web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 62
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 142
Total: 142

ผู้เขียน หัวข้อ: ผืนน้ำแห่งความรัก บทที่ 06  (อ่าน 1397 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
ผืนน้ำแห่งความรัก บทที่ 06
« เมื่อ: 26 ธันวาคม 2013 เวลา 22:49:47 »
บทที่ 6

สีสันของกรุงเทพยามค่ำคืนทำให้ตาพร่ามัว แสงสีจากไฟนีออนกระพริบเรียกลูกค้า ยิ่งย่านที่เป็นผับและบาร์นอกจากแสงแล้วเสียงก็ยังกระหึ่ม จังหวะเร็วชวนให้ขยับตัวตาม แม้เป็นวันธรรมดาคนก็ยังแน่นขนัด เพียงฟ้ายืนอยู่หน้าผับหญิงรักหญิง สาวๆ กระโปรงสั้นหน้าร้านที่นั่งคุยกัน ดูน่ารักกันทุกคน เธอยิ้ม

เสื้อยืดกางเกงยีนส์ดูเหมือนจะสะดุดตาลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านมากเป็นพิเศษ เพราะมีแต่คนใส่ชุดเดรส หรือไม่ก็ชุดอื่นที่ดูเหมาะกับการเที่ยวมากกว่าที่หล่อนใส่ เพียงฟ้าไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่แต่แรก กะว่าจะมาเดินดู ถ่ายรูป แล้วก็กลับ แต่อะไรสักอย่างในตัวของเธอ บอกเดินเข้าไป หญิงสาวไม่เคยเข้าในผับแบบนี้มาก่อน ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าจะรู้สึกแตกต่างจากผับทั่วไปยังไงบ้าง แต่คิดว่าไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าจะลองเข้ามาสักครั้ง

ข้างในผับSheตกแต่งด้วยโทนแดงดำ ดูลึกลับร้อนแรงไม่น้อย เสียงเพลงที่เปิดก็ฟังดูสบายๆ เหมือนเน้นให้ลูกค้าสังสรรค์กันมากกว่าลุกขึ้นมาเต้น เธอเดินตรงไปนั่งที่บาร์ ไม่อยากสนใจสายตาของคนในผับมากนัก เพราะมันทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง

“รับอะไรดีค่ะ” บาร์เทนเดอร์หญิงหน้าตาน่ารักเอ่ยถาม

“เอ่อ...ขออะไรก็ได้ค่ะ อ่อนๆ” เป็นการสั่งที่ฟังดูแย่ไม่น้อย แต่เพียงฟ้าไม่รู้ว่าจะดื่มอะไรดี เพราะเคยดื่มแบบผสมแอลกอฮอล์ไม่กี่อย่าง

“อย่างเดิม” เสียงหวานใสดังมาจากด้านข้าง หญิงสาวหันไปมอง เห็นสาวสวยปากแดง ใส่กางเกงขาสั้นยืนอยู่

หญิงคนนี้ดูมั่นใจมาก แล้วก็เปรี้ยวมากเช่นเดียวกัน ขาอ่อนขาวๆ ดูยวนใจให้สัมผัสไม่น้อย เธอคิดว่าเจ้าตัวก็คงจงใจใส่ให้คนอื่นมองด้วยความเต็มใจ หล่อนหันกลับมามองบาร์เทนเดอร์ยื่นแก้วสีเหลืองอำพันอ่อนมาให้ แล้วทำน้ำเมาของสาวเปรี้ยวคนนั้นอย่างชำนาญ น้ำสีฟ้าอ่อนดูน่าดื่มไหลจากกระบอกสีเงิน สาวสวยคนนั้นนั่งบนเก้าอี้แล้วยกดื่มรวดเดียวหมด เธอมองอย่างทึ่งๆ คนคออ่อนอย่างตัวเองคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้อย่างแน่นอน

“สวัสดีค่ะ ว่างคุยไหมคะ” เสียงใสถามเธอ

“อ่อ...ว่างค่ะ” เพียงฟ้าประหลาดใจที่สาวคนนี้เอ่ยทักเธอ ไม่คิดว่าจะมีใครสนใจกับคนที่ไม่สนใจคนอื่นอย่างเธอ

“ชื่ออะไรเหรอคะ ชื่อจิ๊บนะ เป็นเลสทูเวย์ค่ะ” จิ๊บบรรยายสรรพคุณเสียเสร็จสรรพ

“อ่อ ฟ้าค่ะ เลสทูเหมือนกันค่ะ” หล่อนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย รอดูว่าอีกฝ่ายเข้ามาคุยกับเธอเพราะอะไร

“บ้านอยู่แถวนี้เหรอคะฟ้า” สาวเปรี้ยวเรียกชื่ออย่างสนิทสนมได้รวดเร็ว

“ก็ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ค่ะ แต่เป็นหอนะคะ” เพียงฟ้าดื่มสีอำพันเข้าไปอีกอึกใหญ่

“ค่ะ คืนนี้มาคนเดียวเหงาไหมคะ” จิ๊บเขยิบเก้าอี้เข้ามาใกล้กว่าเดิม

หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย พอจะเริ่มเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย เธอไม่แปลกใจ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้ปลดปล่อยความต้องการโดยไม่ต้องมีพันธะให้ปวดใจ ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยสำหรับคนที่ผ่านความปวดร้าวมาอย่างเธอ เพราะตอนนี้หล่อนยังไม่พร้อมที่จะคบกับใครอีก

“ตอนมาเหงาค่ะ แต่ตอนกลับคิดว่าอาจจะไม่ต้องเหงา” ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน ลึกเข้าไปในตาของนีรนาทเพียงฟ้าเห็นดาวระยิบระยับ ดวงตาของเธอดูแพรวพราวที่สุดตั้งแต่เคยเห็นนัยน์ตาของมนุษย์มา

“ค่ะ จิ๊บอยากช่วยให้ฟ้าไม่เหงาอีก ดีไหมคะ” เพียงฟ้ามองริมฝีปากสีแดงขยับไปมาอย่างเย้ายวน คำพูดของจิ๊บแทบจะไม่ได้ผ่านเข้าสมองของเธอเลย

“เป็นบางครั้งใช่ไหมคะ” หล่อนถาม

“แน่นอนค่ะ” หญิงสาวยกดื่มอีกอึกแอลกอฮอล์ก็เกลี้ยงแก้ว เสร็จแล้วก็ควักแบงค์สีม่วงวางบนบาร์ จากนั้นก็จูงมือกันเดินออกไป



ประตูสีขาวยังไม่ทันปิดสนิท นีรนาทก็นัวเนียกับเพียงฟ้าเป็นการใหญ่ แต่ใครจะยอมให้รุกอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็เจนจัดไม่แพ้อีกฝ่ายเหมือนกัน ก็ต้องดูว่าที่บอกจะไม่ทำให้เหงาจะทำได้จริงรึเปล่า เสื้อผ้าถูกเหวี่ยงไปทุกทิศโดยไม่มีใครสนใจ ขอแค่เปล่าเปลือยเป็นพอ ขาก็เดินหน้าไปเรื่อยจนถึงปลายเตียง

จิ๊บคว้าคอหล่อนก่อนจะเอนตัวนอนลงบนเตียง ‘ตุบ’ ที่นอนก็ย่นตามน้ำหนักตัว ไม่มีช่องว่างระหว่างกันอีก มีแต่เสียงเสียดสี เสียงขยับ และเสียงครางอยู่ภายในห้อง และความต้องการก็ดำเนินไปจนเกือบรุ่งเช้าของวันใหม่

อืม ปวดหัวจัง ไม่น่ากินเหล้าเลยเรา หล่อนนอนรำพึงอยู่บนที่นอน ไม่อยากลุกไปไหน หันไปมองด้านข้าง นีรนาทยังคงนอนหลับใหลอยู่

ความรู้สึกแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกกับอีกฝ่ายยังไง เหมือนคนแปลกหน้า แต่ไม่แปลกกาย เพียงฟ้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจิ๊บดำเนินชีวิตยังไง ทำงานอะไร แล้วอายุเท่าไหร่ สรุปว่าไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียว

“อืมม” สาวเปรี้ยวเมื่อคืนตื่นแล้ว แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนยังไม่ค่อยอยากจะตื่นสักเท่าไหร่

ผมตรงสวยเมื่อคืน บัดนี้ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ริมฝีปากที่เคยดูเย้ายวน แต่ตอนนี้ชวนตลก เพราะลิปสติกเปรอะเปื้อนไปทั่ว ไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหนนอกจากเธอ เป็นเพียงฟ้าเองที่ประกบริมฝีปากเมื่อคืนอย่างเร่าร้อน แล้วจูบไปเสียทั่ว

จิ๊บตวัดผ้าห่มออกเผยให้เห็นร่างขาว เจ้าตัวไม่สนใจ เดินสะเปะสะปะไปยังห้องน้ำ หญิงสาวมองตามร่างนั้นด้วยตาที่แวววาว มาดหมายว่าค่ำคืนที่จะมาถึงคงจะยาวนานและสนุกสนานเหมือนเคย คิดได้อย่างนั้นก็เดินเปลือยตามไป

สายวันถัดมาเธอจึงปล่อยนีรนาทไป ไม่ใช่แค่เจ้าหล่อนที่หมดแรง เธอเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน มีเซ็กซ์กันเหมือนว่าวันพรุ่งนี้โลกจะแตก ก่อนไปสาวเปรี้ยวยังไม่วายทิ้งกระดาษจดเบอร์โทรไว้ให้ แล้วจุ๊บเธอหนึ่งที หญิงสาวรับจูบแล้วหลับต่อด้วยความเหนื่อย



“ฮัลโหล” เพียงฟ้าพูดเสียงงัวเงียใส่โทรศัพท์

“ดีครับน้องฟ้า นี่พี่แทนเองนะ” อีกฝ่ายบอกชื่อให้จำได้ และก็เป็นประโยชน์ไม่น้อย เพราะต้นสายรับโดยไม่ได้ดูชื่อคนโทร

“อ้อ ดีค่ะพี่ มีอะไรรึเปล่าคะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานขึ้น

“พี่รับงานถ่ายรูปแต่งงานไว้” เขาเว้นวรรคหายใจ

“แต่...แฟนพี่เข้าโรงพยาบาล พี่ไม่อยากยกเลิก มันกะทันหันมาก ฟ้าไปถ่ายแทนพี่ได้ไหม อ้อ เงินดีนะฟ้า สองวันได้แสนหนึ่ง แต่วันแรกต้องไปถ่ายที่บ้าน วันนี้น่ะแหละ ส่วนอีกวันไปถ่ายที่กระบี่ ว่างไงเรา อยากรับไหม” ปลายสายเงียบรอคำตอบ

“แสนหนึ่งนี่รวมค่าเดินทางกับที่พักแล้วใช่ไหมพี่” หล่อนถามรายละเอียด

“ไม่...ไม่รวม บ้านนี้เขารวย เขาออกให้หมดเลย แสนหนึ่งนี่ค่าฝีมือแล้วก็ค่าเสียเวลาล้วนๆ ขออย่างเดียวน้องถ่ายให้สวยๆ ก็พอ” นิทัศน์แอบแหย่รุ่นน้องในตอนท้าย

“แหมพี่ อย่างฟ้าเหรอถ่ายไม่สวย คว้ารางวัลมากี่อันแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าคุย เอาเป็นว่าฟ้ารับงานนี้ค่ะ” เพียงฟ้าโม้อย่างสนุกสนาน

“เออ...ให้มันได้อย่างที่คุยแล้วกันครับ น้องสาวคนสวย ไม่งั้นพี่โดนด่าเละแน่ เดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดที่เหลือไปทาง sms ละกัน สงสัยตรงไหนก็โทรมาถามพี่” เขาส่ายหัวกับความขี้เล่น แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าเพียงฟ้าขึ้นชื่อเรื่องภาพสวยจริงๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ชมรมถ่ายภาพจัดประกวดทีไร สาวน้อยคนนี้กวาดรางวัลทุกที จนต้องห้ามเข้าประกวด อัญเชิญไปเป็นกรรมการแทน

“ค่ะพี่ ขอบคุณมากค่ะ ขอให้แฟนพี่หายไวๆ นะคะ บายค่ะพี่” หล่อนกดวางหู ก่อนบิดขี้เกียจ แล้วลุกไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน



“22 23 อ๊ะ เจอแล้ว 24 โหใหญ่เชียว มิน่าล่ะถึงได้มีเงินจ้างเราเป็นแสน เรียกค่าจ้างล้านหนึ่งขนหน้าแข้งไม่ร่วงแน่ๆ” หญิงสาวบ่นพึมพำมองเข้าไปในบ้านผ่านรั้ว

“หนู หนูสวยๆ คนนั้นน่ะ มายืนมองหน้าประตูบ้านทำไมล่ะ” ลุงยามที่นั่งอยู่ริมรั้วเอ่ยถาม

“ดีค่ะลุง คือหนูเป็นช่างภาพที่จะมาถ่ายรูปงานแต่งน่ะค่ะ” พูดพลางชะเง้อไปพลาง เพราะลุงถูกต้นไม้บังอยู่เสียครึ่ง

“อ่อ งั้นเข้ามาเลยหนู คุณนายเขาสั่งไว้แล้ว แต่เอ...เห็นบอกว่าเป็นผู้ชายไม่ใช่เรอะ ทำไมหนูเป็นผู้หญิงล่ะ” ลุงยามทำหน้าสงสัย เกาหัวแกรกๆ

“อ้อ คือหนูมาแทนค่ะลุง พี่ผู้ชายเขามาไม่ได้ ภรรยาเข้าโรงพยาบาลด่วน” หล่อนชี้แจง พร้อมกับเดินผ่านประตูที่ลุงยามเปิดไว้ให้

สองข้างทางมีแต่หญ้าสีเขียวถูกตัดแต่งให้เรียบเสมอกัน ดูนุ่มน่าเหยียบเล่นมากสำหรับเธอ แต่ลึกเข้าไปจะเห็นคนงานทั้งชายหญิงกำลังทำงานวุ่นวายอยู่ เวทีกับโต๊ะสีขาวถูกจัดเสร็จยังไม่ถึงครึ่ง หญิงสาวไม่ได้สนใจมากนัก หล่อนเดินผ่านคนงานไปยังหน้าบ้าน จากนั้นถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไป

“หนูมาหาใครจ๊ะ” หญิงสูงวัยถาม เมื่อเห็นเพียงฟ้าเดินอยู่ในบ้านของตนเอง

“เอ่อ...หนูเป็นช่างภาพที่จะมาถ่ายรูปงานแต่งงานค่ะ” หล่อนรู้สึกประหม่าเมื่อคุยกับคนที่ดูมีรัศมีอย่างคุณหญิงทิพย์เนตร

“ทำไมเป็นหนูล่ะจ๊ะ ฉันจำได้ว่าฉันจ้างนิทัศน์ไม่ใช่เหรอ” คุณหญิงพูดพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เธอไปนั่งบนโซฟา

หญิงสาวนั่งลงบนโซฟานุ่ม ที่ทำมาจากหนังอย่างดี และเล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง

“อืม ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเป็นอันว่าหนูฟ้ามาถ่ายรูปแทน ส่วนข้อตกลงก็เหมือนเดิมทุกอย่างนะจ๊ะ” คุณหญิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ฝากด้วยนะ หนูฟ้า” หญิงสูงวัยวางมือลงบนมือเธอแล้วยิ้มอย่างเชื่อมั่น

“ขอโทษนะหนูฟ้า แต่ดูเหมือนว่าฉันต้องไปดูแลงานที่หน้าบ้านเสียหน่อย อีกไม่เกินชั่วโมงบ่าวสาวคงแต่งตัวเสร็จ หนูเดินชมรอบๆ บ้านก่อนได้นะจ๊ะ เผื่อจะได้ฉากสวยๆ ไว้ใช้ถ่ายรูป” คุณทิพย์เนตรบอกก่อนจะเดินอย่างสง่าออกจากบ้านไปสั่งงานคนงาน

เพียงฟ้าเดินออกจากบ้าน แล้วตัดสินใจเดินมาทางสระซึ่งอยู่ด้านซ้ายของบ้าน สวยมาก ตัวสระแบ่งเป็น 2 ส่วน สระสำหรับผู้ใหญ่เป็นรูปปลาโลมา มีการจัดเรียงกระเบื้องที่พื้นสระจนคล้ายของจริงมาก ส่วนสระเด็กเป็นรูปลูกบอลหลากสี ดูเข้ากันและน่ารักมาก เก้าอี้ริมสระออกแบบได้เก๋เช่นเดียวกัน เพราะเป็นรูปคลื่นแบบต่างๆ

เลยจากสระไปก็เป็นสวนหลังบ้าน จะว่าเป็นสวนก็ไม่เชิง สำหรับเธอมันดูคล้ายป่าโปร่งมากกว่า มีต้นหูกวาง ต้นสัก ต้นกระดังงา และอีกหลายชนิดที่เพียงฟ้าไม่รู้จัก มีน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ด้วย เธอยื่นมือลงไปสัมผัส น้ำเย็นพอประมาณ ถ้าใหญ่กว่านี้อีกสักหน่อย สามารถไปว่ายเล่นได้อย่างสบาย ยังไม่ทันที่จะเดินต่อ ก็ต้องชะงักเพราะเสียงใครบางคน

“คุณเป็นใครคะ” เด็กสาวอายุไม่เกิน 15 ปีถามเธอ

“พี่ชื่อฟ้าจ๊ะ เป็นช่างภาพ” หล่อนยิ้ม และเดินเข้าไปใกล้เด็กคนนั้น

“แล้วหนูเป็นใครจ๊ะ” เธอถามกลับ

“หนูชื่อมน เป็นลูกคนเล็กของบ้านนี้” สาวน้อยอธิบายด้วยดวงตาใสเหมือนน้ำ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ เรามาเป็นเพื่อนกันดีไหม” หญิงสาวผูกมิตร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ตกลงค่ะ งั้นหนูจะพาพี่ไปเดินชมบ้านดีไหมคะ” วิริยาพรยิ้มก่อนเดินนำหน้า พร้อมกับพูดรายละเอียดไปตลอดทาง

เพียงฟ้าเดินตามไปอย่างว่าง่าย มองร่างบางข้างหน้าอย่างเอ็นดู น่ารักทีเดียว โตขึ้นคงสวยน่าดู ถ้าโตกว่านี้อีกหน่อยคงมีคนมาจีบเยอะแน่ๆ เหมือนหล่อนจะอยู่ในภวังค์มากไป คนข้างหน้าจึงหยุดเดิน ก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า

“พี่ฟ้าไม่ฟังหนูเลย” มนจับมือเธอแล้วพาเดินต่อไป

เธอขำเด็กน้อยข้างๆ เอ็นดูเหมือนน้องสาวของตัวเอง พอคิดได้ดังนั้นก็ไม่วายที่จะคิดถึงน้องชายแท้ๆ ใบหน้าของเพียงฟ้าขรึมขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่เด็กสาวข้างๆ สังเกตเห็นและสงสัย

“พี่ฟ้าเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายเหรอคะ” มนถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“อ้อ เปล่าค่ะ พี่ไม่ได้เป็นไร แค่คิดเรื่องอะไรนิดหน่อย” หล่อนยิ้มเพียงปาก ก่อนเบนประเด็น

“ไหนจ๊ะ ที่บอกพี่ว่าเป็นส่วนที่สวยที่สุดของบ้าน”

“ตรงนู้นค่ะ ที่มีกำแพงสูงเป็นพิเศษ” เด็กน้อยหลงลืมที่ได้ถามไปแต่แรก ชี้นิ้วไปยังมุมหนึ่งของบ้าน

“คุณพ่อเป็นคนคิดค่ะ อยากให้บ้านเหมือนกับสวนสวรรค์ มีแต่คนในครอบครับเท่านั้นค่ะที่จะเข้าได้ แต่หนูจะพาพี่ฟ้าเข้าไปดูเองค่ะ” มนยิ้มอย่างภูมิใจ ที่จะได้พาหล่อนเข้าไปดู

เด็กสาวเสียบกุญแจเข้าไป แล้วบิดไปทางขวาจนกลับมาบรรจบที่เดิม จากนั้นดึงกุญแจออก ก่อนผลักประตูเข้าไปข้างใน

มันเป็นสถานที่ที่สวยที่สุดตั้งแต่เพียงฟ้าเคยเห็นมา หมอกถูกผลิตจากที่ไหนสักแห่ง ทำให้เกิดภาพที่งดงามเกินจินตนาการ ควันบาง ๆ บังพื้นดินเกือบทั้งหมด เธอไม่รู้จะเดินไปทางไหน ได้แต่เดินตามมนไป ดอกไม้บางส่วนชูช่อบานเหนือหมอกเล็กน้อย ทำให้เหมือนดอกไม้ลอยอยู่บนปุยเมฆขาว กลางสวนเป็นวิหารแบบกรีก บางส่วนตกแต่งด้วยสีทอง ดูหรูหราตระการตา

หญิงสาวได้แต่ตะลึงในความงาม ภายในหัวคิดแต่ว่าจะวิเศษแค่ไหนถ้าได้ถ่ายรูปบ่าวสาวที่นี่ คงจะเหมือนนางฟ้าและเทพบุตร

เด็กสาวมองเพียงฟ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นเพียงฟ้าพอใจ เธอก็มีความสุข คุ้มกับที่ยอมเปิดเผยที่โปรดของตัวเองให้รู้ จริงๆ แล้วก็น่าแปลกใจไม่น้อยที่ตัวเธอทำแบบนี้ ที่นี่แม้คุณพ่อจะสร้าง แต่เธอก็ชอบและมาบ่อยที่สุดในบ้าน จนแทบกลายเป็นของเธอคนเดียวไปเสียแล้ว และเธอเองก็ไม่เคยยอมให้ใครที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเข้ามาที่นี่ วันนี้เธอพาคนอื่นเข้ามาแล้ว ทำไมถึงยอมนะ วิริยาพรก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

“สวยมากๆ ค่ะน้องมน ขอบคุณนะคะที่พาพี่มาที่นี่” เพียงฟ้าสวมกอดเด็กสาวด้วยความสุข ไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายจะเก้อเขินแค่ไหน

“ป่านนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวคงเตรียมตัวพร้อมแล้วล่ะค่ะพี่ฟ้า” มนบอกด้วยเสียงเบา

สาวสวยผละออก แล้วจูงมือเด็กน้อยเดินออกจากสวนสวรรค์ พร้อมกับมั่นหมายในใจว่าจะต้องถ่ายรูปที่นี่ให้สุดฝีมือ



“เจ้าสาวอย่าเกร็งค่ะ เอนหลังนอนไปบนตัวของเจ้าบ่าวเลยค่ะ” หล่อนจัดท่าให้เจ้าสาวเจ้าบ่าวนอนบนคลื่น แล้วให้เจ้าสาวทาบทับ เหมือนทั้งสองกำลังลอยไปในทะเล แม้จะเจอคลื่นแรงแค่ไหนก็ไม่ยอมแยกจากกัน แล้วเสียงชัตเตอร์ก็ดังอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นฉากป่าโปร่งหลังบ้าน เธอเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างลอดกิ่งไม้รำไร แล้วให้ทั้งคู่โอบกอดกัน ใช้แสงธรรมชาติช่วยให้บริเวณรอบๆ ดูมีประกาย เหมือนแสงตั้งใจส่องลงมายังบ่าวสาว ต่อจากนั้นก็ให้ทั้งคู่นั่งพิงต้นไม้แล้วโอบกอดหลวมๆ เป็นคู่ที่ดูน่ารักมากสำหรับเธอ

เจ้าสาวเจ้าบ่าวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ด้วยบริการพิเศษจากร้านประจำตระกูล หญิงสาวบอกได้คำเดียวว่าสุดยอด ตอนแรกที่คุยกันว่าจะถ่ายที่สวนสวรรค์ด้วยชุดกรีกโบราณ เธอนึกว่าอาจจะต้องนัดกันถ่ายวันอื่น เพราะต้องเช่าชุด แต่ที่ไหนได้คุณหญิงโทรศัพท์แปบเดียว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีเสื้อผ้ามาส่งถึงที่ ทำเอาเธอทึ่งอยู่ไม่น้อย

ทั้งสองคนหน้าตาดีทั้งคู่ ฝ่ายชายเป็นลูกคนโตของบ้านหลังนี้ ส่วนฝ่ายหญิงเป็นทายาทบริษัทค้า อัญมณีอันดับต้นๆ ของประเทศ ดูสมกันดีเหมือนคำโบราณว่า กิ่งทองใบหยก ยิ่งแต่งแบบกรีกยิ่งดูดีขึ้นไปอีก แม้จะเขินๆ กันอยู่บ้าง แต่รูปที่ได้ออกมาก็สวยทุกรูป เธอเป็นคนถ่ายรูปแบบเลือกถ่าย ไม่ชอบที่จะกดรัวๆ โดยแทบไม่ได้มอง แล้วค่อยไปเลือกเอาทีหลังแบบนั้น

พอถ่ายรูปเสร็จหล่อนก็เตรียมตัวจะกลับบ้าน เพื่อจะได้ไปคัดเลือกรูปเฉพาะวันนี้ให้เสร็จก่อน แต่ชายเสื้อถูกดึงไว้ด้วยมือของใครบางคน

“พี่ฟ้าจะกลับแล้วเหรอคะ” วิริยาพรถาม ด้วยดวงตาที่น่าใจอ่อนเป็นที่สุด

“ใช่ค่ะ” หล่อนตอบเสียงเบา

“มนอยากคุยกับพี่ฟ้าอีก ขอเบอร์พี่ฟ้าได้ไหมคะ” เด็กสาวถือโทรศัพท์รอ

“ได้สิคะ” เพียงฟ้าหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นให้อีกฝ่าย

“แลกกันกดค่ะ” มนรีบรับโทรศัพท์ของสาวสวยแล้วกดเบอร์ตัวเองอย่างรวดเร็ว

“โอเค เรียบร้อยแล้วนะคะ ถ้าเหงาหรืออยากคุยกับพี่ก็โทรมาได้ค่ะ พี่ว่างสำหรับน้องสาวที่น่ารักเสมอ” หญิงสาวยิ้มด้วยความเอ็นดู แล้วเดินหันหลังออกจากบ้านไป

มนมองมือถือในมือของตนเอง แต่ในใจรู้สึกว้าวุ่น ความคิดปั่นป่วนไปหมด ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกรึเปล่า คิดว่าชอบสาวเซอร์คนนี้เข้าให้แล้ว



สองวัดถัดมาเธอและคู่บ่าวสาวก็อยู่ที่หาด ณ จังหวัดกระบี่แล้ว กว่าจะมาถึงก็ตอนเย็นของเมื่อวาน ได้พักเตรียมตัวกันหนึ่งคืนก่อนถ่ายจริงวันนี้

ตี 5 ครึ่ง เสียงชัตเตอร์ของเธอเริ่มดัง ท้องฟ้าสวยงามมาก เป็นสีโอลด์โรสเหมือนกับลูกพีช บ่าวสาวอยู่ในเสื้อผ้าสบายๆ ใส่สีขาวกันทั้งคู่ ดูเด่นมากในฉากของตอนเช้า

พอแดดเริ่มแรงขึ้นก็เปลี่ยนไปถ่ายใต้ร่มเงาต้นมะพร้าว โดยเน้นอิริยาบถสบายๆ ทั้งป้อนขนม จูงมือ พูดคุย หัวเราะ กระทั่งไล่จับกัน เพียงฟ้าไม่ปล่อยให้ภาพดีๆ เหล่านี้หายไป แต่จะเก็บมันไว้ในกล้องของเธอไม่ให้ตกหล่นแม้แต่นิดเดียว

จากนั้นก็ปล่อยให้บ่าวสาวพักจนถึง 5 โมงเย็น จึงเริ่มถ่ายกันใหม่ หล่อนคิดว่าคนที่จะแต่งงานต้องมีความอดทนมากทีเดียว ทั้งต้องถ่ายรูปเป็นวันๆ ไหนจะเตรียมงานสำหรับเลี้ยงแขก และเรื่องจิปาถะอีกมากมาย การแต่งงานดูไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะคิดแต่งเล่นๆ ได้เลย

แสงยามเย็นก็สวยไปอีกแบบ เพียงฟ้าอยากเน้นแสงกับเงามากกว่า จึงให้ทั้งคู่หันหน้าไปทางแสง แต่ตัวเองถ่ายรูปย้อนแสง ภาพคนสองคนนั่งซบไหล่กัน ขี่คอเดินริมหาด หรือแม้แต่เล่นน้ำ เธอยินดีแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าน่าอิจฉาเหลือเกิน ไม่ใช่มีแค่ความรัก แต่มีความเสียสละ ความเอาใจใส่รวมอยู่ในนั้น เธอไม่จำเป็นต้องบอกให้ทั้งสองคนทำอะไร เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของคนที่รักกัน

เมื่อพระจันทร์ทักทาย หญิงสาวแทบจะทิ้งตัวลงบนที่นอนโดยที่ยังไม่ถอดรองเท้าด้วยซ้ำ ตอนนี้อย่าว่าแต่แรงยกกล้องเลย แค่เดินยังไม่ไหวด้วยซ้ำ แต่เธอก็พอใจกับภาพที่ได้จากงานนี้มาก และคิดว่าครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็คงจะชอบเหมือนกัน



“ฮัลโหล” เธอรับสายขณะกำลังย้ายรูปแต่งงานในคอมพิวเตอร์ลงแผ่นซีดี

“สวัสดีค่ะ พี่ฟ้าว่างคุยไหมคะ” เสียงใสถาม

“ว่างจ้า มีอะไรรึเปล่าสาวน้อย” ยิ้ม แม้อีกฝ่ายจะไม่เห็น

“ไปเที่ยวดรีมเวิลด์กันไหมคะ เพื่อนพ่อให้เที่ยวฟรี 2 คนค่ะ” สาวน้อยถามด้วยความหวัง

“ได้สิจ๊ะ พรุ่งนี้เป็นไง เดี๋ยวพี่เอารูปไปให้แล้วเราไปกันเลยดีไหมจ๊ะ” เธอเอ็นดู เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี ดูสิชวนเธอไปสวนสนุก

“ค่ะพี่ฟ้า พรุ่งนี้มนจะรอนะคะ” วิริยาพรแทบจะกระโดดได้ ดีใจมากที่สาวเซอร์ตอบรับ ถึงตอนนี้อีกฝ่ายจะยังเห็นเธอเป็นแค่เด็ก แต่หล่อนมั่นใจว่าจะทำให้เปลี่ยนใจได้อย่างแน่นอน ถ้าได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น



ผับ She ยังคงมีผู้คนหนาแน่นเช่นเคย สาวๆ ยังคงดูเซ็กซี่เย้ายวนไม่เปลี่ยน เพียงฟ้าทำเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่วันนี้เธอไม่ต้องหาใครที่จะมาทำให้หายเหงา เพราะได้นัดนีรนาทไว้แล้ว

“มาร์การิต้าแก้วหนึ่งค่ะ” หล่อนสั่งเลียนแบบหญิงสาวที่นั่งข้างๆ

น้ำสีฟ้าสวยถูกเลื่อนมา เธอหยิบขึ้นดื่ม อร่อยมาก อร่อยกว่าที่ดื่มวันนั้นเสียอีก เพียงฟ้าชักติดใจจึงสั่งอีกแก้วรอสาวร้อนแรง

หล่อนดื่มรอไปตั้ง 5 แก้วแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววจิ๊บแต่อย่างใด เลยวางแบงค์ไว้แล้วเดินเลี่ยงคนมาที่ห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันถึง ก็เห็นคนที่นัดไว้โอบเอวสาวหน้าหวานอีกคนอยู่ เธอยืนดูโดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

เหมือนหนังที่ร้อนแรง แม้เพียงฟ้าจะอยู่ห่างพอสมควร แต่ความร้อนแรงที่สองคนนั้นมีสื่อมาถึงเธอ มันมีความเสน่หาที่มากกว่าความใคร่ เสน่ห์ที่เธอกับนีรนาทไม่มี ทั้งสองป่ายมือไปตามทรวดทรงของกันและกัน ปากดูดดื่มชิมกันไม่รู้เบื่อ หญิงสาวเบือนหน้าหนีไม่อยากมอง ทั้งๆ ที่คิดว่าไม่น่าจะรู้สึกอะไร แต่ทำไมรู้สึก รู้สึกว่า...



บทที่เหลือสามารถอ่านได้ในหนังสือค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 00:29:49 อาพัทธ์ อันธการ »



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.