บทนำอากาศภายในห้างสรรพสินค้าเย็นฉ่ำ แต่เพียงฟ้ารู้สึกถึงแค่เพียงความร้อนระอุที่ออกมาจากผิวหนัง สมองอื้ออึง ดวงตาเห็นภาพที่พร่าเบลอเพราะหยาดน้ำตา ชิดชนกกำลังเดินควงกับผู้หญิงอีกคน มือเกาะกุมกัน เสียงกระซิบนั้นเหมือนมีดที่กรีดหัวใจของเพียงฟ้าอย่างเลือดเย็น เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปยังก้นเหว สึกแสนลึก มืดหม่นไร้แสง ความรู้สึกเลวร้ายต่างแย่งชิงกันเสียดสีเธอ เหมือนคนด้านชาไม่เหลือความรู้สึกใดๆ แต่น้ำตาที่นองใบหน้านั้นขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง
เพียงฟ้ากัดฟันกลั้นเสียงสะอื้น ยกมือทั้งสองข้างปาดน้ำตาอย่างรีบเร่ง เธอเงยหน้ามองรอบกายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ร้องไห้ มีสายตาหลายสิบคู่มองมา เธอทำได้เพียงส่งสายตาขอโทษพร้อมกับวางธนบัตรสีแดงแล้วรีบเดินออกไปจากร้านโดยไม่หันกลับไปมองใครบางคนที่กำลังเดินผ่านไป
“นก ไปดูร้านนั้นกันไหม” รวีวรรณชี้ไปที่ร้ายขายเสื้อยี่ห้อดัง นัยน์ตายิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุขขณะถามคนรัก
ชิดชนกพยักหน้ารับ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปที่ร้านพลางคุยเรื่องตลกที่ได้พบเจอในสัปดาห์ที่ผ่านมา จนไม่ทันได้สังเกตเห็นผู้หญิงผมยาวใส่กระโปรงสีเหลืองอ่อนเดินจากไปอย่างอย่างรีบร้อนจนกระโปรงนั้นพริ้วไปตามการเคลื่อนไหว
“เสื้อตัวนี้สวยไหม สีฟ้าอ่อนด้วยเล็กชอบจังเลย นกว่าเป็นไงเหมาะกับเล็กรึเปล่า” เล็กถามพร้อมกับเอาเสื้อทาบตัวแล้วหมุนไปมา
เมื่อได้ยินคำว่าฟ้า ชิดชนกหวนคิดถึงเพียงฟ้าอย่างห้ามไม่ได้ ตอนนี้ฟ้าจะเป็นยังไงบ้างนะ จะกินข้าวรึยัง อยากเจอจังเลย ฟ้า...จะคิดถึงกันบ้างรึเปล่า
“นก นก!” รวีวรรณเขย่าไหล่บาง เมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบสายตาเหม่อลอย
“หา อะไรเหรอเล็ก” ชิดชนกทำหน้าตาเหรอหรา งุนงง
รวีวรรณเห็นคนสวยทำหน้าตาตลกก็นึกขำ จนหลุดหัวเราะออกมา ยิ่งเห็นเล็กขำชิดชนกยิ่งขมวดคิ้วจนเหมือนปมด้วยความสงสัยมากยิ่งขึ้น รวีวรรณกลั้นขำแล้วตีแขนชิดชนกเบาๆ
“นกนี่ ทำหน้าตาตลกจัง เรียกตั้งหลายครั้งทำไมไม่ตอบ เหม่อไปไหน หึ” เล็กถามด้วยรอยยิ้ม มองคนตรงหน้าอย่างรอคอย
ชิดชนกยิ้ม แต่ตาสีดำนิลนั้นดูเหมือนเศร้า ค่อยๆ ยกมือลูบผมดำยาวนั้นด้วยความเอ็นดูคนตัวเล็กน่ารักตรงหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก นกคิดอะไรเพลินไปหน่อย ขอโทษนะ” เล็กพยักหน้าเข้าใจ
“ไม่เป็นไร ไปดูของร้านอื่นกันดีกว่า” คนตัวเล็กพูดเสร็จก็จับมือนกให้เดินไปยังร้านตรงกันข้าม ชิดชนกกลับไปมีสายตาเหม่อลอยอีกครั้ง
ใช่สินะ...นกมีเล็กอยู่แล้ว นกไม่ควรคิดถึงฟ้าใช่ไหม นกรักฟ้าแต่นกก็รักเล็ก นกควรทำยังไง
เพียงฟ้าไม่รู้ว่าเธอขึ้นรถประจำทางมาได้ยังไง และนั่งมานานเท่าไหร่ กว่าจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อรถประจำทางแล่นบนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว เธอกดกริ่งลงตอนรถใกล้ถึงตีนสะพาน ยังไม่อยากกลับห้องพักในตอนนี้ ไม่อยากไปนั่งจมกับความทุกข์ที่นั่น ไม่อยากเห็นร่องรอยของชิดชนกอีกแม้แต่น้อย
เธอเกาะราวสะพาน มองผิวน้ำสีขุ่นเป็นระลอก ผักตบชวาเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าไปตามน้ำ ลมพัดแผ่วเบาหอบเอากลิ่นดินจากที่ไหนสักแห่งมาถึงเธอ แม่น้ำดูมีชีวิตชีวาเหลือเกิน แต่เธอกำลังรู้สึกไม่มีชีวิต ไร้จิตใจ น้ำตาเริ่มก่อตัวที่ปลายหางตาอีกครั้ง มันค่อยๆ ไหลเรื่อยหยดลงมาที่แก้มขาวนั้น เพียงฟ้ายกมือป้ายมันออกอย่างไม่ไยดี
เพียงฟ้ายังยืนอยู่ตรงนั้นอีกหลายนาที เธอคิด ไตร่ตรอง ตอนนี้ไม่มีหยาดน้ำตาแล้ว มีเพียงแววตาที่มุ่งมั่นตัดสินใจ เธอรู้แล้วว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป หล่อนเดินหันหลังให้กับแม่น้ำแล้วมุ่งหน้าตั้งใจไปยังจุดหมาย