ตอนที่ ๖
“คุณฝันค่ะ มีคนส่งดอกไม้มาให้คะ” นิดเลขาหน้าห้องถือช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่มายื่นให้ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“หนุ่มที่ไหนนะส่งมาให้ ยังไม่ถึงวาเลนไทน์เลยนะคะ” ปลายฝันเงยหน้าจากงาน มองอย่างสงสัย ใครนะส่งดอกไม้มาให้ เธอรับมาก่อนจะพลิกดูการ์ดที่ติดมา เธอแทบจะปล่อยให้ช่อดอกไม้หลุดออกจากมือ เมื่อเห็นข้อความและชื่อที่ลงท้ายในการ์ดใบนั้น
“ที” ปลายฝันพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะเพ่งมองข้อความที่อยู่ในการ์ดใบนั้นด้วยความรู้สึกที่สับสน
“ไม่ได้เจอกันนานแล้ว คิดถึงจัง...ที”
ในขณะที่ปลายฝันยังงุนงง สับสนอยู่กับช่อดอกกุหลาบอยู่นั้น เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ปลายฝันรู้สึกตัว ที่กำลังมึนๆงงๆ กับคำถามที่วิ่งวุ่นอยู่ในหัวเธอ
“คุณฝันค่ะ มีแขกมาขอพบคะ” ยังไม่ทันที่ปลายฝันจะเอ่ยปากซักถามถึงแขกที่มาขอพบ เธอก็มองเห็นคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของนิด
เธอเหมือนกับถูกมนต์สะกด เมื่อหญิงสาวร่างสูงเพรียวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาคมกับเรือนผมสีดำสนิทที่เธอมองเห็นอยู่ขณะนี้ ช่างคุ้นสายตาเธอนัก ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนี้ยังดูสวยเท่ห์ไม่เปลี่ยนไปเลย ‘ณัฐนที’
“ฝันสบายดีไหม” เสียงที่ดังออกจากปากผู้มาเยือน ปลุกให้ปลายฝันตื่นจากการถูกสะกด
“เอ้อ...สบายดี แล้วทีล่ะสบายดีไหม แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ” พอตั้งสติได้ คำถามก็รัวออกจากปากปลายฝันเป็นชุดๆ จนณัฐนที ต้องหัวเราะขำกับอาการของปลายฝัน
“อะไรกันฝันจะไม่ให้ทีได้นั่งก่อนเหรอจ๊ะ”
“เอ้อ...ขอโทษ ทีนั่งก่อน...แล้วทีเอาน้ำอะไรดีคะกาแฟไหม ฝันจะได้บอกเด็ก” ฝันรู้สึกเก้อเขินกับสายตาที่มองจ้องมาจนกลายเป็นความประหม่าแทบทำอะไรไม่ถูก
“ขอเป็นกาแฟล่ะกันจ๊ะ”
“นิดพี่ขอกาแฟให้แขกด้วยจ๊ะ น้ำตาล1ครีมไม่ต้องนะจ๊ะ” ปลายฝันกดโทรศัพท์บอกนิด ก่อนจะรู้สึกหน้าร้อนผ่าวกับสายตาที่มองมาของณัฐนที
“ไม่น่าเชื่อว่าฝันยังจำได้ ว่าทีดื่มกาแฟแบบไหน”
“บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องลืมนี่ค่ะ” ปลายฝันตอบเสียงแผ่วเบา
“ว่าแต่ทีกลับมาเที่ยวเหรอ” ปลายฝันรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกลบอาการแปลกๆ ของตัวเอง
“กลับมาอยู่เลยจ๊ะ คิดถึงบ้าน คิดถึงคนทางนี้” ณัฐนทีพูดด้วยรอยยิ้มและสายตาที่จ้องมองปลายฝันเหมือนมีความนัย ปลายฝันนิ่งเงียบอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดีในเวลานี้
“ฝันยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยนะ อื้อ...ถ้าจะเปลี่ยน...ก็คงจะสวยกว่าเดิม” เป็นณัฐนที ที่ยังชวนคุย ด้วยสายตาที่จ้องมองเธอไม่ล่ะสายตา
ปลายฝันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อเห็นสายตาคม มองสำรวจเธอไปทั่วเรือนร่าง นานมากแล้วกับการจากไปของณัฐนที ที่ไม่เคยส่งข่าวถึงเธอเลย ซึ่งเธอก็มักจะตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่าทำไมณัฐนทีถึงหายไปไม่มีแม้คำล่ำลา แล้วเธอก็เฝ้าแต่คิดถึงณัฐนทีเสมอ เธอเคยนึกว่าถ้าได้เจอกัน เธอจะถามถึงสาเหตุที่ณัฐนทีหายไป แต่พอได้เจอเข้าจริงๆ เธอกลับนึกคำถามไม่ออกว่าจะถามว่าอย่างไง
ณัฐนทีมองปลายฝันอย่างสำรวจ นานมากแล้วที่เธอจากไป คราวนั้นบ้านเธอมีปัญหา พ่อเธอเป็นหนี้การพนันทำให้บ้านของเธอถูกยึด แม่ส่งเธอไปอยู่กับน้าสาวที่ประเทศไต้หวัน คราวนั้นมันฉุกละหุกจนเธอไม่มีเวลาแม้แต่จะได้บอกลาคนที่เธอรัก แต่เธอก็คิดว่าไปอยู่ที่โน่นแล้วเธอจะส่งข่าวบอกปลายฝัน แต่พอถึงเวลานั้นจริงๆ เธอกลับไม่กล้าที่จะเล่าให้ใครฟัง อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกอับอาย จนไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าตรงไหนก่อนดี
พอปล่อยเวลาให้มันผ่านไป... ผ่านไป จากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนกลายเป็นปี จนกระทั่งมันผ่านไปนาน จนบัดนี้เธอก็ยังไม่ได้บอกปลายฝันถึงสาเหตุที่เธอหายไป เธอมองเห็นสายตาปลายฝันมีแต่คำถาม มีแต่คำตัดพ้อต่อว่า เพียงแต่มันไม่ได้ออกจากปากของเธอเท่านั้นเอง
บัดนี้เธอกลับมาแล้วมานั่งอยู่ตรงหน้าปลายฝันแล้ว เธอบอกกับตัวเองตั้งแต่ก่อนมาที่นี่แล้วว่าจะตอบทุกคำถามของปลายฝัน เพียงแต่เธอรอให้ปลายฝันถามเท่านั้นเอง
ปลายฝันมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า คนที่พาเอาหัวใจเธอหายลับไปนานมากแล้ว จนเธอแทบจะกลายเป็นคนไร้หัวใจ คนคนนี้กลับมานั่งอยู่ตรงหน้าเธอตรงนี้ เธออยากจะถามไถ่เอาความจริงจากปากคนคนนี้เหลือเกิน
ทำไม...ทำไม...ถึงได้ทิ้งเธอไปอย่างเลือดเย็น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรที่เธอจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก ในเมื่อเรื่องราวมันผ่านมานานมากแล้ว แล้วตอนนี้มันก็คงไม่สำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเธอมีแพรตะวันอยู่แล้วทั้งคน ต่างคนต่างเงียบไป ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่ง จนกลายเป็นความอึดอัดเข้ามาแทนที่
“เอ้อ...ฝันเย็นนี้ทานข้าวกันนะคะ” ณัฐนทีทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดลง
“ได้ค่ะ แต่ว่าทีจะรอนานไปไหม นี่มันเพิ่งจะบ่ายสองเองนะ”ปลายฝันตอบตกลงโดยไม่ลังเล อย่างน้อยๆ ณัฐนทีก็เป็นคนที่เธอคิดถึงเสมอ เธออยากพูดอยากคุย อยากรู้เรื่องของณัฐนทีในช่วงที่หายไป เผื่อณัฐนทีจะเล่าให้เธอได้รับรู้บ้าง
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวทีไปเดินเล่นในห้างแถว ๆนี้ แป๊ปเดียวก็เย็นแล้ว เวลามันผ่านไปเร็วจะตาย” ณัฐนทีพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน ทำให้ปลายฝันต้องลุกตามและเดินออกไปส่งทีที่หน้าออฟฟิศ
“เย็นนี้เจอกันนะจ๊ะ อ้อ...นี่เบอร์ของที ถ้าฝันเสร็จงานแล้วโทรตามนะทีจะรีบมา” ณัฐนทีบอกเสียงหวานก่อนจะยื่นเบอร์โทรให้ปลายฝัน
“ค่ะแล้วฝันจะโทรหา” ปลายฝันบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปทำงานต่อ
“เพื่อนคุณฝันนี่ดูสวย แล้วก็เท่ห์มากเลยนะคะ” นิดเอ่ยปากบอก ปลายฝันแค่ยิ้มนิด ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
ใช่ณัฐนทีเป็นคนสวยดูดีมีเสน่ห์ บวกกับบุคลิกที่ห้าว ๆ จนกลายเป็นดูเท่ห์ มีเสน่ห์กับคนที่พบเห็นมานานแล้วตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งณัฐนทีกับเธอเรียนอยู่คณะเดียวกัน เธอเห็นมีรุ่นน้องตามติดณัฐนทีมากมายหลายคน แล้วณัฐนทีก็ไม่ได้ปฏิเสธใครด้วย หว่านเสน่ห์ไปทั่วทำให้สาวๆ คลั่งไคล้และหมายปองณัฐนทีหลายคน
จนวันที่ณัฐนทีมาชวนปลายฝันไปทานข้าวที่บ้าน บอกว่าที่บ้านพ่อกับแม่ไปต่างจังหวัดให้ปลายฝันไปอยู่เป็นเพื่อน แล้วคืนนั้นณัฐนทีก็พูดเสียงอ่อนหวานท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นใจ
”ทีชอบฝันนะ ชอบแบบอยากเป็นเจ้าของ เป็นคนรัก... ฝันเป็นแฟนกับทีนะ” ซึ่งตอนนั้นปลายฝันตกใจ และงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง จนพูดอะไรไม่ออก ณัฐนทีเลยฉวยโอกาสจูบ และจับจองฝันให้เป็นคนรักของณัฐนทีตั้งแต่นั้นมา และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความรักที่ณัฐนทีมอบให้กับเธอ ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมณัฐนทีเลือกที่จะมาคบกับเธอ แต่เธอก็เต็มใจที่จะเป็นคนรักของณัฐนทีเรื่อยมาจนกระทั่งเรียนจบ และเธอได้เข้าทำงานที่บริษัทนี้ แต่ณัฐนทียังรองานอยู่แล้วก็หายไป
“เฮ้อ...” ปลายฝันคิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับณัฐนทีแล้วต้องถอนหายใจออกมาดังๆ เหมือนมันมีบางอย่างค้างคาอยู่ในใจเธอ
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของปลายฝันดังขึ้น ปลุกให้เธอตื่นจากความคิดนั้น ก่อนจะรับสายที่แพรตะวันโทรเข้ามา
“ว่าไงจ๊ะแพร”
“ไม่ว่าไงหรอกจ๊ะ คิดถึง” เสียงแพรตะวันที่สดใสดังมาให้ได้ยิน
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย ฝันไม่เคลิ้มด้วยหรอก” ปลายฝันตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“แหม...ฝันก็เบรกแพรตลอดเลยนะ เย็นนี้ฝันเลิกเร็วหรือเปล่า แพรว่าจะชวนฝันไปทานข้าวซะหน่อย เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานแล้วนะคะ” แพรตะวันทำเสียงออดอ้อนมาตามสาย
“วันนี้คงไม่ได้ ฝันนัดเพื่อนไว้แล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าคุณแพรตะวันจะมีเวลาว่างมาชวนไปทานข้าว” ปลายฝันอดกระแหนะกระแหนแพรตะวันไม่ได้
“ไม่ว่างก็ไปเป็นไร แล้วค่อยเจอกันนะ ขับรถดีดีล่ะแพรเป็นห่วงนะคะ”
“จ๊ะแพรก็เหมือนกันนะ อย่าดื่มให้มากนัก ขับรถระวังด้วย”ปลายฝันรู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกันที่ทำให้แพรตะวันผิดหวัง แต่ยังไงเธอกับแพรตะวันก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่กับณัฐนทีไม่รู้ว่าเจอกันคราวนี้แล้ว ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก
เธอสะบัดหัวไล่ความคิดที่สับสนนั้น ก่อนจะโทรศัพท์โทรหาณัฐนที บอกว่าเธอทำงานเสร็จแล้ว แล้วเธอก็เก็บของรอณัฐนทีมาเพียงไม่นานณัฐนทีก็มาถึง
“ฝันจอดรถไว้ที่นี่ได้หรือเปล่า จะได้นั่งรถไปด้วยกันเลย” ณัฐนทีเอ่ยถาม
“ได้ค่ะ เดี๋ยวฝันขอบอกฝ่ายรักษาความปลอดภัยก่อน เค้าจะได้ดูแลให้” ปลายฝันบอกก่อนจะเดินไปบอกทางคนดูแลอาคารให้รับรู้ว่าเธอจะจอดรถไว้ที่ออฟฟิศ
“ไปไหนกันดีคะ” ณัฐนทีเอ่ยถามปลายฝันเมื่อเข้ามานั่งในรถกันแล้ว
“ไปไหนก็ได้ค่ะ แล้วแต่ที ปกติฝันก็ไม่ค่อยได้ไปนั่งร้านอาหารเท่าไหร่ค่ะ”
“งั้น...ไปร้านเก่าแถวๆ สะพานพระราม 8 กัน ฝันชอบดูไฟนี่เนอะ ดูสิว่าจะยังสวยเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“ตามใจทีค่ะ”
“ฝันนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ตามใจทีตลอด” ณัฐนทีพูดเจือหัวเราะชอบใจ
“ฝัน...ทีขอบคุณนะที่ฝันยังต้อนรับทีอย่างดีเหมือนเดิม”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ค่ะ” ปลายฝันบอกเบาๆ ก่อนเหลือบดูใบหน้าณัฐนทีที่กำลังขับรถอยู่เธอเห็นใบหน้านั้นเคร่งขรึมขึ้นเมื่อได้ยินเธอพูดประโยคนั้น แล้วต่างคนต่างนิ่งเงียบโดยไม่ได้คุยอะไรกันอีก
เพียงไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงร้านซึ่งเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานพระราม 8 ที่นี่มีบรรยากาศสบายๆ ลักษณะร้านกว้างขวาง โครงสร้างหลักเป็นไม้ระแนงสีขาว ตีไขว้กันไปมา เพื่อให้รับลมเย็นที่พัดมาจากแม่น้ำได้เต็มที่ การตกแต่งร้านใช้รูปแบบสไตล์ไทยร่วมสมัย ยามพลบค่ำเมื่อไฟบริเวณสะพานพระราม 8 สว่างขึ้น แสงไฟจากสะพานทอแสงลงสะท้อนกับผิวน้ำด้านล่าง ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน แล้วปลายฝันก็ชอบร้านนี้มาก
“ที่นี่ยังสวยงามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” ณัฐนทีมองบรรยากาศรอบๆ ตัวอย่างชื่นชอบ
“ตกลงใครชอบกันแน่เนี่ย” ปลายฝันหัวเราะกับท่าทางของ ณัฐนที
“ทีรู้ว่าฝันชอบไง เห็นไหมถึงยังไงทีก็ไม่เคยลืมสิ่งที่ฝันชอบ” ณัฐนทีบอกก่อนจะจ้องมองหน้าปลายฝันด้วยสายตาที่เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง
“สั่งอาหารดีกว่าค่ะ ทีจะทานอะไรดีจ๊ะ” ปลายฝันหยิบเมนูมาดูแก้เก้อ เธอไม่กล้าสบตาณัฐนทีที่มองมาเลย เธอกลัวว่าณัฐนทีจะรู้ความรู้สึกของเธอ
“เอาปลาทอดสมุนไพร ฝันชอบ” ณัฐนทีเอ่ยขึ้นมาอีก นั่นยิ่งทำให้ปลายฝันรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูกกับความทรงจำที่ณัฐนทียังมีต่อเธอ แล้วปลายฝันก็ปล่อยให้ณัฐนทีสั่งอาหารเอง ซึ่งณัฐนทีก็สั่งแต่ของที่ปลายฝันชอบ 3 อย่าง ปลายฝันได้แต่นิ่งเงียบความรู้สึกสับสนในใจเธอเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกแล้ว
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเธอควรดีใจไหม กับการกระทำของณัฐนที ที่เหมือนกับยังมีความรู้สึกดีดีกับเธอเหมือนเดิม
“ฝันเป็นอะไรไปนิ่งเงียบเชียว อาหารไม่ถูกปากเหรอ หรือว่าทีทำอะไรให้ฝันไม่ชอบ” ณัฐนทีเอ่ยถามอย่างใส่ใจ
“ทีฝันอยากรู้ ทีหายไปไหนมา” ในที่สุดปลายฝันก็ถามคำถามที่เธออยากรู้ออกมา
“เอ้อ...เรื่องมันยาวค่ะ ทานข้าวก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะจ๊ะ”ณัฐนที อึกอักกับคำถาม ทั้งๆ ที่เธอเตรียมใจมาก่อนแล้วก็ตาม
“ยาวแค่ไหนฝันก็ฟังได้ ทีเล่าเถอะถ้าทีอยากเล่า แต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าก็ได้ ลืมไปเลยว่าฝันเคยพูด”
ในที่สุดณัฐนทีก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงที่จะเล่าทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเธอให้ปลายฝันฟังทั้งหมด โดยไม่คิดจะปิดบังอะไร เหตุการณ์ที่ผ่านมานาน ความเศร้าสะเทือนใจก็เลือนหายไปตามกาลเวลา ทำให้ณัฐนทีสามารถเล่าให้ปลายฝันฟังได้ โดยที่ไม่รู้สึกเศร้าอะไรมากนัก ไม่เหมือนกับตอนที่เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ ที่เธอแทบจะยอมรับสภาพของคนล้มละลายไม่ได้เลย
ปลายฝันรับฟังสิ่งที่ณัฐนทีเล่าให้ฟังอย่างเงียบๆ สายตาที่เธอมองณัฐนทีมีความสงสาร และรู้สึกเศร้าเสียใจไปกับณัฐนที ปลายฝันเอื้อมมือไปจับกุมมือณัฐนทีไว้อย่างปลอบใจ และเห็นใจกับโชคร้ายที่ ณัฐนทีได้เจอะเจอ
“ฝันเสียใจด้วยนะคะ แต่ทำไมทีไม่บอกฝันสักคำ” ปลายฝันเสียงสั่นเครืออย่างสะเทือนใจกับสิ่งที่เธอรับรู้
“ตอนนั้นทีไม่กล้าสู้หน้าใคร ทียอมรับว่าทีอายมากกับสภาพที่ไม่เหลืออะไรเลย โชคดีที่แม่ส่งทีไปอยู่กับน้า ไม่งั้นโลกนี้คงไม่มีทีแล้วก็เป็นได้ แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปแล้วอย่าไปคิดถึงมันเลยนะ” ณัฐนทีบีบมือปลายฝันอย่างรู้สึกดีกับสัมผัสนั้น
“ฝัน...ตอนนี้ฝันมีใครหรือยัง” ณัฐนทีเอ่ยถามออกไปแล้วก็แทบจะกลั้นใจฟังคำตอบ
“เอ้อ...มีแล้วค่ะ” ปลายฝันตอบเสียงเบาแทบจะไม่ได้ยินเสียง เธอไม่อยากปิดบังณัฐนที
เสียงที่ออกจากปากปลายฝันแม้จะเบาแค่ไหน แต่ณัฐนทีกลับได้ยินชัดเจน เธอรู้ดีว่าจากกันไปนาน ต่างคนก็คงต้องมีใครเข้ามาในชีวิต ไม่ใช่ว่าตัวเธอไม่มีใคร เธอก็มีคนเข้ามาในชีวิตเธอเหมือนกัน แต่ลึกๆ ในใจเธอก็ยังแอบหวังว่าปลายฝันจะไม่มีใครในตอนนี้เหมือนกันกับเธอ
“เค้าคงดูแลฝันดีนะคะ”
“เราอยู่กันแบบเพื่อนมากกว่าค่ะ”
“ดีใจด้วยนะ” ณัฐนทีเสียงแผ่วเบารู้สึกเศร้าๆ
“ดีใจอะไรกันที ฝันยังไม่ได้แต่งงานนะคะ” ปลายฝันแกล้งพูดตลกๆ กลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง เมื่อเห็นหน้าณัฐนทีในตอนนี้
ทั้งคู่ใช้เวลาคุยกัน ถามไถ่เรื่องโน้นเรื่องนี้กัน จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนดึกมากแล้วปลายฝันถึงได้ชวนณัฐนทีกลับ ซึ่งทีแรก ณัฐนทีก็แกล้งอิดออดไม่อยากกลับ จนกระทั่งเห็นปลายฝันง่วงมาก ณัฐนทีเลยยอมกลับ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินไปที่รถ มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังวิ่งมาอย่างเร็ว คนขี่คงจะเมารถเลยขับส่ายมาทางที่ปลายฝันเดินอยู่ ณัฐนทีรีบดึงตัวปลายฝันเข้ามากอดไว้ เลยรอดจากการถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว
“ขอบคุณค่ะที ปล่อยได้แล้ว” ปลายฝันดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของณัฐนที ซึ่งแกล้งกอดไว้ไม่ยอมปล่อย ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ปลายฝันรู้สึกถึงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงจนเธอกลัวว่าณัฐนทีจะได้ยินเสียง เธอดันตัวเองออกห่าง แต่ณัฐนทีก็ยังคว้ามือปลายฝันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย และเดินจับมือปลายฝันไปจนถึงรถ
ปลายฝันนิ่งเงียบไม่พูดอะไร จะพูดแค่เวลาบอกทางณัฐนทีเท่านั้น เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร เธอควรจะดีใจไม่ใช่เหรอกับการที่ได้เจอกันครั้งนี้ ณัฐนทีเป็นรักแรกของเธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเฝ้าแต่คิดถึงแต่เรื่องระหว่างเธอกับณัฐนที แต่มันจบไปนานแล้ว ตอนนี้เธอมีแพรตะวันอยู่แล้ว ถึงแม้ความรู้สึกที่เธอมีให้กับแพรตะวัน มันอาจจะไม่เหมือนกับที่เธอมีให้กับณัฐนทีก็ตาม
จนกระทั่งรถมาจอดอยู่หน้าคอนโด ก่อนที่ปลายฝันจะลงจากรถ ณัฐนทีฉวยโอกาสที่ปลายฝัน ไม่ทันได้ระวังตัวดึงตัวปลายฝันเข้ามา แล้วประกบปากจูบปลายฝันอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน
“ฝันดีนะค่ะ” ณัฐนทีกระซิบข้างหูเมื่อปล่อยให้ปลายฝันเป็นอิสระแล้ว