“ว่าไงฮีโร่”
ประโยคทักทายจากคนเป็นพ่อทำให้ไอฟ้าถึงกับถอนหายใจออกมา ท่าทางใครบางคนคงไปฟ้องพ่อเธอแล้วแน่ๆ
“ลูกสาวพ่อนี่สุดยอดจริงๆช่วยเด็กไม่ให้จมน้ำ”
“พ่อคะ”
“ทำไมล่ะก็พ่อภูมิใจนี่นา”
“แต่ถ้าพ่อฟังดีๆอัยย์ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะคะเป็นตัวถ่วงซะมากกว่า”
ไอฟ้าทำหน้างอยลงไปอีกยิ่งคิดถึงหน้าของใครบางคนที่มองเธอด้วยความเอือมระอาก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกถึงคำว่า “ตัวถ่วง” มากยิ่งขึ้น
“ไม่หรอกการที่เราคิดช่วยแล้วลงมือทำยังดีกว่าคนที่ดีแต่ปากแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“พ่อไม่คิดว่าสิ่งที่อัยย์ทำผิดเหรอคะ”
คนถูกถามยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบหัวบุตรสาวอย่างเอ็นดู
“มันก็มีผิดอยู่บ้างที่อัยย์ดันว่ายน้ำไม่เป็นแต่ที่สำคัญก็คือพ่อภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มาก”
ไอฟ้าค่อยยิ้มออกมาได้หน่อยก่อนจะหุบยิ้มเมื่อใบหน้าของคนอีกคนลอยมา
“ถ้าคนอื่นคิดเหมือนพ่อก็คงจะดี”
“คนบางคนก็ใช่ว่าจะแสดงท่าทางออกมาได้ตรงกับความคิดนะ บางทีเราก็ใช้ตาดูอย่างเดียวไม่ได้”
อนนต์เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวเข้านอน เขารู้ว่าบุคคลที่บุตรสาวเอ่ยถึงในที่นี้คือใครแต่จากที่สังเกตเมื่อตอนที่ศิศิราเข้ามาเล่าเรื่องนี้ด้วยท่าทางหัวเสียและจริงจังหากใช้แค่สายตาจ้องมองก็คงจะเห็นเพียงแค่ความไม่พอใจแต่หากใช้หัวใจสัมผัสเขารู้ว่าในอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความโมโหนั้นดูร้อนใจและแฝงด้วยคำว่าห่วงใยมากขนาดไหนแต่ถ้าจะพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อคงต้องรอเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะเข้าที่โดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ
ไอฟ้ามองบริเวณที่นอนของตัวเองที่บัดนี้ว่างเปล่าไม่เหลือแม้แต่เสื่ออย่างงงๆ จากนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นอุปกรณ์เครื่องนอนที่วางอยู่บนโซฟาแต่ไม่ทันได้สงสัยอะไรคนบนเตียงก็ตะคอกออกมาเสียงดังจนคนที่ยืนอยู่ต้องถอยหลังออกมาเพื่อตั้งหลัก
“ตกใจอะไรนักหนาฉันไม่ใช่ผีนะ”
“คืออัยย์คิดว่าคุณหลับไปแล้ว”
“ฉันก็อยากนอนนะแต่ไฟแยงตาแบบนี้ใครจะไปหลับลง”
ศิศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะชี้ไปที่โซฟา
“ตั้งแต่คืนนี้เธอไปนอนที่โซฟาตัวนั้นเลยนะฉันไม่อยากให้เธอมานอนใกล้ๆ”
พูดจบศิศิราก็ล้มตัวนอนทันทีพร้อมกับหันหลังให้คนที่ยืนทำหน้างงๆ
“รีบๆทำให้อะไรให้เสร็จฉันจะปิดไฟแล้ว!”
ยังไม่ทันขาดคำห้องทั้งห้องก็มืดสนิททันที ไม่เข้าใจว่าจะพูดว่าให้เธอรีบทำธุระส่วนตัวทำไมในเมื่อคนบนเตียงก็กะจะปิดไฟอยู่แล้ว
และแล้วคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ไอฟ้าต้องตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับการเดินเข้าไปเขย่าตัวคนฝันร้ายให้รู้สึกตัวและเมื่อปลุกคนฝันร้ายได้สำเร็จก็ได้รับคำต่อว่าอีกเช่นเคยแต่ยังไงพรุ่งนี้เธอคงต้องไปถามแม่ของศิศิราให้รู้เรื่องว่าอาการฝันร้ายในทุกๆคืนมันเกิดจากอะไร
ไอฟ้าตื่นแต่เช้าเพราะตั้งใจมาสอบถามเรื่องบางอย่างให้หายข้องใจจากคนที่กำลังมุ่งมั่นกับการทำอาหารเช้า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่”
เรณูหันไปทางต้นเสียงอย่างแปลกใจเพราะวันนี้วันหยุดเธอไม่คิดว่าไอฟ้าจะตื่นเช้าขนาดนี้
“แปลกใจที่อัยย์ตื่นเช้าเหรอคะ”
คนพูดเอ่ยออกมาอย่างรู้ทันก่อนจะสูดกลิ่นหอมของข้าวต้มในหม้อด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ข้าวต้มแตะจมูกจนอัยย์ต้องลอยมาถึงนี่เลยค่ะ”
“ปากหวานจังจะอ้อนเอาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“โดนรู้ทันซะแล้ว”
พูดจบไอฟ้าก็หัวเราะออกมาแบบเขินๆก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีคนมาได้ยิน
“ความลับขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะแค่ไม่อยากให้คนในเรื่องได้ยิน”
เรณูนึกสงสัยกับคำว่าคนในเรื่องของไอฟ้าแต่แล้วทุกอย่างก็กระจ่างทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวทุกอย่างจากคำบอกเล่าของคนตรงหน้า
“ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ยัยน้ำมักจะฝันแบบนี้ตอนเด็กๆแต่พอโตมาก็หายไปเอง”
คนพูดนึกย้อนไปถึงเวลาที่บุตรสาวของตัวเองมักจะฝันเรื่องราวเลวร้ายเกี่ยวกับอุบัติเหตุของคนเป็นพ่ออยู่บ่อยๆและเธอก็มักจะตื่นขึ้นกลางดึกเพื่อดึงตัวศิศิราเข้ามากอดไว้เป็นครั้งคราวหรือหนักสุดก็ต้องกอดไว้ทั้งคืนเพราะปลุกเท่าไหร่คนฝันร้ายก็ไม่ยอมตื่น
“ต้องกอดเลยเหรอคะ”
“จ่ะ แต่แม่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ายัยน้ำจะกลับมาฝันอีก”
“ครอบครัวของอัยย์อาจเป็นต้นเหตุก็ได้มั้งคะ”
คนฟังตบที่หลังมือของคนพูดเบาๆพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในดวงตาของไอฟ้า
“แม่กับยัยน้ำโชคดีมากต่างหากที่อัยย์กับคุณนนต์ไม่รังเกียจเราสองแม่ลูก”
“อัยย์เชื่อค่ะว่าคนที่คุณพ่อเลือกต้องดีที่สุด”
“แต่หนูอัยย์อาจคิดผิด”
“ไม่หรอกค่ะ คุณพ่อเลือกคนไม่ผิดจริงๆ”
เรณูยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่ทำให้ชื่นใจแบบนี้
“แม่ดีใจนะที่ได้หนูอัยย์มาเป็นลูกอีกคนแล้วก็ฝากคนดื้อให้หนูช่วยดูแลด้วยนะ”
ไอฟ้าแทบจะหุบยิ้มลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงแสนดีตรงหน้ามีลูกสาวที่ร้ายกาจขนาดไหนแต่จะให้เธอปฏิเสธก็คงไม่ได้เพราะดันพูดหนักแน่นตั้งแต่ต้น
“ยัยน้ำเป็นเด็กน่าสงสารพ่อเสียไปตั้งแต่แกอายุสิบขวบแต่ที่ฝังใจมาตลอดก็คือการเห็นพ่อตายไปต่อหน้าต่อตา”
คนพูดเช็ดน้ำใสๆที่คลออยู่ที่ดวงตาของตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของไอฟ้าเอาไว้
“ถ้าพี่เค้าทำอะไรผิดก็อย่าถือสาเลยนะแม่ขอ”
คนฟังได้แต่อึ้งไปก่อนจะพยักหน้ารับคำช้าๆ ปมบางอย่างในวัยเด็กคงส่งผลให้ศิศิรากลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ บางทีเปลืองที่ห่มหุ้มอยู่นี้เจ้าตัวคงใช้เพื่อปกป้องตัวเองในเรื่องอะไรบางอย่างซึ่งเธอก็ไม่อาจรู้ได้ว่าคืออะไรแต่ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าวิธีการปลอบคนฝันร้ายด้วยอ้อมกอดที่คาดว่าเธออาจโดนสอยให้ร่วงด้วยเข่าหากทำตามคำแนะนำ
เรณูมองชายหญิงที่กำลังพูดคุยกันอย่างเอ็นดูจากเท่าที่เห็นคงไม่มีใครอีกแล้วที่จะทำให้ลูกสาวของเธอยิ้มและหัวเราะออกมาได้แบบนี้
“ของว่างมาแล้วจ้าเด็กๆ”
“ขอบคุณครับคุณน้า วันนี้ผมไม่เกรงใจนะครับ”
“เต็มที่เลยจ่ะมีคนกินได้คนทำก็ปลื้มใจแล้ว”
“งั้นผมขอฝากท้องตอนเย็นเลยได้มั้ยครับ”
วัลลภเอ่ยออกมาเสียงเบาอย่างอายๆจนศิศิราอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ไม่เห็นต้องขอเลยคนกันเองทั้งนั้นคุณแม่ดีใจซะด้วยซ้ำ จริงมั้ยคะ”
ศิศิราหันไปส่งยิ้มให้มารดาที่เอาแต่หัวเราะชอบใจกับท่าทางอายๆของเพื่อนชายเธอ
“งั้นเดี่ยวแม่เข้าครัวก่อนนะจะได้จัดของชอบให้แต่ละคนกินจะได้ไม่ต้องแย่งกัน”
“แม่คะ”
“เรานี่แหละตัวกินจุเลยประเดี๋ยวตาลภก็ไม่อิ่มกันพอดี”
จบประโยคทั้งคนพูดและคนฟังก็หัวเราะออกมาพร้อมกับจะมีก็แต่คนถูกว่านี่แหละที่ได้แต่ทำหน้างอกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและเมื่อมารดาเดินหายเข้าไปในบ้านศิศิราก็จัดการฟาดมือลงที่ต้นแขนของคนที่ยังไม่หยุดหัวเราะจนวัลลภต้องจับมือน้อยๆเอาไว้
“แรงเยอะจังเลยน้ำ”
“ยังไม่หยุดอีกนะเดี๋ยวเถอะ”
“กลัวแล้วจ้าหยุดแล้วครับ”
คนพูดทำน้ำเสียงอ้อนๆก่อนจะปล่อยมือคนข้างๆอย่างเสียดาย
“บ้านเงียบดีนะ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มสังเกตว่าคนในบ้านจะมีอยู่ไม่ครบ
“เงียบแบบนี้ดีแล้วสบายใจกว่ากันเยอะ”
“น้ำมีอะไรบอกผมได้นะ อย่าลืมสิว่ามีคนเป็นห่วงอยู่ทางนี้อีกคน”
ศิศิราหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างซาบซึ้งแต่ก่อนที่มือน้อยๆจะเข้าไปเกาะกุมมือของคนพูดเพื่อเป็นการขอบคุณหางตาของเธอก็เหมือนจะเห็นเหมือนรถใครบางคนที่ขับเข้ามาอย่างเร็วจากนั้นเจ้าของรถก็ลงมาจากรถด้วยสภาพที่ดูสกปรกจนแทบดูไม่ได้
ไอฟ้าเดินเข้าบ้านด้วยท่าทางดูเหนื่อยๆจนเรณูที่บังเอิญเดินผ่านมาต้องรีบมาดูด้วยความเป็นห่วงและตกใจ
“ไปทำอะไรมาหนูอัยย์”
คนถูกทักยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะก้มดูตัวเองแล้วหัวเราะออกมา
“ยังจะหัวเราะอีก”
“อัยย์ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวรอดูคุณพ่อล่ะกันล้ำหน้ากว่าเยอะ”
คนพูดหัวเราะเดินขึ้นห้องไปอย่างอารมณ์ดีโดยทิ้งปริศนาไว้ให้คนฟังได้คิดและเพียงไม่นานสภาพที่ไอฟ้าบอกว่าล้ำหน้ากว่าตัวเองก็เดินมาเข้ามาในบ้านพร้อมกับการยกมือเกาหัวอย่างอายๆ
สองพ่อลูกนั่งคอตกอยู่ภายในโต๊ะอาหารเพราะเรื่องราวที่ถูกเปิดเผยจากปากของคนทั้งคู่โดยมีหัวข้อใหญ่คือการแข่งกันขับรถกลับบ้านว่าใครจะมาถึงก่อน…
“ไปช่วยสร้างห้องน้ำให้เด็ก”
“ครับ/ค่ะ“
“เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นของเรื่องเข้าใจกันใช่มั้ยคะ”
เรณูเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆก่อนจะมองหน้าสองพ่อลูกสลับกันไปมาด้วยสายตาดุๆ
“ใครเป็นคนออกความคิดเรื่องการแข่งรถกลับบ้าน”
“เอ่อ…อัยย์เองค่ะ”
“ไม่ๆผมเอง”
“ก็ได้อยากรับผิดทั้งสองคนเลยก็ได้ฉันจะยึดรถคุณกับยัยอัยย์หนึ่งอาทิตย์ถ้าจะไปไหนให้คนขับรถขับไปให้และอย่าให้เห็นนะว่าเล่นอะไรกันเป็นเด็กๆแบบนี้อีก”
“ครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะกินข้าวได้”
คนพูดเริ่มเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของคนทั้งคู่แต่หากเธอไม่จัดการอะไรเลยสองคนนี้คงได้เล่นอะไรเป็นเด็กแบบนี้อีกแน่ๆ
วัลลภมองหน้าคนที่เดินมาส่งที่รถด้วยท่าทางสงสัยเพราศิศิราดูแปลกไปตั้งแต่ที่โต๊ะกินข้าวแล้วแต่เขายังไม่กล้าทัก
“มองน้ำแบบนี้ทำไม”
“นึกว่าน้ำจะไม่รู้ตัวซะอีก”
“ขับรถดีๆนะดึกแล้วอันตราย”
อยู่ๆศิศิราก็เปลี่ยนเรื่องแต่วัลลภก็เข้าใจเพราะทุกครั้งที่จะวกเข้าเรื่องสำคัญหญิงสาวก็จะเปลี่ยนเรื่องทันทีเป็นแบบนี้บ่อยจนเขาชินและคงต้องรอเวลาเท่านั้น
“ผมเป็นห่วงน้ำนะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือว่าหนักใจก็บอกได้ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ตาม”
“ลภ”
“ไปดีกว่าดึกแล้วเริ่มเพ้อ”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นรถไปทันทีเพราะเขากลัวว่าอาจจะได้ยินคำพูดปัดหรือการปฏิเสธปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ดีแล้วอย่างน้อยที่สุดในตอนนี้เขาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคนสำคัญของศิศิราอยู่
ไอฟ้าเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องพบเข้ากับความมืดไม่รู้คนบนเตียงเป็นพวกแพ้แสงหรือเปล่าเอะอะปิดไฟเอะอะปิดไฟดูสิเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วนี่มันก็แค่สองทุ่มแม่คุณจะอยากนอนอะไรกันนักกันหนา
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเธอต้องไปทำงานกับฉัน”
เสียงเหมือนคนออกคำสั่งลอยมาจนไอฟ้าอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถามใกล้ๆอย่างลืมตัว
“คุณว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกว่าเธอต้องไปทำงานกับฉัน”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี่ยวอัยย์เอารถไปเองได้”
การถูกปฏิเสธทำให้คนที่บนเตียงต้องเด้งตัวขึ้นมาอย่างเร็วก่อนจะรีบคว้าที่คอเสื้อของคนเรื่องมากเอาไว้
“พรุ่งนี้จะไปทำงานกับฉันมั้ย”
นี่คือคำถามหรือคำขู่ไอฟ้าก็ไม่อาจจะรู้ได้แต่ตอนนี้เธอคงทำได้แค่การพยักหน้าตอบรับเพียงอย่างเดียวเพราะหากพูดปฏิเสธเธออาจจะได้มากกว่าคำขู่
“งั้นก็รีบไปนอนซะแล้วคืนนี้ไม่ต้องแอบมาแตะอั้งฉันนะไม่งั้นเธอได้เจอไม้หน้าสามแน่”
พูดจบศิศิราก็หยิบไม้ที่วางอยู่ข้างเตียงออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเย็นๆที่คนเห็นต้องรีบเดินกลับไปที่นอนของตัวเองอย่างเร็วคาดว่าคืนนี้เธออาจได้สัมผัสกับไม้ที่คนบนเตียงถือแบบใกล้ชิดเป็นแน่