เสียงการพูดคุยที่ดูจะมีอารมณ์ไม่ค่อยดีนักปนอยู่ทำให้ไอฟ้าอดที่จะเดินเข้าไปแอบดูไม่ได้และภาพที่เห็นก็ทำให้เธอต้องรีบเข้าไปแยกคู่สนทนาออกจากกันเพราะเกรงว่าจะเกิดการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้นแต่แล้วใบหน้าของคนแปลกหน้าก็ทำให้ไอฟ้าต้องหยุดการก้าวเดินก่อนจะพินิจพิเคราะห์หญิงสาวตัวเล็กอย่างใช้ความคิด
“ยัยอ้วก!”
ไอฟ้าเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับความมั่นใจว่าผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นคือบุคคลที่เกือบฆ่าตัวเองเมื่อไม่นานมานี้
เธอจำได้ใบหน้าเรียวเล็กบวกกับดวงตากลมโตที่มองทีไรก็ทำให้ขนลุกได้ไม่ยากแล้วไหนจะผมสีน้ำตาลอ่อนที่เคยกวาดไปทั่วใบหน้าของเธอเมื่อยัยนั่นใช้หมอนปิดจมูกจนเธอหายใจแทบไม่ออกทั้งหมดนี่แหละคือยัยอ้วก!
ว่าแต่ยัยนั่นมาทำไมที่บ้านเธอหรือว่าจะตามมาเอาเรื่องแต่ก่อนที่สติจะเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับคนในความคิดก็หันมาพอดีพร้อมกับการพุ่งเป้ามาทางไอฟ้าแทน
ศิศิราเดินมาหยุดอยู่ที่บุคคลที่สามที่ตอนนี้ดูเหมือนมีอาการอึ้งไม่ต่างไปจากเธอ หญิงสาวมองใบหน้าคุ้นเคยนั้นด้วยสีหน้านิ่งเพราะเจ้าตัวกำลังเก็บซ่อนความตกใจของตัวเองเอาไว้
“ยัยโรคจิตจริงๆด้วย”
ในที่สุดศิศิราก็มั่นใจเพราะเธอจำใบหน้าเอ๋อๆของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำเพียงแค่นึกออกอารมณ์เดิมก็กลับมากระตุ้นให้ต้องลงไม้ลงมืออีกครั้งแต่ครั้งนี้เหมือนไอฟ้าจะยังโชคดีอยู่ไม่น้อยเมื่อคนน่ากลัวถูกฉุดแขนเอาไว้
“จะทำอะไร”
“ปล่อยนะคะตอนนี้น้ำขอจัดการยัยโรคจิตนี่ก่อนส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
“ทำไมไปว่าหนูอัยย์แบบนั้น”
ศิศิราหันไปมองหน้ามารดาก่อนจะมองไปยังโรคจิตหน้าเอ๋อที่เธอกำลังจะไปจัดการ
“แม่รู้จัดยัยนี่ด้วยเหรอคะ”
“รู้จักสิแล้วน้ำก็ต้องรู้จักด้วย”
“แม่อย่าบอกนะคะว่า…”
“จ่ะนี่หนูอัยย์น้องสาวคนใหม่ของลูก”
เรณูเอ่ยแนะนำก่อนจะหันมายิ้มให้กับลูกสาวคนใหม่อย่างเอ็นดู
“นี่ยัยน้ำลูกสาวแม่เองยังไงก็ฝากดูแลพี่ด้วยนะจ๊ะ”
จบการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการทั้งสองสาวแทบจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลย ไม่คิดว่าคนแปลกหน้าในค่ำคืนที่ไม่น่าจดจำจะกลายมาเป็นพี่น้องต่างสายเลือดที่ต่อไปต้องเห็นหน้ากันทุกวัน
ไอฟ้าถึงกับหน้าถอดสีท่าทางงานนี้เธอจะเจอศึกหนักเพราะหากพลาดเพียงแค่เสียววินาทียัยอ้วกอาจคิดหาทางฆ่าเธอได้
ส่วนศิศิราก็ได้แต่คิดในใจเมื่อเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ไม่น่าจดจำได้ย้อนกลับมาอีกครั้งโดยการตอกย้ำจากคนแปลกหน้าที่ต่อไปต้องทนเห็นหน้ากันทุกวันแล้วแบบนี้เธอควรแก้ปมในใจเรื่องไหนก่อนดีนะ,,,
เย็นวันแรกของคำว่าครอบครัวแต่กลับอบอวลไปด้วยความตึงเครียดและเงียบผิดปกติโดยเฉพาะลูกสาวคนโตที่เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมาจนแทบไม่ได้กินสักคำ
“ทำไมไม่กินล่ะแม่ทำแต่ขอที่น้ำชอบทั้งนั้นนะ”
เรณูเอ่ยขึ้นเพราะเห็นว่าสถานการณ์เงียบนานจนเกินไปเธอรู้ว่าส่วนหนึ่งมาจากใครและคงจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้หากจะจัดการกับตัวต้นเหตุ
“น้ำกินไม่ลง”
“ไม่สบายหรือเปล่าให้ลุงพาไปหาหมอมั้ย”
อนนต์เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงแต่กลับถูกอีกฝ่ายทำเฉยไม่สนใจจนเจ้าตัวถึงกับคอตกที่ถูกเมิน
ไอฟ้ามองบิดาอย่างสงสารก่อนจะหันไปหาตัวการของเรื่องทั้งหมดที่กำลังมองมาทางเธอเหมือนกันและเพียงไม่นานเธอก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หลบตาไปทางอื่นเพราะขืนจ้องกันนานกว่านี้มีหวังได้ฝันร้ายทั้งคืน
“น้ำอิ่มแล้วขอตัวนะคะ”
คนพูดลุกเดินขึ้นบ้านทันทีโดยไม่รอคำตอบรับจากใครเลย เรณูส่ายหัวไปมาให้กับนิสัยแย่ๆของบุตรสาวก่อนจะหันมามองหน้าสองพ่อลูกที่ดูจะซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ต้องขอโทษแทนยัยน้ำด้วยนะคะถูกเอาแต่ใจตั้งแต่เด็กพอโดนขัดใจก็เป็นแบบนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับผมเชื่อว่าซักวันแกต้องใจอ่อน”
“แล้วหนูอัยย์ล่ะลูก”
คำถามและรอยยิ้มที่ถูกส่งมามีหรือที่ไอฟ้าจะริอาจปฏิเสธได้
“อัยย์จะทำให้พี่น้ำรักอัยย์ให้ได้ค่ะ ถึงจะใช้เวลาหน่อยแต่เชื่อว่าต้องทำได้”
“ดีจังแม่ล่ะอยากให้ยัยน้ำได้ยินจริงๆ”
เรณูยิ้มกว้างให้กับสองพ่อลูกที่แสนดีก่อนจะหันไปมองตามทางที่บุตรสาวเพิ่งเดินไปอย่างหนักใจหวังว่าสักวันหนึ่งศิศิราจะเปิดใจยอมให้คนอื่นเข้ามาร่วมใช้คำว่าครอบครัว …ภาวนาเหลือเกินว่าขอให้มีวันนั้น
ก่อนจะแยกย้ายเข้านอนอนนต์ก็หันมาชื่นชมบุตรสาวจากใจจริงก่อนจะตบไหล่เบาๆอย่างเอ็นดู
“พ่อดีใจนะที่อัยย์เข้าใจ”
“ค่ะ”
“งั้นคืนนี้พ่อก็คงหายห่วงเรื่องที่ลูกต้องนอนห้องเดียวกับพี่เค้า ยอมอะไรได้ก็ยอมนะพี่เค้าตัวเล็กกว่าเราอีกอย่าไปทำอะไรเค้าล่ะ”
คนพูดเดินจากไปด้วยความโล่งใจแตกต่างจากไอฟ้าที่ตอนนี้ยืนนิ่งเหมือนโดนสาป เธอลืมไปเสียสนิทเลยว่าต้องนอนร่วมห้องกับยัยอ้วก!
เสียงเคาะประตูทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงกับชักสีหน้าก่อนจะเดินไปเปิดประตูอย่างอารมณ์เสีย
“ต้องการอะไร”
ช่างเป็นคำถามที่แสนจะกวนประสาทเสียจริงๆแต่ไอฟ้าจะทำอะไรได้เมื่อเธอได้เห็นฤทธิ์ของผู้หญิงน่ากลัวคนนี้แล้ว
“คุณแม่น่าจะบอกพี่น้ำแล้วว่าเรา เอ่อเราต้องนอนห้องเดียวกัน”
ศิศิรามองคนที่เรียกเธอว่าพี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเมินหน้าหนี
“ตั้งแต่เกิดมาฉันจำได้ว่าเป็นลูกคนเดียว”
ไอฟ้าถึงกับจุกก่อนจะรีบรวบรวมสติที่มีอยู่เพื่อใช้ต่อสู้กับคนร้ายกาจตรงหน้า
“เอ้า…อยากเข้ามาก็เชิญฉันเตรียมที่นอนไว้ให้เธอละ”
คนพูดเดินเข้าไปข้างในก่อนจะผายมือไปยังจุดที่จัดเป็นที่นอนให้คนที่ตามมา
“เป็นไงฉันเป็นพี่สาวที่ดีใช่มั้ยล่ะ”
พูดจบศิศิราก็เดินหัวเราะกลับไปที่เตียงก่อนจะหันไปหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านโดยไม่สนใจคนที่อยู่ร่วมห้องอีกต่อไป
ไอฟ้ามองที่นอนของตัวเองอย่างสังเวชใจ นี่เข้าตำราเสื่อผืน หมอนใบหรือเปล่านะเป็นแค่ประโยคที่ดังก้องในใจหากแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
คนตัวสูงหันซ้ายแลขวาก่อนจะมองโชฟาที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของคนบนเตียงจากนั้นก็ใช้ความคิดพร้อมกับการเดินไปหาเป้าหมายใหม่
“จะทำอะไร”
“อัยย์ว่าจะย้ายมานอนบนโซฟาน่ะค่ะ”
“แต่ของฉันวางอยู่เธอไม่เห็นหรือไง”
“เห็นค่ะ อัยย์ก็กำลังจะเก็บให้เข้าที่อยู่นี่ไงคะ”
“ใครอนุญาต”
เป็นคนถามที่ชวนงงงวยจนไอฟ้าไม่รู้จะตอบอะไรดี เธอจึงก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนบนเตียงแล้วแต่กลับเป็นการกระทำที่กระตุ้นต่อมโมโหของคนมองให้ได้เดือดเพิ่มมากขึ้น
ศิศิราเดินเข้าไปหาคนที่เอาแต่เก็บของก่อนจะยกข้าวของนั้นไปกองไว้อย่างเดิมจนไอฟ้าต้องเงยหน้ามามองคนเจ้าอารมณ์อย่างสงสัย
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอแตะต้องข้าวของเครื่องใช้ของฉัน”
“แต่อัยย์แค่จะย้ายไปวางที่อื่นให้”
“ใครขอ!”
“ไม่มีใครขอค่ะเพราะอัยย์ต้องการเคลียร์ที่โซฟาเพื่อจะใช้นอน”
“ไม่ได้!”
“นี่คุณได้เตียงไปแล้วยังจะเอาอะไรอีก”
“จะเอาโซฟา”
เป็นคำตอบชัดเจนที่แสดงออกมาทั้งทางสีหน้าและแววตาจนไอฟ้าถึงกับต้องเดินถอยทับออกมาทีละก้าว
“อยากได้ก็เอาไปเลย โด่…เอาไปให้หมดเลยเซ่”
“แน่ใจนะที่พูด”
เป็นประโยคถามย้ำที่คนฟังต้องรีบวิ่งไปตะครุบเสื่อและหมอนที่วางอยู่ข้างเตียงอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะถูกพี่สาวใจร้ายยึดคืน
“ไม่ต้องกลัวเวอร์มากก็ได้ฉันไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น”
คนพูดเอ่ยยิ้มๆก่อนเดินไปหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศมาปรับให้อุณหภูมิลดลงไปอีก
“อากาศร้อนนะว่ามั้ย”
ไอฟ้าได้แต่มองคนที่เพิ่งหันหลังให้ตัวเองอย่างแค้นใจแต่ถ้าออกไปนอนข้างนอกก็อาจทำให้พ่อของตัวเองไม่สบายใจและสิ่งที่ทำได้ก็คือการอดทนเอาน่ะอย่างน้อยเธอก็ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายแค่ตอนนอนรีบๆหลับซะพรุ่งนี้ก็จะได้แยกย้ายกันซะที
ในค่ำคืนที่เงียบสงัดจู่ๆเสียงบางอย่างทำให้คนที่หลับอยู่ต้องค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะมองไปยังคนบนเตียงที่ทำท่าทางเหมือนกับคนกำลังฝันร้าย
ไอฟ้านิ่งคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปดูเผื่อมีอะไรช่วยได้และท่าทางของคนบนเตียงก็ทำให้เธออดสงสารไม่ได้จนต้องเอื้อมมือไปปลุกอีกฝ่ายให้ตื่น
“คุณ คุณ คุณ คุณน้ำ”
การเรียกชื่อไม่เป็นผลเมื่อศิศิรายังคงละเมออยู่และเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนไอฟ้าต้องจับมืออีกฝ่ายมากุมเอาไว้แน่น
“ฝันอะไรคุณ ตื่นสิตื่น”
ไอฟ้าถึงกับถอดใจเมื่อเรียกเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สติเสียทีเอาแต่ละเมอร้องแต่คำว่าไม่ ไม่แล้วก็ไม่อยู่อย่างนั้น
ศิศิราหายใจหอบๆพร้อมกับกำมือของคนตรงหน้าแน่นเธอรู้สึกหายใจได้ไม่เต็มปอดแล้วไหนจะน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดนี่อีก
หญิงสาวตะโกนร้องสุดเสียงก่อนจะผวาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า
“เป็นไงบ้างคุณโอเคมั้ย”
น้ำเสียงของคนข้างๆทำให้คนที่อยู่ในภวังค์เริ่มได้สติขึ้นมาก่อนจะก้มมองดูมือที่ชุ่มเหงื่อของตัวเองที่อีกฝ่ายจับเอาไว้
“ใครให้เธอจับมือฉัน”
พูดจบศิศิราก็ดึงมือของตัวเองออกก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยไม่พูดอะไรอีกส่วนไอฟ้าก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้เพราะเธอคงไม่บ้าพอที่จะถามอะไรในตอนนี้แต่เรื่องที่พี่สาวคนใหม่ของเธอฝันถึงคงจะน่ากลัวจริงๆสังเกตได้จากเหงื่อที่เปียกเต็มฝ่ามือของอีกฝ่ายที่เธอจับอยู่
ตอนละเมอก็น่าสงสารอยู่หรอกนะแต่พอตื่นขึ้นมานี่สิแทบจะกัดหูเธอมันน่าปล่อยให้ฝันร้ายทั้งคืนจริงๆ
ศิศิรากำมือตัวเองไว้แน่นฝันร้ายกลับมาหลอกหลอนอีกครั้งความตายของบิดาที่เธอเห็นและสัมผัสด้วยตัวเองกลับมาได้อย่างไรทั้งๆที่ห่างหายมานานมากแล้วหรือพ่อของเธอจะไม่พอใจกับการเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้
หญิงสาวหลับตาลงช้าๆพร้อมกับการอธิษฐานส่งผ่านความรู้สึกไปให้บิดาบนท้องฟ้า…ขอให้ท่านหายห่วงเพราะเธอจะดูแลคนที่ท่านรักแทนเองและหากใครกล้ามาหลอกหรือรังแกแม่ของเธอล่ะก็ได้เจอดีแน่!