web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 144
Total: 144

ผู้เขียน หัวข้อ: Red Project 1 Chapter 9 : ราชินีเครื่องจักรกล  (อ่าน 3608 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Red Project 1 Chapter 9 : ราชินีเครื่องจักรกล
« เมื่อ: 27 มกราคม 2014 เวลา 00:29:51 »

Chapter 9 : ราชินีเครื่องจักรกล


“ทานอะไรได้บ้างล่ะ” สาวเจ้าถิ่นถามเมื่อยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์อาหารด้วยกัน เมื่อเธอเห็นอีกคนทำท่าเหมือนจะไปไม่เป็น เธอยิ้มเหมือนเอ็นดูเขาทั้งๆที่เขาก็ตัวโต ตัวโตกว่าเธอตั้งเยอะด้วย แต่ท่าทางแบบนี้มันเหมือนเด็กนี่นา..

“ฉันสั่งให้เอาไหม.. แต่ถ้าไม่ชอบก็บอกได้นะ” สการ์เลตเสนอแต่ไม่รอให้คนตอบรับ เธอมัดมือชกและหันไปหาคุณป้าท่าทางใจดีที่อยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์อย่างไม่แคร์สายตาแย้งของคนใกล้ตัว สั่งอาหารของตัวเธอและของคนที่ยืนอยู่ด้วยไปพร้อมกันและของก็ได้มาโดยไวแม้จะไม่ได้ใช้หุ่นยนต์

มันเป็นเรื่องหนึ่งที่เธอชอบในโรงอาหารของสถาบัน ที่อย่างน้อยท่านผู้การยังนึกเห็นใจมนุษย์คนทำงานว่า ยังอยากเจอคนจริงๆอยู่ ไม่ใช่หันไปทางไหนก็เจอแต่หุ่นยนต์ คิดแล้วก็คงจะอับเฉาน่าดู...

ใช่..มันไม่มีหุ่นยนต์ในโรงอาหารแห่งนี้นอกจากที่มีหน้าที่เก็บล้างเก็บกวาด ทำความสะอาดสถานที่ คนปรุงและคนตักเสิร์ฟยังคงเป็นมนุษย์ปกติทั่วไปและอาหารที่มีอยู่ในนี้ก็ไม่ใช่อาหารสังเคราะห์อย่างที่บางบ้านของชาวบ้านชาวเมืองจำเป็นต้องรับประทานกันเนื่องจากความจำเป็นหลากหลายของพวกเขา บางบ้านก็รีบร้อนในการใช้ชีวิตจนต้องพึ่งอาหารที่เป็นลักษณะคล้ายเม็ดยามากินให้อิ่มและออกไปทำภารกิจประจำวัน ขณะที่บางบ้านก็จำเป็นต้องกินเพราะอาหารจริงๆเป็นของหายากของยุคนี้และแพงมากทีเดียว

โชคยังดีที่ภายในสถาบันวิจัยมีการเลี้ยงสัตว์และพืชผัก พืชผลต่างๆเอาไว้เลี้ยงเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์ปกติไม่ใช่หุ่นแอนดรอยด์ซึ่งมีอยู่จำนวนเรือนพันที่นี่ด้วย ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คงจะต้องกินอาหารเคมี แต่หากจำเป็นจริงๆเมื่อไหร่ก็ต้องกิน

แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอดยาก พวกเขาจึงได้กินดีอยู่ดี อิ่มและอร่อย..

ตัวเธอเองก็เช่นเดียวกัน เพราะเธอดีกว่ามนุษย์แอนดรอยด์ เธอแตกต่างจากพวกแอนดรอยด์ เพราะเธอยังมีเลือดมีเนื้อ รู้จักเจ็บเป็น แค่แตกต่างที่มีพลังและความสามารถที่มนุษย์ธรรมดาไม่มี แต่แบบนี้จะเหมือนกันกับเขาไหมนะ..

วาเลนไทน์เป็นเหมือนฉันหรือเปล่า...

“ทานได้หรือเปล่า” หญิงสาวถามอีกครั้งขณะนั่งด้วยกันที่โต๊ะทานอาหาร เห็นวาเลนไทน์เอาแต่ถือส้อมค้างและมองจานอาหารราวกับมันเป็นตัวประหลาด บางทีเขาอาจจะไม่เคยเห็นมัน เมื่อก่อนกินแต่อาหารเคมีหรือไงนะ มาเจออาหารจริงๆเลยไม่คุ้น อาจเป็นไปได้...

คิดแล้วก็ยิ้ม เธอเอาส้อมในมือตัวเองจิ้มอาหารในจานเขา และส่งมันให้ขณะที่เขามองหน้าเธองงๆ “ทานสิ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะที่ฉันจะป้อนใครด้วยอาหาร ปกติมันมักจะเป็นลูกกระสุน ถือว่าเธอโชคดี..” บอกไปแบบนี้วาเลนไทน์ก็ยิ้มเขินๆ ก่อนจะยอมอ้าปากให้เธอป้อนเหมือนลูกนก นั่งลุ้นดูปฏิกิริยาเขาแล้วหัวเราะเบาๆเมื่อเขาทำหน้าปลื้มๆเหมือนเด็ก แก้มแดงน้อยๆน่ารักน่าดู

“ว้าว..” เขาอุทาน เธอยิ่งยิ้มกว้างไปอีก

“อร่อยล่ะสิ” เธอแซว เขาพยักหน้ารับและกลายเป็นเขาที่นั่งจับอาหารใส่ปากตุ้ยๆเหมือนหิวจัด ส่วนเธอก็ค่อยๆทานของตัวเองไปเรื่อยๆ นั่งมองเขาไปพลางๆก็เพลินดี ปกติเธอไม่ค่อยได้สุงสิงกับใคร แต่กับเขา เธอยกเว้นให้หนึ่งคน

ก็เขาไม่เหมือนคนอื่น ไม่เหมือนผู้หญิงส่วนมากที่ต่อหน้าทำดีแต่ลับหลังชอบนินทาเธอว่าไม่ใช่คน ว่าเป็นปีศาจบ้างล่ะ อะไรบ้างล่ะ และเขาก็ไม่เหมือนผู้ชายที่ส่วนมากชอบอยากจะลองของกับเธอ อยากลองจีบมนุษย์ดัดแปลง ประเภทนี้แหละที่น่าเบื่อมากที่สุด

และดูนี่สิ วาเลนไทน์ไม่มีท่าทีอะไรกับเธอเลย อันที่จริงเขาเหมือนจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าตัวเองเป็นใคร น่าสงสาร.. แต่บางทีเขากับเธออาจจะมาเป็นเพื่อนกันก็ได้ ก็ไม่ใช่มนุษย์ปกติเหมือนกัน บางครั้งเธอก็เหงา เวลาคิดว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดอยู่คนเดียว..

“เธออยู่ที่นี่มานานแล้วสิ”

คนเผลอเหม่อกระพริบตาได้สติ เห็นคนถามมองหน้าตัวเองแปลกๆ แล้วก็นึกทบทวนว่าเมื่อกี้ถูกถามว่ายังไง เธอยิ้มพลางเขี่ยอาหารในจานเล่น “นานมากจนจำไม่ได้แล้วล่ะ ความจริงแล้ว ฉันไม่ได้จำเลยด้วยซ้ำว่า มันกี่ปี อยู่ที่นี่บางครั้งก็ทำให้เราลืมวันเวลาไป”

สีหน้าแปลกใจเกิดขึ้นบนใบหน้าของผู้หญิงผมสีทองแดง คนมองอย่างเธอก็ยิ่งอารมณ์ดี ไม่รู้ทำไม.. “อยู่ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เข้าใจเองแหละ ตอนนี้ทานเถอะ แล้วจะได้ไปที่อื่นกันต่อ วันนี้ฉันขอผู้การมาแล้วว่า จะพาเธอเดินทัวร์ทั้งวัน”

วาเลนไทน์พยักหน้ารับ หันกลับไปทานอาหารต่อให้เธอนั่งมองเล่นๆ แต่สักพักเขาก็มีคำถามขึ้นมาอีก“ที่นี่เค้าเรียกอะไร ฐานทัพทหารหรือไง ฉันเห็นคนถือปืนเต็มไปหมด และยังเสียงสั่งงานอะไรไม่รู้ตลอดทั้งวัน”

คนถามทำหน้างงเองเมื่อเห็นคนฟังดูแปลกใจแต่เธอก็อยากจะรู้ ที่นี่อะไรก็น่าสงสัยไปหมด “เธอไม่รู้.. ไม่ได้ยินเหรอ เสียงนั่นเป็นเสียงผู้หญิงแต่เหมือนไม่ใช่คน” ถามคราวนี้ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะรู้เรื่องด้วยแล้ว เลยเห็นรอยยิ้มกระชากใจแบบที่หล่อนคงไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำ หากแต่คนใจแอบสั่นก็ต้องเลิกฟุ้งซ่านเมื่อคนหน้าหวานเอ่ยพูด

“อ้อ.. นั่นเสียงอธีน่า”

“อธีน่า.?” เด็กใหม่ทำหน้างง เด็กเก่าที่นี่เลยยิ้ม ทำใจดีชี้แจง

“เป็นคอมพิวเตอร์กลางที่เหมือนราชินีของที่นี่น่ะ อธีน่าควบคุมระบบกลไกที่นี่ทุกอย่าง ไม่มีอะไรรอดหูรอดตาเธอไปได้”

วาเลนไทน์ทำหน้าตาทึ่ง ตาเบิกโตกับเรื่องที่ได้ยิน “โอ้..ฟังดูเท่ดีจัง”

สการ์เลตหัวเราะน้อยๆ เธอชอบใจกับอาการไร้เดียงสาเหมือนเด็กของเขาที่ดูแตกต่างกับน้องสาวฝาแฝดเหมือนคนละขั้ว แต่บางทีนี่อาจจะเพราะเขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้เป็นแบบนี้ คิดแล้วก็รอยยิ้มของเธอก็จางลง และเธอคงจะได้พูดอะไรมากกว่านี้ ถ้าเสียงนี้ไม่ดังขึ้นขัด

“ขอเจ้าหน้าที่ทุกนายจงฟัง มีผู้บุกรุกผ่านเข้ามายังประตูด้านหลังของฐาน เตรียมปฏิบัติการโดยเร่งด่วน! ขอย้ำๆ มีผู้บุกรุกผ่านเข้ามายังประตูด้านหลังของฐาน เตรียมปฏิบัติการโดยเร่งด่วน!”
เสียงพูดนี้ถูกเอ่ยซ้ำๆดังไปยังทุกชั้นทุกมุมของฐานปฏิบัติการ สการ์เลตและวาเลนไทน์มองหน้ากัน คนหนึ่งงงขณะที่อีกคนเข้าได้อะไรๆได้ดี

“โอเคบรอนซ์.. เราคงได้ทัวร์กันวันอื่นแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันขอตัว” สาวตัวเล็กกว่าบอกและรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากจุดที่อยู่อย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้สนใจมองอะไรนอกจากจะตั้งใจไปรวมตัวกับเจ้าหน้าที่คนอื่น สนใจแต่เรื่องงาน ลืมนึกไปว่าคนที่เธอคิดจะทิ้งเอาไว้ตามลำพัง อาจจะไม่อยากอยู่คนเดียว...

.................................

“ค่ะฉันใกล้จะถึงตรงจุดนั้นแล้วค่ะ จะจัดการให้เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงค่ะ ผู้การ..” สการ์เลตส่งเสียงจริงจังกรอกลงไปกับไมค์ลอยซึ่งอยู่ใกล้ริมฝีปาก เธอรายงานสถานการณ์ในด้านของของตัวเองกับผู้ที่อยู่ปลายสาย และตัดสายฉับทันที ถึงอยากจะได้ยินเสียงต่อ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลา เหมือนที่เธอไม่มีเวลามาตอแยกับใครนั่นแหละ

“เฮ้..เราจะไปไหนกัน.!” เสียงที่ดังมาใกล้ๆ พาให้ดวงตาสีเขียวเข้มในเลนส์แว่นสีดำต้องกลอกตาระอา ก็เธอสั่งเขาไว้ว่าไม่ให้ตามมานี่! ทำไมต้องดื้อด้วย!

“ไม่ใช่เรา.! แค่ฉัน! ฉันคนเดียว ส่วนเธอ.. เธอกลับห้องไปห้องของเธอ!” บอกไปอย่างไม่มีเยื่อใย และแทนที่อีกคนจะสลดเธอกลับถูกจับแขน และสัญชาตญาณป้องกันตัวเองของเธอก็ตื่น ดีดให้ตัวเธอหันขวับไปบิดแขนคนสูงกว่าไปด้านหลังตัวเขาเอง เล่นเอาวาเลนไทน์ร้องโอย

“โอ้ย..เจ็บนะ! ทำไมต้องทำแรงๆด้วยล่ะ”

“ก็ใครใช้ให้เธอมาจับฉันล่ะ!” สการ์เลตตวาดกับไป อีกสาวทำหน้าสลด และเธอก็ใจอ่อนยวบทันที โอ้ย..เธอแพ้ความไร้เดียงสาของคนบ้านี่หรือไง..

“ฉัน.. ฉันก็แค่อยากจะช่วย” เสียงเขาที่พึมพำทำให้เธอใจเย็นลงและปล่อยมือออกจากแขนเขา คราวนี้รู้สึกตัวเองใจสั่นเล็กน้อย เมื่อคิดได้ว่าแขนที่ตัวเองจับไปเมื่อกี้มันช่างกำยำ แบบที่แค่สัมผัสก็รู้แล้วว่า มันมีแต่กล้ามเนื้อเต็มตึง เขาเหมือนสาวที่เข้าฟิตเนสมาอย่างดี

ว้าว..มันจะต้องเซ็กซี่มากๆเลย.. เธอคิดและต้องรีบเตะความคิดประหลาดออกไปจากหัว เธอมีงานต้องทำ สำคัญด้วย!

“โอ้..ฉันเข้าใจ.. เธออยากช่วย แต่ฉันไม่ได้ไปเล่นนะ บอกตรงๆ และถ้าอยากจะช่วยฉัน ฉันขอให้เธอกลับไป”

วาเลนไทน์อ้าปากค้าง อึ้งกับคำบอกนี้ พอรู้สึกตัวอีกทีสาวในชุดแดงนั่นก็หายไปเหมือนไม่เคยยืนอยู่ด้วยกัน สการ์เลตใจร้ายจริงๆด้วย หล่อนไม่ได้ล้อเล่นเลย แต่เธอเองก็ไม่ได้ล้อเล่นเหมือนกัน เธออยากช่วยจริงๆ

คิดแล้ว ร่างสูงก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกจากที่ที่ยืนอยู่ แม้ไม่รู้ว่าจะไปไหนเหมือนกัน แต่ในใจมั่นอกมั่นใจแปลกๆว่าต้องตามหล่อนเจอ..

................................

“มัม.. ท่านคิดอย่างนั้นหรือคะ” สาวผมบลอนด์ยืนพึมพำอยู่หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ เธอคล้ายคุยกับมันอยู่ ก็จริง เธอกำลังคุยอยู่ แต่ไม่ใช่กับจอเปล่าๆ กับหญิงสาวที่อยู่ด้านในนั้นต่างหาก สาวหน้าตาคล้ายเธอแต่แก่กว่าเล็กน้อย

หากแต่ความจริงแล้วหล่อนแก่กว่าเธอมากถ้าเป็นตอนแรกที่เธอเห็นหล่อนที่นี่ นั่นเพราะภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอายุได้เหมือนคน ในขณะที่เธอโตขึ้นและอายุมากขึ้นทุกที หล่อนก็ยังคงอยู่เหมือนเก่า ต่อให้ตอนนี้เธอแก่แค่ไหนแล้ว หล่อนก็ยังคงสาวอยู่เหมือนเดิม

“ใช่จ้ะ อีกไม่นานนักหรอก” หล่อนตอบแบบสงวนคำ หากแต่เธอเข้าใจได้ดี อันที่จริงคำพูดของหล่อน มันเป็นสิ่งที่เธอคุ้นมาตั้งแต่เกิด

แน่นอน.. เพราะคอมพิวเตอร์ตรงหน้านี้คือสิ่งที่มารดายอดอัจฉริยะของเธอทำเอาไว้ก่อนที่ร่างกายนางจะดับสูญ น้อยคนนักที่จะรู้ว่า อธีน่าที่ควบคุมทุกอย่างในเมืองจักรกลแห่งนี้คือสิ่งที่ถอดแบบมาจากสมองของแม่บังเกิดเกล้าของเธอและพี่สาวฝาแฝด และแม่ของพวกเธอนั่นแหละที่เป็นผู้ก่อตั้งสถาบันเนบิวล่าขึ้นมา สถานที่ที่เธอต้องฝ่าอุปสรรคมากมายกว่าจะได้มาอยู่ในตำแหน่งสูงสุดในการบริหารมันได้ หลังจากที่มันโดนเทคโอเว่อร์ด้วยทางการ

ว่ากันตามตรงก็คือ รัฐบาลฮุบเอาผลงานของแม่ของเธอไป และเธอกำลังมาทวงมันคืน.. หากแต่ก็ไม่ได้ทวงคืนไปเพื่อทำสิ่งเลวร้าย เธอแค่มีแผนใหม่ให้มัน ตามเจตนารมณ์ของผู้ที่สร้างมันขึ้นมา ก็เท่านั้นเอง..

“เช่นนั้น.. ลูกจะเชื่อท่านแม่” บลูอายส์โค้งศีรษะหนึ่งครั้งและหันหลังเดินออกจากห้องที่ปิดตายเอาไว้สำหรับเธอคนเดียวนี้ออกไป

เธอมีงานอื่นต้องทำ...

..................................................

“หยุดยิง..!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงปืนที่ดังระงมไปทั่วบริเวณของพื้นที่ชั้นหนึ่งภายในส่วนของกองบัญชาการด้านทหารของสถาบันวิจัยเนบิวล่า และเสียงที่ดังขึ้นนั้น ก็สามารถสยบทุกเสียงที่นี่ได้ในทันที ช่างเป็นคำสั่งที่ดูจะประกาศิตเสียเหลือเกิน

เมื่อหมอกควันสีขาวปนดำ ฝุ่นผงหรือเขม่าดินปืนจางเลือนและเบาบางลง ก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมา ร่างที่เห็นแค่เงาก็เดาได้ว่าเป็นใคร เพราะเธอช่างโดดเด่นในรูปร่างและบุคลิก หาผู้ที่จะเลียนแบบได้ยาก ร่างนั้นค่อยๆชัดเจนแก่สายตาคนมองขึ้นเรื่อยๆ เรียกความตื่นตะลึงได้ทุกขณะ คล้ายเป็นเครื่องหมายว่า หากได้เจอแล้วจะได้เจอกับอะไร ถ้ากลัวตายก็วิ่งหางจุกก้นกลับบ้านไปได้เลย
“คุณสการ์เลตครับ” ทหารนายหนึ่งเข้ามาทักเธอ เขาเตรียมจะเอ่ยรายงานหากเธอยกมือห้ามเอาไว้ก่อน ก็เธอเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ สิ่งที่อธีน่าประมวลผลส่งมาให้ในแว่นวิเศษบอกเธอได้หมด รู้ด้วยว่าเป็นใครโดยไม่ต้องเห็นตัว

ก็ราชินีของที่นี่รู้เห็นทุกอย่าง...

“ออกมาเถอะนาเดีย อย่ามัวแต่เล่นซ่อนหาอยู่เลย เธอห่างไกลจากความเป็นเด็กไปมากแล้วนะ ถึงตัวจะไม่โต”

คนตัวไม่โตที่เล่นซ่อนหาอยู่หลังผนังยืนใจสั่น นาเดียรู้อยู่แล้วว่าการมาที่นี่แบบนี้ก็เหมือนมาฆ่าตัวตาย แต่หากว่าเธอตายและได้ผู้นำของพวกเธอกลับคืนไป มันก็ยังคุ้ม ชีวิตของเอเวอร์สำคัญกว่าเธอ จริงอยู่ที่หล่อนอาจจะใจร้อนไปบ้างแต่เรื่องสมองและความมุ่งมั่นในการทำงานในอุดมการณ์เพื่อรักษาโลกใบนี้ไว้เพื่อมนุษยชาติไม่ใช่เพื่อหุ่นหรือคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ย่อหย่อนไปกว่าใคร บางทีหล่อนอาจจะเข้มแข็งกว่าคนที่ชอบแอบอยู่ด้านหลังมนุษย์หุ่นยนต์พวกนี้ก็ได้

เคอร์เนียร์..แน่จริงทำไมไม่ออกมาเอง.. หดหัวอยู่ทำไม..

“อย่าพูดมากอยู่เลยสการ์เลต ฉันไม่ได้มาเล่นกับเธอ!” นาเดียตะโกนกลับไป พลางแพ็คกระสุนใส่ปืนกลยาวอาวุธที่ทันสมัยที่สุดสำหรับกองกำลังใต้ดินอย่างพวกเธอ

กรีนแองเจิ้ลเป็นกองกำลังที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อขัดแย้งกับทางรัฐโดยตรง แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่พวกเธอขัดพวกเขา ก็เฉพาะเรื่องหุ่นยนต์กับเรื่องสารเคมีที่จะทำลายโลกเท่านั้นเอง โลกเราทุกวันนี้มันแย่กว่าสมัยบรรพบุรุษมากแล้ว มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ฤดูกาลผันเปลี่ยน ภัยธรรมชาติต่างนานา หากไม่มีใครดูแลรักษาจะหนักหนากว่านี้ สิ่งที่พวกเธอตั้งใจจะทำคือการอยู่เพื่อตรวจสอบการทำงานของเนบิวล่าเท่านั้น คล้ายเป็นฝ่ายค้านที่คอยขัดขารัฐบาลเวลาที่พวกเขาทำไม่ถูก

และตอนนี้พวกเธอก็รู้ว่า เนบิวล่าทำการวิจัยบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอยู่อย่างลับๆ พวกเธอจึงต้องออกมาดูหลังจากที่เงียบอยู่นานหลายปี แต่คราวนี้กลับกลายเป็นว่า คนของพวกเธอโดนกุมขังอยู่ที่นี่โดยไม่มีการชี้แจงข้อกล่าวหาตามลำดับขั้นตอนที่ควรจะเป็นในเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายรัฐ มาทำตัวเหมือนกองกำลังกองโจรอย่างสเนคจะได้อย่างไร พวกเธอจึงต้องออกมาเรียกร้องสิทธิ์

เรื่องที่ทำผิดเพราะขโมยซิลเวอร์โปรเจ็คไปก็อีกเรื่องนึงสิ เราคุยกันได้.. โอ้..นี่เธอกำลังคิดหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองอยู่ใช่ไหม.?

“ไม่ได้เล่นแล้วทำไมไม่ออกมาคุยกันดีๆล่ะ เธอต้องการอะไร ที่นี่ไม่ใช่ที่จะให้ใครเข้ามาเดินเล่นและพกของเล่นแบบนั้นเข้ามาหรอกนะ” เสียงหัวหน้าผู้ดูแลสถานที่ตอบกลับมาอย่างมีชั้นเชิง คนฟังยืนกัดปากตัวเองแน่น เธอต้องบ้าแน่ๆที่มาท้าสการ์เลตถึงถิ่น แต่มาตอนนี้จะหันกลับก็ไม่ใช่ล่ะ

“ส่งตัวเอเวอร์คืนมา ฉันรู้ว่าพวกเธอจับเค้าเอาไว้!” ผู้บุกรุกร่างเล็กแต่ใจไม่เล็กร้องกลับไป พร้อมโผล่ออกไปสาดกระสุนให้เจ้าถิ่นทั้งหลายพากันหมอบหลบแทบไม่ทัน เสียงฝีเท้า เสียงปืนยิ่งสวนมาดังระงมไปทั่วบริเวณ ดูวุ่นวายไปหมด

หากแต่ท่ามกลางฝุ่นควันและเขม่าปืนและหลายคนที่พากันวิ่งแอบภัย ยังมีใครคนหนึ่งที่ยังยืนนิ่งไหวติง ผู้หญิงคนนั้นเอง..

Red Project!

“สการ์เลต!” นาเดียร้องเรียกชื่อผู้หญิงในชุดแดงเสียงดังทั้งยังไม่หยุดยิง ใจจริงอยากให้หล่อนหลบเหมือนที่คนอื่นๆทำ ไม่ได้อยากจะทำร้ายใคร แต่หล่อนคงจะคิดต่าง สองหูของเธอจึงได้ยินเสียงหล่อนประกาศลั่นดังชัดเจน

“ฉันให้โอกาสเธอครั้งสุดท้าย นาเดีย โจฮาน.. ออกไปจากที่นี่ก่อนที่ราชินีจะทรงพิโรธ ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นฉันก็ช่วยเธอไม่ได้ นอกจากปล่อยให้เธอตาย!”




...............................................





อ่า.. มากันอีกแล้ว... นิยายเรื่องนี้อาจจะไม่หวาน ไม่มีความอบอุ่นเหมือนเรื่องอื่นๆที่เคยเขียนมา มีแต่การต่อสู้และอาวุธไฮเทค แต่ก็เป็นแนวที่น่าสนใจอีกแนวนะคะ ถ้าใครชอบ

มันก็เหมือนหนังไซไฟว์เรื่องหนึ่ง แต่เราคงจะทำแค่เพียงเบาๆค่ะ ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก อิอิ  ~:Emo19:~

ยังไงก็ฝากไว้ให้พิจารณาด้วยนะคะ อย่าเพิ่งเห็นว่าเรายากจนน่ารำคาญ ไม่หวานแหววเลย    :45: :45:

แต่หากท่านไหน อยากจะทวงนิยายเรื่องอื่นๆ หรืออยากพูดคุยกัน เชิญที่เพจได้เลยค่ะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden หรือจะแวะไปเยี่ยมร้านบ้าง ก็ไม่ว่ากันนะคะ ขอบคุณค่ะ http://leslybooks.lnwshop.com/
    ~:Emo17:~ ~:Emo12:~





เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.