนั่นแหละที่เธอต้องการ แม้จะไม่ค่อยบ่อยนักที่คิดจะเริ่มก่อน
ก็บางที.. เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญสำหรับการเป็นสามีภรรยา แม้ว่าร่างกายของผู้หญิงจะไม่ได้ต้องการเรื่องเซ็กส์มากเท่าที่ผู้ชายต้องการก็ตาม แต่มันคงไม่ดีนัก ถ้าจะต้องมีปัญหากันเพราะเธอละเลย ลืมมันไปในขณะที่ดาเรนอาจต้องการมันเพื่อคลายเครียดกับเรื่องในชีวิตประจำวัน กับงาน กับลูก...
โอ้..พูดถึงลูก...
เสียงเคาะประตูห้องดังแทรกเสียงครางของเธอที่กำลังพอใจกับการใช้เวลาด้วยกันกับสามี กับริมฝีปากที่กำลังดื่มด่ำกับทรวงอกและมือที่กำลังซุกซนอยู่บนเนื้อตัว นิโคลกัดปากตัวเองทันที ระงับเสียงที่จะออกมาอีก เธอเริ่มคิดถึงฝันร้ายที่กลายเป็นจริงที่ไม่อมีเลียก็แอนเดรียมาเคาะประตูห้องเพื่อจะบอกว่า เขาฝันร้ายนอนไม่หลับระหว่างที่เธอกำลังมีเซ็กส์อยู่
แต่นี่มันไม่ใช่ฝัน.. มันคือความจริง!
หญิงสาวด้านล่างพยายามขยับตัวออกห่างคนด้านบนที่คงจะหูตึงไปชั่วขณะจนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอน นิโคลกลั้นหายใจ มันเหมือนที่เธอเคยทำเวลาที่ลูกร้องไห้ครั้งยังเล็กกว่านี้ ที่เธอจะต้องรีบไปหาพวกเขาทันทีไม่ว่าจะกำลังทำอะไรอยู่ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มก็เคย เคยทะเลาะกับดาเรนเรื่องนี้ก็มี
และคราวนี้จะโดนอีกไหม...
“ดาเรน.. หยุดก่อนค่ะ” ในที่สุดก็ต้องดันอกอีกคนให้ห่างอย่างไม่มีทางเลือก หากก็เหมือนหล่อนจะเข้าใจและรู้ว่าเธอเองก็กลั้นใจทำจึงยอมถอยออกไปทั้งที่ดูหงุดหงิดผิดหวัง ก็มันนานๆครั้งจะได้มีเวลาแบบนี้ แต่มันก็...
ก็มันจำเป็น...
ดาเรนกำลังจะลุกขึ้นไปคว้าเสื้อผ้ามาให้เธอสวม แต่เธอคว้าข้อมือเอาไว้ได้ทัน หล่อนหันมามองทำหน้าไม่เข้าใจ เธอพยายามยิ้มหวานและดึงเข้ามาเซ็นสัญญากันด้วยจูบ “รอให้ลูกหลับก่อนนะคะที่รัก สัญญาจริงๆ”
“โธ่นิกกี้ก็.. ฉันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” คนโตกว่าทำเฉไฉแต่ดวงตาเป็นประกายแห่งความหวัง ว่าจะเข้าไปจุ๊บปากกันอีกครั้งแต่เสียงเรียกก็ดังมาพร้อมเสียงเคาะประตู
“ปะป๊า.. มะม๊า.. ปะป๊า.. มะม๊า... ปะป๊า...”
“มาแล้วค่ะ มาแล้วลูก..” นิโคลส่งเสียงก่อนเพื่อหยุดมหกรรมการทำลายประตูห้องนอนของเธอจากมือเล็กๆของลูกสาว หญิงสาวคว้าเสื้อคลุมจากมืออีกคนมาสวมทับชุดวันเกิด ดาเรนเองก็รีบใส่ของหล่อน ดึงผ้าคาดเอวให้แน่นเพื่อเตรียมพร้อมรับศึกก่อนจะเปิดประตูรับเด็กๆที่แทบจะพุ่งเข้ามาตามคาด และแน่นอนมีหนึ่งคนที่กระโดดขึ้นเตียงมาหาเธอทันที เข้าไปรับตัวแทบไม่ทัน แต่เรื่องนี้ดาเรนก็โดนเหมือนเธอ เผลอแป๊บเดียวก็มีลูกลิงขึ้นมาเกาะคอหล่อนเสียแล้ว ลิงอะไรไม่รู้ตัวกลมเชียว..
ลิงชื่อแอนเดรียไง..
“เป็นอะไรไปคะเด็กๆ ไหนบอกมะม๊าหน่อยสิ” พยายามทำเสียงดีใจกับลูกๆทั้งที่ใจจริงอยากจะตีก้นที่ชอบกวนใจขัดจังหวะเวลาหวานของมะม๊ากับปะป๊า ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งหลับไป ทำไมรีบตื่น หรือจะตื่นมาแกล้ง..
จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงล่ะ ก็ลูกไม่รู้ ลูกยังเด็ก ท่องไว้สิ เดี๋ยวหลับแล้วค่อยต่อกันก็ได้ที่ค้างไว้..
ใช่ไหมดาเรน...
นิโคลเผลอหันไปมองสบตากับคุณสามี อารมณ์เมื่อกี้ยังไม่หมด หากเธอก็ตกใจจะสะดุ้งที่รู้สึกว่ามีมือมาจับหน้าอกตัวเอง จ้องหน้าดาเรนจะกล่าวหาว่าหล่อนทำ หล่อนรีบส่ายหน้าและส่งสายตาให้ก้มมอง พอทำตามก็อดยิ้มไม่ได้
ก็ลูกสาวเธอเองที่จับมัน ทั้งจับทั้งซบซุกหน้าเข้าหาราวกลับกลายเป็นเด็กทารกอีกครั้งอย่างนั้น
“ทำอะไรคะอมีเลีย.. หนูโตแล้วนะ หนูมีขวดนมของหนูไม่ใช่เหรอ..” แกล้งถามพลางลูบหัวเล็กๆของเด็กที่ทำท่าจะดูดนมจากทรวงอกเธอทั้งๆที่เลิกทำแบบนี้ไปนานแล้ว หรือไปเห็นใครที่โรงพยาบาลทำเลยนึกถึง
“นั่นสิคะลูก” ดาเรนเองก็งงแต่เด็กคนที่เธออุ้มก็ขอลงจากตัวเธอแล้วเข้าไปทำอย่างที่พี่แฝดทำบ้าง พวกเธอมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเข้าไปช่วยลูบหัวเด็กๆที่ทำท่าอ้อนแม่อย่างกะทันหัน
ฝาแฝดเป็นอะไร นึกยังไง วันนี้ถึงติดนิกกี้ขึ้นมา..
“วันนี้อมีเลียเห็นเด็กที่โรงพยาบาลทำแบบนี้”
“แอนเดรียก็เห็น..”
ดาเรนกับนิโคลมองหน้ากันอีกครั้งเมื่อลูกสาวทั้งสองสารภาพ แม้ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าไหร่ที่พวกเขามาเคาะห้องรบกวนพวกเธอ แต่ยังไงนี่ก็คือลูก...
“ก็เลยอยากทำแบบเค้าบ้างเหรอคะ” ถามเสียงใจดี เด็กทั้งคู่ยิ้มกว้างพยักหน้ารับ คนเป็นแม่ได้แต่แอบถอนหายใจและโอบศีรษะเล็กๆเข้าหาอกเธอ มองหน้าอีกคนไปด้วย
ดาเรนยิ้มไม่ว่าอะไรแค่เข้ามาช่วยจัดท่าทางให้พวกเขานอนอยู่กับเธอได้โดยไม่เบียดกัน ไม่นานนักฝาแฝดตัวยุ่งขี้อ้อนทั้งสองก็หลับทั้งที่มือคาอยู่กับหน้าอกเธอที่ลืมไปแล้วว่าอ่อนไหวกับเรื่องอื่นอยู่ ก็กับลูก เธอไม่รู้สึกเหมือนตอนอยู่กับคุณสามีหรอก บอกแล้วว่ามันต่างกัน แต่บอกตามตรง ความจริงเธอก็ต้องการอยู่กับดาเรนแบบนั้น.. แต่มันจะทำได้ยังไง.. ลูกอยู่..
นอนมองอีกคนนอนลงข้างๆ ดาเรนดึงผ้าห่มมาห่มพวกเธอสามคนและตัวหล่อนด้วย ดวงตาคู่สวยสีช็อคโกแลตมองเธออย่างสงสัย คงอยากรู้ว่าเธอมองทำไม เธอยิ้ม เอื้อมมือไปจับแก้มหล่อนเบาๆ
“ยังสงสัยอยู่ไหมคะที่ฉันถามตอนนั้น” ถามไป ดาเรนก็หัวเราะส่ายหน้ากลับมา เข้ามาจูบหน้าผากเธอเบาๆแล้วกระซิบให้เธอยิ้มขำไปกับหล่อนด้วยคน เพราะรู้ว่าหล่อนไม่ได้จริงจังอะไร
“ถ้าให้มีลูกเล็กๆเหมือนเจสอีกสักคนไม่ไหวแล้วค่ะ แค่นี้ก็แย่งนิกกี้กับฝาแฝดไม่ทันแล้ว อดทุกทีเลย..”
....................................................
:875328cc: