web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 154
Total: 154

ผู้เขียน หัวข้อ: ผืนน้ำแห่งความรัก บทที่ 01  (อ่าน 1654 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
ผืนน้ำแห่งความรัก บทที่ 01
« เมื่อ: 26 ธันวาคม 2013 เวลา 22:42:40 »
บทที่ 01

อากาศยามค่ำคืนเริ่มเย็นตัวลง เพียงฟ้าได้ยินเสียงหวูดรถไฟดังอยู่เป็นระยะ ผู้คนในสถานีหัวลำโพงเริ่มบางตา เพราะรถไฟขบวนนี้เป็นรอบสุดท้ายของวัน เธอหันมองทุกสิ่งรอบกายอีกครั้งอย่างอาลัยเล็กน้อย ก่อนจะกระชับเป้ใบใหญ่แล้วก้าวขึ้นไปบนรถไฟด้วยสายตาแน่วแน่

เพียงฟ้านอนลืมตา เพดานของเตียงด้านบนเป็นสีครีมหม่น พื้นรถไฟที่สั่นอยู่ตลอดเวลาทำให้เธอรู้สึกชาไปทั้งตัว แต่นั่นไม่สำคัญ ไม่มีอะไรสำคัญ...แม้แต่ความรักของเธอ



ชิดชนกนอนพลิกตัวไปมาด้วยความกระสับกระส่าย ผมยาวดำขลับพันกันยุ่งเหยิง คิ้วเรียวย่นชิดติดกัน ตาสีดำนิลมองโทรศัพท์มือถือด้วยความไม่สบายใจ

ฟ้า...ทำไมปิดมือถือนะ เป็นอะไรรึเปล่า ชิดชนกถอนหายใจด้วยความกังวล วางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหมอน แล้วมองไปที่หน้าต่าง จ้องผืนฟ้าสีดำมืด คิดถึงใครบางคนแล้วเผลอหลับไป

เพียงฟ้ายืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน นกแร้งตัวใหญ่ ขนสีดำเป็นมันหลายสิบตัวบินรอบตัวเธอ เพียงฟ้าตื่นตระหนก ก้าวถอยหลัง เศษดินร่วงหล่นลงไปยังเหวเบื้องล่าง เธอชักเท้ากลับด้วยความหวาดกลัว พวกนกแร้งเหล่านั้นยังคงบินรอบตัวเธอเพื่อหาโอกาส

ในที่สุดเมื่อเพียงฟ้าไม่ทันได้ระวังตัวในเสี้ยววินาทีนั้น พวกมันก็บินมารุมเธอ นกตัวที่ใหญ่ที่สุดก็จิกทะลุผิวหนัง คาบหัวใจเธอออกไป เพียงฟ้ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากรูโหว่ มันค่อยๆ ไหลอย่างช้าๆ จนกระทั่งเสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเลือด เธอรู้สึกเหมือนร่างกายไร้น้ำหนัก และทันใดนั้นเองเพียงฟ้าก็ร่วงหล่นจากหน้าผาดิ่งลงเหวอันมืดดำ สติของเธอเริ่มลางเลือน ในขณะนั้นเธอได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาจากที่ไหนสักแห่งของเหว...



หล่อนสะดุ้งตื่น ร่างกายหอบหายใจเหมือนคนขาดอากาศ แผ่นหลังชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อ และใบหน้าเปื้อนน้ำตา เพียงฟ้าหลับตาอีกครั้งพร้อมกับสูดหายใจลึก

เมื่อลืมตาเธอเพิ่งเห็นว่าเป็นเวลารุ่งสาง ท้องฟ้าสีดำเริ่มค่อยๆ จางลงกลายเป็นสีครามเข้ม สิ่งก่อสร้างด้านนอกมองเห็นรูปร่างไม่ชัดเจนเพราะหมอกยามเช้า

เพียงฟ้าลุกไปล้างหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย เธอรู้สึกเหมือนกับว่าความเจ็บปวดในวันที่ผ่านมากลายเป็นเหล็กถ่วงเธอจนหนักอึ้ง ก่อนจะสะบัดหัวไปมาไล่ความรู้สึกนั้น

ต้องอยู่ให้ได้ ต้องผ่านมันไป ไม่มีนกแล้ว หัวใจของนกไม่มีวันเป็นของฟ้า ไม่มีวัน เธอคิดถึงความจริงด้วยความเสียใจ

ความสดชื่นของน้ำช่วยไล่ความรู้สึกเหนื่อยล้าจากความเจ็บปวดออกไป ทำให้เพียงฟ้ารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากล้างหน้า เพียงฟ้าอยากล้าง อยากขับไล่ความรู้สึกให้หมดไป ทุกสิ่งทุกอย่าง

ท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนจากสีครามเป็นสีฟ้าอ่อนสดใส เพียงฟ้ายกหน้าต่างขึ้น ยื่นหน้าออกไปสูดอากาศของชีวิตใหม่เข้ามาเต็มปอด อากาศยามเช้าทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่ง รถไฟกำลังแล่นผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี วัวสองตัวกำลังกินต้นหญ้าโดยหันหน้าเข้าหากัน แวบหนึ่งใบหน้าของชิดชนกผุดขึ้นมาในความคิด ใบหน้าเรียวงาม จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพูแย้มยิ้ม และดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นกำลังมองมาที่เธอ

เพียงฟ้าเผลอยิ้มให้กับภาพนั้น ใบหน้างามเหมือนมีมนเสน่ห์ เธอรู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้ อยากไขว่คว้าเจ้าของใบหน้าให้เป็นของเธอคนเดียว เพียงฟ้ายื่นมือขวาออกไปที่นอกหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว แล้วเธอก็ได้ตระหนักว่ากำลังคว้าลม!



ชิดชนกตื่นนอนด้วยอารมณ์ขุ่นมัว รู้สึกปวดหัวเหมือนมันใกล้จะระเบิด คงเพราะนอนไม่พอล่ะมั้ง เธอคิด

เมื่อตื่นอย่างเต็มที่ เธอก็ลุกจากเตียงนอน เปิดตู้เย็น หยิบยาแก้ปวดสองเม็ดใส่ในปากแล้วดื่มน้ำตามลงไปอย่างรวดเร็ว นาฬิกาเหนือตู้เย็นเข็มสั้นชี้ที่เลข 6 ยังเช้าอยู่เลย หล่อนนึกในใจ

เสียงนกร้องรับรุ่งอรุณ ชิดชนกบิดร่างกายไล่ความเมื่อยล้าแล้วเดินกลับไปที่เตียงอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรซ้ำเบอร์เดียวกับเมื่อคืน

“ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...ติ๊ด” เธอตัดสายทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์ไปบนเตียงนอนอย่างอารมณ์เสีย

ทำไมยังไม่เปิดเครื่องอีกนะ เอ๊ะ...หรือว่าเป็นอะไร ชิดชนกไม่รอช้าคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วรีบอาบน้ำด้วยความร้อนใจ

‘วิ้ง วิ้ง’ เสียงข้อความดังขึ้นในขณะที่ชิดชนกกำลังจะขับรถออกจากบ้าน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ แล้วก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น

ชิดชนกเงยหน้าขึ้นมาแล้วกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น หลับตาภาวนาให้ตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่เมื่อลืมตาก้มลงอ่านข้อความอีกครั้ง ก็ได้พบว่าทุกตัวอักษรเป็นความจริง

‘นก...ฟ้ารักนกนะ แต่ความรักในความหมายของเรามันคงต่างกันเกินไป รู้ไหมความรักสำหรับฟ้าคือความซื่อสัตย์ แล้วฟ้าก็ได้รู้แล้วว่านกไม่เคยมีมัน นกมีฟ้าแต่นกก็มีใครต่อใคร ฟ้าทนไม่ได้นก ฟ้าเจ็บ ฟ้าปวด ขอให้เราจบกันแค่นี้เถอะนก ฟ้าอยากปล่อยนกไปคบกับคนที่นกชอบมากกว่าฟ้า และฟ้าขอเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้เราอย่าเจอกันอีกเลย – ฟ้า’

ชิดชนกนั่งนิ่งอยู่หลายนาที ก่อนจะรีบขับรถไปยังหอพักของเพียงฟ้า ไม่รู้สึกถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ไม่รู้ว่าตัวเองขับรถเร็วแค่ไหน รู้แต่ว่าเธออยากเจอฟ้ามากที่สุด...อยากจะอธิบาย

เพียงฟ้ากดส่งข้อความด้วยนิ้วอันสั่นเทา ความเจ็บปวดของเมื่อวานย้อนกลับมาทำร้ายเธออีกครั้ง รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกเหมือนโดนใครสักคนเอามือมาบีบหัวใจของเธอ น้ำตาที่เคยเหือดหายกลับมาอีก มันค่อยๆ ไหลอย่างช้าๆ จนหน้าของเพียงฟ้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำ

ผ่านไปเพียงไม่นานสำหรับการร้องไห้ แต่รู้สึกเหมือนความเจ็บปวดนั้นยาวนานนับชั่วโมง เธอกำโทรศัพท์แน่นแล้วขว้างออกไปนอกหน้าต่างสุดแรง เพียงฟ้ามองโทรศัพท์สีขาวลอยเคว้งกลางอากาศอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนตกลงบนพื้นดินเสียงดัง ‘เพล้ง’ หน้าจอแตกละเอียด ชิ้นส่วนแยกกันไปคนละทิศละทาง รู้สึกเหมือนได้โยนความปวดร้าวเสี้ยวส่วนหนึ่งทิ้งไป เมื่อได้ยินเสียงแตกหักของโทรศัพท์ที่เคยได้จากใครบางคน

‘ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ’ ชิดชนกเคาะประตูห้องของเพียงฟ้าด้วยความร้อนรน แต่สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงความเงียบไร้ซึ่งเสียงอื่นใด

เธอไขกุญแจอย่างรีบเร่ง แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ไม่เหลือสิ่งของแม้แต่ชิ้นเดียวในห้องนั้น มีเพียงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จางอยู่ในอากาศ

ชิดชนกรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงมลายหายไปเสียดื้อๆ เธอเอนตัวพิงผนังห้องแล้วทรุดตัวลงไปนั่งอยู่กับพื้น

ฟ้าหายไปแล้ว ไม่มีฟ้าแล้ว นกขอโทษ ฟ้านกขอโทษ ชิดชนกร้องไห้ ความคิดมีเพียงคำขอโทษต่อเพียงฟ้าวนไปมาอยู่อย่างนั้น



เวลาเกือบบ่ายสองโมงรถไฟก็หยุดที่สถานีเชียงใหม่ เพียงฟ้าหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาสะพาย ยืนนิ่งทำใจก่อนก้าวลงไปเผชิญชีวิตใหม่

สถานีจอแจไปด้วยเสียงของผู้คนหลากหลายที่มา ภาษาอังกฤษดังปะปนกับภาษาเมือง ความคุ้นเคยเดิมๆ เริ่มกลับมาอีกครั้ง สองปีแล้วสินะที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ เธอยิ้มให้กับความรู้สึกคิดถึง

เพียงฟ้านั่งพักร้านอาหารภายในสถานี หลังคลายความเมื่อล้าแล้วเธอจึงจ้างรถแดงไปส่งยังโรงแรมแห่งเดียวที่เธอรู้จัก

เธอรับกุญแจหมายเลข 301 แล้วค่อยๆ เดินขึ้นบันไดด้วยความอ่อนเพลีย เมื่อประตูห้องปิดลง เป้ถูกทิ้งลงบนพื้น จากนั้นเพียงฟ้าก็ล้มตัวนอนหลับอย่างหมดแรง

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ชิดชนกได้สติ เธอคลายมือที่กอดเข่าร้องไห้ หยิบโทรศัพท์แล้วกดรับ

“ฮัลโหล” ชิดชนกพูดพร้อมกับมองไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้าโดยรอบกลายเป็นสีส้มอ่อน ลมเย็นพัดผ้าม่านปลิวไปมา

“ฮัลโหล นกเหรอ ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว นกลืมนัดกินข้าวกับเล็กหรือเปล่าเนี่ย” รวีวรรณพูดด้วยเสียงน้อยใจ

“ขอโทษนะเล็ก นกรู้สึกไม่ค่อยสบาย ไว้ไปทานกันวันหลังนะ” ชิดชนกพูดด้วยเสียงเบา ใจยังหวนคิดถึงเพียงฟ้า เธอไม่อยากอยู่กับเล็ก ไม่อยากอยู่กับใคร อยากอยู่คนเดียว

“โอเค ไม่เป็นไร ไม่สบายก็อย่าลืมกินยาล่ะ งั้นเล็กไม่กวนแล้ว นกกินยาแล้วนอนเถอะ” ชิดชนกได้แต่รับคำ

เธอขับรถกลับบ้านด้วยความเลื่อนลอย กว่าจะถึงบ้านของตัวเองก็เกือบจะเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ชิดชนกเข้าห้องน้ำล้างหน้า เธอเห็นใบหน้าขาวซีด ปากไร้เลือดฝาด ดวงตาแดงก่ำไร้ชีวิตชีวา คนๆ นี้ที่ฟ้าเคยรักไม่ใช่เหรอ คนที่ฟ้าบอกว่าจะอยู่ด้วยตลอดไป แล้วฟ้าอยู่ไหน หายไปไหนไม่อยู่ข้างกายนก เธอคิดอย่างหมดเรี่ยวแรง รู้สึกเหนื่อยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แค่เพียงคิดว่าจะไม่มีเพียงฟ้าอีกแล้วชิดชนกก็ใจหาย เธอต้องทำให้ฟ้ากลับมา เธออยู่โดยไม่มีฟ้าไม่ได้



เพียงฟ้าค่อยๆ ลืมตาตื่น เธออยู่ที่ไหน เธอหลับตาอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำค่อยๆ คืนกลับมา ใช่เธออยู่ที่เชียงใหม่ หนีมารักษาแผลใจ เพียงฟ้าลุกขึ้น เดินไปเปิดหน้าต่าง มืดแล้วสินะ

เคยมีใครบางคนบอกเธอว่าคนเรามีปีกคนละข้าง และมนุษย์ทุกคนต่างมองหาปีกที่หายไป ใช่สิหาปีกอีกข้างก็ดันเจอแต่ปีกที่ไม่ใช่ แค่นั้นไม่พอยังจะทำปีกตัวเองหักครึ่งอีกต่างหาก สมใจตัวเองรึยัง ยัยโง่ หลงรักคนที่ไม่รักตัวเองอยู่ได้ เพียงฟ้ายิ้มเหยียด เยาะเย้ยตัวเอง เมื่อสงบใจได้เธอก็คว้ากุญแจห้องพักแล้วเดินออกไป

อากาศวันนี้เย็นสบายผิดกับเมื่อวานที่เพียงฟ้ารู้สึกชื้นจนเหนียวตัว วันนี้คงไม่มีฝนตกลงมา ถนนคนเดินอยู่ซอยตรงข้ามกับโรงแรม เธอเดินอย่างช้าๆ ผิดกับคนรอบข้างที่ต่างรีบเดิน อาหารมากหน้าหลายตา ทั้งบะหมี่ผัด ปลาหมึกย่างขาวฟูน่ากิน ไอศกรีมมะพร้าว และซูชิญี่ปุ่น ท้องของเพียงฟ้าร้องขึ้นมา เธอเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เธอยังไม่ได้ทานอาหารแม้แต่อย่างเดียว

ลูกชิ้นสี่ไม้มาอยู่ในมือเพียงฟ้าเพียงอึดใจ เธอเดินไปกินไป ถนนคนเดินไม่ว่าเธอจะมากี่ครั้งเธอก็ยังรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ทุกครั้งไป เหมือนเอาโลกมาย่อไว้ที่นี่ พวกกุญแจตามสมัยนิยม เครื่องเงินแบบโบราณ คนดิ้นรนขายของ เด็กน้อยเล่นดนตรีหาค่าเล่าเรียน คนต่างถิ่นมาเดิน คนต่างชาติมาเที่ยว อะไรบ้างที่ไม่มีอยู่ในถนนนี้ เธอสงสัย

เพียงฟ้าเดินจนสุดปลายถนนใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ขาเธอเริ่มล้า มียายคนหนึ่งนั่งพับใบลานทำเป็นรูปดอกไม้ ไม่มีอีกแล้วปลาตะเพียน ทั้งๆ ที่เธออยากได้ปลาตะเพียนมากกว่า แต่เพียงฟ้าก็เอื้อมไปหยิบดอกทิวลิปมา ถามราคาแล้วจ่ายเงินก่อนเดินกลับที่พัก

ถ้าแกมีปีกบิน แกอยากบินไหม แกอยากหนีไปจากฉันรึเปล่า เพียงฟ้านอนบนเตียง ถือดอกไม้ไว้ในอากาศพลางบิดไปมา



แสงอาทิตย์ส่องมาที่หน้าของเพียงฟ้า เธอยกมือขึ้นป้อง หันหน้าไปอีกทาง ไม่นานนักแสงก็แรงขึ้นจนเธอไม่อาจนอนต่อไปได้อีก เพียงฟ้าลุกขึ้นมานั่งบนที่นอนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้จนได้

หญิงสาวหยิบกล้องถ่ายรูปสีดำคู่ใจมาสะพายบ่า แล้วเดินผิวปากไปเรียกรถแดงให้ไปส่งที่ศาลาธรรมในมหา’ ลัยเชียงใหม่อย่างอารมณ์ดี วันนี้อากาศดีถ่ายรูปคงออกมาสวย

ศาลาธรรมตั้งตระหง่านอยู่หลังสระน้ำ ผืนหญ้าสีเขียวชอุ่มทำให้เพียงฟ้ารู้สึกสบายใจเหมือนเธอได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไว้ชั่วคราวเมื่ออยู่ที่นี่ กลิ่นดิน กลิ่นป่า หอมอบอวน เพียงฟ้าหลับตา สูดอากาศ แล้วยิ้มอย่างเป็นสุข

เอาล่ะถึงเวลาถ่ายรูปกันสักที เธอหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าหนัง ใส่เลนส์ ปรับโฟกัสและแสงจนเป็นที่พอใจ ก่อนหามุมถ่ายภาพ

‘แชะ แชะ แชะ’ เสียงกดชัตเตอร์ดังเป็นระยะๆ เพียงฟ้าลดกล้องลงก่อนจะเปลี่ยนไปหามุมอื่นถ่าย

เมื่อฟิล์มเกือบหมดเพียงฟ้าก็พักเหนื่อย ล้มตัวนอนแผ่หลาบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม เธอชอบธรรมชาติจริงๆ มันสงบ สบาย และไม่ทำร้ายเธอ

ไม่นานเมฆก็ตั้งเค้า แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เพียงฟ้าเก็บกล้องใส่กระเป๋า ก่อนรีบวิ่งไปหลบฝนที่ศาลาตรงกันข้าม แต่กว่าจะมาถึงเธอก็เปียกไปเกือบหมดทั้งตัว เสื้อผ้าแนบกับร่างกายทำให้เห็นรูปร่างบางได้สัดส่วน ผู้ชายหลายคนที่หลบฝนในศาลาเดียวกันต่างมองเพียงฟ้าเป็นตาเดียว

เธอเอากล้องออกมาแล้วใช้ผ้าแห้งที่เก็บไว้ในกระเป๋าเช็ดอย่างทะนุถนอม เกือบไปแล้วเชียว นี่ถ้าเก็บไม่ทันแย่แน่ๆ เมื่อเช็ดเสร็จเธอก็ยกกล้องลองปรับโฟกัสดูความเรียบร้อย แต่ภาพในเลนส์คือผู้หญิงผิวขาว กำลังวิ่งหนีฝนตรงมาทางเธอ ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนเปียกฝน ดูเหมือนผมเต็มไปด้วยละออง แปลกตาแต่ก็สวย เพียงฟ้ารีบกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว ฟิล์มหมดพอดี เธอคิดว่าโชคดีที่ยังเหลือฟิล์มไว้ให้ถ่ายภาพสวยๆ แบบนี้

ฝนเริ่มปรอยในตอนเย็นหลังจากที่ตกมาตั้งแต่บ่าย เพียงฟ้ารอไม่นานฝนก็หายไป เธอเดินไปที่อ่างแก้ว อยากดูพระอาทิตย์ตกที่นั่นอีกครั้ง

ผิวน้ำไหวระลอก ดูเหมือนเป็นคลื่นส่งกันไปมาไม่หยุดหย่อน คู่รักหลายคู่เดินควงแขนกัน บ้างก็พาสุนัขมาเดินเล่น เพียงฟ้าแอบหยอกสุนัขเหล่านั้นอยู่บ่อยๆ

ผู้หญิงสาวคนหนึ่งใส่กางเกงขาสั้นสีฟ้าอ่อนพาปั๊กสามตัวมาเดินเล่น อ่า...หวัดดีเจ้าหมาหน้าเหมือนกัน ดูสิตัวเท่ากันยังจะหน้าเหมือนกันอีก นั่นๆ หน้าไม่ยิ้มเลย อิอิ ยิ้มหน่อยสิอากาศดีนะ เพียงฟ้าเผลอหัวเราะจนเจ้าของหันมามองแล้วยิ้มให้กับเธอ เจ้าปั๊กสามตัวนั้นก็เดินเข้ามาให้เพียงฟ้าลูบหัวอย่างน่ารัก

เพียงฟ้ามองดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวหายลับไปกับแนวขอบฟ้า เธอรู้สึกคิดถึงใครบางคนอีกครั้ง น้ำตาสองหยดไหลลงมา เธอก้มหน้าแอบเช็ดมันเพราะไม่อยากให้ใครเห็น



วันนี้เมื่อเพียงฟ้าลืมตาตื่น เธอยังไม่อยากลุกไปไหน อยากนอนทบทวนเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา ตอนนี้จะคิดถึงกันบ้างไหมนะ หรือว่าลืมกันแล้ว ยิ่งไม่มีฟ้า นกจะยิ่งดีใจใช่รึเปล่า คนๆ นั้นที่เดินข้างนกคงจะดีใจ ในที่สุดก็จะไม่มีใครแย่งนกไปจากเขาได้อีก ฟ้าไม่เข้าใจเลยนก ความรักของฟ้ามันไม่มากพอจะทำให้นกซื่อสัตย์ต่อฟ้าเลยใช่ไหม น้ำจากดวงตาของเพียงฟ้าเริ่มไหล คราวนี้เธอรู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะห้ามได้ เหมือนว่าเธอเก็บมันไว้รอวันที่เธอจะพังทลาย

เพียงฟ้าเงยหน้ามองดูเมฆสีเทา อากาศชื้นจนแม้แต่เธอที่เพิ่งอาบน้ำมายังรู้สึกเหนียวตัว วันนี้เธอต้องหาหอพัก ตั้งใจว่าจะไปดูหอเดิมที่เคยอยู่ ถ้าอยู่ที่นั่นได้ก็คงดี

ยิ้มระบายไปทั่วหน้าของเพียงฟ้า หอพักว่าง เธอได้อยู่ห้องติดกับห้องเดิมด้วยซ้ำ เงินยังเหลือมากพอให้ซื้อมอเตอร์ไซค์สักคัน เพียงฟ้าจึงนั่งรถแดงไปตระเวนหารถสักคันที่จะมาเป็นเพื่อนคู่ใจ

รถมอเตอร์ไซค์มือสองเรียงรายอยู่เต็มหน้าร้าน หลากหลายยี่ห้อจนเธอมึนงง เพียงฟ้าเดินดูอยู่นานจนเห็นรถสีดำเงา ล้อสีทองบาดตา ใช่เลย...ต้องเป็นคันนี้ เธอคิด

เธอขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความชำนาญ ไปตามเส้นทางที่ออกไปนอกเมือง เร่งความเร็วจนเกินกว่ากฎหมายกำหนด เมื่อบนถนนไม่ค่อยมีรถเพียงฟ้าจะหลับตา แล้วปล่อยให้ความรู้สึกโบยบิน ล่องลอยไป อา...นี่ไงคนปีกหักกำลังโบยบิน เพียงฟ้าหลับตาแล้วโบยบินครั้งแล้วครั้งเล่าจนพอใจ เหมือนปีกที่หักได้สมานตัวกันอีกครั้ง จากนั้นจึงขี่รถกลับเข้ามาในเมือง

ในร้านหนังสือคนบางเบา เธอรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่ในความรู้สึกของเพียงฟ้าหนังสือคือสิ่งมหัศจรรย์แท้ๆ แต่เหมือนคนที่นี่ไม่เห็นหนังสือในมุมนั้นเหมือนเธอ

เธอเปิดดูหนังสือกวีนิพนธ์ ใช่แล้ว บทนี้ที่เธอชอบมาก เสียเจ้าไม่ได้อ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ

เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า ซบหน้าติดดินกินทราย
จะเจ็บจำไปถึงปรโลก ฤๅรอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย อย่าหมายจะให้หัวใจ
ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์ ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้
สูเป็นไฟเราเป็นไม้ ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณ
แม้แต่ธุลีมิอาลัย ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน
ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา
ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอยฯ *

ความรักทำให้เราเป็นหญ้า ทั้งๆ ที่โดนทำร้าย เจ็บแล้วเจ็บอีก ก็ยังไม่คิดทำร้ายกลับ แต่ไม่ใช่ฟ้าหรอก รู้ไหมบางครั้งฟ้าอยากให้นกเจ็บเหมือนที่ฟ้าเป็น แต่สุดท้ายฟ้าก็ไม่ได้ทำอะไรให้นกเจ็บสักอย่างเดียว ฟ้าบ้าใช่ไหม บ้าจริงๆ

เพียงฟ้ารู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนคอยจับจ้องอยู่ เธอหันไปเห็นพนักงานคนหนึ่งมองเธอด้วยสายตาไม่ไว้ใจ เธอรีบปิดหนังสือ วางคืนชั้น ทำท่าของโทษแล้วเดินออกมาอย่างเสียหน้า



เมื่อราตรีเข้าครอบคลุมอีกครั้ง เพียงฟ้าจึงขับรถออกมาจากโรงแรมเพื่อโบยบิน เธอรู้สึกเป็นอิสระจากทุกสิ่งบนโลกใบนี้เวลาที่เธอขี่รถมอเตอร์ไซค์แล้วลมพัดผ่านตัวเธอ เพียงฟ้าขับรถอ้อมครึ่งเมืองไปแถวท่าแพร ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้นอีก หลังจากครั้งสุดท้ายที่เธอเคยเห็น

ผู้หญิงหลายคนใส่เสื้อผ้าสั้นและเว้า แลดูยั่วยวน ชาวต่างชาติบางคนมองแต่ไม่ได้สนใจ บางคนก็เข้าไปถามเหมือนจะต่อรองราคา เพียงฟ้ายักไหล่ไม่สนใจแล้วขี่ต่อไปจนถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง

ตลาดตรงข้ามแม่น้ำผู้คนมากมายยังจับจ่ายซื้อของกันจนดึกดื่นค่อนคืน แม่น้ำดูเงียบเหงา ผิวน้ำนิ่งสนิท ไร้กระแสลม

“ฉันเหงา แกเหงาไหม เบื่อไหมที่ต้องอยู่อย่างนี้ แกเคยมีความรักบ้างรึเปล่า ฉันมี รู้ทั้งรู้ว่าต้องเจ็บเข้าสักวัน แต่ฉันก็ยังพยายามหามัน แกว่าแปลกไหม แต่ถ้าแกไม่เคยมีความรัก ฉันอยากให้แกมี แกจะรู้ว่าโลกนี้มีความสุขแค่ไหน” เพียงฟ้าเหยียดยิ้มเยาะ

“แต่นั่นแหละไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แกต้องแลกกับความเจ็บปวดแสนสาหัส แกจะยอมหรือเปล่า” เพียงฟ้ายืนนิ่ง มองไปยังแม่น้ำเหมือนรอคอยคำตอบ

เมื่อเธอขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าร้านหนังสือที่เดิม ผู้หญิงแปลงเพศหลายคนยืนรอลูกค้าอย่างกระสับกระส่าย เพียงฟ้ามองครั้งเดียวแล้วยักไหล่เลิกสนใจกับภาพนั้น ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก ร่างกายของเขาจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของเรา เพียงฟ้าคิด



วันนี้เพียงฟ้าเก็บของจากโรงแรมย้ายมาหอใหม่ คิดถึงจริงๆ เธอเปิดประตูหลังห้อง มองป่าโปร่ง นกร้อง ‘จิ๊บ จิ๊บ’ กระรอกสองตัวไล่ตามกันจากต้นนี้ไปต้นนั้น ชีวิต มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ เพียงฟ้านึกพร้อมกับเดินกลับไปจัดของ

เมื่อจัดของทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ท้องของเธอชักร้องเรียกความสนใจ ประหนึ่งจะบอกเธอว่า หิวแล้วนะเมื่อไหร่จะหาอะไรกินซะที เพียงฟ้าตบท้องอย่างเอาใจก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแล้วเอื้อมมือหยิบธนบัตร แต่มือของเพียงฟ้าก็ต้องชะงัก เงินของเธอเริ่มหมดแล้ว เงินเหลือไม่กี่ร้อยเอง คงต้องหางานทำแล้วสินะ

หลังกินข้าวเที่ยงเพียงฟ้าขี่รถไปที่ต่างๆ มากมาย ตามองหาแผ่นป้ายรับสมัครงาน แต่ไม่พบสิ่งที่เธอมองหา เพียงฟ้าถอนหายใจ วันนี้จะได้งานไหมเนี่ย

เธอไม่ถอดใจ แต่พยายามมองหาอีกครั้ง แววตาเครียดเคร่งขึ้น แล้วเมื่อผ่านกลางถนนนิมมานเหมินทร์ เพียงฟ้าก็ได้เห็นร้านหนังสือเปิดใหม่มีป้ายรับพนักงาน เธอรีบจอดรถหน้าร้านก่อนเดินเข้าไปสมัครด้วยความดีใจ

ได้งานแล้วๆ เริ่มพรุ่งนี้ด้วย ดีใจที่สุดเลย เพียงฟ้ากระโดดไปรอบห้องพัก แล้วล้มลงบนเตียงนอนด้วยความสบายใจ



ชิดชนกคว้าขวดเหล้าใกล้ๆ ตัวยกดื่มแต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่เหลือแอลกอฮอล์อยู่แม้แต่หยดเดียว หล่อนขว้างลงกับพื้นอย่างอารมณ์เสีย ขวดเหล้ามากมายแตกอยู่เกลื่อนพื้น

ฟ้าไปอยู่ไหน นกตามหาฟ้าจนแทบพลิกแผ่นดินอยู่แล้ว นกกลุ้มใจแทบบ้า ฟ้ารู้บ้างไหม จะให้นกทำยังไงฟ้าถึงจะยอมกลับมา ชิดชนกคิดด้วยสติอันลางเลือน

‘อุแวะ อ้วกกก’ เธออาเจียนลงกับพื้น ไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำขุ่นๆ ที่เธอดื่มตั้งแต่เมื่อวานเย็น

ชิดชนกลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เธอผอมลงมากหลังจากวันนั้น ตาแดงก่ำเหมือนคนติดเหล้า ผิวขาวอมเลือดฝาดกลายเป็นผิวขาวซีดเหมือนคนเป็นโรค แต่เธอไม่สนใจ พยุงร่างอันไร้เรี่ยวแรงขึ้นไปนอน

‘อืม...’ ชิดชนกครางเพราะความปวดหัว เธอพยายามฝืนลุกขึ้นแล้วก็ต้องล้มลงไปกองกับพื้น เธอยกมือกุมศีรษะแล้วพลิกตัวไปมา ความทรมานทำให้เธอรู้สึกอยากตาย เหมือนหัวของเธอจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้

ความปวดร้าวเกิดขึ้นเกือบชั่วโมงกว่าที่จะค่อยๆ สลายหายไป เธอค่อยๆ พยุงตัวลุกมานั่งบนเตียง แล้วตั้งใจว่าจะไม่ดื่มอีก ฟ้า...ฟ้าอยู่ไหน นกคิดถึงฟ้าจะตายอยู่แล้ว ฟ้ากลับมาเถอะ นกสัญญาว่านกจะมีฟ้าคนเดียว เอ๊ะ...เรายังมีเล็กนี่ ถ้านกมีเล็กฟ้าก็จะไม่มีวันกลับมาใช่ไหม นก...คงต้องเลิกกับเล็ก แต่เล็กดีเหลือเกิน ดีกับนกมาก นกจะบอกเล็กยังไงดีว่านกไม่ได้รัก นกแค่ชอบเล็ก

ชิดชนกยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านรวีวรรณ เธอยืนนิ่งพยายามทำใจเป็นครั้งสุดท้าย นกขอโทษ เล็กนกขอโทษ แต่เธอรู้สึกเหมือนคำภาวนาไม่เป็นผล ชิดชนกยืนอยู่ชั่วอึดใจก่อนตัดสินใจเปิดประตู

“นก...ทำไมเป็นแบบนี้” เล็กถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ดึงแขนชิดชนกให้เข้าไปนั่งในบ้าน แล้วหาน้ำมาให้ดื่ม นกได้แต่นั่งเงียบ ไม่รู้จะจบเรื่องนี้ได้ยังไง

“นก มีอะไรก็บอกเล็กได้นะ ถ้าช่วยได้เล็กจะช่วย” รวีวรรณจับมือเธอ สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

“เล็ก...นกมีเรื่องสำคัญจะพูด” ชิดชนกฝืนยิ้มเศร้า ความรู้สึกผิดทำให้เธอไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า

“อะไรเหรอ” รวีวรรณเริ่มแปลกใจ ชิดชนกดูแย่ลงหลังจากที่ไม่เจอกันวันนั้น และดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างจะบอกเธอ ลางสังหรณ์เตือนว่าอาจไม่ใช่เรื่องดี

ชิดชนกหลับตา รวบรวมกำลังใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเปล่งเสียงเบา แต่ทว่าชัดเจน

“เล็ก...เราเลิกกันเถอะ” ชิดชนกเห็นเล็กยืนนิ่งเฉยเหมือนรูปปั้น ตาคู่สวยเบิกโต เธออยากเข้าไปปลอบแล้วขอโทษ...แต่มันคงทำให้เลิกกันไม่ได้ ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น

ก่อนที่ชิดชนกจะทันรู้ตัว มีเพียงเสียง ‘ปึก’ เท่านั้นที่เธอได้ยินก่อนโลกทั้งใบจะเอียง
----------------------------------------------------
*บทกวีชื่อ เสียเจ้า โดย อังคาร กัลยาณพงศ์



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.