Chapter 2 : เหนื่อยดวงตาสีเขียวมรกตมองคนสองคนสลับไปมาอยู่เป็นเวลาหนึ่งแล้ว หนึ่งคือแคลลี่ที่นั่งใส่เสื้อกล้ามรัดรูปและกางเกงผ้าเนื้อบางสบายตัวอยู่ใกล้ๆกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คาดว่าคงกำลังวุ่นวายหาอะไรที่เธอต้องการให้อยู่ อีกหนึ่งเธอก็มองดูเขา ผู้พันแองเจล่านั่งตัวใหญ่อยู่ตรงหน้าประตูห้อง กำลังทำความสะอาดปืนหลายกระบอกอยู่ตรงนั้น เขานั่งเงียบไม่พูดอะไร ไม่ได้มองอะไรใคร เหมือนกำลังเพลินอยู่กับมัน ไม่สนใจด้วยว่าตัวเองกำลังถูกมองอย่างพิจารณาแบบนี้
ดิออนมองดูพวกเขาอย่างสังเกตสังกา ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากมองนักหนาเหมือนกัน คนตัวขาวเผือกนั่นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนขึ้นมาเหนือข้อศอกกับกางเกงยีนส์ขายาว แองเจล่ามัดผมสีเงินที่ยาวถึงก้นนั่นขึ้นเป็นทรงหางม้า เสื้อที่ใส่ก็แทบจะไม่ติดกระดุมสักเม็ด ถึงได้รู้ว่าตัวขาวเหมือนคนเม็ดสีผิวไม่ทำงานแบบนี้ไง สงสัยว่าคงจะร้อนกับอากาศตอนบ่ายแก่ๆนี้ในเกาะแห่งนี้ แต่มันจะเป็นอะไรไปล่ะ ถ้าเขาจะแต่งตัวแบบนั้น ในเมื่อไม่มีอะไรในร่างกายส่วนบนของเขาให้เธอดูหรอก นอกจากหน้าอกแบนๆที่แลดูอย่างไรก็ไม่ใช่หน้าอกผู้หญิง ถึงไม่ใส่เสื้อเลย เขาก็ไม่โป๊อยู่ดีเหมือนตอนนั้นที่เขาเคยทำครั้งหนึ่งนั่นแหละ ทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่า ถูกผู้ชายที่ไหนลากไปทำมิดีมิร้ายตอนนั้น
ใช่แล้ว..แองเจล่าไม่เหมือนแคลลี่เลย ที่หน้าอกหน้าใจของหล่อนเหลือกินเหลือใช้จนเธอเห็นทีไรก็อายหน้าแดงทุกที คนอะไรหน้าอกสวยจัง สวยจริง สองคนนี่หุ่นคนละเรื่องกันเลยนะ แต่ก็ดูสมกันดี
หันมองตัวเอง ดิออนก็กระพริบตา เธอเองก็อยู่ในชุดที่ไม่ต่างจากแคลลี่นัก แต่ผิวขาวเหลืองอย่างคนเอเชียทั้งที่เป็นลูกครึ่งอเมริกันและรูปร่างบอบบางเหมือนลมพัดจะปลิวได้ ก็ทำให้เธอดูแตกต่างจากสาวลูกครึ่งรัสเซียที่หุ่นเหมือนสาวนักกีฬา ร่างกายดูฟิตแอนด์เฟิร์มนั่นโดยสิ้นเชิง ทำไมไม่เกิดมาตัวใหญ่กว่านี้นะ จะได้ไม่ดูเป็นเด็กอมมือแบบนี้ น่าสงสารตัวเองจัง..
คิดแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่รู้ตัว และก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่คอยสังเกตคนอื่นอยู่ มีคนมองดูเธออยู่เงียบๆเหมือนกัน หล่อนพูดขึ้นมาแล้ว
“คิดอะไรอยู่เหรอ.. ทำไมต้องถอนหายใจ” ดวงตาสีแดงมองคนที่ตัวเองพูดด้วยอย่างสงสัย ดิออนทำอะไรแปลกๆ มองคนโน้นทีคนนี้ที คิดอะไรกันนะ
สาวน้อยกระพริบตาปริบๆมองหน้าคนถาม แล้วส่ายหน้ายิ้มเจื่อนๆพาให้คนมองถอนตัวออกจากความวุ่นวายกับคอมพิวเตอร์มานั่งมองหน้าเธออย่างจริงจัง แคลไม่เชื่อเธออีกแล้ว นั่นแหละแคลลี่ล่ะ ใครจะไปปิดอะไรได้..
“แค่คิดอะไรไปเรื่อยๆ”
“แล้วคิดอะไรล่ะ บอกหน่อยได้ไหม” แคลลี่ยังคงคาดคั้น พาให้คนที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องหันมามองบ้าง แองเจล่าคงสงสัยว่าพวกเธอคุยอะไรกัน แต่เขาไม่ได้ถามแค่ฟังอยู่เงียบๆ
ถูกถามมาขนาดนี้ ดิออนก็ถอนหายใจอีก ก่อนจะยิ้มออกมาให้คนถามมองงงๆ “เปรียบเทียบหุ่นพวกเธอสองคนไง พอใจหรือยังแคลลี่”
คนฟังกระพริบตาปริบๆแล้วก็หันไปหาคนที่นั่งเงียบอยู่ ผู้พันตัวใหญ่ส่ายหน้ากลับมา เขาคงไม่เข้าใจเธอเหมือนกัน ดิออนยิ้มอย่างพอใจในปฏิกิริยาแบบนี้ แล้วก็พูดออกมาขำๆ
“ฉันกำลังคิดว่า ฉันกลายเป็นลูกสาวของพวกเธอแล้วล่ะ”
แคลลี่กระพริบตาอีกครั้งมองคนพูดตาโตแล้วก็พูดออกมาเสียงตกใจ“ลูกสาวเหรอ.. ทำไม..?” แต่เธอก็ไม่ใช่คนเดียวที่มีอาการแบบนี้ อีกคนที่นั่งอยู่ไกลๆก็กำลังนั่งมองมาอย่างปั้นหน้าไม่ถูก ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนเป็นสีแดงน้อยๆ
คนอายุน้อยที่สุดในนี้เลยยิ้มกว้างแล้วพยักเพยิดหน้าไปทางสาวอายุมากกว่าทั้งสองคนคนละครั้ง “ก็ดูพวกเธอสิ อย่าให้ฉันต้องพูดเลยนะ เห็นๆกันอยู่ เราสามคนอยู่กันเหมือนครอบครัวเลยนะ พ่อ แม่ ลูก..”
ดิออนจบคำพูดตัวเองง่ายๆ ไม่สนใจจะอธิบายอะไรอีก เธอก้มหน้าเล่นเกมส์ในมือถือที่อีกสาวยกให้เอาไว้นานแล้ว เห็นอยู่หรอกว่าแคลลี่มองเธออยู่แต่ก็ทำไม่รู้เรื่องอะไร จนกระทั่งหล่อนหันไปทางอื่น สาวน้อยคิดว่าเธอคงสบายใจได้ที่จะไม่โดนถามซักไซ้อะไรขึ้นอีกให้ต้องคิดมาก หากแต่ก็ไม่จริง เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของบางคนให้ต้องเงยหน้าขึ้นมองหล่อนตาโต
“ก็ดีเหมือนกันนะที่เธอคิดแบบนั้น เพราะแอนก็บอกฉันเหมือนกันว่า เค้าอยากมีลูกสักคน แต่ฉันไม่อยากท้องเองเลยไม่เอา ได้เธอเป็นลูกก็ดีนะดิออน โตทันใช้เลยล่ะ เห็นด้วยไหมแอน..”
แองเจล่าพยักหน้ารับยิ้มๆกับคำถาม เขาไม่ได้พูดอะไรกลับมาได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป แต่ดิออนแน่ใจเลยว่า ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลนั่นกำลังแสดงความขบขันออกมาระหว่างที่เขาเงียบอยู่ เห็นแบบนี้เลยรู้สึกหน้าร้อนผ่าว เด็กสาวคิดว่าเธอกำลังโดนรุม ใช่สิ..ฉันมันตัวคนเดียวนี่นา..
“พวกบ้า.! ฉันไม่อยู่กับพวกเธอแล้ว อยู่กันไปสองคนเลยนะ.. ขี้แกล้ง!” สาวน้อยพูดเสียงดังและรีบลุกขึ้นเพื่อจะหนีออกไปจากห้อง หากแต่ดิออนก็ต้องชะงักกับร่างสูงที่ยืนตระหง่านตรงหน้า ตัวเขาปิดประตูจนไม่เห็นเลย ตัวใหญ่จริงๆ
“ผู้พัน--”
“ฉันไปด้วยสิ”
สาวน้อยกระพริบตาปริบๆกับคำพูดนี้ ดิออนหรี่ตามองหน้าคนตัวสูงที่ชอบทำให้เธอเมื่อยคอเวลาที่ต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาคอตั้งฉากแบบนี้ ทำตัวให้เตี้ยลงกว่านี้ได้ไหมเนี่ย..
“ฉันจะไปเดินเล่นข้างนอก เบื่อ..”
“ฉันรู้..”
คนฟังขมวดคิ้วมุ่นและเริ่มมองหาคนช่วยเหลือ หากแต่ใครคนนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ส่งเสริมกลับมา ดวงตาสีแดงมองเธออย่างเอ็นดู
อีกแล้วหรือไง.. เห็นฉันเป็นเด็กตลอดเลย..แคลลี่..
“ให้เค้าไปด้วยนั่นแหละ..ดิออน เดินคนเดียวตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกแป๊บนึงก็มืดแล้วนะ” แคลลี่พูดตามความจริง เธอไม่ต้องการให้สาวน้อยในความดูแลไปไหนมาไหนตามลำพัง ถึงอยู่ที่นี่จะดูแล้วปลอดภัย แต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้นะ จริงหรือเปล่า
“แต่ฉันไปเองได้ แค่ชายหาดเอง ผู้พันจะได้อยู่กับเธอไง ไม่ดีเหรอแคล” ดิออนพยายามแย้ง แต่เธอก็ไม่มีทางจะชนะสองเสียงของผู้ใหญ่สองคนตรงนี้ได้
“แคลลี่ไม่ใช่เด็กอนุบาล เค้าไม่ต้องการคนคอยป้อนขนมหรอกจ้ะ”
“ใช่.. แอนพูดถูก และอีกอย่าง เวลาฉันทำงาน ฉันอยากอยู่คนเดียว เค้าไปกับเธอน่ะ ถูกแล้ว..” แคลลี่สรุปความง่ายๆ และลุกขึ้นเดินมาดันตัวคนสองคนออกไปจากห้อง ยืนมองหน้าสาวน้อยที่ยังอ้อยอิ่งอยู่หน้าประตูด้านนอก
“ไปเถอะ แล้วมาเล่าให้ฉันฟังนะว่าไปเล่นอะไรมาบ้าง” พูดเหมือนจะล่อหลอกเด็กให้เชื่อฟัง และเธอก็ทำได้จริงๆ
ดิออนพยักหน้ารับแม้จะสีหน้าไม่ค่อยดี แคลลี่โบกมือให้สาวน้อย และมองหน้าบอดี้การ์ดร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างไปทางสายตา เขาพยักหน้ารับรู้และหันจากไปตามอีกคนที่เดินหน้ามุ่ยไปก่อนแล้ว
สองคนเดินจากไปแล้ว ร่างสูงโปร่งก็ถอนหายใจยาวออกมาขณะมองตามหลังพวกเขาไป แคลลี่พูดกับตัวเอง
“ถ้าเธอเป็นลูกสาวฉันได้จริง เรื่องมันคงไม่ยากแบบนี้หรอก..ดิออน”
“ฮัลโหล.. นี่ฉันเองนะ” แคลลี่พูดเสียงนิ่งไปกับโทรศัพท์ในมือ อีกมือใช้บีบขมับตัวเองอยู่ รู้สึกว่าไมเกรนเต้นระบำอยู่ในหัวทำให้ปวดจี๊ดอยู่บ่อยๆ หรือเพราะพักนี้เธอมีเรื่องต้องคิดมากอย่างไม่อาจจะปล่อยวาง โรคเก่าที่ร้างราไปนานเลยกำเริบ แย่จริงๆ
‘ท่านประธานเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง คิดถึงจัง..’
ปลายสายตอบเสียงใสกลับมาท่าทางดีใจ คนฟังเลยยิ้มออกมาได้เล็กๆ ถึงจะไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับหล่อน หากแต่การที่ได้ยินคนบอกว่าคิดถึงบ้าง มันก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน เธอยังมีความหมายกับใครๆ
“สบายดี.. อากาศที่นี่ดีน่ะ ทางนั้นล่ะ โอเคไหม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
‘ที่บริษัทโอเคค่ะ น้องสาวคุณแคลทำงานได้ดี แต่...’
แคลลี่เกือบจะยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ถ้าไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายของอีกคนเสียก่อน คิ้วที่คลายปมออกจึงขมวดขึ้นใหม่
“แต่อะไร..”
‘แต่ฉันไม่สบาย..’
“เธอเป็นอะไรล่ะ ไปหาหมอสิ เบิกค่ารักษากับไม เท่าไหร่ก็ได้ฉันไม่ว่า--”
‘แคลคะ ฉันอยากเจอคุณ..’
สีหน้าตกใจระบายเต็มบนใบหน้าคนฟัง แคลลี่กระพริบตาปริบๆเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วก็ส่ายหน้าอย่างระอา
“เซเลน.. ฉันมีสามีแล้ว.. เธอก็รู้..”
‘สามี..? คุณเพิ่งจำได้เหรอคะ’
ริมฝีปากอิ่มเม้มลงอย่างหงุดหงิดใจ เธอรู้สึกเหมือนโดนต่อว่าทางอ้อม อดีตคู่นอนเหมือนกำลังจะบอกว่า เมื่อก่อนเธอทำตัวเป็นนางแพศยาแค่ไหน สามปีที่เจ้าของนามสกุลที่เธอใช้ไม่อยู่ใกล้ๆ เธอมีใครมากี่คนแล้ว เรือนร่างงดงามมีใครเคยเชยชมมันมาบ้าง ใบหน้าหวานที่แลดูไร้เดียงสาเวลามอง แท้จริงมันซ่อนความร้ายกาจเอาไว้มากมาย ความเป็นจริง เธอไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนที่ใครๆคิดกันเลยสักนิดเดียว
Bitch !
แต่นั่นมันก็เป็นแค่อดีตไม่ใช่หรือไง ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่า เธอต้องการอะไร อะไรที่เธอตามหามาตลอดเวลาสามปี ก็คนที่เธอแต่งงานด้วยนั่นแหละ เขาคนเดียว..
“เซเลน.. ฉันไม่ได้โทร.มาเพื่อพูดเรื่องนี้กับเธอ ฉันมีงานให้เธอทำ!” น้ำเสียงของคนที่โทร.ไปเปลี่ยนไปในทันทีที่เจ้าของมันเปลี่ยนอารมณ์ ได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆดังออกจากปลายสาย แคลลี่ก็แอบถอนหายใจแผ่วบ้าง เธอใช้ไม้แข็งกับหล่อนไม่ได้จริงๆ
“เซเลน.. ฟังนะ ฉันแคร์เธอ.. โอเคไหม.. แต่ฉันแต่งงานแล้ว และฉันรักเค้า เค้ารักฉัน เรารักกัน”
‘แต่เมื่อก่อนคุณไม่ได้พูดแบบนี้แคลลี่ ไม่งั้นคุณคงไม่รับหมั้นแม่เด็กดิออนนั่นหรอก บอกฉันมาสิว่ามันไม่จริง’
ดวงตาสีแดงเบิกกว้างอย่างตกใจ หัวใจเจ็บปวดแปลกๆกับคำพูดที่เหมือนมาตอกย้ำความผิดของตัวเองตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา เธอทำเรื่องผิดพลาดไปหลายอย่างเพราะความคิดงี่เง่าไร้สาระของผู้หญิงเหงาๆคนหนึ่งที่คิดไปเองว่าตัวเองถูกคนรักทิ้งไป หยดหนึ่งของน้ำตาเธอไหลออกมาจนต้องกระพริบตาและปาดมันทิ้งไป แคลลี่พูดเสียงเข้ม เธอไม่ต้องการทนอีกต่อไปแล้ว
พอที.. อย่าตอกย้ำว่าฉันชั่วนักเลย.. ฉันรู้อยู่แล้ว.. ฉันรู้ดี..
“เซเลน.. เธออย่าทำให้ฉันไม่มีทางเลือกนะ เธอรู้ดีว่าฉันเป็นยังไง”
และคราวนี้คนที่คิดว่าถือไพ่เหนือกว่าก็ต้องยอมให้เธอเหมือนทุกครั้ง เลขาสาวคนสนิทย่อมรู้นิสัยเธอดีกว่าใครนอกจากสามีของเธอ เซเลนพูดเสียงอ่อนกลับมา
‘ขอโทษค่ะ..เจ้านาย พร้อมรับคำสั่งแล้วค่ะ’
“ดีมาก ต้องแบบนี้สิ ถึงจะน่ารักนะ..เลขาที่รัก” รอยยิ้มพอใจเกิดขึ้นบนริมฝีปากอิ่ม ถึงรู้ดีว่าอีกคนก็ไม่ได้ดีใจนักกับคำชมแบบนี้ของเธอ แต่เซเลนคงไม่กล้ากับเธอแล้ว หล่อนรู้ว่าจะเจออะไร ถ้าทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับแคลลี่ มิลเลอร์..
‘ไม่ต้องชมแล้วค่ะ สั่งงานเถอะ ฉันต้องไปรับใช้น้องสาวคุณต่อนะคะ เดินมามองหน้าแล้วด้วย’
“โอเค.. งั้นฟังให้ดีนะ ติดต่อหมอผ่าตัดสมองที่ดีที่สุดให้ฉันที เสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ไม่มีปัญหา ทำได้ไหม..เซเลน..” ออกคำสั่งอย่างชัดเจนออกไปอย่างไม่สนใจว่าคนฟังจะตกใจแค่ไหนกับมัน แคลลี่ย้ำอีก
“เซเลน.. เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม..”
‘ดะ ได้ยินค่ะ..เจ้านาย จะรีบจัดการให้ค่ะ แต่บอกหน่อยได้ไหมคะว่า จะเอาไปทำอะไรให้ใครคะ’
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” แคลลี่พูดเสียงแข็งแสดงถึงความไม่พอใจอย่างเต็มที่และคนฟังคงรู้ดีว่า กับอารมณ์นี้หล่อนไม่ควรจะกวนใจเธอให้มากมายนัก เซเลนตอบรับกลับมาเสียงรื่นเริง หล่อนก็เป็นนางแพศยาเหมือนกันกับเธอนี่แหละ เปลี่ยนหน้าได้ไวจริงๆ
“ทราบแล้วค่าๆ ไม่อยากรู้ก็ได้ แล้วจะติดต่อไปนะคะ”
“โอเค.. ฉันจะรอนะ ขอบใจ” พูดจบก็คิดว่าจะวางสายทันที แต่แคลลี่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินอะไรจากอีกฝ่ายอีกครั้ง
‘รักคุณนะคะ..เจ้านาย’
“เซเลน.. เธอ---” เปิดปากว่าจะต่อว่าคนพูดกลับไปกับความพูดไม่รู้ฟังของหล่อน แต่เธอก็ได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยๆ เซเลนชิงตัดสายไปแล้ว
แคลลี่ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก หลับตาลงอย่างอ่อนใจ ทำไมหล่อนช่างดื้อดึงนัก และทำไมปัญหาของเธอมันมากมายเหลือเกิน จะแก้มันได้ยังไง..
“แอน.. ฉันจะทำยังไงดี.. ฉันไม่เคยเก่งเหมือนพี่ได้เลย.. เกลียดตัวเองจัง” เธอพึมพำเสียงเบาและทรุดลงฟุบหน้ากับโต๊ะทำงานอย่างอ่อนแรง แอบหวังเหลือเกินว่าจะมีใครสักคนคนที่เธอต้องการมาอุ้มเธอไปเข้านอน
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน..
TBC.