web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 16
Total: 16

ผู้เขียน หัวข้อ: Hidden Agenda Chapter 16  (อ่าน 4807 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Hidden Agenda Chapter 16
« เมื่อ: 25 มกราคม 2014 เวลา 09:05:46 »
Chapter 16

“โอ้โหเว้ย! นึกว่าวันนี้จะมาไม่ทันซะแล้ว” ปรีชาตะโกนร้องทักเมื่อเห็นร่างของกี้รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องประชุม

สาวเซอร์ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน สองที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หันมาถาม “เป็นไรไปวะ โทรไปก็ดันปิดเครื่องเมื่อคืนหนักไปหน่อยเหรอ”

“เมื่อคืนไม่ได้กินเหล้า” กี้ตอบแล้วก็ไอออกมาอย่างหนัก “โดนฝนมา”

“ดูก็รู้ ท่าทางแกอย่างกะซอมบี้” สาวหมวยพูดแล้วเท้าคางมองเพื่อนสาว “ตาแกแดงมากเลยนะ แล้วทำไมแกไม่เปิดมือถือวะ”

กี้ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้ววางซิมการ์ดลงบนโต๊ะ “มีอยู่แค่เนี้ยะ ถ้าแกโทรหาฉันติดนี่ก็โคตรเทพแล้ว”

“อ้าวแล้วโทรศัพท์แกไปไหนวะ”

“กลายเป็นเศษพลาสติกไปแล้ว” สาวเซอร์ตอบแล้วก็ไอออกมาอีกครั้ง เธอรีบเอาหน้ากากขึ้นมาปิดปากและจมูกทันที

“เฮ้ยกี้ วันนี้เป็นเด็กแว๊นซ์เหรอวะ” ตั้มเดินเข้ามาตบไหล่ “กูเห็นลุงเชยจอดอยู่ข้างล่าง”

“อื้อ... ตื่นสายเลยรีบบิดมา”

“หาพริตตี้นั่งซ้อนท้ายได้หรือยังวะเนี่ย เอ้ย ไม่ดิ ต้องถามว่ามึงพร้อมจะเป็นพริตตี้นั่งซ้อนท้ายใครหรือยัง” หนุ่มตี๋ถามขึ้นมาอีก

“ไม่อ่ะ กูไม่ชอบใส่กางเกงขาสั้นเสมอฮี แล้วกูก็ยังไม่อยากจะมีรอยท่อติดที่ขากูด้วย” กี้ตอบแล้วเก็บซิมการ์ดลงกระเป๋า

“แหมๆ พูดตัดบทจังเลยนะมึงเนี่ย เฮ้ยกี้” ตั้มพูดขึ้นมาอีก

“อะไรของมึงอีกเนี่ย” สาวเซอร์ตอบด้วยเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก

หนุ่มตี๋มองหน้าแล้วหัวเราะออกมา “เวลามึงใส่หน้ากากแบบนี้ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นนะ”

“ไอ้สลัด! คนยิ่งปวดๆ หัวอยู่ ไปไกลๆ ตีนเลยมึง” กี้ด่าเพื่อน

ก่อนที่ตั้มจะยั่วโมโหเพื่อนต่อเขาก็ต้องรีบวิ่งไปนั่งที่เก้าอี้เพราะเจ้านายเดินเข้ามาในห้องเพื่อเริ่มการประชุม

ช่วงพักเที่ยงสองเดินคู่กับสาวเซอร์บนทางเท้าเพื่อตรงไปซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ณ ห้างสรรพสินค้าใกล้กับสถาบันฯ กี้ยังคงมีอาการไออยู่ สาวหมวยจึงลากตัวเพื่อนสาวเข้าไปที่คลีนิกที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

“หาหมอเลยมึง เดี๋ยวทริปหน้าก็ไม่ไหวอีก แล้วใครจะช่วยกูทำงาน” สองพูดเสียงเข้ม

“คนอื่นก็ช่วยมึงทำได้ แล้วทำไมต้องเป็นกู” สาวเซอร์ตอบแต่ก็ยื่นบัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่แต่โดยดีเพื่อทำบัตรผู้ป่วย

“คนอื่นทำงานไม่ดีแล้วก็ไม่ขี้บ่นเท่ามึงไง นี่กูชมนะ”

“กูดีใจอย่างสุดซึ้งเลยนะที่ได้รับคำชมจากมึง”

ช่วงระหว่างที่นั่งรอตรวจอาการกี้ก็ถามเพื่อนสาวขึ้นมาว่า “สอง... ถามจริงเหอะ ลูกสาวร้านขายยาอย่างแกทำไมถึงมาทำงานอะไรแบบนี้วะ”

“ก็เพราะฉันอยากจะทำอะไรที่แหวกแนวจากที่บ้านละมั้ง ทุกคนก็เรียนจบแล้วก็ทำงานแนวๆ นี้หมดเลย ฉันว่ามันน่าเบื่อว่ะ เบื่อกลิ่นยา ทำงานแบบนี้สนุกกว่าตั้งเยอะ ที่บ้านฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยเพราะฉันไม่ใช่ลูกที่ถูกคาดหวังว่าจะต้องสืบทอดกิจการ”

“เหรอ...”

“ถามทำไมวะ”

“ก็แค่อยากรู้ เพราะฉันเห็นว่าแกมีทางเลือกเยอะ ถ้าจะเลิกทำงานแบบนี้แล้วไปทำงานกับที่บ้าน พ่อแม่อุ้มก็คงจะยอมแกได้ง่ายกว่านี้”

สาวหมวยส่ายหน้า “ไม่เห็นเกี่ยวกับบ้านอุ้มเลย ฉันชอบของฉันแบบนี้ อุ้มก็ชอบที่ฉันเป็นแบบนี้ แกก็ยังเห็นอยู่ว่าอุ้มไม่เคยว่าอะไรฉันเรื่องงาน ฉันเข้าใจคนที่บ้านอุ้มนะว่าอยากให้ลูกสาวตัวเองคบกับคนที่ดูมีอนาคตมากกว่านี้ แต่แล้วยังไงล่ะ... แกก็ยังพูดเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าทำอะไรแล้วมีความสุขแล้วก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ทำต่อไป”

“อื้อ... ใช่”

“เป็นอะไรไปวะ คิดอะไรอยู่”

“ไม่รู้ดิ... ช่วงนี้สงสัยมึนมากไปมั้งถึงได้คิดอะไรออกมาแปลกๆ” สาวเซอร์ตอบ หลังจากนั้นเธอก็ถูกเรียกเข้าตรวจอาการ

สองยืนมองเพื่อนที่กำลังยืนฟังเจ้าหน้าที่บอกตัวยาแต่ละชนิดว่ากินเวลาไหนบ้างด้วยสายตากังวล วันนี้ดูกี้แปลกๆ ไป ไม่เหมือนกับคนที่เธอรู้จัก ดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

“กี้... แกบอกนัสไปยังว่าแกชอบเค้า” สาวหมวยถามหลังจากที่เดินออกมาจากคลินิกแล้ว

“ไม่ได้บอก... ไม่รู้ว่าบอกแล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้น”

“หมายความว่ายังไงวะ”

“หมายความว่าถ้าฉันบอกแล้วจะยังไงต่อล่ะ... คิดว่าคนอย่างวีนัสจะมาคบกับคนอย่างฉันเหรอ... ไม่รู้ดิคิดว่าอยู่อย่างนี้น่ะดีแล้ว” สาวเซอร์ตอบ

“แล้วแกทนได้เหรอถ้าเห็นคนที่แกชอบไปคบกับคนอื่น”

“ก็มันเป็นสิทธิ์ของเค้านี่... ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ”

สองส่ายหน้า “เออ... แต่แกก็มีสิทธิ์เหมือนกัน สิทธิ์ที่จะเดินเข้าไปบอกเค้าว่าแกชอบเค้า ไม่ใช่ยืนบื้อส่งโทรจิตไปบอกเค้าอยู่แบบนี้”

“ฉันไม่ได้เป็น X-Men สักหน่อยถึงส่งพลังจิตไปบอกใครเค้าได้” กี้ตอบแล้วรีบสาวเท้าเดินนำเพื่อนสาวไป สาวหมวยถอนหายใจแล้วเดินตามไปเงียบๆ

สองสาวเดินดูโทรศัพท์มือถืออยู่ที่หน้าร้าน เจ้าของร้านก็แนะนำโทรศัพท์รุ่นนั้นรุ่นนี้ให้กับสาวเซอร์แต่ดูเหมือนเจ้าตัวก็ยังไม่ถูกใจ

“ตกลงแกอยากได้มือถือรุ่นไหนวะเนี่ย”

“รุ่นที่ทนๆ ใช้ง่ายๆ ราคาถูกๆ”

“ทำไมไม่เอาสมาร์ทโฟนวะ อย่างน้อยๆ เวลาออกต่างจังหวัดมันก็สะดวกกว่าถ้าจะต้องเช็คเมล์”

กี้ส่ายหน้า “ไม่ชอบ... ถึงฉันจะเห็นด้วยกับคำพูดแกแต่ก็คิดว่าไอ้สมาร์ทโฟนที่แกว่าอ่ะคนทำๆ ออกมาให้ได้เป็นร้อยอย่าง แต่ก็เห็นพวกแม่งใช้เล่นอยู่แค่เฟสบุ๊คกับไลน์”

“เออ กูรู้... ไม่สบายแล้วยังจะมีแรงกวนตีนอีกนะมึง ตกลงเอาไงจะซื้อรุ่นไหนจะได้รีบๆ กลับ” สองพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด

“ยังไม่เอาอ่ะ”

“ไม่เอา... แล้วกูจะโทรหามึงยังไง ใกล้จะออกทริปแล้วนะเว้ย”

“เออน่า... เดี๋ยวถ้ามีแล้วกูจะโทรไปบอกมึงเอง กลับเหอะ... เออ... กูขอไปส่งใบลาป่วยบ่ายนี้กับพรุ่งนี้นะ กูอยากนอน” สาวเซอร์พูดแล้วเดินนำเพื่อนสาวไปอีกครั้ง

...

“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ The number you dialed cannot be connected”

วีนัสได้ยินเสียงนี้เป็นครั้งที่ 100 หลังจากที่เธอไม่สามารถติดต่อกับกี้ได้เกือบ 2 วันแล้ว ดาราหน้าหวานนั่งกระสับกระส่ายอยู่ในห้องแต่งตัวภายในสตูดิโอที่กำลังรอถ่ายหนังพลางนึกเป็นห่วงสาวเซอร์ว่าทำไมถึงไม่โทรมาหาเธอ

“เป็นอะไรของเค้านะ” ดาราสาวบ่นแล้วกดโทรศัพท์อีกครั้ง แต่เสียงที่ได้ยินก็ยังเป็นเสียงระบบตอบรับเหมือนเดิม เธอนึกบ่นกับตัวเองว่าทำไมถึงไม่ขอเบอร์ที่บ้านของอีกฝ่ายมาเก็บเอาไว้ติดต่อในช่วงเวลาแบบนี้บ้าง

ด้วยความเป็นห่วงบวกกับความหงุดหงิดที่ติดต่อกี้ไม่ได้ วีนัสจึงตัดสินใจโทรหาสอง เธอคิดว่าสาวหมวยน่าจะรู้ข่าวคราวของคนที่เธออยากคุยด้วยได้

“สอง... นี่นัสเองนะ”

“จ้า... มีอะไรเหรอ” สองกรอกเสียงลงโทรศัพท์

ดาราหน้าหวานได้ยินเสียงจ็อกแจจอแจอยู่รอบๆ สาวหมวย เธอจึงถามออกไปว่า “สองยุ่งอยู่หรือเปล่า นัสโทรมากวนมั้ย”

“พอได้ๆ แต่คงจะคุยได้ไม่นานน่ะพอดีกำลังเตรียมงานออกต่างจังหวัดอยู่ ขาดไอ้กี้ไปคนนึงงานก็เลยเยอะกว่าที่เคยน่ะ”

“กี้ไปไหนเหรอ...” ดาราสาวถามทันทีเมื่อเธอได้ยินเสียงตอบจากปลายสาย

“อ้าว มันไมได้โทรหานัสเหรอ... มันไม่สบายน่ะ”

“ไม่สบายเป็นอะไร... นัสพยายามโทรหากี้แล้วก็ติดต่อไม่ได้ตลอดเลย”

“อ้าวไอ้นี่หนิ ทำไมยังไม่ซื้อมือถือใช้อีกวะเนี่ย” สาวหมวยบ่น “เป็นหวัด เห็นว่าตากฝนน่ะ แล้วก็มือถือพังก็เลยติดต่อไม่ได้ สองพยายามพามันไปซื้อมือถือแล้วนะ แต่ไม่เห็นมันจะซื้อสักเครื่องเลย”
วีนัสทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “ตอนนี้กี้นอนอยู่บ้านเหรอ”

“อื้อ ส่งใบลาน่ะ พรุ่งนี้ก็คงมาทำงานล่ะเพราะมีประชุมกับพวกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ”

“เหรอ...”

“นัสๆ สองขอถามอะไรหน่อยสิ”

“อะไรเหรอคะ”

“เพื่อนของนัสที่ชื่อจอมน่ะ... ที่สองเคยเจอที่สำเพ็งน่ะ... ดูเหมือนเค้าจะไม่ค่อยชอบกี้นะ เท่าที่สองสังเกตตอนที่ออกทริปคราวที่แล้ว”

“ทริปคราวที่แล้ว” ดาราหน้าหวานทวนด้วยเสียงงงๆ “หมายความว่ายังไงน่ะสอง นัสไม่เข้าใจ”

“ก็ทริปที่ไปจังหวัดตากเมื่อคราวที่แล้วไง มีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงฯ มาด้วย 4 คน คุณจอมเค้าบอกว่าเค้าเป็นนักเรียนทุนแล้วก็มาใช้ทุนที่กระทรวงฯ นี้ล่ะ”

“กี้ไม่เห็นบอกนัสเลย แล้วที่สองบอกว่าดูเหมือนจอมจะไม่ชอบกี้นี่ยังไงเหรอ”

“เหรอ... ก็แค่เห็นว่าชอบพูดเหน็บๆ กี้ มองกี้ด้วยสายตาแปลกๆ น่ะ แล้วอยู่ๆ ก็ชวนกี้ดวลเหล้าซะเฉยๆ เลย... แต่คงไม่มีอะไรมั้ง สงสัยสองคิดมากไปเอง”  สองพูด

“จอมทำแบบนั้นเหรอ... แล้วชวนกี้กินเหล้าด้วย”

“ฮื่อ... แต่คุณจอมเค้าแพ้ไอ้แสบนั่นหลุดลุ่ยเลยนะ ไม่รู้ว่าคราวหน้าจะกล้าท้าดวลอีกหรือเปล่า เพราะพวกสองเองก็แซวเอาไว้เยอะว่าถ้าใครแพ้ถือว่าอ่อน”

ดาราสาวขมวดคิ้ว... เธอเข้าใจว่าจอมพยายามทำให้เธอกลับไปคืนดีด้วย แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมกี้ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังเลย

“เอ่อ... เหรอ... แล้วทริปหน้าไปกันเมื่อไหร่ล่ะ”

“เดินทางปลายอาทิตย์หน้าน่ะ พวกสองไปก่อนตามเคยส่วนพวกที่กระทรวงฯ นั่งเครื่องตามไปทีหลัง ส่วนทริปกับบริษัทของนัสก็... เลื่อนไปอีก 3 เดือนเลยล่ะ”

“อื้อ... ขอบคุณมากนะสอง นัสไม่กวนสองทำงานแล้วล่ะ”

“จ้า... ถ้านัสจะไปหาไอ้ตัวแสบที่บ้านละก็สองขอฝากตบมันทีนึงนะ โทษฐานทิ้งงานเอาไว้กับไม่ยอมซื้อมือถือ คนจะโทรไปถามงานนี่ติดต่ออะไรมันไม่ได้เลยจริงๆ โคตรจะเซ็ง”

วีนัสหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ค่ะ... ถ้านัสไปแล้วจะบอกให้นะ”

เมื่อดาราหน้าหวานทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ เธอก็รีบขับรถออกจากกองถ่ายเพื่อตรงไปที่บ้านของสาวเซอร์อย่างรวดเร็ว

...
วีนัสทักทายน้ากานแล้วรีบขออนุญาตขึ้นไปหากี้บนห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ไม่พบสาวเซอร์

“ไปไหนอีกล่ะเนี่ย ไหนบอกว่าไม่สบายไง” ดาราหน้าหวานพูดอย่างหัวเสีย แล้วก้าวเท้าเข้าไปในห้อง
เมื่อดาราสาวหันไปมองเห็นกีต้าร์เธอก็ต้องใจแล้วเดินไปนั่งดูใกล้ๆ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย” เธอพูดเบาๆ แล้วเริ่มแกะเทปกาวออก

วีนัสใช้เวลาอยู่เกือบๆ 5 นาทีกว่าที่จะแกะถุงดำที่หุ้มกระเป๋ากีต้าร์ออก และเธอก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นถุงกันกระแทกและซองดูดความชื้นอัดแน่นอยู่ภายในอีกชั้นหนึ่ง

“ทำบ้าอะไรของเค้านะ” ดาราหน้าหวานพูดแล้วลงมือแกะกีต้าร์อีกครั้งจนกระทั่งเหลือแต่กระเป๋าเปล่าๆ  ส่วนข้างๆ นั้นเป็นขยะกองใหญ่ เธอค่อยๆ หอบกองขยะนั้นออกไปทิ้งในถุงใบใหญ่นอกห้องแล้วเดินกลับมาที่ห้องอีกครั้ง

ดาราสาวรูดซิปกระเป๋าลงแล้วเปิดดูด้านใน กีต้าร์แห้งสนิทและยังคงดูเหมือนเดิม เธอดึงปิ๊กกีต้าร์ที่มีลายเซ็นของเธอออกมาดู วีนัสแอบเซ็นลายเซ็นตัวเองลงไปก่อนที่จะส่งกีต้าร์ตัวนี้ให้กับเจ้าของห้อง
เสียงเปิดประตูห้องทำเอาดาราหน้าหวานสะดุ้ง เมื่อเธอหันไปก็พบกับกี้ที่มองเธอแบบงงๆ แล้วก็เดินไปนอนบนเตียงโดยที่ไม่ทักทายเธอเลยแม้แต่น้อย ดาราสาวรีบเก็บกีต้าร์แล้วเดินไปนั่งข้างๆ เจ้าของห้องที่นอนคว่ำหน้าอยู่

“คุณ...”

“หือ...” เสียงรับคำออกมาน้อยๆ แต่ก็ไม่หันมา

“นี่ไม่กะทักทายฉันหน่อยหรือยังไง”

สาวเซอร์หันหน้ามาหาแขก เธอลืมตาขึ้นมามองอีกฝ่ายเล็กน้อยแล้วหลับตาลงเหมือนเดิม

“หวัดดี... ดาว”

“ลุกขึ้นมาคุยดีๆ หน่อยได้มั้ย” วีนัสพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“มึนหัว”

“แล้วเมื่อกี้ไปไหนมา... ฉันมาถึงนานแล้วนะ”

“ขึ้นไปตากผ้ามา... วันนี้คำหล้ามีสอบที่ กศน.” กี้ตอบด้วยเสียงแหบแห้ง

ดาราหน้าหวานเป่าปากเสียงดังราวกับเธอไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนที่นอนอยู่บนเตียงแบบนี้ดี เธอยื่นมือไปแตะที่หน้าผากและลำคอของอีกฝ่าย

“ตัวคุณอุ่นๆ เห็นสองบอกว่าคุณไม่สบาย”

“โทรไปหาสองมาเหรอ... แล้วสองมันว่ายังไงบ้างล่ะ”

“สองมีของฝากมาให้คุณด้วย จะดูมั้ย”

สาวเซอร์ลืมตาแล้วค่อยๆ ชันตัวขึ้นมานั่ง ใบหน้าของเธอซีดและโทรม “อะไรอ่ะ”

ดาราสาวตบแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ แต่ก็แรงพอที่จะทำให้รู้สึกเจ็บ กี้หลับตาพร้อมกับกัดริมฝีปากเพื่อระงับความเจ็บ

“สองฝากตบนี้มาโทษฐานทิ้งงานเอาไว้กับไม่ยอมซื้อมือถือ... แล้วนี่ก็คือส่วนของฉัน” วีนัสตบแก้มอีกข้างหนึ่งของเจ้าของห้องด้วยน้ำหนักที่แรงกว่าเมื่อครู่ คราวนี้คนถูกตบถึงกับส่งเสียงร้องซี้ด

“โทษฐานที่ทำให้เป็นห่วงแล้วก็ไม่ยอมบอกว่าคุณเจอจอมตอนที่ออกทริป”

สาวเซอร์ยกมือขึ้นลูบแก้มทั้งสองแล้วมองดาราหน้าหวานแบบเคืองๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งแล้วหันหลังให้อีกฝ่าย

“นี่... ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ เลย ลุกขึ้นมาเลยนะ” ดาราสาวพูดเสียงเข้ม

กี้ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง “พอใจหรือยัง” เธอพูดออกมาเสียงเรียบ

วีนัสขยับตัวเข้าไปใกล้เจ้าของห้อง “อื้อ... ทำไมไม่บอกฉันเรื่องจอม”

“ก็ไม่อยากให้คุณเครียด” สาวเซอร์ตอบออกมาสั้นๆ

“ไม่อยากให้ฉันเครียดแต่ฉันต้องมาเห็นคุณเป็นแบบนี้เหรอ แบบนั้นไม่เอาด้วยล่ะ” ดาราหน้าหวานพูด

“ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะฉันทำตัวของฉันเองต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวกับแฟนเก่าคุณสักหน่อย” กี้พูดเสียงเรียบ เธอมองหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดต่อไปว่า “ฝนตก ฉันโดนฝน โดนคนชนมือถือเลยตกพื้นแล้วก็พัง ฉันไม่สบายแล้วก็นอนพักแบบนี้ ไม่เห็นจะมีอะไรเกี่ยวกับคุณจอมเค้าตรงไหน”

“โอเค... ฉันไม่เถียงกับคุณแล้วก็ได้” ดาราสาวพูด “แค่อยากให้คุณรู้ว่าฉันเป็นห่วง”

“ขอโทษ” สาวเซอร์พูดเสียงอ่อย

“ทีหลังห่วงตัวเองบ้างเถอะ อย่าห่วงกีต้าร์เลย” วีนัสพูดแล้วประคองใบหน้าอีกฝ่าย

“ก็กลัวคุณจะว่าถ้ามันพัง...”

“แต่คุณไม่กลัวฉันว่าตอนที่คุณไม่สบายงั้นเหรอ”

“ไม่อ่ะ”

“คุณนี่น้า...” ดาราหน้าหวานพูดพลางส่ายหน้าอย่างระอา ตอนแรกเธอรู้สึกหงุดหงิดและโมโหกี้มาก แต่พอมาเห็นคนๆ นี้ในสภาพแบบนี้ ตอบกวนๆ ตรงๆ แบบนี้ก็พาลโกรธไม่ลงจนได้

“วันนี้ว่างเหรอ” สาวเซอร์ถามขึ้นมาเบาๆ พลางยกมือขึ้นมากุมมืออีกฝ่ายที่ยังจับอยู่ที่แก้มของตัวเอง

“ถ่ายหนังเสร็จแล้ว ใกล้จะปิดกล้องแล้วด้วย เสร็จงานก็มาหาคุณไง” ดาราสาวตอบ “แล้วซื้อมือถือใหม่หรือยัง”

กี้ส่ายหน้า “นอนอย่างเดียว ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย”

“แล้วคิดว่าจะออกไปได้เมื่อไหร่ล่ะ... เห็นว่าสองรอคุยเรื่องงานอยู่นะ”

“พรุ่งนี้ก็ไปทำงานแล้ว ก็คงซื้อพรุ่งนี้ล่ะ”

“จะซื้อของอะไรล่ะ เห็นสองบอกว่าคุณเลือกตั้งนานก็ไม่เห็นซื้อสักที”

“เอาที่ใช้ง่ายๆ ตอนนั้นมันปวดหัว ตาลาย มองแล้วมึนก็เลยไม่ซื้อ” กี้ตอบออกมา “มีแนะนำมั้ยล่ะ”

วีนัสเปิดกระเป๋าถือที่วางอยู่ข้างๆ แล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าของตัวเองขึ้นมา มันเป็นโทรศัพท์ที่เธอเคยใช้ตอนที่เป็นอาสาสมัครช่วงที่หยุดพักร้อน ดาราหน้าหวานยื่นให้กับเจ้าของห้อง

“อันนี้... ใช้ง่ายดี ฉันขายต่อให้เอามั้ย”

สาวเซอร์ยิ้มแล้วรับมา เธอขยับตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น “แล้วคุณจะขายให้ฉันเท่าไหร่ล่ะ”

“จ่ายสดนะ... คนกันเองอย่างคุณคิดแค่... a kiss (จูบเดียวก็พอ)” ดาราสาวพูดพลางยกมือปัดผมขึ้นทัดหูแล้วแอบมองคนป่วย

ใบหน้าของกี้ร้อนขึ้นเพราะหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวแล้วประคองใบหน้าของอีกฝ่ายขึ้นมาจูบ ริมฝีปากและลมหายใจอุ่นๆ เพราะพิษไข้ของเธอไม่ทำให้วีนัสรู้สึกรังเกียจแต่กลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้น สองสาวแลกจุมพิตกันอยู่นานจนกระทั่งดาราหน้าหวานเป็นคนที่ถอยออกมา แต่หน้าผากของทั้งคู่ยังคงแนบชิดกันอยู่

“ไหนคุณเคยบอกว่าจะไม่จูบฉันถ้าฉันเป็นหวัดยังไงล่ะ” สาวเซอร์พูดออกมาเบาๆ

“ฉันเก็บค่าโทรศัพท์ต่างหาก”

“เหรอ... บริษัทนี้ดีจังมีบริการส่งถึงบ้านด้วย” กี้พูดทำเอาคนฟังหัวเราะออกมาเล็กน้อย “สมควรให้ทิปนะเนี่ย”

“แล้ว... คุณจะให้ทิปคนส่งของอย่างฉันเท่าไหร่ล่ะ” ดาราสาวพูด

“ก็...” สาวเซอร์จูบที่แก้มของอีกฝ่าย “จนกว่าคุณจะบอกว่าพอแล้ว”

กี้ดึงตัววีนัสเข้ามากอดแล้วกระซิบถามอีกฝ่ายว่า “คุณว่าดีมั้ย... ถ้าไม่ชอบคุณก็ไม่ต้องฝืนใจก็ได้นะ”

“วันนี้เป็นอะไรไป ดูคุณแปลกๆ สมองกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า หรือว่า... ฉันตบหน้าคุณแรงไปหรือเปล่าเนี่ย” คนถูกกอดถาม เธอลูบแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ

“ก็... แค่คิดว่าสิ่งที่ฉันทำให้กับคุณ... คุณ... ไม่ชอบ”

“ตั้งแต่รู้จักกันมาคุณไม่เคยถามฉันเลยว่าฉันชอบหรือไม่ชอบอะไร... คุณเคยบอกฉันว่าคุณไม่เคยคาดหวังว่าจะเห็นฉันเป็นแบบไหน ไม่สนใจว่าฉันอยากให้คุณเห็นเป็นแบบไหน... ใช่มั้ย”

“อื้อ...”

“ถ้างั้นก็... Stop thinking and do what you want to do (หยุดคิดแล้วก็ทำอย่างที่คุณต้องการเถอะ)”

สาวเซอร์ยิ้ม “ขอบคุณนะวีนัส”

ดาราหน้าหวานค่อยๆ บรรจงจูบที่หน้าผากมนสวยของคนป่วย แล้วเลื่อนลงมาประทับที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน หัวใจของกี้เต้นแรงแทบจะหลุดออกจากอกเมื่อได้กลิ่นหอมจางๆ ของน้ำหอมและเครื่องสำอางจากอีกฝ่าย พร้อมๆ กับที่ดาราสาวจูบตอบกลับมา ยิ่งสาวเซอร์ได้สัมผัสนุ่มนิ่มจากมือนุ่มที่แตะที่แก้มและได้ยินเสียงครางเล็กๆ ในลำคอจากผู้มาเยือนยิ่งทำให้เธอไม่อาจจะละจากจุมพิตที่หอมหวานได้

มือนุ่มๆ ของวีนัสลูบไล้ไปตามร่างกายของกี้ช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ถอดเสื้อยืดของอีกฝ่ายก่อนที่จะบรรจงจูบอย่างนุ่มนวลพลางปลดตะขอบรา ดาราสาวยิ้มรับจุมพิตที่ได้จากคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วช่วยอีกฝ่ายถอดเสื้อเชิ้ตและบราลายน่ารักที่ตนเองสวมอยู่หลังจากนั้นก็ดึงสายและถอดกางเกงเลออกจากตัวเจ้าของห้อง เธอขยับตัวเพื่อให้สาวเซอร์ถอดกางเกงยีนส์ของเธอได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และเมื่อร่างกายของเธอสัมผัสกับร่างกายอุ่นๆ ของกี้ วีนัสก็กอดอีกฝ่ายแน่น

จูบหวานที่ชวนลุ่มหลงมาพร้อมกับลิ้นอุ่นที่สัมผัสกันอย่างอ่อนโยนทำให้ตัวของกี้สั่น สมองของเธอว่างเปล่าในขณะที่ร่างกายร้อนรุ่ม เสียงหอบหายใจจากจุมพิตที่เร่งเร้าทำให้วีนัสต้องถอนริมฝีปากออกมาเพื่อให้คนป่วยได้พักหายใจ สาวเซอร์ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาจูบอีกครั้งก่อนที่จะซุกใบหน้าของเธอลงไปที่ลำคอขาว เรียวแขนทั้งสองข้างกระชับแน่นขึ้นกดย้ำร่างสวยๆ ในอ้อมกอดให้แนบสนิทกว่าเดิม

เสียงร้องดังออกมาเบาๆ จากดาราหน้าหวานเมื่อปลายลิ้นของอีกฝ่ายสัมผัสกับอกนุ่ม กี้จูบเบาๆ ไปตามร่างของอีกฝ่ายที่กำลังกอดเธอ และเมื่อนิ้วมือเรียวยาวของสาวเซอร์ไล้ไปถึงจุดสำคัญก็ทำให้ดาราสาวแทบจะทนไม่ได้กับสัมผัสที่ได้รับ ริมฝีปากของวีนัสเม้มเข้าหากันแน่น หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็เคลื่อนไหวตามแรงปรารถนาของอีกฝ่าย ทางฝ่ายกี้ที่รับรู้ถึงภาษากายของดาราหน้าหวานก็หยุดไม่ได้ที่จะมอบจุมพิตหวานๆ ที่อีกฝ่ายร้องขอ ยิ่งเธอได้สัมผัสร่างกายของเธอก็ยิ่งร้อนรุ่มและไม่อาจจะหยุดการกระทำของเธอได้จนกว่าจะได้เห็นใบหน้าหวานๆ ของดาราสาวที่ส่งยิ้มละมุนให้กับเธอ และเป็นฝ่ายวีนัสที่มอบความสุขให้กับเธอบ้างหลังจากนั้นเสียงหอบหายใจราวกับคนที่อยู่ในห้องนั้นกำลังวิ่งมาราธอนอยู่ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งจากหญิงสาวสองคนที่อยู่ในห้องนอนเล็กๆ ห้องนี้

...
“อย่าลืมนะ แล้วฉันจะมารับ”

วีนัสบอกกับกี้ก่อนที่เธอจะขับรถออกจากบ้านของสาวเซอร์ช่วงเช้ามืดของวันถัดมา เธออยู่ในชุดเสื้อยืดลายเช กูวาราของกี้กับกางเกงยีนส์ตัวเมื่อวานนี้ ดาราหน้าหวานต้องขับรถไปกองถ่ายละครเรื่องใหม่ของเธอที่จังหวัดปทุมธานี

“อื้อ... ไม่ลืมหรอก ขับรถดีๆ ล่ะ ถึงแล้วโทรมาบอกด้วยนะ” สาวเซอร์โบกมือลาแล้วเดินกลับเข้าบ้าน

กี้เดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องของตัวเอง กลิ่นน้ำหอมของดาราสาวยังคงอบอวลอยู่ เธอเดินไปเปิดวิทยุเผื่อว่าบทเพลงจะทำให้เธอเลิกคิดเรื่องของวีนัสได้ แต่เมื่อล้มตัวนอนลงบนเตียงกลิ่นของอีกฝ่ายนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นอีกทั้งยังระคนด้วยกลิ่นเครื่องสำอางและกลิ่นหอมๆ จากร่างกายของดาราหน้าหวานที่นอนกอดเธอตลอดทั้งคืน

‘เมื่อไหร่กันนะที่ฉันอยากจะตื่นขึ้นมาแล้วมองเห็นคุณอยู่ข้างๆ’ สาวเซอร์คิดพลางทบทวนเหตุการณ์ระหว่างเธอกับดาราสาวในหัว

หลังจากพ่อกับแม่ตาย การตื่นนอนของกี้แทบจะทุกวันนั้นถือว่าเป็นความทรมานที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกวันมีแต่เรื่องปวดหัวและปัญหาที่ต้องหาทางแก้ไข บางคืนก็นอนร้องไห้ บางคืนก็ไม่ได้นอน หรือบางคืนก็เผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน และบางครั้งเธอไม่อยากจะตื่นเสียด้วยซ้ำ อยากจะหลับตาแล้วทำตัวให้หายไปจากโลกนี้

แต่สิ่งที่เตือนสติของเธอคือโปสเตอร์เก่าๆ ของพ่อที่เธอค้นเจอในบ้านตอนที่กำลังจะหาของไปขายที่สนามหลวง มันเป็นโปสเตอร์รูปของบ๊อบ มาร์เลย์ที่เขียนว่า

“Life is one big road with lots of signs.
So when you’re riding through the ruts, don't complicate your mind.
Flee yourself from hate, mischief and jealously.
Don't bury your thoughts, put your vision to reality…
Wake up and live”

“ชีวิตคือเส้นทางสายใหญ่ที่มีป้ายบอกทางนับไม่ถ้วน
ดังนั้นเมื่อไหร่ที่คุณขับรถผ่านร่องแคบบนถนนก็อย่าสับสน
จงหนีจากความเกลียดชัง การสร้างปัญหา และความอิจฉาไปเสีย
อย่าฝังความคิดตัวเอง แล้วทำมันให้เป็นความจริง
ตื่นได้แล้วและมีชีวิตต่อไป”

“Wake up and live (ตื่นได้แล้วและมีชีวิตต่อไป)” คือสิ่งที่เธอยึดถือและปฏิบัติตามอยู่ทุกวันจนกระทั่งสถานการณ์ต่างๆ ค่อยๆ คลี่คลายลง

“ฉันมีความสุข” ทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมาสาวเซอร์จะบอกกับตัวเองทุกครั้งหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายของครอบครัวผ่านไป ถึงแม้ว่าเธอจะเหนื่อย จะท้อ จะเซ็ง จะมีปัญหาปวดหัวกับเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวบ้างในบางที แต่เธอก็จะรู้สึกดีทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา

แต่เมื่อวันที่กี้ไปนอนค้างที่ห้องของวีนัสเป็นครั้งแรก เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบกับเจ้าของห้องที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างๆ คำว่า ‘ฉันมีความสุข’ ยังคงอยู่ แต่กลับมีคำใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในใจของเธอว่า ‘ฉันอยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นคนๆ นี้ยิ้มอยู่ข้างๆ’

‘คนอย่างแกฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะขี้เหร่ตรงไหนนี่หว่า’ เสียงของสองที่เคยพูดกับเธอดังขึ้นมา

“ฉันรู้... แต่ฉันไม่ชอบถูกเปรียบเทียบกับใคร” สาวเซอร์พูดขึ้นมาเบาๆ เมื่อนึกถึงสายตา คำพูด และรอยยิ้มของจอมขวัญที่ส่งมาให้เธออย่างเย้ยหยัน

‘ฉันรู้ว่านิสัยคุณเป็นยังไง ฉันอยากจะบอกว่า... อย่าคิดมาก แล้วก็อย่าเสียใจนะถ้ามีคนมาว่าคุณ... พูดถึงคุณในทางที่ไม่ดี แล้วก็มองคุณด้วยสายตาที่ทำให้รู้สึกแย่’ เสียงของดาราหน้าหวานดังขึ้นมา ในตอนนั้นเธอยังไม่เข้าใจความหมายว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ตอนนี้เธอรู้ความหมายที่อีกฝ่ายพยายามจะบอกเธอแล้ว

ก็มันไม่อยากรู้ ก็มันไม่อยากรัก
ไม่มีเวลาที่จะคิด ที่จะสนใจ
แต่พอได้เจอะเธอก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป
ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอไม่ชอบเลย
(เพลงทำไมต้องเธอ: นิว จิ๋ว)



เสียงเพลงที่ดังขึ้นมาจากวิทยุที่เปิดทำเอาสาวเซอร์สะดุ้ง “เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไปไม่เป็นตัวเองไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไปคิดจะลืมยังไม่ได้เลย... ทำไมต้องเป็นไม่เข้าใจ” เธอร้องตามออกมาเบาๆ

‘ทำไมต้องเป็นคุณด้วยนะ... วีนัส’ กี้ตะโกนในใจแล้วหลับตาลง เธอนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับดาราสาว วันต่อๆ มาเมื่อได้ร่วมงานกัน วันที่เธอได้กอดอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกบนดาดฟ้า... ภาพเหล่านั้นหมุนไปมาในหัวของเธอจนกระทั่งเผลอหลับไปอีกครั้ง

พักใหญ่ต่อมาโทรศัพท์เครื่องใหม่ของเธอส่งเสียงร้องดังขึ้น สาวเซอร์ลืมตาแล้วมองไปที่เครื่องมือสื่อสารเครื่องใหม่แล้วกดรับสาย

“ฮัลโหล”

“คุณ... ฉันถึงที่กองถ่ายแล้วนะ” ดาราสาวโทรเข้ามาหาเธอ

“อื้อ ขับรถเร็วจัง ซิ่งเลยสิท่า มีดริฟท์กะเค้าบ้างหรือเปล่า”

เสียงหัวเราะส่งออกมาตามสาย “บ้า... ฉันขับแบบนั้นไม่เป็นหรอกนะ... แต่ก็อยากลองดูเหมือนกัน คุณขับเป็นมั้ยล่ะ”

“ไม่เป็นอ่ะ แต่ถ้าให้สอนแว๊นซ์ก็สอนได้นะ แต่ตอนนี้กำลังรับสมัครพริตตี้อยู่”

“พริตตี้เหรอ... เด็กแว๊นซ์มีพริตตี้ด้วยเหรอ”

“มีสิ ก็พริตตี้รองเท้าแตะไง”

“มันคืออะไรอ่ะ” วีนัสถามด้วยเสียงงงๆ

“ก็สก๊อยนั่นแหละ”

ดาราหน้าหวานหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ทำให้หัวเราะแต่เช้าเลยนะ... วันนี้คงจะเต้นได้ล่ะ”

“เต้น... เต้นท่าไก่ย่างน่ะเหรอ” กี้ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อื้อ... เต้นได้ชัวร์เลยท่านอาจารย์ ลูกศิษย์คนนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”

สาวเซอร์ยิ้ม “แล้วจะรอดู... ถ้าทำได้ดีจะมีรางวัลให้”

“รางวัลอะไรเหรอ”

“ไม่บอก...”

“ว้า...” แล้วดาราสาวพูดเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เอ้อ! วันนี้คุณต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ... นี่มันจะ 7 โมงเช้าแล้วนะ”

“ชิหายแล้ว...” กี้อุทานแล้วหันไปดูนาฬิกา

“นอนเพลินละสิท่า” วีนัสพูดแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา

“อื้อ... อาบน้ำก่อนนะ”

“ค่ะ... อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ” ดาราหน้าหวานพูด

“โอเค ไม่ลืมแน่นอน”

และก่อนที่อีกฝ่ายจะวางหูไปเธอได้ยินเสียงอีกฝ่ายอุทานออกมาว่า “ห่านเอ้ย ไม่ทันแล้ว!” ดาราสาวหัวเราะอีกครั้งแล้วกดวางสาย เธอเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปที่กองถ่ายพลางแวะทักทายทีมงานบางส่วนที่มาเตรียมงานอยู่แล้ว

To be Continued
--------------------

สถานการณ์ที่วีนัสทำมันคือ “ตบหัวแล้วลูบหลัง” หรือ “ตบจูบ” กันแน่เนี่ย!!!!! ตบจริง จูบจริง หมู่ฉึกฉึกจริงแบบไม่ใช่แสตนอิน ไม่ใช้ตัวแสดงแทนด้วย! แต่ที่แน่ๆ อยากได้แบบนี้บ้างงงงง โฮกกกกกกกกกกก

ไอ้ลิงกี้จะว่ายังไงดีเนี่ย รู้อยู่แก่ใจ แต่มันจะบอกหรือไม่บอกกันแน่ละเนี่ย สองก็พยายามยุอยู่ แต่จะยุขึ้นมั้ยเนี่ย







 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.