web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 169
Total: 169

ผู้เขียน หัวข้อ: ไออุ่นรัก ตอนที่ 4  (อ่าน 1986 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
ไออุ่นรัก ตอนที่ 4
« เมื่อ: 01 มีนาคม 2014 เวลา 20:57:06 »
   “ว่าไงฮีโร่”
   ประโยคทักทายจากคนเป็นพ่อทำให้ไอฟ้าถึงกับถอนหายใจออกมา ท่าทางใครบางคนคงไปฟ้องพ่อเธอแล้วแน่ๆ
   “ลูกสาวพ่อนี่สุดยอดจริงๆช่วยเด็กไม่ให้จมน้ำ”
   “พ่อคะ”
   “ทำไมล่ะก็พ่อภูมิใจนี่นา”
   “แต่ถ้าพ่อฟังดีๆอัยย์ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะคะเป็นตัวถ่วงซะมากกว่า”
   ไอฟ้าทำหน้างอยลงไปอีกยิ่งคิดถึงหน้าของใครบางคนที่มองเธอด้วยความเอือมระอาก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกถึงคำว่า “ตัวถ่วง” มากยิ่งขึ้น
   “ไม่หรอกการที่เราคิดช่วยแล้วลงมือทำยังดีกว่าคนที่ดีแต่ปากแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
   “พ่อไม่คิดว่าสิ่งที่อัยย์ทำผิดเหรอคะ”
   คนถูกถามยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบหัวบุตรสาวอย่างเอ็นดู
   “มันก็มีผิดอยู่บ้างที่อัยย์ดันว่ายน้ำไม่เป็นแต่ที่สำคัญก็คือพ่อภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มาก”
   ไอฟ้าค่อยยิ้มออกมาได้หน่อยก่อนจะหุบยิ้มเมื่อใบหน้าของคนอีกคนลอยมา
   “ถ้าคนอื่นคิดเหมือนพ่อก็คงจะดี”
   “คนบางคนก็ใช่ว่าจะแสดงท่าทางออกมาได้ตรงกับความคิดนะ บางทีเราก็ใช้ตาดูอย่างเดียวไม่ได้”
   อนนต์เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวเข้านอน เขารู้ว่าบุคคลที่บุตรสาวเอ่ยถึงในที่นี้คือใครแต่จากที่สังเกตเมื่อตอนที่ศิศิราเข้ามาเล่าเรื่องนี้ด้วยท่าทางหัวเสียและจริงจังหากใช้แค่สายตาจ้องมองก็คงจะเห็นเพียงแค่ความไม่พอใจแต่หากใช้หัวใจสัมผัสเขารู้ว่าในอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความโมโหนั้นดูร้อนใจและแฝงด้วยคำว่าห่วงใยมากขนาดไหนแต่ถ้าจะพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อคงต้องรอเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะเข้าที่โดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ

   ไอฟ้ามองบริเวณที่นอนของตัวเองที่บัดนี้ว่างเปล่าไม่เหลือแม้แต่เสื่ออย่างงงๆ จากนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นอุปกรณ์เครื่องนอนที่วางอยู่บนโซฟาแต่ไม่ทันได้สงสัยอะไรคนบนเตียงก็ตะคอกออกมาเสียงดังจนคนที่ยืนอยู่ต้องถอยหลังออกมาเพื่อตั้งหลัก
   “ตกใจอะไรนักหนาฉันไม่ใช่ผีนะ”
   “คืออัยย์คิดว่าคุณหลับไปแล้ว”
   “ฉันก็อยากนอนนะแต่ไฟแยงตาแบบนี้ใครจะไปหลับลง”
   ศิศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะชี้ไปที่โซฟา
   “ตั้งแต่คืนนี้เธอไปนอนที่โซฟาตัวนั้นเลยนะฉันไม่อยากให้เธอมานอนใกล้ๆ”
   พูดจบศิศิราก็ล้มตัวนอนทันทีพร้อมกับหันหลังให้คนที่ยืนทำหน้างงๆ
   “รีบๆทำให้อะไรให้เสร็จฉันจะปิดไฟแล้ว!”
   ยังไม่ทันขาดคำห้องทั้งห้องก็มืดสนิททันที ไม่เข้าใจว่าจะพูดว่าให้เธอรีบทำธุระส่วนตัวทำไมในเมื่อคนบนเตียงก็กะจะปิดไฟอยู่แล้ว
   และแล้วคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ไอฟ้าต้องตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับการเดินเข้าไปเขย่าตัวคนฝันร้ายให้รู้สึกตัวและเมื่อปลุกคนฝันร้ายได้สำเร็จก็ได้รับคำต่อว่าอีกเช่นเคยแต่ยังไงพรุ่งนี้เธอคงต้องไปถามแม่ของศิศิราให้รู้เรื่องว่าอาการฝันร้ายในทุกๆคืนมันเกิดจากอะไร

   ไอฟ้าตื่นแต่เช้าเพราะตั้งใจมาสอบถามเรื่องบางอย่างให้หายข้องใจจากคนที่กำลังมุ่งมั่นกับการทำอาหารเช้า
   “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่”
   เรณูหันไปทางต้นเสียงอย่างแปลกใจเพราะวันนี้วันหยุดเธอไม่คิดว่าไอฟ้าจะตื่นเช้าขนาดนี้
   “แปลกใจที่อัยย์ตื่นเช้าเหรอคะ”
   คนพูดเอ่ยออกมาอย่างรู้ทันก่อนจะสูดกลิ่นหอมของข้าวต้มในหม้อด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
   “ข้าวต้มแตะจมูกจนอัยย์ต้องลอยมาถึงนี่เลยค่ะ”
   “ปากหวานจังจะอ้อนเอาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
   “โดนรู้ทันซะแล้ว”
   พูดจบไอฟ้าก็หัวเราะออกมาแบบเขินๆก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีคนมาได้ยิน
   “ความลับขนาดนั้นเลยเหรอ”
   “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะแค่ไม่อยากให้คนในเรื่องได้ยิน”
   เรณูนึกสงสัยกับคำว่าคนในเรื่องของไอฟ้าแต่แล้วทุกอย่างก็กระจ่างทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวทุกอย่างจากคำบอกเล่าของคนตรงหน้า
   “ไม่น่าจะเป็นไปได้”
   “ทำไมล่ะคะ”
   “ก็ยัยน้ำมักจะฝันแบบนี้ตอนเด็กๆแต่พอโตมาก็หายไปเอง”
   คนพูดนึกย้อนไปถึงเวลาที่บุตรสาวของตัวเองมักจะฝันเรื่องราวเลวร้ายเกี่ยวกับอุบัติเหตุของคนเป็นพ่ออยู่บ่อยๆและเธอก็มักจะตื่นขึ้นกลางดึกเพื่อดึงตัวศิศิราเข้ามากอดไว้เป็นครั้งคราวหรือหนักสุดก็ต้องกอดไว้ทั้งคืนเพราะปลุกเท่าไหร่คนฝันร้ายก็ไม่ยอมตื่น
   “ต้องกอดเลยเหรอคะ”
   “จ่ะ แต่แม่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ายัยน้ำจะกลับมาฝันอีก”
   “ครอบครัวของอัยย์อาจเป็นต้นเหตุก็ได้มั้งคะ”
   คนฟังตบที่หลังมือของคนพูดเบาๆพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในดวงตาของไอฟ้า
   “แม่กับยัยน้ำโชคดีมากต่างหากที่อัยย์กับคุณนนต์ไม่รังเกียจเราสองแม่ลูก”
   “อัยย์เชื่อค่ะว่าคนที่คุณพ่อเลือกต้องดีที่สุด”
   “แต่หนูอัยย์อาจคิดผิด”
   “ไม่หรอกค่ะ คุณพ่อเลือกคนไม่ผิดจริงๆ”
   เรณูยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่ทำให้ชื่นใจแบบนี้
   “แม่ดีใจนะที่ได้หนูอัยย์มาเป็นลูกอีกคนแล้วก็ฝากคนดื้อให้หนูช่วยดูแลด้วยนะ”
   ไอฟ้าแทบจะหุบยิ้มลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงแสนดีตรงหน้ามีลูกสาวที่ร้ายกาจขนาดไหนแต่จะให้เธอปฏิเสธก็คงไม่ได้เพราะดันพูดหนักแน่นตั้งแต่ต้น
   “ยัยน้ำเป็นเด็กน่าสงสารพ่อเสียไปตั้งแต่แกอายุสิบขวบแต่ที่ฝังใจมาตลอดก็คือการเห็นพ่อตายไปต่อหน้าต่อตา”
   คนพูดเช็ดน้ำใสๆที่คลออยู่ที่ดวงตาของตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของไอฟ้าเอาไว้
   “ถ้าพี่เค้าทำอะไรผิดก็อย่าถือสาเลยนะแม่ขอ”
   คนฟังได้แต่อึ้งไปก่อนจะพยักหน้ารับคำช้าๆ ปมบางอย่างในวัยเด็กคงส่งผลให้ศิศิรากลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ บางทีเปลืองที่ห่มหุ้มอยู่นี้เจ้าตัวคงใช้เพื่อปกป้องตัวเองในเรื่องอะไรบางอย่างซึ่งเธอก็ไม่อาจรู้ได้ว่าคืออะไรแต่ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าวิธีการปลอบคนฝันร้ายด้วยอ้อมกอดที่คาดว่าเธออาจโดนสอยให้ร่วงด้วยเข่าหากทำตามคำแนะนำ

   เรณูมองชายหญิงที่กำลังพูดคุยกันอย่างเอ็นดูจากเท่าที่เห็นคงไม่มีใครอีกแล้วที่จะทำให้ลูกสาวของเธอยิ้มและหัวเราะออกมาได้แบบนี้
   “ของว่างมาแล้วจ้าเด็กๆ”
   “ขอบคุณครับคุณน้า วันนี้ผมไม่เกรงใจนะครับ”
   “เต็มที่เลยจ่ะมีคนกินได้คนทำก็ปลื้มใจแล้ว”
   “งั้นผมขอฝากท้องตอนเย็นเลยได้มั้ยครับ”
   วัลลภเอ่ยออกมาเสียงเบาอย่างอายๆจนศิศิราอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
   “ไม่เห็นต้องขอเลยคนกันเองทั้งนั้นคุณแม่ดีใจซะด้วยซ้ำ จริงมั้ยคะ”
   ศิศิราหันไปส่งยิ้มให้มารดาที่เอาแต่หัวเราะชอบใจกับท่าทางอายๆของเพื่อนชายเธอ
   “งั้นเดี่ยวแม่เข้าครัวก่อนนะจะได้จัดของชอบให้แต่ละคนกินจะได้ไม่ต้องแย่งกัน”
   “แม่คะ”
   “เรานี่แหละตัวกินจุเลยประเดี๋ยวตาลภก็ไม่อิ่มกันพอดี”
   จบประโยคทั้งคนพูดและคนฟังก็หัวเราะออกมาพร้อมกับจะมีก็แต่คนถูกว่านี่แหละที่ได้แต่ทำหน้างอกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและเมื่อมารดาเดินหายเข้าไปในบ้านศิศิราก็จัดการฟาดมือลงที่ต้นแขนของคนที่ยังไม่หยุดหัวเราะจนวัลลภต้องจับมือน้อยๆเอาไว้
   “แรงเยอะจังเลยน้ำ”
   “ยังไม่หยุดอีกนะเดี๋ยวเถอะ”
   “กลัวแล้วจ้าหยุดแล้วครับ”
   คนพูดทำน้ำเสียงอ้อนๆก่อนจะปล่อยมือคนข้างๆอย่างเสียดาย
   “บ้านเงียบดีนะ”
   ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มสังเกตว่าคนในบ้านจะมีอยู่ไม่ครบ
   “เงียบแบบนี้ดีแล้วสบายใจกว่ากันเยอะ”
   “น้ำมีอะไรบอกผมได้นะ อย่าลืมสิว่ามีคนเป็นห่วงอยู่ทางนี้อีกคน”
   ศิศิราหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างซาบซึ้งแต่ก่อนที่มือน้อยๆจะเข้าไปเกาะกุมมือของคนพูดเพื่อเป็นการขอบคุณหางตาของเธอก็เหมือนจะเห็นเหมือนรถใครบางคนที่ขับเข้ามาอย่างเร็วจากนั้นเจ้าของรถก็ลงมาจากรถด้วยสภาพที่ดูสกปรกจนแทบดูไม่ได้

   ไอฟ้าเดินเข้าบ้านด้วยท่าทางดูเหนื่อยๆจนเรณูที่บังเอิญเดินผ่านมาต้องรีบมาดูด้วยความเป็นห่วงและตกใจ
   “ไปทำอะไรมาหนูอัยย์”
   คนถูกทักยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะก้มดูตัวเองแล้วหัวเราะออกมา
   “ยังจะหัวเราะอีก”
   “อัยย์ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวรอดูคุณพ่อล่ะกันล้ำหน้ากว่าเยอะ”
   คนพูดหัวเราะเดินขึ้นห้องไปอย่างอารมณ์ดีโดยทิ้งปริศนาไว้ให้คนฟังได้คิดและเพียงไม่นานสภาพที่ไอฟ้าบอกว่าล้ำหน้ากว่าตัวเองก็เดินมาเข้ามาในบ้านพร้อมกับการยกมือเกาหัวอย่างอายๆ

   สองพ่อลูกนั่งคอตกอยู่ภายในโต๊ะอาหารเพราะเรื่องราวที่ถูกเปิดเผยจากปากของคนทั้งคู่โดยมีหัวข้อใหญ่คือการแข่งกันขับรถกลับบ้านว่าใครจะมาถึงก่อน…
   “ไปช่วยสร้างห้องน้ำให้เด็ก”
   “ครับ/ค่ะ“
   “เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นของเรื่องเข้าใจกันใช่มั้ยคะ”
   เรณูเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆก่อนจะมองหน้าสองพ่อลูกสลับกันไปมาด้วยสายตาดุๆ
   “ใครเป็นคนออกความคิดเรื่องการแข่งรถกลับบ้าน”
   “เอ่อ…อัยย์เองค่ะ”
   “ไม่ๆผมเอง”
   “ก็ได้อยากรับผิดทั้งสองคนเลยก็ได้ฉันจะยึดรถคุณกับยัยอัยย์หนึ่งอาทิตย์ถ้าจะไปไหนให้คนขับรถขับไปให้และอย่าให้เห็นนะว่าเล่นอะไรกันเป็นเด็กๆแบบนี้อีก”
   “ครับ/ค่ะ”
   “เอาล่ะกินข้าวได้”
   คนพูดเริ่มเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของคนทั้งคู่แต่หากเธอไม่จัดการอะไรเลยสองคนนี้คงได้เล่นอะไรเป็นเด็กแบบนี้อีกแน่ๆ

   วัลลภมองหน้าคนที่เดินมาส่งที่รถด้วยท่าทางสงสัยเพราศิศิราดูแปลกไปตั้งแต่ที่โต๊ะกินข้าวแล้วแต่เขายังไม่กล้าทัก
   “มองน้ำแบบนี้ทำไม”
   “นึกว่าน้ำจะไม่รู้ตัวซะอีก”
   “ขับรถดีๆนะดึกแล้วอันตราย”
   อยู่ๆศิศิราก็เปลี่ยนเรื่องแต่วัลลภก็เข้าใจเพราะทุกครั้งที่จะวกเข้าเรื่องสำคัญหญิงสาวก็จะเปลี่ยนเรื่องทันทีเป็นแบบนี้บ่อยจนเขาชินและคงต้องรอเวลาเท่านั้น
   “ผมเป็นห่วงน้ำนะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือว่าหนักใจก็บอกได้ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ตาม”
   “ลภ”
   “ไปดีกว่าดึกแล้วเริ่มเพ้อ”
   พูดจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นรถไปทันทีเพราะเขากลัวว่าอาจจะได้ยินคำพูดปัดหรือการปฏิเสธปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ดีแล้วอย่างน้อยที่สุดในตอนนี้เขาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคนสำคัญของศิศิราอยู่

   ไอฟ้าเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องพบเข้ากับความมืดไม่รู้คนบนเตียงเป็นพวกแพ้แสงหรือเปล่าเอะอะปิดไฟเอะอะปิดไฟดูสิเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วนี่มันก็แค่สองทุ่มแม่คุณจะอยากนอนอะไรกันนักกันหนา
   “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเธอต้องไปทำงานกับฉัน”
   เสียงเหมือนคนออกคำสั่งลอยมาจนไอฟ้าอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถามใกล้ๆอย่างลืมตัว
   “คุณว่าอะไรนะ”
   “ฉันบอกว่าเธอต้องไปทำงานกับฉัน”
   “ไม่เป็นไรค่ะเดี่ยวอัยย์เอารถไปเองได้”
   การถูกปฏิเสธทำให้คนที่บนเตียงต้องเด้งตัวขึ้นมาอย่างเร็วก่อนจะรีบคว้าที่คอเสื้อของคนเรื่องมากเอาไว้
   “พรุ่งนี้จะไปทำงานกับฉันมั้ย”
   นี่คือคำถามหรือคำขู่ไอฟ้าก็ไม่อาจจะรู้ได้แต่ตอนนี้เธอคงทำได้แค่การพยักหน้าตอบรับเพียงอย่างเดียวเพราะหากพูดปฏิเสธเธออาจจะได้มากกว่าคำขู่
   “งั้นก็รีบไปนอนซะแล้วคืนนี้ไม่ต้องแอบมาแตะอั้งฉันนะไม่งั้นเธอได้เจอไม้หน้าสามแน่”
   พูดจบศิศิราก็หยิบไม้ที่วางอยู่ข้างเตียงออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเย็นๆที่คนเห็นต้องรีบเดินกลับไปที่นอนของตัวเองอย่างเร็วคาดว่าคืนนี้เธออาจได้สัมผัสกับไม้ที่คนบนเตียงถือแบบใกล้ชิดเป็นแน่
   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.