บทที่ 13
“หนึ่งกลับบ้านยังไง ให้พี่ไปส่งนะ” รุ่นพี่สาวพูดอย่างกระตือรือร้นเมื่อรถขนาดใหญ่ที่ขนส่งนักศึกษาจอด ณ ที่เดิม
“ไม่เป็นไรค่ะ หนึ่งโทรให้พี่อีฟมารับแล้ว” เธอรีบบอกเพราะเข็ดขยาดกับเรื่องคราวที่แล้ว เด็กสาวกลัวว่าจะซ้ำเหตุการณ์เดิม
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ...กลัวพี่เหรอ” คิ้วหนาเรียวโค้งย่นชนกัน สีหน้าสงสัย
“ก็...” นันทวรรณไม่รู้จะตอบอย่างไร มันเป็นความจริงที่พูดออกไปได้ยากลำบาก
“พี่รับรองว่าพี่จะไม่ทำอะไรหนึ่ง” ดวงตาคู่นั้นจริงจังเสียเหลือเกิน
“หนึ่งมีแฟนแล้วค่ะ และพี่สาวคนนี้ก็เต็มใจไปรับไปส่งทุกวัน” เสียงหวานดังขึ้นจากข้างหลังหล่อน ขณะที่หล่อนอ้าปากกำลังจะพูดอะไรสักอย่างออกไป
พี่สาวเธอพูดด้วยเสียงเรียบเฉย ใบหน้านิ่งจนมองไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอย่างไรหรือคิดเช่นไรอยู่ ดวงตากลมโตของนฤมลหันไปมองทันที ทั้งสองคล้ายยืนคุมเชิงกันยังไงไม่รู้
“กลับกันเถอะค่ะ” เป็นคนหน้าคมที่พูดออกมาหลังจากบรรยากาศเริ่มตรึงเครียด สาวน้อยเดินตามไปด้วยความโล่งอก เห็นเพื่อนรักที่ปลายหางตากำลังมองเหตุการณ์อยู่ไม่ยอมเข้ามาช่วย
“เมื่อคืนดีแต่พูดรึเปล่าคะ” ขวัญฟ้าอดแขวะไม่ได้ หมั่นไส้กับความเกินหน้าเกินตาที่สาวยั่วแสดงออกกับเพื่อนของหล่อน
“ระวังปากไว้หน่อยนะ อย่างน้อยฉันก็มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่” คนตรงหน้ากัดฟันแน่น สีหน้าไม่พอใจที่ได้ฟังประโยคนั้น
“ก็...ถ้าทำตัวน่านับถือ ใครๆ ก็ต้องพูดดีด้วยอยู่แล้วล่ะค่ะ” เธอยังเล่นคำกลับไปไม่สะทกสะท้านกับคำเตือนนั้น
“โอ๊ย” อิงร้องออกมาทันทีที่ถูกมือของอีกฝ่ายจับแขนไว้แน่น
“เล่นกับไฟน่ะ ไฟมันก็ไหม้มืออยู่แล้ว” สงครามครั้งนี้เปลี่ยนจากวาจาที่แก่งแย่งและทับถมกันเป็นการใช้กำลัง สาวอวบไม่ถนัดสิ่งที่ถูกเปลี่ยนเป็นอย่างยิ่ง หล่อนไม่ใช่คนสู้คนในแบบนั้น
“แน่จริงก็ทำให้ได้อย่างพูดสิคะ” ปากชมพูยังคงพูดออกไป มือที่เปล่งจนแทบปริพยายามจะแกะนิ้วเรียวของศัตรูออกแต่ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย
“หึ เธอนี่ดีแต่ปากนะ ทำเป็นปกป้องเพื่อน แต่จริงก็หวังจะกินเอง ไม่ลายใจบ้างเหรอไง” ทั้งนัยน์ตาและน้ำเสียงช่างดูถูกดูแคลนหล่อนเหลือเกิน แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือคำพูดนั้นมันเป็นความจริงเสียด้วย คิ้วของคนตรงหน้าเลิกขึ้นอย่างเป็นต่อ
“ไม่ เพราะไม่คิดจะทำแบบพี่หรอก” เธอตอบเสียงแข็ง แท้จริงทุกอย่างมันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว ไม่มีวันที่ขวัญฟ้าจะมีหวังอีก ถ้าทำแบบเดิมอีกครั้งคราวนี้หนึ่งคงไม่ให้อภัยอีก
“ก็คอยดูกันไป” ประโยคเดิมย้ำช้าๆ ชัดๆ อย่างผู้ที่มั่นใจตัวเองเต็มเปี่ยม จากนั้นนฤมลก็ปล่อยแขนหล่อนให้เป็นอิสระ รอยแดงเป็นรูปนิ้วมือยังคงติดอยู่บนแขนขาวอย่างกับรอยประทับของชัยชนะ
“เห็นไหมต้องพูดแบบพี่นี่ถึงจะดี” คนหน้าสวยเอ่ยขึ้นหลังจากทั้งสองเข้ามาในรถแล้ว
“พี่อีฟพูดตรงเกิน หนึ่งไม่กล้าขนาดนั้นนี่คะ” หล่อนย่นคิ้วบอกตามตรง
“ก็พยายามกล้าขึ้นสิ เพราะหนึ่งมัวแต่รักษาน้ำใจอย่างนี้ ผู้หญิงคนนั้นเลยได้ใจตื้อไม่ยอมเลิกสักที” คนอายุมากกว่าว่าทางอ้อม
“พี่อีฟพูดไปขนาดนั้นพี่ฝันคงไม่ยุ่งกับหนึ่งอีกแล้วล่ะค่ะ” เธอพูดพร้อมกับเอนตัวลงบนเบาะนั่งแล้วเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ
“เพลงนี้เป็นเพลงประกอบการ์ตูนเรื่องฮิคารุเซียนโกะ โดยGroove Ridersเป็นคนร้องค่ะ ท่านผู้ฟังหลายท่านอาจจะยังไม่เคยได้ยิน ลองฟังดูนะคะ” เสียงดีเจพูดอย่างอารมณ์ดี
‘ท้องฟ้านั้นมันจะกว้างใหญ่ หรือว่าเป็นแหล่งน้ำทะเลมันจะลึกสักเท่าไหร่
แม้ภูเขาจะสูงสูงสักแค่ไหน แต่ในหัวใจฉันไม่เคยจะหวาดหวั่น
...แต่ฉันนั้นมั่นใจแต่ฉันนั้นแน่ใจ ฉันต้องผ่านมันไปสักวัน
ก็ฉันนั้นมีแต่เธอ จะอยู่ด้วยกันเสมอ
แม้ว่าจะไม่ได้เจอเคียงกาย แต่ว่าหัวใจเรารวมอยู่ตรงนั้น
ก็ฉันนั้นมีแต่เธอ จะอยู่เพื่อกันและกัน
ความจริงหรือความฝันเราจะผ่านพ้นมันไป’*
“พี่รู้ว่าหนึ่งก็เป็นแบบนี้แหละ พี่แค่...” อีกฝ่ายพูดไม่จบประโยค
“แค่อะไรคะ” เธออยากรู้ในทันที
“พี่แค่เป็นห่วง” หญิงสาวพูดออกไป หล่อนไม่อยากบอกว่าหึงและหวง เดี๋ยวแมวน้อยจะได้ใจ
“หนึ่งรู้อยู่แล้วค่ะว่าพี่อีฟเป็นห่วง” คนหน้าใสตอบอย่างไม่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร ทำให้อรสาอดยิ้มไม่ได้ ยกมือขึ้นไปขยี้ผมสั้นเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ใกล้สอบแล้วอยากได้อะไรเป็นกำลังใจก่อนสอบไหมคะ” เธอถาม อยากให้คนข้างๆ มีแรงฮึด
“อืม...อยากไปเที่ยวค่ะ” ตาสีดำวิบวับพราวระยับทันที
“เพิ่งไปมาอยากไปอีกแล้วเหรอคะ” คนผมยาวหัวเราะเล็กน้อยกับคำตอบนั้น
“ก็สอบมันเครียดนี่คะ หนึ่งอยากไปผ่อนคลายยย” เสียงใสลากยาว เปลือกตาปิดลง หน้าตาบ่งบอกว่าเคลิ้มฝันเต็มที่
“พี่ตามใจหน่อยเอาใหญ่เลยนะคะ” คนตัวเล็กฉีกยิ้มทำตาปริบๆ ออดอ้อน
“ไม่ต้องทำแบบนั้นพี่ก็พาไปอยู่แล้ว” หล่อนมองมุขอ้อนเบื้องต้นที่ตัวเองโดนอยู่เป็นประจำแต่ไม่ยักจะชาชิน
“เย้” น้องสาวตัวดีรีบดีใจ
“แล้วอยากไปที่ไหนคะ อย่าไกลมากนะ” เธอเอ่ยปรามๆ กลัวเด็กน้อยจะขอมากเกินไป
“หนึ่งอยากไปชะอำค่ะ ก่อนมากรุงเทพฯ หนึ่งไม่เคยได้เที่ยวเลย
“โอเค งั้นอาทิตย์หน้าละกันค่ะ อาทิตย์นี้อยู่บ้านไปก่อนพักนี้อยู่กันไม่ติดบ้านเลย” หล่อนบอกเหตุผล เพราะต่างฝ่ายต่างมีธุระให้ออกไปนอกบ้านตลอด
“ค่ะ” กวางน้อยยอมรับแต่โดยดี ยิ้มจนแก้มแทบปริ
“อ้อ พูดถึงบ้านพี่ว่าปิดเทอมเราไปบ้านพ่อกันไหม พี่อยากไปไหว้ท่าน” หญิงสาวคิดว่าอย่างน้อยท่านก็ให้กำเนิดเธอมา ไม่ได้ไหว้ตัวจริงแค่อัฐิก็ยังดี
“ก็ดีค่ะ ตอนมาหนึ่งรีบยังไม่ได้จัดการข้าวของอะไรให้เรียบร้อยเลย” นันทวรรณพยักหน้าเห็นด้วย
“อืม ก่อนไปหนึ่งก็ไปไหว้แม่ก่อนละกัน พี่นี่แย่จริงหนึ่งมาอยู่บ้านตั้งนานยังไม่พาไปเจอ” หล่อนว่าตัวเอง แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
“ค่ะพี่อีฟ” อีกฝ่ายยิ้มรับ
กลิ่นเค็มของน้ำทะเลฟุ้งอยู่ในอากาศ คลื่นกระทบฝั่งเป็นระยะๆ มีคนเล่นน้ำอยู่ประปรายส่วนมากหลบแดดร้อนอยู่ภายในร่มและเก้าอี้นั่งเสียมากกว่า เธอจับมือน้องสาวเดินเลียบชายหาดสีเหลืองหม่น ที่นี่ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังอะไรทั้งนั้น
“พี่มัดผมให้นะ” หล่อนบอกพร้อมกับหยิบที่มัดผมสีฟ้าอ่อนออกจากกางเกงขาสั้น ผมสลวยสั้นแค่บ่าถูกรวบอย่างชำนาญโดยนิ้วเรียว คนตัวโตกว่ายิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนพูดว่า
“แค่ตอนนี้ เราจะทำอะไรก็ได้นะคะ”
“ทุกอย่างเลยเหรอคะ” เสียงใสเอ่ยถาม มีแววดีใจอยู่ในดวงตานั้น
“ยกเว้นเรื่องนั้นเรื่องเดียวค่ะ” หล่อนบอกย้ำ
“ค่ะ หนึ่งรู้” เด็กน้อยยิ้มสดใสขึ้น พลอยทำให้หญิงสาวยิ้มไปด้วย
“เอ้อ...” คนตัวเล็กหยุดเดิน
“มีอะไรคะ” หล่อนถามด้วยความสงสัย
“จูบนี่รวมไหมคะ” สาวน้อยทำสายตาอ้อน
“ค่ะ ไม่รวม” เธอเงียบคิดอยู่นาน ชั่งใจว่าได้หรือไม่กลัวจะเกินเลยไปมากกว่านั้น แต่ถึงเป็นแค่จูบหล่อนก็ไม่ประมาท จริงๆ แล้วไม่อยากแตะต้องตัวอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมถึงได้ยอมผ่อนปรนให้คนตัวเล็กในครั้งนี้
“เย้” แมวน้อยแสดงความดีใจออกนอกหน้า
“อยู่ๆ ทำไมถึงถามอย่างนี้คะ เป็นเด็กเป็นเล็ก” เธอเอ็ด ส่ายหน้ากับความกล้าและอาการที่แสดงออกมา
“แต่...พี่จูบไม่เป็นนะคะ” หล่อนบอกด้วยรอยยิ้ม
“หนึ่งก็...ไม่เป็นเหมือนกันค่ะ” สาวหน้าใสตอบซื่อๆ เธอหัวเราะ ลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ถามเองแต่ไม่เป็นเสียเอง...แมวน้อยของเธอ
“งั้นไว้เราฝึกกันคืนนี้นะ” สาวหน้าหวานจ้องหน้าเด็กน้อยอย่างนึกสนุก อยากแกล้งคนข้างๆ ขึ้นมาบ้างหลังจากปล่อยให้กวางน้อยทดสอบความอดทนตัวเองมาเสียนาน
“ค่ะ” หนึ่งเบี่ยงหน้าไปมองน้ำทะเลที่สาดซัดกระทบชายหาด เธอยิ้ม รู้ว่าอีกคนเขินอายและไหวหวั่นแค่ไหน
ยิ่งดึกแมวน้อยยิ่งร้อนลนอยู่ไม่สุข คงคิดถึงเรื่องที่พูดกันเมื่อยามเย็น ตัวเธอเองไม่ใช่จะอยู่เฉยได้ แต่หล่อนโตกว่าเก็บความรู้สึกได้มากกว่าแค่นั้นเอง ลึกๆ แล้วก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน นอกจากจะควบคุมตัวเองแล้วเธอควรจะควบคุมคนตัวเล็กด้วย
หญิงสาวมองดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่บนท้องนภา ก่อนที่จะหลบตา หลบความคิด ความรู้สึกผิด แล้วกลับมามองคนตรงหน้าที่นั่งรออยู่บนเตียงไม้แล้ว หล่อนยิ้ม เตรียมพร้อมเหลือเกินนะเด็กน้อย
“อยากจูบพี่เหรอคะ” เธอถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“เปล่านี่คะ หนึ่งแค่เมื่อยเลยขยับตัวเฉยๆ” เด็กน้อยไม่มองหน้าเธอขณะพูด
“อืม ถ้าไม่อยากจูบพี่ พี่จะนอนแล้วนะคะ” สาวสวยแกล้งทำท่าล้มตัวลงบนที่นอน
“พี่อีฟอ่ะ” สาวน้อยจับแขนหล่อนไว้
“ล้อเล่นค่ะ พี่พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว แต่...เก็บอาการหน่อยก็ได้ค่ะ ดีใจยังกับถูกหวย” เธอนั่งลงข้างๆ มองอีกฝ่ายด้วยแววตาสื่ออารมณ์
“อย่าหลบตาสิคะ มองพี่ มองแต่พี่คนเดียว” สาวหน้าหวานเชยคางคนตรงหน้า
“พี่รักหนึ่งนะคะ” หญิงสาวพูดคำว่ารักอีกครั้งก่อนที่จะประกบปากอย่างแผ่วเบา
ความนุ่ม ความหอมของแมวน้อยปลุกความกำหนัดของวัยสาวให้พลุ่งพล่านอย่างไม่ตั้งใจ หล่อนคราง พยายามระงับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เหมือนไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ เธอค่อยๆ แลบลิ้นออกมาไล้ไปตามรอยแยกระหว่างริมฝีปากแดง แมวน้อยอ้าปากส่งเสียงพึงพอใจ หล่อนจึงได้โอกาสอดลิ้นอุ่นๆ เข้าไปควานหาความหอมหวานให้มากยิ่งขึ้น ลิ้นของอีกฝ่ายนุ่มอุ่นและชื้น พันกับลิ้นของเธอนัวเนีย เด็กน้อยพยายามที่จะเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับหล่อน
------------------------------------------------------------------------------------
*เพลง เพราะฉันมีเพียงเธอ โดย Groove Riders (Ost.ฮิคารุ เซียนโกะ)