web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 130
Total: 130

ผู้เขียน หัวข้อ: เกินห้ามใจ ตอนที่ 1  (อ่าน 3322 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นภัส

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 1
เกินห้ามใจ ตอนที่ 1
« เมื่อ: 03 มกราคม 2014 เวลา 09:24:31 »



ตอนที่ 1

นรีกมลปล่อยให้สายลมเอื่อยๆ พัดผ่านร่างของตนไปในขณะที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นัยน์ตาหวานเศร้าเหม่อมองทิวทัศน์เมืองกรุงอย่างไร้จุดหมาย ลมหนาวในคืนนี้ทำให้เธอคิดถึงชายคนรักที่อยู่ห่างไปอีกซีกโลก เมื่อไหร่หนอ…เมื่อไหร่ที่เขาจะกลับมาเสียที

หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจเข้านอนแม้จะยังไม่รู้สึกง่วงก็ตาม พรุ่งนี้เธอต้องพบกับเจ้านายคนใหม่ผู้มารับตำแหน่งรองประธานบริษัท แทนเจ้านายคนเก่าของเธอ ที่เกษียณอายุเพราะอยากอยู่บ้านเลี้ยงหลาน คิดแล้วก็ใจหาย คุณวรรณพเจ้านายที่นรีกมลนึกนับถือและชื่นชม ชายสูงอายุไม่เคยกดขี่ข่มเหง แถมยังให้ความเอ็นดูเลขาอย่างเธอเสมือนเป็นลูกเป็นหลานของท่านเอง ไม่รู้เจ้านายคนใหม่จะดีได้เท่าคนเก่าหรือเปล่า นรีกมลก็สุดจะคาดเดา

คุณวรินทร์…ลูกสาวท่านประธาน

ได้ข่าวว่าอายุพอๆ กับเธอ จบบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากเมืองผู้ดี พนักงานคนอื่นพากันลือว่าสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ นรีกมลก็อดเห็นด้วยกับคนอื่นไม่ได้ว่าสวยแต่รูปหรือเปล่า ไม่แปลกที่ลูกสาวท่านประธานจะโดนค่อนขอดว่าเป็นเด็กเส้น มาถึงก็ได้ทำงานในตำแหน่งใหญ่ แทนที่จะฝึกงานไปตามขั้นตามตอน

แต่ไม่ใช่เรื่องของเธอนี่…เรามันก็แค่ลูกจ้าง

นรีกมลปัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหลับตาพาตัวเองเข้าสู่นิทรารมย์



นรีกมลกำลังจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าหน้าห้องรองประธานบริษัท ถ้าสายดันไม่เหลือบไปเห็นแสงไฟลอดออกมาจากช่องใต้ประตู
ใครกันนะ กล้าเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง หรือว่า…

ยังไม่ทันจะได้เบิกตา ประตูตรงหน้าก็เปิดออกพร้อมกับหญิงสาวร่างสูงที่เดินออกมา แม้จะสูงแต่ก็ไม่ได้ผอมบางเหมือนพวกนางแบบ เอวบาง สะโพกผาย ทำให้นรีกมลอดชื่นชมไม่ได้ แม้จะใส่ชุดสูททำงานสุภาพเรียบร้อย แต่ด้วยรูปร่างทรงนาฬิกาทราย และผิวสีน้ำผึ้งรับกับผมยาวตรงดำขลับ ประกอบให้คนตรงหน้าดูเซ็กซี่น่ามอง ถ้านรีกมลเป็นผู้ชายคงรู้สึกชอบใจที่ได้ทำงานร่วมกับคนตรงหน้า

 เธอคนนั้นยืนกอดอกพิงประตูมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตานั้นนิ่งเฉยเสียจนเธอเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จากที่ชื่นชมนรีกมลลดลงมาเป็นหงุดหงิดใจแทน

“คุณนรีกมลใช่ไหม” เสียงที่ทุ้มกว่าของเธอกล่าวเรียบๆ

“ใช่ค่ะ” นรีกมลส่งยิ้มบางแล้วก้มหน้าตอบสงบเสงี่ยม

“ฉันวรินทร์ คุณคงรู้จากท่านประธานแล้ว” หลังนรีกมลรับคำคนตรงหน้าก็พูดต่อ “วันนี้ยังไม่เป็นไร แต่วันต่อๆ ไปคุณต้องมาเร็วกว่าฉัน ฉันจะมาถึงที่นี่ประมาณเจ็ดโมงครึ่ง และต้องเจอเอกสารแฟ้มงานตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน…เข้าใจไหม”

เจ็ดโมงครึ่ง! นรีกมลตะโกนก้องในใจ เช้าไปไหนคะคุณเจ้านาย

“รับทราบค่ะ”

“ดี แต่จะดีมากถ้าคุณเงยหน้าขึ้นมาสบตาคู่สนทนา ฉันจะได้ไม่ถูกตำหนิว่าอบรมเลขาไม่ดี” เสียงทุ้มส่อแววตำหนิทำให้นรีกมลเงยหน้าขึ้นมาสบตาทันที นัยน์ตาหวานซึ้งสบกับนัยน์ตาดำจัดแวววาวที่จ้องตอบกลับมา นรีกมลได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ

ฉันไม่สบตาก็เพราะสายตาโหดๆ ของคุณเจ้านายนี่แหละค่ะ คนอะไรหน้านิ่งแต่แววตากลับดุเสียยิ่งกว่าอะไร

“ขอแฟ้มงานล่าสุดมาด้วย” ตั้งท่าจะเดินกลับเข้าไปก็หันกลับมาสั่งงานต่อเหมือนนึกได้ “ขอกาแฟด้วยนะ ใส่น้ำตาลสองช้อน”

“มันไม่ขมไปเหรอคะ” พูดไปแล้วนรีกมลก็นึกอยากตบปากตัวเองที่เผลอหลุดปากพูดอะไรไม่สมควรออกไป

วรินทร์หรี่ตามองหน้าเธอนิ่ง นรีกมลเบนสายตาหลบอย่างไม่อยากสบตา

“เรื่องของฉัน” ว่าแล้วเจ้านายก็ปิดประตูเสียงดังปังให้เธอได้สะดุ้งจนตัวโหยง แล้วรีบลนลานไปชงกาแฟให้เจ้านายหน้านิงดื่ม

วันแรกก็น่ากลัวซะแล้ว จะอยู่ยืดหรือเปล่าเนี่ย…นรีกมลคิดอย่างเหนื่อยใจ



การประชุมในวันนี้ เป้าหมายและจุดประสงค์หลักอยู่ที่การแนะนำรองประธานบริษัทคนใหม่แก่บอร์ดบริหารและกรรมการบริษัท ท่าทางสุขุมสง่างามของวรินทร์ ทำให้คณะกรรมการรวมทั้งพนักงานระดับสูงต่างมองด้วยสายตาชื่นชม เลขานุการอย่างนรีกมลที่ติดสอยห้อยตามเจ้านายมา แอบเห็นพนักงานชายบางคนจ้องเจ้านายของเธออย่างไม่ละสายตา แต่วรินทร์ก็ไม่สนใจ หญิงสาวยิ้มให้คนในห้องอย่างที่ไม่เคยจะยิ้มให้เธอ…เห็นแล้วหงุดหงิดใจ

สร้างภาพ! นรีกมลค่อนขอด

สิ่งที่ทำให้นรีกมลหงุดหงิดอีกอย่าง คือเหล่าบรรดาพนักงานทั้งหลาย ที่พากันมาเดินวนเวียนผ่านหน้าห้องทำงานของเธอ ราวกับว่าสายตาของพวกเขาจะสามารถมองทะลุประตูไม้หนา ผ่านเข้าไปเห็นคนในห้องได้อย่างใดอย่างนั้น เพื่อนร่วมงานบางคนถึงกับเดินมาถามที่โต๊ะด้วยความสนใจ

“คุณวรินทร์เป็นไงบ้าง สวยป่ะไนน์”

“สวยดิ หน้านี่คมเชียว หุ่นดีอย่างกับดารา” นรีกมลตอบอย่างเสียไม่ได้ “แต่นิสัย…เอ่อ ดะ ดีมากเลย ใจดี๊ใจดี”

หญิงสาวรีบเปลี่ยนจากคำว่า นิสัยก็งั้นๆ เผด็จการ แถมยังเอาแต่ใจ เป็นประโยคชมเชยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับไปหาคนสนับสนุนแต่ก็พบว่า…หายไปแล้ว

หันกลับมาทางเดิมก็เจอกับหน่วยตาคมที่จ้องกลับมานิ่ง นรีกมลนึกอยากมุดหน้าลงไปใต้โต๊ะ นึกโกรธตัวเองว่าทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงของอีกคนเลย

จะโดนวีนไหมเนี่ย…

“คุณ ไปทานข้าวเถอะ เที่ยงแล้ว” ประโยคสั้นๆ จากคนเสียงทุ้มทำให้นรีกมลถึงกับตาโตก่อนมองตามแผ่นหลังของคนสวยที่เดินไปยังลิฟท์

“เดี่ยวสิคะคุณรินทร์” นรีกมลรวบของบนโต๊ะอย่างเร่งรีบ มือตวัดคว้ากระเป๋าสะพายใบโต ก่อนวิ่งกระหืดกระหอบไปหาเจ้านายคนสวย ที่ผินใบหน้ากลับมามองเพียงนิด

“ว่าไง”

“จะไปไหนคะ”

วรินทร์มองเธอนิ่งพลางเลิกคิ้วสวย “ไปทานข้าวสิ”

“เอ่อ…” นรีกมลลังเล แต่ก็เอ่ยถามไปในที่สุด “จะไปทานที่ไหนคะ”

“ไม่รู้สิ”

อ้าว…ไม่รู้แล้วจะลงลิฟต์ไปที่ไหน

“ฉันกะจะหาร้านแถวนี้ดู” คนสวยตรงหน้าตอบอย่างไม่ยี่หระ “แล้วคุณล่ะ”

“เอ่อ…ฉันนัดเพื่อนไว้ที่โรงอาหารชั้นสองน่ะค่ะ”

วรินทร์พยักหน้ารับรู้ พอดีกับลิฟต์ที่เคลื่อนตัวมาชั้นนี้พอดิบพอดี

“ลงลิฟต์ไปด้วยกันสิคุณนรีกมล”

“อะไรนะคะ”

“ฉันบอกว่า…” วรินทร์เอ่ยช้าๆ ชัดๆ “ลงลิฟต์ไปด้วยกันสิ”

“แต่นี่ลิฟต์สำหรับผู้บริหาร” ท่าทางลังเลของเลขาทำให้วรินทร์หงุดหงิดเล็กน้อย…เธอไม่ชอบคนทำอะไรชักช้าอืดอาด

“ตามใจ”

“ดะ เดี๋ยวค่ะคุณรินทร์”

นรีกมลใช้มือขวางลิฟต์ที่กำลังจะปิดให้เปิดออก เงยหน้าขึ้นสบตาที่เบิกโตอย่างตกใจของอีกคน ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้เจ้านายตาโตยิ่งกว่าเดิม

“ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ”



เพราะมีเจ้านายมานั่งรับประทานอาหารมื้อกลางวันด้วยกัน ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด ตามปกตินิสัยผู้หญิง เวลามานั่งรวมกันเยอะๆ จะเม้าท์นู่นเม้าท์นี่จนกว่าจะหมดเวลา นรีกมลเหล่มองเจ้านายคนสวยที่นั่งตักอาหารเข้าปากเงียบๆ

“ไนน์พาคุณวรินทร์มาทานข้าวที่นี่ได้ยังไง คิดอะไรอยู่” สุดารัตน์แผนกบัญชีที่เพิ่งชิ่งหนีจากโต๊ะทำงานเธอมาเมื่อกี้ กระซิบถามอย่างสงสัย

สุดารัตน์พยักเพยิดไปทางโต๊ะอื่นๆ ที่มองมายังรองประธานบริษัทคนใหม่ ที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเธออย่างสนใจ

“ไม่รู้สิ” นรีกมลทำหน้านึกก่อนกระซิบตอบ “คุณรินทร์ยังไม่คุ้นที่คุ้นทางที่นี่สักเท่าไหร่ เกิดหลงทางขึ้นมา ฉันก็ซวยน่ะสิ”

“ก็จริง แต่พามานั่งรวมกับพวกเรา ให้ตายสิไนน์! เดี๋ยวทำอะไรไม่ดีโดนไล่ออกขึ้นมาจะทำไง”

“ไม่หรอกมั้ง” นรีกมลเอ่ยเสียงอ่อย พลางใช้สายตามองเจ้านายที่กำลังสนทนากับเอมิตาที่ช่างหาญกล้าชวนคุย

“คุณรินทร์กลับเมืองไทยนานหรือยังคะ” เอมิตาถาม

“สองอาทิตย์เองค่ะ”

“งั้นก็ยังไม่คุ้นเส้นทางที่นี่สิคะ”

“ค่ะ กรุงเทพฯ ตรอกซอกซอยเยอะ ฉันยังไม่ชินเท่าไหร่ ขับมาบริษัทได้ก็ดีแล้วค่ะ”

“แล้วคนขับรถล่ะคะ” เมษาที่นั่งข้างสุดารัตน์ผสมโรงถาม

“ฉันชอบขับรถเองมากกว่า”

“แล้วคุณรินทร์ไม่สนใจรับสมัครสารถีหนุ่มหล่อมาขับรถให้หรือคะ” นรีกมลจิกตาใส่เพื่อนสาวเป็นสัญญาณให้เงียบๆ ปากไว้

เมื่อตอนเช้าแค่เธอถามเรื่องกาแฟ วรินทร์ยังดุเลย นับประสาอะไรกับเรื่องส่วนตัว เดี๋ยวคุณเจ้านายโกรธขึ้นมาได้วายวอดกันทั้งโต๊ะ

วรินทร์นิ่งเงียบให้คนมองเริ่มใจแป้ว…เอาแล้วไง ยัยเอมนะยัยเอม

“ยังไม่สนใจค่ะ ใช่ไหมคุณนรีกมล” จู่ๆ วรินทร์ก็หันมาถามเธอเสียงเรียบ นัยน์ตาดำวาววับอย่างต้องการคำตอบ นรีกมลขมวดคิ้วพลางระดมสมองคิดอย่างหนักว่าวรินทร์ต้องการอะไรจากเธอกันแน่

“ไนน์เขามีคู่หมั้นคู่หมายคอยเป็นสารถีอยู่แล้วค่ะ” สุดารัตน์ตอบแทนเพื่อนสาวที่นั่งนิ่งไม่เปิดปากพูดซักที นรีกมลมองหน้าเจ้านายคนสวยที่ยังสบตาเธอนิ่งนาน แล้วเบนสายตาก้มหน้ามองมือตัวเอง

นรีกมลรู้สึกเกรงใจคนหน้าสวย ไม่รู้ทำไมต้องเกรงใจ…ทำไมกันนะ

ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ วรินทร์ก็ขอตัวลุกจากโต๊ะอาหาร ปล่อยให้คนทั้งสี่ที่ยังนั่งทานอาหารกันอยู่มองตามเจ้านายที่นำจานอาหารของตัวเองไปวางในอ่างเตรียมล้างอย่างแปลกใจ

รองประธานเก็บจานเอง…เป็นภาพที่สร้างรอยยิ้มเอ็นดูให้แก่คนมอง

เมื่อวรินทร์เดินพ้นไปแล้ว ขาเม้าท์ก็กลับมาทำหน้าที่หลังทนอึดอัดมานาน

“คุณรินทร์น่ารักเนาะ” เมษาเปิดประเด็น

“อือ ไม่ถือตัวด้วย ถ้าฉันรวยอย่างนั้นนะ ไม่ลงมาทานอาหารที่นี่หรอก คนเยอะอึดอัดจะตาย” เอมิตาเสริม

“เห็นหน้าอย่างนั้นฉันนึกว่าหยิ่ง” สุดารัตน์กล่าว “นิ่งๆ เชิดๆ สวยๆ เพอร์เฟกที่สุด ถ้าเป็นผู้ชายนะฉันจะจีบ”

“เอาจริงดิ” เมษาตกใจตาโต “เขาไม่สนหรอก คนระดับนั้นน่ะต้องผู้ชายหล่อๆ รวยๆ นู่น”

“ใช่ ไนน์โชคดีนะที่ได้คุณรินทร์เป็นเจ้านาย”

นรีกมลยิ้มรับ ใจคิดถึงเจ้านายสาวที่นิสัยออกจะแปลกประหลาดสำหรับเธอไปสักหน่อย คนภายนอกอาจจะมองวรินทร์ว่าดี แต่เวลาอยู่กับเธอกลับไม่เป็นอย่างนั้น เจ้านายคนสวยเข้มงวดมากกับเรื่องงาน ซึ่งเธอยอมรับและเข้าใจได้ แต่ไอ้พวกคำพูดอย่าง

“เรื่องของฉัน”

“ตามใจ”

หรือกิริยาไม่ดีบางอย่างที่บ่งบอกถึงความเอาแต่ใจ ถ้าลดมันไปได้ นรีกมลจะแฮปปี้ที่สุดแล้ว แต่โดยรวมเธอยอมรับเลยว่า…วรินทร์ก็เป็นเจ้านายที่ดีเหมือนกัน



เดือนและวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตประจำวันของนรีกมลก็ยังเหมือนเดิม เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน ต่างกันแค่วันนี้หญิงสาวต้องแพ๊คกระเป๋าตามเจ้านายคนสวยไปประชุมนอกสถานที่

จังหวัดตรังคือจุดหมายปลายทาง

กว่าทั้งคณะจะเดินทางถึงโรงแรมริมทะเลก็เย็นย่ำซะแล้ว ด้วยความที่คณะเดินทางมีแต่ผู้ชาย ยกเว้นวรินทร์และนรีกมลที่เป็นผู้หญิง ทั้งสองคนจึงจำต้องพักห้องเดียวกันอย่างช่วยไม่ได้ นรีกมลพยายามทำใจกล้าถามเจ้านายคนสวย ที่ถือกุญแจห้องพักเดินนำเข้าลิฟต์ไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“คุณรินทร์คะ จะพักห้องเดียวกับฉันจริงๆ หรือคะ” เธอถามเมื่อทั้งสองอยู่ในลิฟต์เรียบร้อย

“เธอจะให้ฉันไปพักกับพวกผู้ชายหรือไง” เสียงทุ้มตอบ นรีกมลคาดว่าดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีดำคงจ้องเธอด้วยแววตาดุเหมือนเคย

“มะ ไม่ใช่ค่ะ” ไม่รู้ทำไมเธอถึงยังไม่ชินกับบรรยากาศแบบนี้เวลาอยู่กับเจ้านายสักที รู้สึกเกลียดความงุ่มง่ามเงอะงะของเองนิดๆ “ฉันหมายถึงระดับคุณไม่ต้องพักกับพนักงานอย่างฉันก็ได้”

“ระดับฉันกับเธอต่างกันตรงไหน” วรินทร์ผินหน้ากลับไปมองตรง “หรือว่าเธออยากพักกับพนักงานชายพวกนั้น”

ประโยคแรกนี่ดีเชียว แต่ประโยคหลังเนี่ย…น่าตีปากนัก

ไร้บทสนทนากันชั่วครู่เมื่อทั้งสองก้าวออกจากลิฟต์ แล้วเดินไปตามทางเดินของโรงแรม

“ไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ” จู่ๆ นรีกมลก็เอ่ยเสียงแข็งเรียกกิริยาจากอีกคนให้หันกลับมามอง

“เธอโกรธฉันเหรอไง” วรินทร์พูดกลั้วหัวเราะ

“ไม่นี่คะ”

“โทษทีที่พูดแรงไป” ริมฝีปากอิ่มนั้นยิ้มอ่อนๆ มาให้เธออย่างขอโทษขอโพย นรีกมลเห็นแล้วนึกอยากให้เจ้านายสาวยิ้มอย่างนี้ทุกวัน…ยิ้มแล้วสวยทำไมไม่ยิ้มกันนะ เธอไม่เข้าใจ

“ก็รู้นี่เหลือเศษมาหนึ่งคน ถ้าฉันนอนคนเดียว เธอจะต้องนอนกับใครถ้าไม่ใช่กับผู้ชายพวกนั้น นอนกับฉันน่ะดีแล้วให้พวกผู้ชายนอนห้องเดียวสามคนก็แล้วกัน”

ได้ฟังเจตนาของคนสวยข้างตัวแล้ว ใจขุ่นๆ ก่อนหน้าก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

“เข้าห้องกันเถอะ” ว่าแล้วก็หันมายิ้มกว้างให้เสียเฉยๆ

ว๊าย! อกอีแป้นจะแตก…สวยซะจนอิจฉา

นรีกมลทำปากจู๋ใส่แผ่นหลังคนที่เดินนำเข้าห้องไปอย่างหมั่นไส้




วรินทร์บิดตัวเพื่อคลายอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อจากการนั่งจดจ่อทำงานหน้าโน๊ตบุ๊ค กำลังจะลุกไปหาอะไรดื่มแก้กระหาย ก็พอดีกับนรีกมลที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ร่างบางที่สวมชุดนอนเรียบร้อยเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มือเรียวหยิบไดร์เตรียมเป่าผม แต่จังหวะนั้น นัยน์ตาหวานดันเผลอไปสบเข้ากับหน่วยตาสีเข้มผ่านเงาสะท้อนบนกระจก แววตาวาววับทำให้เธอกระดากอายอย่างประหลาด

แค่มองเฉยๆ เอง…นรีกมลส่ายหัวไล่ความรู้สึกนั้นออกไป

นรีกมลลอบมองวรินทร์ที่ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัว ก่อนจะเดินนวยนาดเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่เร่งรีบ ไม่นานเสียงน้ำจากฝักบัวก็ดังออกมาให้ได้ยิน คนที่ไดร์จนผมแห้งแล้วไม่มีอะไรทำจึงเดินมานั่งที่ปลายเตียงเพื่อเปิดทีวีดูคั่นเวลา

เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำให้นรีกมลหันไปมองอย่างสนใจ วรินทร์ที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขายาวสีเทาโปร่งสบาย ผมยาวดำขลับเปียกลู่ไปกับใบหน้าสวยคมสีน้ำผึ้งอย่างน่าดู

…หน้าใสจัง

คนที่ถูกลอบมองเดินไปไดร์ผมตัวเอง นรีกมลเบนสายตากลับมาจ้องทีวีตาแป๋ว แต่ก็ยังแอบเหล่มองบ้างเป็นบางที…ชีวิตมันเครียดนะที่ต้องมาพักห้องเดียวกับเจ้านาย ทำตัวสกปรกก็ไม่ได้ เป็นตัวของตัวเองก็ลำบาก

“ดูทีวีรู้เรื่องเหรอนั่น” เจ้านายคนสวยมองสบตาผ่านทางกระจกด้วยความสงสัย

“รู้เรื่องค่ะ ทำไมเหรอคะ”

“เสียงไดร์เป่าผมมันดัง ฉันกลัวรบกวนเธอน่ะ” วรินทร์ส่งยิ้มบางๆ มาให้ ทำเอาคนมองใจสั่นไหวยังไงก็ไม่รู้

“ไม่เป็นไรค่ะ” นรีกมลส่งยิ้มกลับไป

ไม่รู้เป็นเพราะคำพูดของวรินทร์หรือเป็นเพราะอะไร ถึงทำให้นรีกมลดูทีวีไม่รู้เรื่องเอาเสียจริงๆ เธอได้แต่มองตามกิริยาของเจ้านายสาวอย่างไม่รู้จะทำอะไร

วรินทร์ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นจรดริมฝีปาก ลำคอขยับขึ้นลงเป็นจังหวะตามการดื่ม ทำเอาคนมองรู้สึกกระหายตาม

แต่แล้วจู่ๆ วรินทร์ก็สำลักจนน้ำหกเลอะเทอะเสื้อกล้ามสีขาวเสียอย่างนั้น

“แค่ก แค่ก”

“คุณรินทร์” นรีกมลกุลีกุจอหาทิชชู่มาให้คนที่ยังสำลักไม่หยุด

มือเรียวสีน้ำผึ้งรับไปเช็ดเสื้อเช็ดปากอย่างลวกๆ นรีกมลยืนมองนิ่งๆ แต่สายตานดันซุกซนมองไล่ไปตามเสื้อกล้ามสีขาวที่เปียกชื้น ซึ่งบางจนมองเห็นอะไรภายในชัดเจน

อืม…เยอะเหมือนกันนะเนี่ย

“มองอะไร” วรินทร์ว่าแล้วก็ไอต่อเสียหลายที นรีกมลรีบเบนสายตาออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว

“คือเสื้อน่ะค่ะ ยังเปียกอยู่เลย”

วรินทร์มองนรีกมลที่แย่งทิชชู่ไปจากมือเธอแล้วเช็ดตรงที่เปียกให้อย่างระมัดระวัง

ยังไม่ทันจะเช็ดเสร็จ นรีกมลก็จำต้องหยุดการกระทำทั้งหมด เมื่อมือเรียวสีน้ำผึ้งจับมือเธอให้หยุดไว้เสียก่อน

นรีกมลเงยหน้าขึ้นไปหมายจะถาม ก็เจอะเข้ากับใบหน้าสวยสง่าจนต้องหยุดนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นดวงตาคมสีดำจัดวาววับเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร บังคับไม่ให้นรีกมลเบี่ยงหน้าออกเมื่อวรินทร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้…ใกล้เรื่อยๆ จนได้ยินแม้เสียงลมหายใจ

ใกล้…จนจมูกเกือบสัมผัสกัน

“ฉันเช็ดเองดีกว่า”

นรีกมลสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ มองตามคนที่ผละตัวออกไปหยิบทิชชู่ผืนใหม่มาเช็ดเสื้อตัวเอง

“นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงาน” วรินทร์เช็ดไปก็หันมาสั่งเสียงเข้ม

“ฉันยัง…เอ่อ นอนก็ได้ค่ะ” เปลี่ยนประโยคทันทีหลังเห็นอีกคนเลิกคิ้วสูง

“ดีมากค่ะเด็กดี” วรินทร์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ แค่นั้นนรีกมลก็รีบหันหลังเดินขึ้นไปนอนบนเตียงทันที แล้วยิ่งต้องตัวแข็ง เมื่อเจ้านายสาวลงมานอนข้างกัน

ภายในห้องเหลือเพียงความสว่างจากโคมไฟบนโต๊ะข้างหัวเตียง ทำให้นรีกมลยังพอมองเห็นอะไรอยู่บ้าง
ผ้าห่มถูกยกมาคลุมคนทั้งคู่ด้วยฝีมือคนสวยข้างตัว นรีกมลหน้าขึ้นสีระเรื่อเมื่อได้เห็นใบหน้าใสชัดๆ หญิงสาวพลิกตัวหันหลัง ใจไม่นึกอยากมองหน้าเจ้านายตอนนี้

…สวยเกินไปแล้วคุณ

หลังนอนแข็งถือเป็นท่อนไม้อยู่นาน เสียงลมหายใจสม่ำเสมอทำให้นรีกมลคลายความเกร็งลง เธอพลิกตัวหันกลับมาสบกับใบหน้าสวยนั่นอีกครั้ง

“หลับไปแล้ว” พึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก การจ้องหน้าเจ้านายของตัวเองเป็นสิ่งสุดท้ายที่นรีกมลอยากจะทำ
ดีแล้วที่ค้างคืนแค่สองคืน

หากมากกว่านี้ล่ะก็…


…เธอเองก็ไม่รู้จะจัดการกับอาการตื่นเต้นของตัวเองอย่างไรดี




มาถึงจังหวัดตรังถือเป็นการเที่ยวไปในตัวสำหรับวรินทร์ ยิ่งได้มาจังหวัดที่มีทะเลอย่างนี้แล้วยิ่งทำให้เธอรู้สึกสดชื่นราวกับได้ปลดเปลื้องความเหนื่อยล้าจากงานหนักๆ ที่ได้แบกไว้

การประชุมที่จะเริ่มตอนบ่ายโมงตรง ทำให้หญิงสาวยังพอมีเวลาเดินเที่ยวเล่นเถลไถลในเช้าวันนี้

วรินทร์จับหมวกสานใบกว้างที่กำลังจะปลิวเพราะแรงลมไว้มั่น ร่างเพรียวกำลังเดินเตะทรายเพลินๆ แต่เสียงเรียกจากด้านหลังก็ทำให้ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่หุบสนิทจนเรียวปากเป็นเส้นตรง

“คุณวรินทร์! หนีเที่ยวเหรอคะ” มองกลับไปก็เห็นเลขาสาวร่างเล็กที่วิ่งตามมา แถมยังตะโกนซะเสียงดัง

“หนีตรงไหน ยังไม่เริ่มประชุมซะหน่อย”

“เออจริงสิ” วรินทร์ส่ายหน้ากับท่าทางนึกขึ้นได้ของอีกคนแล้วหันหลังเดินต่อ

นรีกมลเร่งฝีเท้าตามเจ้านายคนสวย จนในที่สุดก็เดินขนาบข้างกัน “คุณรินทร์น่าจะไปเตรียมตัวสำหรับการประชุมนะคะ ฉันเตรียมเอกสารไว้ให้คุณพร้อมแล้ว”

“เธอเป็นเจ้านายฉันหรือไง” คำตอบเรียบๆ แต่แทงทะลุใจคนฟัง

…เถียงไม่ออกสิคะแบบนี้

นรีกมลยังเดินตามเจ้านายไปเงียบๆ นึกแปลกใจกับท่าทางสบายๆ ของอีกคน ปกติเห็นเข้มงวด เจ้าระเบียบ นึกว่าสวยๆ แบบนี้จะชอบสถานที่ที่แอร์เย็นฉ่ำมากกว่ามาเดินตากแดดตากลมอย่างนี้

“อ๊ะ!”

คิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องอุทานอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ หมวกสานใบกว้างก็ถูกสวมลงมาบนศีรษะเล็กๆ ของตัวเอง พร้อมกับคำพูดห่วงใยแต่น้ำเสียงคล้ายไม่ใส่ใจของเจ้านายสาว

“ร้อนจนหน้าแดงหมดแล้ว”

“ไม่ได้ร้อนซักหน่อย” เผลอเถียงกลับอย่างอดไม่ได้ “ถ้าฉันร้อนคุณรินทร์ไม่ยิ่งร้อนกว่าเหรอคะ”

วรินทร์มองวงหน้าใสที่ขึ้นสีระเรื่อรับกับผมสีน้ำตาลอ่อนภายใต้หมวกสานใบโต ที่ปลิวสยายไปตามแรงลม แล้วอดที่เอ่ยประโยคหยอกเย้าไม่ได้

“ถูกแล้วไง เพราะตัวฉันฮ๊อตกว่าอากาศประเทศไทยซะอีก”

ประโยคนั้นเรียกปฏิกิริยาจากคนข้างกันได้เป็นอย่างดี ดวงตาหวานเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“เอิ่ม คุณรินทร์คะ ชมตัวเองได้แบบว่า…”

“แบบไหน”

“แบบ…” นรีกมลพยายามหาคำพูดที่จะไม่กระทบกับหน้าที่การงานของตัวเอง

“…แบบกำลังน่ารัก” ว่าแล้วก็หัวเราะแหะๆ ตามหลัง

วรินทร์ชะงักกึกแล้วแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัย เขยิบตัวเข้าไปใกล้คนร่างเล็ก ก่อนจะขยับปากเอ่ยคำ

“เธอต่างหากล่ะ…

เธอต่างหากที่


…น่ารัก”

พูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นแล้วชิ่งหนี หมายความว่ายังไงกัน!

นรีกมลมองตามหลังด้วยสายตาไม่เข้าใจ

วรินทร์เมาแดดหรือเปล่า บอกแล้วไงว่าให้ใส่หมวก แต่ดันมาเล่นมุกตัวเองฮงตัวเองฮ๊อตอีก

ถึงจะบ่นในใจยังไงแต่นรีกมลกลับไม่รู้ตัวเลยว่า…

ริมฝีปากกำลังยิ้มแย้มบางเบา พร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นผิดปกติไปช่วงหนึ่ง






 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.