Chapter 15 : ก่อนจากกัน (ชั่วคราว)
ดิออนรีบสาวเท้ายาวๆเดินจากเรือนใหญ่มาตั้งแต่เช้าตรู่ เธอรู้สึกผิดที่เมื่อคืนเผลอนอนหลับไป หลังจากได้อาบน้ำ และก็นอนยาวมาจนสะดุ้งตื่นเอาเมื่อสักครู่ เธอรู้ว่าสาเหตุมันคืออากาศที่นี่ดีมาก และเธอก็เหนื่อยมากเกินไป เกินกว่าจะสามารถแข็งใจไว้ไม่ให้หลับ แต่จะเอาเหตุผลนี้มาบอกกับแคลได้หรือไม่ที่เธอผิดสัญญาที่บอกว่าจะมานอนเป็นเพื่อนหล่อนในคืนแรกของการอยู่ที่นี่ เธอจะทำอย่างไรดีถ้าหากแคลโกรธเธอและไม่ยอมพูดด้วยอีกต่อไป ยิ่งคิดสองขาก็ยิ่งรีบเพิ่มความเร็วในการเดินให้มากขึ้น ไม่สนใจว่าใครจะร้องทักทาย ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อหรือน้องสาว จุดหมายของเธอมีจุดเดียวก็คือบังกะโลหลังเล็กริมทะเลหลังนั้น
และเมื่อมาถึงเธอก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวที่เห็นร่างสูงยืนอยู่หน้าบ้านในความสลัวของท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นมาเต็มที่ เธอดีใจจนไม่ได้มองเลยว่าแคลกำลังคุยอยู่กับใครในเวลาที่เธอพุ่งเข้ามาหาและโอบรอบคอเขา โน้มตัวหล่อนลงมาจูบ เธอไม่รู้เลยว่าทำไมถึงตัดสินใจจูบแคล คงแค่อยากจะขอโทษ แต่ไม่รู้จะทำยังไงดีล่ะมั้ง
แคลลี่ตกใจที่ถูกทำแบบนี้ตั้งแต่เช้ามืดจากคนที่ตนนึกไม่ถึงว่าจะทำ และเธอก็รู้สึกดีที่เกินกว่าที่จะปฏิเสธมันไป ความทุกข์ที่ทำให้นอนไม่หลับมาทั้งคืนเหมือนจะถูกลืมไปซะสิ้นกับจุมพิตที่ได้มาในครั้งนี้ และเธอก็ตอบสนองมันไปอย่างไม่แคร์ว่าจะมีสายตาอีกคู่มองอยู่ตรงนี้ด้วย
“โอ้ย..โอ้ย.. คุณแคลคะ.. ฉันขอตัวไปก่อนนะคะ แล้วจะมาหาใหม่ เอาเป็นหลังอาหารเช้าก็ได้ค่ะ” ไมเอามือปิดตาและทำท่าเหมือนไม่อยากดูคนจูบกัน แล้วก็หันเดินจากไปเงียบๆและรีบๆ แต่ก็ยังทันได้ยินเสียงร้องครางอย่างอับอายตามหลังมา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของอีกคน จนต้องยิ้มออกมาอย่างมีความสุขอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
--The bodyguard--
“นี่ยังจะโกรธอยู่อีกเหรอ.. ก็บอกไปหมดแล้วนี่” ดิออนเดินตามหลังคนตัวสูงกว่าที่เดินนำหน้าไปตามชายหาดอย่างไม่คิดว่าเธอจะเดินตามไม่ทัน และเมื่อคิดว่าเธอคงเดินไม่ทันแน่ๆเพราะขาสั้นกว่ามาก จึงออกวิ่งและในที่สุดก็มาดักหน้าหล่อนได้สำเร็จและพยายามจับตัวหล่อนไว้ด้วยแรงทั้งหมด ทำไมจะต้องงอนกันขนาดนี้ด้วยนะ อุตส่าห์ขอโทษแล้วนี่..
“แคล..?” เธอเรียกชื่ออีกคนอย่างกังกลใจ เมื่อเห็นดวงตาสีเดียวกับดวงตะวันยามเช้าขาดความสดใส มันคล้ายกับเวลาที่ด้านมืดดำในจิตใจของหล่อนชนะด้านสว่างและซาตานตนนั้นก็กลับมาสิงร่างของเขาอีก
“แคล..?” ดิออนเรียกซ้ำเพราะเห็นเขายังนิ่งอยู่เหมือนก้อนหิน แต่สิ่งที่ได้ยินต่อมาพาให้หัวใจของเธอเต้นแรง
“เธอรักฉันมั้ย” แคลยิงคำถามที่มันคาใจมานาน เธอสับสนมานานแล้วกับพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ ที่บางทีก็ทำเหมือนสนใจ แต่บางครั้งก็แสดงออกมาว่าไม่แคร์เธอเลย และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เมื่อหล่อนทำแค่ยืนตาโตอยู่ตรงนี้และหน้าซีดเผือด เธอจึงเลือกคำตอบให้ตัวเองแทน “โอเค.. ไม่รัก.. ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวฉันจะไปบอกคุณพ่อเธอให้เรื่องถอนหมั้นก็แล้วกัน ฉันจะได้ไม่ต้องนอนอยู่เกาะบ้าๆนี่ไปอีกสองอาทิตย์ฟรีๆ”
ร่างสูงทำท่าจะเดินหนีไปอีกรอบ แต่กลับถูกดึงกลับมาง่ายๆ คล้ายคนตัวเล็กจะมีแรงมากกว่าเธอเสียแล้ว แต่มันไม่ใช่เมื่อทั้งเธอและหล่อนต่างเซถลาล้มลงไปบนผืนทราย โดยมีเธอนอนหงายอยู่ด้านล่าง เป็นโชคดีของดิออนไปที่ไม่ได้ถูกทับจนแบนติดกับชายหาด
ดวงตาสองสีมองกันอย่างบังเอิญเมื่อเปิดขึ้นมาพร้อมกัน แต่ฝ่ายคนนอนด้านล่างเริ่มเบือนหน้าหนีไปคล้ายๆไม่อยากมองหน้าอีกคน
“แคล..”
“ไม่ต้องพูด.. ฉันรู้หมดแล้ว” แคลตัดบทของอีกคนทันทีและเตรียมที่จะลุกขึ้นอย่างที่ยอมจะไม่สนใจกับอาการวูบวาบในร่างกายของตัวเองที่เกิดขึ้นระหว่างที่สัดส่วนของตนถูกสัมผัสด้วยสัดส่วนของคนบนตัว แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอม ดิออนยังนั่งคร่อมตัวเธอและพยายามกดบ่าทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยแรงที่มี
“เราจะพูดดีๆกันได้มั้ย” ดิออนพยายามแต่อีกคนส่ายหน้ากลับมาอย่างไม่ใส่ใจ และเธอก็เริ่มหงุดหงิดกับความดื้อรั้นของผู้หญิงคนนี้เต็มที “โอเค.. ไม่พูดก็ไม่พูด งั้นฉันจะทำแบบนี้ก็แล้วกัน”
แคลลี่ตั้งใจจะหันมาดูว่าดิออนจะทำอะไร แต่ดวงตาของเธอก็เหมือนจะเปิดขึ้นไม่ไหวเมื่อร่างกายไม่ยอมทำตามคำสั่ง สมองมันชา สนใจเพียงแต่ว่าตอนนี้ปลายลิ้นของอีกคนทำอะไรกับตัวเธออยู่ ตรงกกหูให้ความรู้เปียกชื้นไปด้วยของเหลวจากปากของคนบนตัวเธอที่กำลังพยายามสร้างความพึงพอใจให้กับเธอตรงนั้น เหมือนกับที่มือเล็กนั่นพยายามไล้ไปตามเนื้อตัวของเธอ
บอดี้การ์ดสาวเริ่มรู้สึกตัวสั่นและเผลอครางออกมา แต่พยายามจะตั้งสติเอาไว้และใช้แรงที่ยังพอมีเหลือดึงตัวดิออนออกมามองหน้ากัน เพราะยังไงก็ยังไม่เชื่อว่าอีกคนจะพร้อมทำเรื่องแบบนี้กับเธอ
“ทำอะไร” เสียงของเธอเหมือนจะแหบเกินไปขณะพยายามถามคำถามนี้ เพราะตอนนี้ร่างกายมันอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว ตั้งแต่ถูกลุกล้ำที่จุดอ่อน แต่แคลก็เกือบจะหัวเราะออกมาได้ในทันทีที่เห็นสีหน้าจริงจังของคนที่ยังนั่งคร่อมอยู่บนตัวเธอ ..น่ารักจริงๆ..
“ก็ตอบคำถามเธอไงล่ะ..ถามได้ !” ดิออนตะคอกออกมาโดยที่ลืมไปว่าในเวลาแบบนี้เธอควรจะพูดดีๆกับหล่อน ไม่ใช่ดุ แต่เรื่องนี้ก็รู้สึกว่าจะไม่ใช่ปัญหาของแคลอีกต่อไปแล้วเมื่อหล่อนหัวเราะออกมาต่อหน้าเธอ และทำให้เธอต้องมองอย่างเคืองๆ “เป็นบ้าหรือไง..หัวเราะอยู่ได้ คนเขาจริงจังอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
แคลลี่พยายามหยุดหัวเราะแต่ก็ทำไม่ได้ อารมณ์รุมร้อนเมื่อครู่มันหายไปหมดเพราะหน้าตาน่ารักแบบไร้เดียงสาของผู้หญิงคนนี้ที่ยังพยายามจะขู่เธอต่อไปด้วยดวงตาสีเขียวดุจมรกตที่ลุกวาวนั่น
“ขอโทษ.. ขอโทษ.. มันอดไม่ได้จริงๆ” เธอพยายามพูดออกมาและคว้าคนบนตัวไปกอดไว้จนแน่น ไม่สนใจว่าเขาจะอึดอัดหรือไม่ แต่เมื่อดิออนเงียบไปและปล่อยให้เธอกอดอย่างพอใจ วงแขนที่แน่นเกินไปจึงค่อยๆคลายออก ดวงตาสีแดงปิดลงช้าๆ จากนั้นก็ขยับมือข้างหนึ่งเพื่อลูบเส้นผมสีเข้มที่นุ่มมือ ทำเหมือนจะกล่อมให้อีกคนหลับ
“แคล..?”
“หืม..?”
“ฉันง่วง..”
แคลอึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้มา เธอเปิดตาขึ้นและมองลงไปยังคนที่นอนหนุนอกเธออยู่นิ่งๆ เพราะคิดว่าดิออนน่าจะพูดอะไรที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกโรแมนติกกว่านี้ทั้งที่อุตส่าห์ได้มานอนเล่นบนชายหาดด้วยกันในตอนพระอาทิตย์ขึ้น แต่พอเห็นใบหน้าขาวอันไร้เดียงสาที่เจ้าของมันนอนหลับตาพริ้มอยู่ เธอก็ยิ้มอ่อนโยนออกมาและกระซิบเบาๆ
“งั้นก็นอนสิจ๊ะ ฉันจะอยู่กับเธอ” ตลอดไป..
--The bodyguard--
“ดูแลงานแทนฉันด้วยนะไมจัง แต่ถ้ามีอะไรเร่งด่วนก็ติดต่อมาได้ ฉันจะให้คนที่เรือนใหญ่เปิดระบบดาวเทียมเอาไว้ตลอดเวลา” แคลยืนสั่งงานอย่างมืออาชีพกับผู้ที่ตนเรียกมาพบอีกครั้ง หลังอาหารมื้อเช้าที่จะเป็นเวลาสุดท้ายที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่
หลังจากนี้เธอจะต้องอยู่คนเดียวต่อไปในระยะเวลาอีก 13 วัน ที่เป็นช่วงของเวลาการถูกกักบริเวณทำโทษ เธอจะมีสิทธิ์กลับไปสู่เมืองหลวงและใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้งเมื่อผ่านกำหนดเวลานี้ไปแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่เธอจำเป็นต้องเรียกลูกน้องที่ไว้ใจที่สุดมาพูดคุยเรื่องงานด้วยกันแบบนี้
ไมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและรอฟังว่าเจ้านายที่รักของเธอจะพูดอะไรอีก ซึ่งจะต้องมีแน่ๆ เมื่อแคลยังไม่ได้สั่งให้เธอจากไป และเขาก็ยังมีสีหน้าเป็นกังวล รออยู่นานจนอดทนต่อไปไม่ได้ จึงตัดสินใจพูดเอง
“คุณแคลจะให้จัดคนของเราไปเฝ้าคฤหาสน์สวอนส์มั้ยคะ” และก็เป็นไปตามคาด แคลทำหน้าเหวอออกมาเหมือนคนตกใจที่ถูกรู้ทัน แต่เขาก็พยักหน้ายอมรับในที่สุด และเอ่ยพูดมาจนได้
“เธอก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเขาด้วยล่ะ ที่บ้านเราให้คนอื่นดูแลไปก่อน” ผู้เป็นเจ้านายออกคำสั่งเสียงเรียบแต่แววตากลับดูอ่อนโยนเมื่อมองตาคนที่ไม่ใช่เป็นแค่พนักงานธรรมดาที่พยักหน้ารับอย่างไม่โต้แย้ง
และดวงตาสีแดงบอกอีกคนได้มากกว่าคำพูด ตอนนี้เธอจึงถูกกอดไว้จนแน่น และกอดตอบกลับไปอย่างไม่ฝืน ลูบแผ่นหลังของน้องสาวบุญธรรมอย่างอ่อนโยน “ฉันโอเค.. ไม่เป็นไรหรอก.. ไม่ต้องห่วงนะ”
วงแขนที่รัดตัวเธอเพิ่มแรงมากขึ้นจนรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่ปริปากบ่น เพราะรู้ถึงความรู้สึกของอีกคนดี หล่อนห่วงเธอมาก และพอสักพักไมก็ปล่อยเธอและทำท่าจะจากไป แต่เธอเข้าไปหยุดไว้เสียก่อน แคลลี่ยิ้มอ่อนโยนให้กับคนหน้าแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ แล้วเธอก็จบบทสนทนาของตัวเองด้วยจูบเบาๆที่หน้าผากและเสียงหวานๆที่กระซิบแผ่วเบาอย่างอารมณ์ดีออกมา
“เธอก็ด้วยนะ.. ดูแลตัวเองให้ดี.. อย่าทำงานหนักจนไม่สบายไปล่ะ ไม่งั้นฉันจะกลับไปทำโทษ จำไว้ให้ดี”
--The bodyguard--
ยืนยิ้มอยู่ตามลำพังหลังทำการร่ำลากับน้องสาวบุญธรรมเป็นที่เรียบร้อย แคลเพียงแต่รอคอยเวลาที่จะไปส่งทุกคนขึ้นเรือกลับไปเมืองหลวง จากนั้นเธอก็ใช้ช่วงเวลาหลังจากนี้อยู่กับตัวเองและทบทวนความผิด เหมือนทุกครั้งที่ต้องมาอยู่ที่นี่ เธอไม่สิทธิ์ก้าวข้ามไปถึงเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่เข้าไปในพื้นที่ของเกาะ แม้มันจะอยู่ห่างจากบังกะโลหลังเล็กของเธอไม่มากนัก
ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เป็นที่พักตากอากาศที่แท้จริงของที่นี่ ไม่มีสิทธิ์เข้าไปใช้ความสะดวกสบายที่นั่นหรือแม้แต่จะใช้คนที่ประจำอยู่ที่นั่นได้เลย ตามข้อกำหนดของการรับโทษของการถูกกักบริเวณเพื่อสำนึกตัว จนกว่าจะครบกำหนดเวลา
แต่กฎทุกกฎก็ย่อมมีข้อยกเว้น เธอสามารถขอความช่วยเหลือจากคนดูแลเรือนใหญ่ได้ในเวลาฉุกเฉิน หรือมีใครติดต่อเรื่องด่วนมา
“ร่ำลากันเรียบร้อยแล้วเหรอ” เสียงที่ดังแว่วมาเข้าหู ทำให้ร่างสูงต้องหันหาที่มาของเสียง แม้ว่าจะรู้ดีว่าเสียงนี้เป็นของใคร
แคลยิ้มอย่างที่ไม่ยอมซ่อนความดีใจไว้เลยที่ได้เห็นอีกคนเดินเข้ามาใกล้ๆ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป คล้ายกำลังรอให้อีกฝ่ายได้พูดต่อและก็ไม่ต้องรอนาน สาวหน้าคมนั่นก็เริ่มต้นอีกครั้ง
“นี่ถ้าไม่ได้รู้จักกันมาก่อนนะ ฉันจะต้องคิดว่า..ยัยไมเป็นหนึ่งในฮาเร็มของเธอแน่ๆ” ดิออนเห็นอีกคนเลิกคิ้วข้างหนึ่งให้พร้อมมองด้วยสายตาขบขันกับคำที่เธอวิจารณ์ เธอฮึดฮัดเพราะท่าทางแบบนั้น แสร้งกอดอกเมินหน้าไปทางอื่นแต่ก็ยืนอยู่ที่เดิม เพราะเธอไม่อยากให้เขาเห็นหน้าเธอชัดๆขณะพูดประโยคนี้
“ท่าทางหวานกันจนเลี่ยน..น่าหมั่นไส้” ดิออนโดยไม่ทันสังเกตว่า คำพูดจาของตนได้เปลี่ยนไปแล้วแต่แคลสังเกตมัน
“หึงฉันเหรอ.. ที่พูดแบบนี้” แคลแกล้งส่งคำหยอกกรอกลงไปในหูของคนที่เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ และสาวน้อยผู้ว่องไวนั่นก็หันตัวออก ดันบ่าเธอไว้เหมือนจะพยายามไม่ให้เธอเข้าใกล้มากขึ้น เธอหัวเราะเบาๆอย่างขมขื่นในลำคอและถอยออกไปเองโดยไม่รอให้อีกคนออกปากไล่ “ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ได้คิด”
ดิออนไม่คิดเลยว่าเรื่องของเธอกับหล่อนจะเป็นเรื่องยากได้ถึงเพียงนี้ แค่จะพูดดีๆกันสักครั้งก็แทบจะหาเวลาไม่ได้แล้ว ทั้งเธอและแคลก็ต่างมองกันแต่ในแง่ร้ายคล้ายไม่มีใครไว้ใจใครได้เลย แล้วแบบนี้เธอทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันต่อไปได้อย่างไร
“ทำไมเธอไม่เคยมองฉันดีๆบ้างล่ะ ทำไมถึงไม่รู้บ้างล่ะว่าฉันรู้สึกยังไง ทั้งๆที่ฉันก็---” ดิออนโกรธตัวเองที่พูดไม่ออกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ และเธอก็ยอมถอดใจกับมันในที่สุด ถอนหายใจแรงอย่างหมดท่าและหนีหน้าจากดวงตาสีแดงที่กำลังรอ
“ช่างมันเถอะ!” ร่างบางหันหลังเพื่อจะเดินจากไปอย่างไม่คิดจะบอกลา แต่ทว่าเธอก็ถูกหยุดไว้ด้วยอ้อมแขนจากคนด้านหลังที่มาไวและเงียบจนทำให้เธอสะดุ้งตกใจ ยิ่งรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆของแคลที่ออกมาพร้อมเสียงกระซิบ ยิ่งทำให้เธอตัวสั่น
“ฉันรักเธอนะ จำไว้ให้ดี” สิ้นเสียงกระซิบนี้ ริมฝีปากนั้นก็ประทับลงไปที่ลำคอของเธอ ติดตรึงอยู่นานคล้ายจะเป็นการประทับตราสัญลักษณ์บางอย่างเอาไว้ ดิออนตกใจจนเรียกได้ว่าช็อคจึงทำเพียงนิ่งเป็นก้อนหินยินยอมถูกกระทำ และแคลก็หายไปไวเหมือนตอนมา ทิ้งที่เธอที่แข้งขาสั่นล้มลงนั่งกับพื้นทราย