web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 62
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 133
Total: 133

ผู้เขียน หัวข้อ: ประมูล... รัก ตอนที่ 10  (อ่าน 1540 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ UPsidedown

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 31
ประมูล... รัก ตอนที่ 10
« เมื่อ: 28 ธันวาคม 2013 เวลา 15:42:29 »
ตอนที่ 10
วันอาทิตย์ เวลาบ่ายสองกับอีกสามสิบสี่นาที
ภายในห้องส่วนตัวของเด็กน้อย เจ้าของห้องนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ อรินทิพย์กำลังทำหน้าคร่ำเคร่ง เร่งมือทำการบ้านที่เหลือให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนจะทำแบบฝึกหัดข้อต่อไป เด็กน้อยหันหน้าไปมองเตียงนอนของตัวเองแล้วอมยิ้ม เพราะบนที่นอนตอนนี้มีร่างสูงโปร่งของพี่ปริมจับจอง หลังอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนจากชุดเสื้อผ้าชื้นเหงื่อเปื้อนฝุ่นเป็นชุดใหม่เรียบร้อย ผู้ใหญ่ก็มานอนคอยอยู่บนเตียง รอเธอตะลุยด่านทำการบ้านให้เรียบร้อย พี่สาวคนสวยนอนหงายหลับตาพริ้ม ริมฝีปากอ้าออกจากกันเล็กน้อย ท่าทางแบบนี้หลับสนิทแน่นอน อรินทิพย์ไม่แปลกใจเลยที่พระอินทร์เรียกตัวพี่แมวใหญ่ให้ไปเข้าเฝ้าตอนกลางวันแสก ๆ เพราะก่อนหน้านี้คุณพี่เล่นวิ่งเต้นช่วยเธอทำงานบ้านสารพัด แม้ว่าเธอจะพูดห้าม แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่ยอมฟัง พี่ปริมยื้อไม้กวาด แย่งไม้ถูพื้นไปจากเธอจนได้ พี่แมวใหญ่ยืนยันว่าตั้งใจจะมาช่วยเธอทำงานบ้านอย่างจริงจัง มีการเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหลังเลิกงานอีกต่างหาก พอเธอขมวดคิ้ว ทำท่าว่าจะพูดอ้อนวอนส่งเสียงงอแง บอกพี่ปริมว่านั่งให้กำลังใจกันเฉย ๆ ก็พอ คนอายุมากกว่ากลับชิงจังหวะพูดขึ้นมาก่อน
“ให้พี่ช่วยน่ะดีแล้ว...”
“แต่ว่า...”
“ระหว่างที่พี่ช่วยกวาดบ้านถูบ้าน น้องอินก็ทำการบ้าน หลังจากนั้นเราจะได้ไปเดินตลาดด้วยกัน พี่คิดค่าจ้างทำงานบ้านเป็นข้าวเย็นหนึ่งมื้อ โอเคไหมคะ?”
“ไม่โอเคค่ะ”
“ลูกแมวน้อยอย่าดื้อสิ”
“พี่แมวใหญ่นั่นแหละดื้อ”
“พี่ไม่ได้ดื้อสักหน่อย”
“ถ้าไม่ดื้อก็ปล่อยมือจากไม้กวาดสิคะ เดี๋ยวอินทำเอง”
“ไม่!”
“พี่ปริมอ่า~...”
“น้องอินอ่า~... ถ้าไม่มัวแต่มายืนเถียงพี่ ป่านนี้ทำการบ้านไปได้หลายข้อแล้วมั้ง... พี่แค่อยากไปเดินตลาดกับน้องอินอ่ะ อยากมีเวลาทำกิจกรรมอะไรร่วมกันบ้าง ถ้าช่วยทำการบ้านได้นี่พี่คงช่วยทำไปแล้ว”
“...........”

พี่แมวใหญ่พูดเสียงออดเสียงอ้อนพร้อมกับทำตาวิ้ง ๆ ออกแนวขอร้องใส่เธอ อรินทิพย์ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ ลูกแมวน้อยพอจะเข้าใจเหตุผลและความรู้สึกของพี่แมวตัวโต เพราะเธอเองก็คิดไม่ต่างกันหรอก ในที่สุดเด็กน้อยก็ยอมทำตามแนวทางที่ผู้ใหญ่เสนอ อรินทิพย์ยอมปล่อยมือจากด้ามไม้กวาดที่ยื้อยุดแย่งกันอยู่นาน แถมมีข้อเสนอเพิ่ม ขอเติมกิจกรรมให้ทำร่วมกันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง
“นอกจากของคาวแล้ว เรามาทำของหวานรึขนมกินกันด้วย ดีไหมคะ?”
“ดีค่ะ” พี่แมวใหญ่ยิ้มกว้างจนตาโค้งเป็นรูปเสี้ยวจันทร์
“พี่ปริมอยากกินอะไรล่ะ?”
“อืม... อยากกินคุกกี้อ่ะ”
“อินทำคุกกี้ไม่เป็นนะ”
“พี่เห็นที่เขาทำในทีวีมันทำไม่ยากเท่าไหร่นี่นา”
“อินก็เคยดู คิดว่ามันทำง่ายนะคะ แต่ไม่เคยลองทำ”
“ลองทำคุกกี้กินกันเถอะ เดี๋ยวพี่เป็นลูกมือให้ พี่ยอมเป็นหนู เอ้ย... เป็นแมวทดลองให้ก็ได้”
ลูกแมวน้อยหัวเราะขำพี่แมวใหญ่ที่เสนอตัวเองเป็นแมวทดลองชิมคุกกี้ ถ้านี่เป็นความต้องการของพี่ปริม มีหรือที่เธอจะไม่อยากตามใจ อรินทิพย์ส่งยิ้มหวานหยดให้คนอายุมากกว่า บอกพี่สาวคนสวยไปว่า
“ถ้าพี่ปริมอยากกิน อินจะลองทำดูค่ะ แต่จะอร่อยรึเปล่าไม่รู้นะ อินไม่กล้ารับประกัน”
“ถ้าอร่อย พี่จะมาหาน้องอินบ่อย ๆ... มาขอให้ทำคุกกี้ให้กิน”
“แล้วถ้าไม่อร่อยล่ะ?”
“ถ้าไม่อร่อย พี่ก็จะมาหาน้องอินบ่อย ๆ เหมือนกัน... จะมาขอให้น้องอินทำให้ชิมใหม่หลาย ๆ สูตร จนกว่ามันจะอร่อย... ไม่ว่ายังไง พี่ก็จะหาเรื่องหาข้ออ้าง พาตัวเองมาอยู่ใกล้ ๆ น้องอินจนได้แหละค่ะ”
พี่แมวใหญ่พูดไปยิ้มไป ดวงตาสวยคมทอประกายระยิบวิบวับปิ๊งปิ๊งจนลูกแมวน้อยมองสบตาด้วยได้แค่ไม่กี่วินาทีแล้วก็ต้องก้มหน้า เด็กสาวอมยิ้มอมเขิน กลับหลังหันวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อรีบทำการบ้านให้เสร็จ

อรินทิพย์นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนจะขึ้นมาทำการบ้านแล้วก็ต้องยิ้มให้สมุด เด็กสาวแอบขำตัวเองในใจเมื่อคิดว่า...

พอใบหูของเธอยื่นมือไปรับคำหยอดแอบหวานจากพี่ปริมมาเก็บ
พอนัยน์ตารับประกายหวานไหวไหวจากดวงตาคู่สวยของพี่แมวใหญ่มาถือ
ทำไมอวัยวะอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรับรู้อย่างใบหน้ามักจะเกิดอาการร้อนผ่าว แก้มขาว ๆ เปลี่ยนสีตัวเองเป็นสีแดงได้ทุกที
ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ >///////<



20 นาทีต่อมา...
เด็กน้อยวางปากกาลงบนโต๊ะ พูดกับสมุดปกแข็งด้วยน้ำเสียงเริงร่าว่า
“เสร็จซะที” 
“อือ~ น้องอินทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ?”
เธอพูดบอกสมุด แต่สมุดคงส่งเสียงถามตอบสนทนากับเธอไม่ได้แน่ มันเป็นเสียงเครืออู้อี้ในลำคอแบบคนเพิ่งตื่น อรินทิพย์จึงหันไปมองทางทิศที่คนเพิ่งตื่นน่าจะอยู่แถวนั้น เธอเห็นพี่แมวใหญ่ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เอามือขยี้ตาทำหน้างัวเงีย ลูกแมวน้อยมองสังเกตสีหน้าท่าทางของพี่แมวใหญ่พลางหัวเราะเบา ๆ เด็กสาวแอบคิดในใจว่าพี่ปริมตอนทำหน้ามึนหน้าง่วงแบบนี้นี่น่ารักชะมัดเลย >_<
อรินทิพย์เดินยิ้มหวานไปยืนตรงข้างเตียง เด็กน้อยตอบคำถามที่ผู้ใหญ่ถามค้างเอาไว้พร้อมกับส่งมือไปให้
“อินทำการบ้านเสร็จแล้วค่ะ พี่ปริมรีบลุกไปล้างหน้าล้างขี้ตาเร็วเข้า จะได้ไปตลาดซื้อของมาทำกับข้าว ทำคุกกี้กัน... อุ๊ย!”
เด็กน้อยร้องอุทานเพราะแทนที่ผู้ใหญ่จะโดนเธอฉุดให้ลุกขึ้น กลับกลายเป็นว่าตัวเธอเองโดนพี่ปริมดึงแขนให้ลงไปนอนคว่ำบนเตียง ทับร่างของผู้ใหญ่แบบไม่ทันได้ตั้งตัว พี่แมวใหญ่ขี้แกล้งส่งเสียงหัวเราะคิกคัก กอดรัดล็อคเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา ส่วนบริเวณกลางกระหม่อมรู้สึกได้ว่ามีอะไรมาจิ้ม ๆ กด ๆ ด้วย ในเมื่อมือของพี่ปริมไม่ว่าง อวัยวะที่กดแนบกับศีรษะเธอตอนนี้คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ปลายจมูก อรินทิพย์ได้แต่นอนนิ่งยิ้มเขินเอียงอาย หัวใจขยับจังหวะการบีบคลายตัวเร็วขึ้นและแรงขึ้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหวิวโหวงในช่องท้องขึ้นมาแบบแปลก ๆ ลูกแมวน้อยยังไม่ชินกับความใกล้ ยังไม่คุ้นกับสัมผัสแนบชิดแบบนี้สักเท่าไหร่ ก็เลยได้แต่นอนเขินตัวเกร็งแข็งทื่อ ปล่อยให้พี่แมวใหญ่กอดรัดฟัดเหวี่ยงหอมหัวเธอเล่นอยู่นาน กว่าอรินทิพย์จะบังคับสั่งการริมฝีปากให้ส่งเสียงสั่น ๆ เตือนพี่ปริมให้ปล่อยเธอได้ โต๊ะเรียนก็พูดจาหาเรื่องเล่นพนันกับเก้าอี้ไปแล้วเรียบร้อย หัวข้อในการพนันขันต่อมีอยู่ว่าแมวน้อยกับแมวใหญ่จะได้ทำคุกกี้กินกันไหม? หรือจะไม่ได้ทำเพราะเอาแต่นอนกอดกันอยู่อย่างนี้ หรือจะทำอะไรกันยิ่งกว่ากอดรึเปล่า?

เมื่อเห็นแมวใหญ่พลิกตัวขึ้นมา กลายเป็นฝ่ายจับกดแมวน้อยลงกับเตียง โต๊ะอยากจะกระโดดตัวลอยร้องเย้ ๆ ส่วนเก้าอี้อยากจะยกขาหน้ามาปิดตา จากนั้นโต๊ะกับเก้าอี้ก็ยืนสี่ขา กัดฟันลุ้นจนไม้ถลอกว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อ พอเห็นแมวใหญ่ก้มหน้าลงไปหาแมวน้อยแล้วประทับรอยจูบตรงหน้าผากเบา ๆ เก้าอี้แทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ เอาแล้วไงล่ะ งานนี้เสียพนันหมดตัวแน่เลย...

พี่ปริมนะพี่ปริม ทำไมทรยศความไว้วางใจของเก้าอี้แบบเน้!

อรินทิพย์ทำตาโตด้วยความตื่นเต้นปนตื่นตระหนก มองใบหน้าของพี่ปริมที่กำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา ทำท่าว่าจะจูบเธอ เด็กสาวได้แต่นอนมองผู้ใหญ่ตาไม่กะพริบ ขยับตัวขยับร่างกายส่วนไหนไม่ได้ อวัยวะอย่างเดียวที่ขยับได้คือหัวใจ อรินทิพย์คิดว่าเธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังตึกตัก มันเต้นแรงส่งเสียงดังทะลุช่องอกออกมาเลยทีเดียว เด็กสาวมองจ้องใบหน้าของผู้ใหญ่เคลื่อนที่ลงมาหาเธออย่างเชื่องช้า ราวกับว่าใครกดปุ่มเล่นภาพแบบสโลว์โมชั่นให้เธอดู อรินทิพย์ถึงกับกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว...

ในที่สุดพี่ปริมก็...
จุ๊บ!
ครั้งแรกตรงหน้าผาก
และ... อีกจุ๊บ!
คราวนี้ตรงปลายจมูก
และ... พี่ปริมกำลังเคลื่อนหน้าต่ำลงมาอีกนิด...

โธ่เอ๊ย!

ไม่มีเสียงจุ๊บ มีแต่เสียงอุทานด้วยความเสียดายของโต๊ะ เก้าอี้ที่กำลังก้มหน้ากัดฟันพูดต่อว่าด่าพี่ปริมอยู่ในใจจึงต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เก้าอี้กลอกตามองตามร่างของแมวใหญ่ที่เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็ต้องยิ้มกว้าง รีบแบมือไปตรงหน้าโต๊ะพลางยักคิ้วให้สองที เห็นไหมว่าพี่ปริมเป็นคนดี พี่ปริมไม่ทำอะไรเจ้านายของพวกเราหรอก ฝ่ายโต๊ะเขียนหนังสือที่พนันว่าพี่ปริมกับน้องอินคงมัวจู๋จี๋กันจนไม่ได้ทำคุกกี้ก็เลยทำหน้าเบ้ ส่งเสียงชิ ชิ จิ๊ปากแล้วแลบลิ้นชักออกไปเพื่อยื่นเงินให้เก้าอี้ คุณโต๊ะเขียนหนังสือคิดในใจว่าคงจะต้องมองพี่ปริมใหม่ซะแล้ว ถึงจะชอบพูดจาทะลึ่งทำตัวทะเล้น ไม่ค่อยน่าไว้ใจ แต่ผู้ใหญ่เขาก็บังคับจิตใจ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีนะนี่ ไม่เลว ๆ

คุณโต๊ะแอบชื่นชมพี่ปริมอยู่ในใจ แล้วเด็กน้อยล่ะ
คิดยังไง? รู้สึกอย่างไรที่โดนผู้ใหญ่แกล้งจับกดกับเตียง?

อรินทิพย์นอนมองผู้ใหญ่ก้มหน้าลงมาหา เธอโดนขึงพืดกดข้อมือทาบกับเตียง พี่ปริมจูบตรงหน้าผากเธอ ต่อด้วยการทิ้งรอยสัมผัสนุ่มนวลตรงปลายจมูก มีการเลื่อนใบหน้าลงต่ำไปอีกนิดทำท่าว่าจะจูบริมฝีปากเธอด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้น พี่ปริมผละใบหน้าออกห่าง หัวเราะขำเสียงดังและส่งมือมาบีบจมูกเธอเล่น ผู้ใหญ่ทำเพียงแค่นี้แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้เด็กน้อยนอนเขินจนหน้าเขียว เพราะเมื่อสักครู่อรินทิพย์เขินพี่ปริมมากมายจนถึงขั้นหยุดหายใจ ผู้ใหญ่หายตัวเข้าไปในห้องน้ำได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่เด็กสาวเพิ่งจะกะพริบตาเป็น เมื่อเริ่มสั่งให้ร่างกายขยับเขยื้อนได้อีกครั้ง เด็กน้อยรีบยกมือขวามาลูบอก พูดเตือนตัวเองให้หายใจเอาอากาศเข้าปอดโดยด่วน ต่อจากเสียงเตือน อรินทิพย์ย่นคิ้วเข้าหากันพร้อมกับพูดตะโกนในใจเสียงดังสนั่น

พี่ปริมอ่า... เล่นอะไรแบบนี้เนี่ย อินหัวใจจะวายตาย >///////<

อีกห้านาทีต่อมา...
เด็กน้อยเปิดประตูหน้าด้านซ้ายของรถสีขาวคันเล็ก พอขึ้นไปนั่งเสร็จก็ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนหน้าขา ไม่ยอมเอ่ยปากพูดจาอะไรเลยสักคำแม้ว่ารถจะเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ผู้ใหญ่สังเกตเห็นเด็กน้อยออกอาการแบบนี้ก็เริ่มเหงื่อตก เมื่อกี้เล่นอะไรเลยเถิดเกินไปจนโดนโกรธแน่ ๆ เลย คิดแล้วปณิตาก็หันไปถามลูกแมวน้อยด้วยเสียงอ่อย ๆ
“น้องอินโกรธพี่เหรอ?”
“.........”
“ลูกแมวน้อยโกรธพี่แมวใหญ่เหรอคะ?”
“.........”
“ไม่เอานะ... อย่าเงียบแบบนี้สิคะ พี่ขอโทษ ถ้าน้องอินไม่ชอบ พี่ก็จะไม่ทำ ไม่เล่นอะไรแบบนั้นอีก ยกโทษให้พี่ปริมนะคะ”
“อินไม่ยกโทษให้หรอก” เด็กน้อยพูดเสียงอุบอิบแล้วหันคอไปด้านซ้าย
“ฮือ... พี่ปริมขอโทษ ยกโทษให้พี่เถอะน้า”
“ไม่” เสียงปฏิเสธมาแบบสั้น ๆ แต่หนักแน่น
“น้องอินอ่า~ พี่ปริมผิดไปแล้ววว~ พี่ขอโทษ เราดีกันน้า”
ผู้ใหญ่ทำเสียงออดอ่อนขอร้องเลียนแบบเด็ก มือซ้ายต้องทิ้งพวงมาลัยรถชั่วคราวไปสะกิดหัวไหล่ขวาเพื่อง้อเด็กงอน พอได้จังหวะตอนรถหยุดนิ่งจอดสนิทติดสัญญาณไฟแดง ปณิตาก็หันไปหาอรินทิพย์ คว้าแขนขวาดึงมือเด็กน้อยมากุมเอาไว้แล้วพูดขออภัยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังแสดงความจริงใจ บอกให้รู้ว่าผู้ใหญ่อย่างตนสำนึกผิดจริง ๆ ซึ่งอรินทิพย์ก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตา พูดเสียงเบาหวิวจนเธอต้องตะแคงเอนตัวส่งหูเข้าไปฟังใกล้ ๆ
“อินยังเด็กอยู่นะ”
“ค่ะ... พี่เองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ พี่ขอโทษ”
“พ... พี่รู้ไหม... ถ... ถ้าพี่คิดจะทำอะไรอินจริง ๆ ... อิน... อินคง... คงไม่มีปัญญาจะห้ามพี่หรอกค่ะ... ต... ตอนที่พี่ปริมแกล้งทำแบบนั้น ค... แค่จะให้ส่งเสียงพูดอะไร อ... อินยังทำไม่ได้เลย >///////<”
เด็กน้อยพูดตะกุกตะกัก เสียงพูดเบาลงเรื่อย ๆ ตามความยาวของประโยค ปณิตาจับได้ถึงความหวาดหวั่นที่ปะปนมากับน้ำเสียง มือเล็กนุ่มนิ่มที่เธอกุมเอาไว้แอบกำแน่นจนมีรูปร่างเป็นก้อนกลม หญิงสาวจึงเม้มปากสนิทจนเหลือเพียงเส้นตรงหนึ่งเส้น เมื่อกี้ตอนที่โดนเธอแกล้งจับกด แกล้งทำเป็นว่าจะจูบและเหมือนจะทำอะไรมากไปกว่าจูบ ตอนนั้นเด็กน้อยคงรู้สึกกลัวเธอมากแน่ ๆ เลย ปณิตานึกอยากจะเอาหัวโขกพวงมาลัยรถแรง ๆ ให้เจ็บจนหัวโนหัวปูดมีลูกมะกรูดขึ้น จะได้สาสมกับความผิดที่ตัวเองก่อ ปณิตาฟังคำพูดของเด็กน้อยแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด ในสายตาของอรินทิพย์ เธอคงเป็นผู้ใหญ่ที่รังแกแกล้งเด็กไม่มีทางสู้สินะ ถึงแม้เธอจะรู้ตัว สามารถควบคุมการกระทำของตนได้ แค่อยากจะแกล้งหยอกเด็กให้เขินเล่นก็เท่านั้น แต่ปณิตาก็แอบยอมรับในใจล่ะว่าเธอกลัวอยู่เหมือนกัน เพราะเด็กน้อยออกจะน่ารักน่ากินขนาดนี้ วันดีคืนดีอาจจะแกล้งแล้วหยุดไม่อยู่ เผลอตัวเผลอใจ ทำผิดกฎหมายพรากผู้เยาว์เอาได้ง่าย ๆ แถมเด็กยังมาสารภาพให้ฟังว่าคงไม่มีปัญญาจะหยุดเธอเสียด้วย ถ้าเธอยับยั้งชั่งใจเหยียบเบรกไม่ทัน เร่งรีบขับความรักเร่งความเร็วฝ่าด่าน รับรองว่าเป็นเรื่องแน่ ๆ หญิงสาวคิดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี นอกจากประโยคเดิม ๆ ว่า...
“พี่ขอโทษ”
เด็กน้อยฟังคำขอโทษแล้วนิ่งเงียบไปสองสามอึดใจก่อนจะหันหน้าแดง ๆ มาพูดบอกกล่าวและถามเธอว่า...
“อิน... อินยังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนั้น อินคิดว่ามันเร็วเกินไป... พี่ปริม... ค่อย ๆ รักอินได้ไหมคะ? พี่รอได้ไหม?”

อ่า... ต้องให้เด็กเอ่ยปากถามขอร้องกันแบบนี้ ผู้ใหญ่รู้สึกละอายใจจริง ๆ

ปณิตาคิดในใจพร้อมกับสั่งให้ดวงตาส่งคำว่าขอโทษขออภัยไปให้เด็กน้อยอีกหนึ่งล้านสามแสนสี่หมื่นหกพันคำ หญิงสาวกุมมือขวาของเด็กน้อยด้วยสองมือ พยักหน้าขึ้นลงสองครั้ง
“ได้สิคะ พี่รอได้อยู่แล้ว... แต่ว่า...”
“แต่ว่า???”
“เรื่องค่อย ๆ รักเนี่ย พี่รับปากไม่ได้ค่ะ เพราะรู้สึกว่าจะรักไปเยอะแล้ว แทบหมดใจเลยมั้ง”   
“ทำไมพี่บอกว่าแทบหมดใจล่ะ?”
เด็กน้อยขมวดคิ้วถามเสียงดังลั่นรถ ผู้ใหญ่จึงคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
“ท... ทำไมล่ะ? พี่พูดอะไรผิดเหรอ?”
“ก็พี่บอกว่ารักแทบหมดใจ แสดงว่ารักไม่หมดทั้งใจใช่ไหม? กั๊กไว้ทำไมนิดนึง?”
เด็กน้อยย่นคิ้วเข้าหากัน พูดโวยวายทำหน้าไม่พอใจ แต่มุมปากแอบยกขึ้นแปดองศา ปณิตาจึงรู้ว่าโดนเด็กพูดแหย่แกล้งเอา พอดีว่าไฟสัญญาณจราจรเปลี่ยนสีแล้ว หญิงสาวก็เลยต้องหันไปยิ้มให้ท้ายรถกระบะคันข้างหน้า เรียกตัวให้มือขวากลับมาบังคับพวงมาลัยรถ มือซ้ายถูกเรียกตัวกลับมาชั่วคราวเพื่อเข้าเกียร์ก่อนจะส่งตัวข้ามชายแดนไปจับกุมมือของเด็กน้อยเอาไว้เหมือนเดิม ปณิตาขับรถพลางขยับปากตอบคำถาม
“ที่พี่ต้องกั๊กหัวใจเอาไว้นิดนึงเพราะต้องเผื่อใจเอาไว้ เผื่อเด็กจะเบื่อง่ายแล้วทิ้งพี่”
“ตุ๊กตาหมีตัวแรกที่แม่ซื้อให้ตอนอายุไม่ถึงสองขวบ อินยังเก็บเอาไว้อยู่เลยนะคะ”
ปณิตาหัวเราะเบา ๆ ให้กับคำตอบแบบอ้อมค้อมของเด็กน้อย
“ใช่หมีตัวสีขาวตุ่น ๆ ที่นั่งอยู่ในตู้โชว์ชั้นที่สองรึเปล่า?”
“ใช่ค่ะ ตัวนั้นแหละ”
“งั้นพี่คงต้องเผื่อใจเอาไว้ สักวันพี่อาจจะถูกจับไปนั่งหง่าวอยู่ในตู้โชว์คู่กับหมีขาวตัวนั้น”
“อืม... ถ้าพี่แก่ชราจนกอดนิดกอดหน่อยแล้วขนร่วงเหมือนพี่หมีขาว อินคงไม่มีทางเลือกค่ะ ต้องจับพี่ยัดเข้าตู้ไปนั่งคู่กับหมีตามระเบียบ อิอิ”
ถึงคำว่าแก่ชราจะทำให้คนอายุมากกว่ารู้สึกเคืองใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคที่เด็กสาวพูดทำให้ปณิตาหัวเราะได้ หญิงสาวละสายตาจากถนนหันไปถามเด็กน้อยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“น้องอินจะรักพี่ไปจนถึงวันที่พี่ขนร่วงเลยเหรอ?”
“ถ้าพี่ยังทำตัวน่ารักแบบนี้ล่ะก็... นะ”
อรินทิพย์ก้มหน้า พูดไปยิ้มไป มือเล็กสองข้างกุมมือซ้ายของเธอเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ ปณิตาเห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้าง หันกลับไปมองถนนเบื้องหน้า หญิงสาวพูดติดตลก บอกคนนั่งข้าง ๆ ว่า...
“เพื่อปิดโอกาสไม่ให้น้องอินจับพี่ไปนั่งในตู้โชว์คู่กับหมีขาว พี่จะแว๊กซ์ขนออกให้หมด รับรองว่าถึงจะอายุมาก แต่กอดแล้วขนไม่ร่วงแน่นอน”
เด็กน้อยเอามือปิดปากหัวเราะกิ๊กเสียงใส “แหม... อายุมากเหรอคะ เข้าใจเลือกใช้คำเนอะ”
“นี่... ถ้าคิดจะรักคนอายุมากกว่า อย่าพูดเชียวนะคำว่าแก่ ชรา ตีนกาอะไรพวกนี้น่ะ ฟังแล้วคนแก่ เอ้ย! คนอายุมากกว่าแสลงใจ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจค่ะ แต่อินไม่รับปากนะคะว่าจะไม่พูด”
“อ่าว”
“อินก็ต้องมีอาวุธอะไรเก็บเอาไว้พูดแหย่ตอกย้ำแกล้งคนแก่บ้างสิ”
“เอาสิ ถ้าพูดคำว่าแก่อีกทีเดี๋ยวจะจับจูบ... คราวนี้จะจูบจริง จูบที่ปากด้วย... ไม่ได้ขู่นะ พี่พูดจริงทำจริง กล้าทำนะจะบอกให้”
“เคยได้ยินแต่บทละครที่ให้นางเอกพูดจาด่าพระเอกยั่วโมโหแล้วโดนจูบ... แต่บทแบบว่า... ถ้านางเอกพูดว่าแก่แล้วจะถูกจูบนี่ อินไม่เคยได้ยินว่ามีนะคะ”
เด็กน้อยที่โดนขู่ยังหัวเราะได้ ไม่กลัวกันเลยสักนิด แถมพูดจาคิดหาคำแซวตอบกลับมาได้อีก ผู้ใหญ่อมยิ้มจนแก้มมีรอยปริ กัดริมฝีปากล่างกลั้นความหมั่นไส้กักความเอ็นดูไว้ในกระพุ้งแก้ม ปณิตาเปลี่ยนจากพูดขู่ หันไปพูดยุยงแทน
“บทแก่ จูบ มีที่นี่แหละ เรื่องแรกและเรื่องเดียวในประเทศไทย น้องอินพูดมาซิว่าพี่แก่ พี่อยากแสดงบทจูบเด็กจะแย่แล้ว”
“หึ... เรื่องอะไรจะพูดล่ะ”
“ไม่พูดได้ไง ตามบทแล้วน้องอินต้องพูดนิ่”
“ใครเขียนบท?”
“พี่เอง”
“แล้วพี่อ่านบทรึยังว่าหลังจากจูบแล้วเป็นไงต่อ?”
“อ่านแล้ว... ในบทบอกว่าเด็กน้อยจะเอาแต่เขินหน้าแดง รู้สึกชอบใจ อยากให้พี่จูบอีก”
“คิดเองเออเองอีกละ”
“น้องอินก็คิดเองเออเองเหมือนกัน รู้ได้ยังไงว่าเด็กน้อยจะไม่ชอบให้พี่จูบ? ถ้าอยากรู้ก็ลองให้พี่จูบดูสิ น้องอินอาจจะเปลี่ยนใจเปลี่ยนความคิด บอกว่าพี่เขียนบทเดาใจเดาความรู้สึกนางเอกได้ถูกต้องก็ได้น้า~”
“พูดจาล่อลวงหลอกขอจูบเด็กได้แนบเนียนมากกก~... อินเกือบหลงกลเลยนะคะเนี่ย”
“ว้า... แค่เกือบเองเหรอ? นึกว่าจะหลงกลแล้วซะอีก...”

เป๊าะ!

“อุ๊ย! อ๊า~ พี่เจ็บนะ! อู๊ยยย~... ลูกแมวน้อยใจร้ายยย~”
ปณิตารีบเรียกตัวมือซ้ายให้กลับมาหา หญิงสาวสะบัดมือไปมาพร้อมกับส่งเสียงโอดโอยสลับกับเสียงบ่น เมื่อกี้ลูกแมวน้อยฟังที่เธอพูดแล้วคงรู้สึกหมั่นไส้ อรินทิพย์ง้างนิ้วกลาง จัดการดีดลูกมะกอกใส่นิ้วเดียวกันของเธอดังเป๊าะได้ยินชัดเจนเลย แล้วปณิตาก็ต้องสะดุ้งนิดหน่อยและมีเหงื่อผุดตรงข้างขมับสองเม็ดเป้ง ๆ เพราะลูกแมวน้อยบอกกับเธอว่า...
“แค่ดีดมะกอกนิดเดียวเอง ไม่โดนหักนิ้วก็บุญละ พี่แมวใหญ่ทะลึ่ง”

แง้ว~ ลูกแมวน้อยซาดิสต์อ่า (-_-”)

ถึงแม้จะโดนลูกแมวน้อยขู่ว่าจะหักนิ้ว แต่แมวใหญ่ไม่กลัว หดขาหน้ากลับมาเดี๋ยวเดียว พอหายเจ็บก็ยื่นออกไปใหม่ ตะปบยึดขาหน้าข้างขวาของลูกแมวน้อยเอาไว้ บางทีแมวใหญ่ก็บีบอุ้งมือที่เล็กกว่าเล่นเบา ๆ บางครั้งก็หมุนนิ้วโป้งลูบไล้หลังมือไปมา พอวงโคจรการลูบเริ่มตีวงออกห่างจากจุดศูนย์กลางหลังมือมาถึงตรงแขน ลูกแมวน้อยเกิดอาการขนลุกก็เลยยกมือซ้ายมาตะปบตีเอาดังแปะ แมวใหญ่ชักขาหน้าหดกลับมาพลางหัวเราะคิกคัก แต่ไม่นานนักก็ส่งมือไปกวนไปแหย่ลูกแมวน้อยใหม่อีกรอบ ปณิตาคิดในใจว่าต่อไปนี้ขอหยอกเด็กเล่นแต่พอสนุกไม่เลยเถิดจะดีกว่า วิธีแหย่เด็กให้เขินแบบไม่ติดเรทรึเฉียดคุกมีเยอะแยะไป อาทิเช่น...

“ร้อนจัง”
เด็กน้อยเอาข้าวของที่ซื้อมาวางใส่กระโปรงท้ายของรถคันเล็กพลางบ่น จากนั้นก็เอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้จีบจับเสื้อยืดสีฟ้าตรงกลางอก ขยับมือเข้าออกเพื่อกระพือลมไล่ให้เหงื่อระเหย ผู้ใหญ่จึงคิดหาทางช่วยคลายร้อนให้
“กินไอติมไหมคะ?”
“กินค่า~ ^__^”
เด็กน้อยตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ดวงตากลมโตทอประกายปิ๊งปั๊งขึ้นมาเลยเชียว ผู้ใหญ่มองสีหน้าและแววตาของคนอายุน้อยกว่าแล้วอดส่งเสียงขำไม่ได้ ปณิตาจูงมืออรินทิพย์ไปยืนหน้ารถซาเล้งขายไอศครีม ไม่นานนักคนขายรุ่นคุณลุงก็ยื่นถ้วยพลาสติกมาตรงหน้า อรินทิพย์รับถ้วยมาถือแล้วยิ้มกว้าง ในมือคือภาชนะบรรจุไอศครีมกะทิสดเย็นชื่นใจ ราดด้วยช็อกโกแลต โรยถั่วลิสง แถมตรงก้นถ้วยมีมันเชื่อมกับลูกชิดอีกต่างหาก เด็กน้อยตักของหวานกินโชว์ต่อหน้าลุงคนขายนั่นเลย
“อร่อยจัง... พี่ปริมไม่ซื้อไอติมกินมั่งเหรอคะ? อร่อยนะ”
หญิงสาวอมยิ้ม ส่ายหน้าไปมา จูงมือพาเด็กน้อยกลับไปที่รถ แต่พอพาหนะสี่ล้อเคลื่อนตัวพ้นจากตลาดสดไปได้นิดเดียว...
“น้องอิน... พี่อยากกินไอติมมั่งอ่ะ ป้อนหน่อยสิ”
แทนที่จะป้อนไอศครีม เด็กน้อยป้อนเสียงหัวเราะลงลูกคอเอิ๊ก ๆ อร่อยเหาะให้ผู้ใหญ่กินแทน อรินทิพย์ขำจนคอแห้ง ลดเปลือกตาลงครึ่งเสาแล้วพูดเปรย ๆ
“ที่ไม่ยอมซื้อไอติมกินเองเพราะอยากจะมาอ้อนเด็กให้ป้อนล่ะซิ แผนการตื้น ๆ แค่ระดับน้ำท่วมหลังปลาหางนกยูงแค่นี้ เค้ารู้ทันหรอกน่า”
หน่วยวัดระดับความตื้นของแผนการที่เด็กน้อยใช้ เล่นเอาผู้ใหญ่ขำกลิ้งน้ำตาเล็ดเลยเหมือนกัน ปณิตาใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตรงหางตาทิ้งพลางพูด
“รู้ทันว่าพี่อยากให้ป้อนก็ป้อนหน่อยสิ”
“แล้วทำไมไม่บอกก่อนว่าจะกินด้วย อินจะได้ขอช้อนมาอีกอัน”
“กินช้อนเดียวกันก็ได้ เราสองคนเคยกินด้วยช้อนคันเดียวกันมาแล้วนี่คะ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคย” [ในตอนที่ 3 ตอนที่พี่ปริมแย่งข้าวต้มเด็กกินไง]
ปณิตาพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะสั่งให้นัยน์ตากลิ้งไปด้านซ้าย พอเห็นเด็กน้อยเม้มปาก แก้มขาวใสซับสีเลือดจนเป็นสีชมพู ผู้ใหญ่ก็อมยิ้มชอบใจ...

หยอกให้เขินเท่านี้ยังไม่พอหรอก ยังไม่ได้ทำตามแผนการตื้น ๆ ระดับท่วมหลังปลาหางนกยูงเลย

ผู้ใหญ่คิดดังนั้นพร้อมกับผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก ว่าแล้วก็หันไปพูดจาเซ้าซี้อ้อนวอนส่งเสียงหวาน
“ลูกแมวน้อยจ๋า... ป้อนไอติมพี่แมวใหญ่หน่อยน้า~ กินมั่ง กินมั่ง ป้อนหน่อยจิ มือไม่ว่าง ขับรถอยู่เนี่ย พี่อยากกินจริง ๆ นะ”
“หึ... ไว้ตอนรถติดไฟแดง พี่ค่อยเอาไปตักกินเองละกันค่ะ”
“โห่... ลูกแมวน้อยใจร้ายยย~ ให้ป้อนไอติมแค่นี้ก็ไม่ได้ จะงอนละนะ ฮึ”
หลังเสียงฮึ แมวใหญ่ก็แอ๊บแบ๊วอมลมงอนใส่แก้มจนป่อง ลูกแมวน้อยหันไปมองหน้าแมวตัวโตแล้วต้องรีบเอามือปิดปาก เกือบสำลักไอติม
“พี่แมวใหญ่งอนด้วยอ่า... แต่ทำหน้าเหมือนแมวปวดอึเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
แมวใหญ่งอนที่โดนลูกแมวแซวว่าทำหน้าเหมือนแมวปวดอึได้ยินดังนั้นก็ทนไม่ไหว ต้องปล่อยลมงอนออกจากแก้มเป็นเสียงแมวตดดังพรืด ปณิตาหัวเราะจนหน้าแดง ขำจนกล้ามเนื้อท้องปวดไปหมด เสียงหัวเราะยังไม่ทันหายดี แต่แมวใหญ่ก็ยังพยายามจะกลับมาร้องหง่าว ๆ ขอให้แมวน้อยป้อนของหวานให้ ในที่สุดลูกแมวน้อยก็ใจอ่อน ยอมส่งช้อนพลาสติกสีชมพูบรรทุกไอศครีมกะทิจนพูนไปจ่อปากพี่แมวใหญ่ แล้วแมวตัวโตก็เล่นมุกเดิม ทั้งอมทั้งกัด ไม่ให้คนป้อนดึงช้อนออก คนป้อนก็เลยไม่ดึง พี่แมวใหญ่อยากคาบช้อนเล่นใช่ไหม ลูกแมวน้อยก็ปล่อยช้อนให้คาบไป แต่นี่แหละ คือสิ่งที่แมวใหญ่ต้องการ

ได้อุปกรณ์การแกล้งเด็กให้เขินมาอยู่ในปากแล้ว หุหุ

ปณิตาอมยิ้มทั้งที่ปากยังอมช้อน พอเห็นสัญญาณไฟตรงแยกข้างหน้าเป็นสีแดง หญิงสาวก็อยากจะเอามือตบเข่า แหม... สัญญาณไฟช่างรู้เห็นเป็นใจ ให้เวลาเธอได้ละมือจากพวงมาลัยและหันหน้าไปหาเด็กน้อย

“น้องอิน ดูอะไรนี่”
อรินทิพย์หันไปมองดูอะไรนี่ที่ผู้ใหญ่ว่า มันก็คือช้อนพลาสติกตักไอศครีมสีชมพูหวานแหววอันเดิมนั่นแหละ ตอนนี้พี่ปริมดึงมันออกจากปากแล้วถือเอาไว้ในมือ เด็กน้อยคิดว่าผู้ใหญ่อยากจะตักไอศครีมกินเองก็เลยส่งถ้วยพลาสติกบรรจุของหวานในมือไปให้ แต่เธอเดาผิด พี่ปริมไม่ยอมยื่นมือมารับถ้วย ผู้ใหญ่ทำตาหวาน ประทับรอยริมฝีปากตรงหลังช้อนพลาสติกสีชมพูก่อนจะส่งมันมาหาเธอ พี่ปริมใช้หลังช้อนเคลือบรอยจูบทาบกับริมฝีปากของเธอพลางพูดยิ้ม ๆ

“จุ๊บ... พี่แมวใหญ่จูบลูกแมวน้อยทางอ้อมผ่านช้อนไอติม”
“...>///////<...”
ตอนที่แตะมีการทำเสียงเอฟเฟคต์ดังจุ๊บด้วยนะ เสียงประกอบฉากต่อมาที่ดังขึ้น แน่นอนว่าต้องเป็นเสียง...

ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!
ฉ่า~
ลูกแมวน้อยเขินอายหน้าร้อนฉ่าจนควันขโมงโฉงเฉง ผู้รับผิดชอบเรื่องเอฟเฟคต์จึงต้องใช้ระเบิดควันถึงสามลูก

แกร็บ!

[ไรท์เตอร์หันไปมองคนทำงานด้านเอฟเฟคต์ ตะโกนถามว่าเมื่อกี้เป็นเสียงประกอบฉากอะไร ไม่ได้สั่งให้ใส่ไปเสียหน่อย คนทำเอฟเฟคต์ประกอบฉากส่ายหน้า โบกมือไปมา บอกว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วชี้มือชี้ไม้ รายงานว่า โน่น ๆ เสียงมาจากมือของน้องอิน]

เพราะเด็กน้อยเขินมาก ถ้วยพลาสติกในมือก็เลยถูกแรงเขินบีบเอาจนร่างกายลั่นดังแกร็บ ผู้ใหญ่เห็นเด็กน้อยออกอาการเขินสุด ๆ จนเผลอทำร้ายถ้วยไอศครีมร้องอุทานดังอุ๊ยแล้วหัวเราะขำเสียงใส
“คิคิ ดีนะที่กินไอติมใกล้จะหมดแล้ว... น้องอินปล่อยมือจากถ้วยไอติมก่อนน้า พี่กลัวว่าพลาสติกที่แตกมันจะบาดมือเอา... โอ๋ ๆ ถ้วยไอติมที่น่าสงสาร โดนลูกหลงจนบู้บี้เลย”
ปณิตาแกะถ้วยพลาสติกเคราะห์ร้ายออกจากมือของเด็กน้อย แต่มือของอรินทิพย์ก็ว่างแค่เพียงไม่นาน เพราะผู้ใหญ่คลี่นิ้วเด็กน้อยออกแล้วเอาด้ามช้อนเคลือบจูบทางอ้อมใส่ลงไปให้เด็กน้อยกำมันเอาไว้
“น้องอินเก็บช้อนเอาไว้น้า... ถ้าคิดถึง อยากจูบพี่ แต่ยังไม่พร้อมที่จะให้จูบจริง เราก็จูบกันแบบอ้อม ๆ ผ่านช้อนไปก่อน... น้องอินบอกให้พี่ค่อย ๆ รัก พี่ก็จะค่อย ๆ รักนะคะ”
“...>////////<...”

ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!
ฉ่า~ ฉ่า~ ฉ่า~

โอ๊ย!... พี่ปริมอ่า~
ขนมาทั้งหวาน มาทั้งซึ้งแบบนี้ เด็กน้อยเขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้ววว~ >//////<
..............




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.