Chapter 14 : บทลงโทษ
“โอ้ย.. ทำไมทันถึงยากเย็นแบบนี้นะ” ดิออนโอดครวญเสียงดังและทรุดตัวลงนั่งกับพื้นไม้กระดานอย่างหมดท่า
เธอเพิ่งรู้ว่า การก่อไฟเพื่อทำอาหารด้วยวิธีแบบโบราณมันยากขนาดไหนก็คราวนี้ แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไรในเมื่อตั้งแต่เกิดมา แค่การจุดเตาแก๊สแบบสมัยใหม่ในครัวก็แทบจะไม่เคยทำอยู่แล้ว เพราะปกติเรื่องอาหารการกินมีแต่เธอแค่ออกคำสั่งว่าอยากจะกินอะไร และก็จะคนทำนำมาประเคนให้ถึงโต๊ะอาหารอยู่เสมอ ความทรมานกับการพยายามจุดไฟเพื่อทำอาหารสักมื้อแบบนี้ จึงไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมของเธอ
“ก็บอกแล้วนะว่า.. ให้ไปอยู่ที่เรือนใหญ่ ทานอาหารกับคุณพ่อกับไมที่นั่น ก็ไม่เชื่อเองนี่นา” แคลนั่งลงข้างๆคนที่นั่งหมดแรงและจัดการสิ่งที่เขาทำค้างเอาไว้อย่างไม่สนใจว่าอีกคนจะกำลังมองอยู่
ดิออนเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตาของเธอมองแต่คนข้างตัวที่กำลังจัดการก่อไฟด้วยฟืนและหุงข้าวด้วยท่าทางแข็งขันแคล่วคล่องเหมือนคนเคยอยู่ป่ามาจนชิน จนไม่ได้ยินอะไรที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย จิตใจเธอล่องลอยไปกับการมองภาพของผู้หญิงที่มีความงามประหนึ่งนางฟ้ามาจุติที่อยู่ข้างๆกับท่าทางอันน่าดู แม้จะกำลังทำแค่งานที่ดูพื้นๆแบบนี้ก็ตาม แต่เวลาแห่งความสุขก็เหมือนจะผ่านไปเร็วจนเธอหายใจไม่ทัน เมื่อเธอจำเป็นต้องหลุดออกจากความฝันอันสวยงามเพราะเสียงของเขาที่เข้าหูมาแว่วๆ ฟังไม่รู้เรื่อง
“อะไรนะ.. เมื่อกี้เธอว่าอะไร” ดิออนถามอย่างงงๆ แปลกใจที่เห็นดวงตาสีแดงมองค้อนๆกลับมา
“เธอไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่มั้ยนี่” แคลลี่ย้อนถามเสียงขุ่นและหันไปทำอาหารต่อ อาหารที่ทำมาจากของสดจริงๆ มันเป็นกับข้าวจริงๆที่หน้าตาน่าอร่อย เพราะเครื่องกระป๋องของเธอจะถูกเก็บไว้รับประทานในวันที่เสบียงที่เป็นอาหารสดหมดแล้วเท่านั้น “ฉันถามว่า..เคยทำอาหารทานเองบ้างหรือเปล่า” เธอถามต่อทั้งที่ยังไม่ได้คำตอบจากคำถามแรก
ดิออนสั่นศีรษะเป็นคำตอบ แต่เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้กำลังมองอยู่จึงเอ่ยพูด “ไม่..ไม่เคยสักครั้ง” แล้วดวงตาสีแดงก็ชำเลืองมองมาเธอด้วยแววตาที่ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดใจ เพราะแคลลี่ก็ยิ้มและสั่นศีรษะไปด้วยก่อนหันไปจับมีดมาหั่นเนื้อบนเขียงไม้ต่อ “ทำไม.. ไม่เคยก็ลองทำก็ได้นี่ ไม่เห็นจะยาก”
มือเล็กยื้อแย่งมีดในมือของอีกคนที่ไม่ทันระวังตัวมาได้จนสำเร็จ แต่เด็กสาวก็ทำได้แค่จ้องมองมันอยู่แบบนั้นเหมือนไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง
แคลถอนหายใจเบาๆอย่างขำๆ “ทำไม่เป็นก็เอาคืนมาเถอะ เสียเวลา หิวแล้วนะคะ..คุณหนู....”
น้ำเสียงที่ใช้จบคำสุดท้ายคล้ายจะประชดประชันกันมากเกินไป คนร่างบางจึงตัดสินใจลงมีดลงกับเนื้อก้อนที่อยู่บนเขียงอย่างเก้ๆกังๆ หลังมองค้อนคนวิจารณ์ไปหนึ่งรอบใหญ่ริมฝีปากสวยเผยยิ้มอย่างพึงใจเมื่อพบว่า สิ่งที่เธอคิดว่ายากก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นจริงๆ “นี่ไง..บอกแล้วว่า..ทำได้”
เสียงฮัมสูงๆแบบชื่นชมดังแว่วขึ้นมาเข้าหู ทำให้คนที่นั่งหั่นเนื้อบนเขียงอยู่ยิ่งลำพองใจกับงานชิ้นแรกที่ได้ทำในฐานะแม่ครัวจำเป็น แต่เห็นว่าครั้งนี้เธอจะดีใจไปได้ไม่นานเมื่อพลาดทำให้ความคมของมีดเข้ามาหั่นเนื้อตัวเอง
“โอ้ย..” ดิออนโอดโอย ทิ้งมีดและนำมืออีกข้างของตัวเองมากดที่ปากแผลไว้ตามสมองสั่ง เธอไม่ทันคิดว่าคนที่นั่งอยู่ใกล้กันจะไวพอกัน มารู้ตัวอีกทีเขาก็เข้ามาคว้ามือข้างที่เป็นแผลของเธอไป
ดวงตาสีแดงนั่นไหววูบด้วยความตกใจ แต่เธอตกใจมากกว่าที่ตอนนี้แคลกำลังใช้ริมฝีปากของเขาในการช่วยหยุดเลือดให้เธอ สมองของดิออนเบลอไปหมด ถึงกระนั้นก็ยังแน่ใจว่า เธอรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงใบหน้าของตัวเอง มันร้อนผ่าวราวถูกลนด้วยไฟ และมันก็เริ่มจะทำให้เธอทนไม่ไหว
“แคล..พอแล้ว.. จะหยุดเลือดหรือจะดูดเลือดฉันกันแน่” ถ้อยคำที่ใช้คล้ายจะเป็นคำดุแต่คนฟังก็รู้ว่า อีกฝ่ายกำลังเก้อเขิน ด้วยท่าทางที่หันเมินหน้าไปทางอื่นและแก้มสองข้างเปล่งปรั่งเป็นสีแดงราวมะเขือเทศสุกแบบนั้น มันทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
“ช่วยไม่ได้ เลือดเธออร่อยดีนี่ และฉันก็หิวมากแล้วด้วย” แคลลี่พูดหน้าตาเฉยและกลืนของเหลวรสชาติคล้ายสนิมเหล็กลงคอไป เมื่อยอมถอนริมฝีปากของตัวเองออกแล้ว ดวงตาสีแดงเหมือนเลือดที่ตนเพิ่งกลืนไปหมาดๆมองอีกคนอย่างขบขันกับหน้าแดงๆตาโตๆอย่างคนตกใจของเขา ก่อนจะยอมลุกขึ้นยืนเพื่อไปทำเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า
“กดปากแผลไว้ก่อนนะ เดี๋ยวจะทำแผลให้” ว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องพัก แต่ไม่นานกว่าสองนาทีก็เดินกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล
ดิออนนั่งมองคนที่ทำแผลให้ตาไม่กระพริบ จนได้เห็นเขาเผยยิ้มที่มุมปาก แบบที่ทำให้เธอรู้สึกเขินได้ “ยิ้มอะไรนักหนา อารมณ์ดีหรือไงที่เห็นฉันเจ็บตัวได้น่ะ” แสร้งตวาดเสียงใส่หล่อนไปเพราะไม่อยากให้รู้ว่าเธอกำลังมีอาการไม่ดี หัวใจเต้นตูมตามอยู่ในอก จนคิดไปถึงว่า เธออาจจะหัวใจวายตายได้ในไม่ช้านี้
“ฉันก็แค่รู้สึกเอ็นดูเด็กดื้อและขี้งอนเท่านั้นแหละ” แคลลี่ตอบหน้าตาย ไม่รู้เลยว่าคำพูดประโยคนี้อาจจะไปทำให้อีกคนกลายเป็นคนหน้าแดงแบบถาวรเลยก็ได้
ดิออนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาโต้เถียงอีกได้ จึงเลือกนั่งอยู่เงียบๆดูอีกคนทำแผล เธอรู้แล้วว่ายิ่งพูดไปก็ยิ่งจะเข้าตัวเอง นั่งมองหน้าสวยๆและท่าทางดูดีของผู้หญิงคนนี้เล่นๆไปยังจะดีกว่า ไม่ปวดสมองด้วย และมันอาจจะช่วยให้เธอสามารถอยู่กับหล่อนได้โดยไม่มีเรื่องทะเลาะกัน อย่างน้อยก็อยากจะอยู่กันอย่างสงบสักวันก่อนจะห่างกันไป ตอนนี้เธอไม่พยายามจะพูดเรื่องถึงเรื่องที่คาค้างใจตัวเองอยู่ เรื่องผู้หญิงคนนั้นของแคล..
“อืมม..เสร็จแล้วล่ะนะ ดีนะแผลไม่ได้ลึกมาก ทีหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน ทำไม่เป็นก็อย่าฝืน ยกให้เป็นหน้าที่คนอื่นเถอะ” แคลลี่พูดเหมือนสอนและพอเห็นว่าดิออนตั้งท่าจะเปิดปากเถียงขึ้นมา เธอก็ยกนิ้วชี้ขึ้นห้ามและรีบพูดตัดบท “ขอให้ฉันสักวันเถอะนะ ขอร้องล่ะ นั่งตรงนี้นะ แล้วฉันจะจัดการให้ทุกอย่าง” และโดยไม่รอฟังคำตอบ เธอก็รีบออกไปจัดการงานที่ค้างไว้ เพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ และอีกอย่างเธอก็เริ่มหิวมากแล้วเหมือนที่บอกไป ดิออนก็คงไม่ต่างกัน
ดิออนถอนหายใจออกมาเบาๆระหว่างนั่งนิ่งๆดูอีกคนทำกับข้าวอย่างเชี่ยวชาญ ไม่นานเกินรอ แคลก็เอาอาหารมาเสิรฟให้ถึงที่ และมุมหนึ่งของระเบียงเล็กๆตรงนี้แหละที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องอาหารสำหรับเธอกับหล่อนในค่ำคืนนี้
ดินเนอร์ใต้แสงเทียน ภายในบรรยากาศริมทะเล ช่างโรแมนติกดีจริงๆ..
“อื้ม..อร่อยดีเหมือนกันนะ ไม่น่าเชื่อ” คนไม่เคยทำอาหารกินเองเอ่ยชมออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดิออนเหมือนไม่สังเกตเห็นว่า แคลแอบทำหน้าลุ้นอยู่เป็นนานสองนานระหว่างรอให้เธอตักอาหารเข้าปาก แต่หล่อนก็ยังปากดีไม่เลิก
“ก็บอกแล้วไง.. ฉันน่ะเป็นเชฟมือหนึ่งนะ” แคลยิ้มขณะตักอาหารในจานของตนเข้าปากและเคี้ยวอย่างผู้มีมารยาทดี ต่างจากดิออนที่มีท่าทางรับประทานอาหารเหมือนเด็กๆที่ได้ทานของถูกใจ และไม่ได้พูดขัดอะไรเธอออกมา ดูท่าคงจะสนใจกับอาหารมากกว่าเธอเสียแล้ว
“อ่า...อิ่ม..” ดิออนครางออกมาอย่างสุขใจ เมื่ออิ่มหนำกับอาหารฝีมือแม่ครัวกิตติมศักดิ์ที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่เบื้องหน้า เธอแทบอยากจะเอนตัวลงนอนไปกับระเบียงเพราะความสบายแบบนี้ หากไม่ติดว่ายังเกรงใจคนที่อยู่ด้วยกันตรงนี้อยู่ แม้จะรู้ว่าอีกคนคงไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แคลออกจะใจดีกับเธอในวันนี้
แคลลี่สั่นศีรษะน้อยพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูในท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆของเด็กสาว เธอรวบรวมจานอาหารที่ว่างเปล่าไปแล้วตรงหน้าและเตรียมลุกขึ้นจะนำมันไปทำความสะอาด
“ให้ฉันช่วยมั้ย.. ตอบแทนที่เธอทำของให้กินน่ะ” ดิออนเสนอตัวออกมาและทำท่าจะลุกตาม แต่แคลก็ส่ายหน้าให้เสียก่อน
“อย่าดีกว่า.. เดี๋ยวแตกหมด” แคลหัวเราะคิกที่เห็นดิออนทำหน้ามุ่ยกับคำที่เธอใช้ปฏิเสธ และเพราะนึกสงสารขึ้นมา จึงตัดสินใจเลิกแกล้ง..สักพัก
“มือเป็นแผลอยู่.. อย่าโดนน้ำดีกว่า เดี๋ยวจะหายช้า นั่งเล่นไปเถอะ ที่นี่บรรยากาศดีนะ ท้องฟ้ามีดาวด้วย” เธอพูดอย่างที่ไม่รู้ว่า ท่าทางของเธอเหมือนกำลังหลอกเด็กอยู่อย่างไรอย่างนั้น แถมเด็กคนนี้ก็ยังยอมให้หลอกเสียด้วยสิ เด็กร่างบางพยักหน้าหงึกๆรับคำเธออย่างว่าง่าย “โอเค..งั้นเดี๋ยวมานะจ๊ะ..เด็กดี”
ดิออนมองตามหลังร่างสูงไปเพราะอยากจะดูว่าแคลจะนำจานชามไปล้างตรงส่วนไหนของบังกะโลขนาดเล็กนี้ เธอลุกขึ้นและเดินมาชะโงกหน้าลงไปจากระเบียงบ้านและได้เห็นร่างสูงเดินลงบันไดไปและตรงไปยังด้านหลังของบังกะโลที่ที่มีถังไม้ขนาดใหญ่หลายถังตั้งวางอยู่ มีเครื่องมือเครื่องไม้สำหรับใช้ทำความสะอาด น้ำยาล้างจาน ซักผ้า มีครบหมด มันตั้งอยู่ด้านหลังของบังกะโล ริมฝีปากบางยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวที่เห็นคนตัวโตนั่นทำทุกอย่างที่ต้องทำตรงนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว สมแล้วที่เป็นทหารที่ได้รับการอบรมมาดี
“อยากรู้จังว่า.. ดารอฟสกี้ ทำอะไรไม่เป็นบ้างนะ” ดิออนแกล้งแซวระหว่างที่แคลเดินขึ้นบันไดบังกะโลมา นาทีแรกดวงตาสีแดงดูประหลาดใจ แต่นาทีต่อมาหล่อนก็ยิ้มให้อย่างเขินๆเหมือนคนไร้เดียงสาไม่มีผิด ..น่ารักจัง.. ทำไมไม่น่ารักแบบนี้ตลอดเวลานะ..
แต่แล้วไม่กี่นาที คนหน้าตาไร้เดียงสาก็ทำให้เธอตกใจ เมื่อหล่อนเข้ามากอดเธอไว้และจ้องหน้าด้วยดวงตาสีแปลกที่หวานเชื่อม หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะออกมาเต้นนอกอกตัวเองอยู่รอมร่อ แต่ดิออนก็พยายามจะคุมสติตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุด และตอกย้ำตัวเองว่า อย่าพยายามหาเรื่องทะเลาะกับหล่อน ตามที่แคลขอเธอไว้ให้สัญญากันก่อนยอมตกลงให้เธอนอนค้างด้วย
“มีสิ..มีอยู่อย่างหนึ่งนะ ที่ฉันทำไม่ได้.. ทำไม่เป็นเลยล่ะ” เสียงหวานที่ฟังทีไรก็สั่นสะท้านไปทั้งหัวใจนั่นกระซิบกลับมา
ดิออนรู้สึกว่าอีกไม่ช้าเธอคงจะเป็นลมเพราะความดันขึ้น ในใจภาวนาอยากให้แคลเลิกทำตัวเหมือนเทพีแห่งความรักแบบนี้เสียที เธอจะได้ปลอดภัยและผ่านคืนนี้กับหล่อนไปโดยไม่สึกหรอ ..อ่อ..นี่ฉันกำลังกลัวว่าจะเสียตัวเหรอเนี่ย บ้าไปแล้ว.. แคลเป็นผู้หญิงนะ.. สวยจะตายชักด้วย...
“อะไรล่ะ.. พอจะบอกได้มั้ย” ดิออนกลั้นใจและพยายามตามน้ำไปอย่างที่ไมแนะนำไว้
ใช่..เพื่อนรักของเธอพร่ำบอกอยู่เสมอว่า พี่สาวบุญธรรมของหล่อนมีนิสัยอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร หล่อนบอกเธอทุกอย่าง เพียงแต่เธอทำแค่เพียงจำ แต่ไม่เคยคิดจะทำตามเท่านั้น และครั้งนี้เธอจะลอง...
แคลเงียบไปเล็กน้อย แสร้งทำสีหน้าครุ่นคิดแล้วอยู่ๆก็ยิ้มออกมาเหมือนรู้แล้วว่าจะเจออะไรต่อไปกับคำพูดของตัวเอง
“ทำให้เธอรัก”
และมันก็ใช่จริงๆ เสียงหัวเราะคิกดังออกมาจากปากของคนตัวเล็กกว่าที่ในที่สุดก็ขอไปยืนหัวเราะเสียงดังอยู่นอกอ้อมแขนของอีกคน ดิออนเหมือนจะลืมสนใจไปว่าอาจจะทำให้แคลลี่โกรธได้ที่ไปหัวเราะเยาะเขาแบบนี้
“ทำไมเหรอ.. ฉันพูดผิดหรือไง” เสียงขุ่นๆแทรกขึ้นมากลางคัน ทำให้อีกคนหันหน้ามามองทันที และมันก็เหมือนประโยคประกาศิตที่สามารถทำให้เสียงหัวเราะหายไป คงเพราะคนฟังได้เห็นแววตาเศร้าๆของดวงตาสีเลือดคู่นี้ ที่เจ้าของมันตัดใจหันไปพูดเรื่องอื่นแทนแล้ว “เธอไปอาบน้ำที่เรือนใหญ่ก็แล้วกันนะ อาบที่นี่มันลำบาก และถ้าจะนอนที่นั่นด้วย ก็ตามใจ แต่ให้มิเกลมาบอกฉันด้วยล่ะ”
แคลเดินหันหลังจากเธอไปเงียบๆและไม่ได้หันมามองดูเธออีก เขาปิดประตูห้องที่เป็นส่วนที่เป็นห้องนอนเอาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเข้าไปทำอะไรในนั้น เธอเดาเอาว่าก็คงจะทำเรื่องกิจวัตรส่วนตัวของเขาเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน ดิออนยืนรออยู่นานจนเริ่มรู้สึกเมื่อยขา แคลลี่ก็ไม่ยอมออกมาจากห้อง เธอจึงคิดว่า รอไปก็ไร้ประโยชน์หากเขาไม่ออกมา หล่อนคงยังอารมณ์ไม่ดีเลยไม่อยากเจอหน้าเธอตอนนี้ ทางที่ดีเธอควรจะไปทำตามที่หล่อนบอกไว้จะดีกว่า แล้วค่อยคิดว่าจะกลับมาหาหล่อนอีกดีหรือไม่ คิดได้ดังนั้น ดิออนก็ออกจากบังกะโลหลังเล็กนี้ไป โดยไม่รู้ว่าแคลกำลังนั่งร้องไห้เงียบๆภายในห้องตามลำพัง
--The bodyguard--
“โอเค..ฉันเข้าใจ..” แคลลี่พึมพำเบาๆออกมาตอบรับการรายงานของลูกน้อง ดวงตาสีแดงมองทอดไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าที่ท้องฟ้ามืดดำทำให้มันน่ากลัวเกินความจริง แต่ถึงยังไงมันก็ให้ความรู้สึกว้าเหว่ได้ดีจริงๆเสียด้วย ยิ่งในเวลานี้ที่เธอรู้แล้วว่าจะต้องอยู่ที่นี่คนเดียวจริงๆแล้ว ผู้หญิงอีกคนที่บอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนในคืนแรก ก็ไม่กลับมา แต่เธอก็เข้าใจถึงเหตุผลที่มี หล่อนกลัวเธอ..เหมือนเคย..
ตอนที่มิเกลเดินมาเคาะประตูเรียก แค่ได้ยินเสียงของคนที่ไม่ได้กำลังรออยู่ เธอก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งทั้งที่ทำใจให้ระงับความเศร้าไปบ้างแล้ว แต่เธอก็ออกมาพบหน้าลูกน้องคนสนิทจนได้และทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เพราะไม่อยากจะทำให้ใครๆคิดว่าเธออ่อนแอ แคลพยายามข่มใจเก็บความรู้สึกหดหู่ใจ ความผิดหวังเอาไว้และหันไปพูดเรื่องอื่นกับคนที่ยังยืนรอเหมือนหุ่นรอป้อนโปรแกรม
“เธอดูแลเขาให้ดีก็แล้วกัน และพรุ่งนี้เช้าช่วยเรียกไมมาหาฉันด้วยนะ วันนี้ขอบใจมาก”
พอมิเกลเดินจากไปแล้ว แคลก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาอาบแก้มขาวอีกครั้ง และคราวนี้ก็เหมือนว่าจะไม่มีทางจะหยุดง่ายๆ ปล่อยทิ้งร่างกายให้ทรุดนั่งลงกับผืนทรายอย่างหมดท่า ดวงตาสีแดงมองหาอะไรบางอย่างบนท้องฟ้าที่มืดดำ และเธอก็เจอมัน..แสงดาว
แคลยิ้มเศร้าๆให้มัน “เธอคงสะใจน่าดู ถ้าได้มาเห็นฉันในสภาพนี้..ผู้พันมิลเลอร์”