web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 129
Total: 129

ผู้เขียน หัวข้อ: ไออุ่นรัก ตอนที่ 5  (อ่าน 1977 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
ไออุ่นรัก ตอนที่ 5
« เมื่อ: 03 มีนาคม 2014 เวลา 13:12:14 »
   เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ไอฟ้าต้องนั่งรถมาทำงานกับคนหน้างอที่ไม่รู้ไปหารังแตนกินจากไหนทุกวัน บางวันก็พูดคุยกับเธอบ้างแต่แทบจะนับคำได้เพราะส่วนใหญ่พี่สาวตัวเล็กแทบจะไม่มองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ
   วันนี้คงเป็นหนึ่งวันพิเศษที่ไอฟ้าได้ยินศิศิราพูดเรื่องลมฟ้าอากาศแบบลอยๆแต่ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคุยกับเธออยู่
   "คนคุยด้วยทำไมเอาแต่เงียบเห็นฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไง"
   นั่นไงหละหมัดแรกที่ฮุกเข้าท้องคนฟังอย่างจังจนต้องหันมาส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเร็ว
   "แล้วที่ฉันถามไปล่ะไหนคำตอบ"
   "เอ่อ..."
   ไอฟ้าได้แต่นึกทวนคำพูดของคนข้างๆในใจเธอไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายได้ถามอะไรมาอันที่จริงต้องบอกว่าเธอฟังบ้างไม่ฟังบ้างต่างหากถึงจะถูก
   "นี่คงไม่ได้ฟังฉันจริงๆใช่มั้ย"
   คนพูดเค้นเสียงในลำคอพร้อมกับสายตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจเป็นที่สุดถึงขนาดที่คนขับรถยังต้องแอบหันมามองอย่ากลัวๆ
   "มีหน้าที่ขับรถก็ขับไป"
   เท่านั้นแหละชายหนุ่มตัวใหญ่หดหัวแทบไม่ทันก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขับรถด้วยอาการสั่นไปทั้งตัว
   "ส่วนเธอถ้าหูมีแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรไว้ว่างๆฉันจะตัดออกให้"
   ศิศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆก่อนจะหันไปมองนอกรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นส่วนคนถูกขู่ก็รีบยกมือทั่งสองข้างปิดหูทันทีเพราะไอฟ้ารู้ว่านี่ไม่ใช้แค่คำพูดเตือนแต่มันคือประโยคที่คนพูดหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ
   
   เมื่อมาถึงห้องศิศิราต้องพบกับความแปลกใจเพราะมีดอกไม้ช่อใหญ่วางอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง หญิงสาวเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูก็พบเข้ากับการ์ดที่ระบุชื่อคนรับอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่เธอ
   “เธอมานี่ซิ!”
   ไอฟ้าหันซ้ายแลขวาก่อนจะชี้ที่ตัวเองอย่างงงๆทำเอาคนเรียกยิ่งหน้าตึงเข้าไปใหญ่
   “ก็เธอนั่นแหละในห้องมีอยู่แค่สองคนจะให้ฉันไปเรียกผีที่ไหน”
   “ชื่อก็มีไม่เรียกใครจะไปตรัสรู้ได้”
   “พูดอะไร!”
   “เปล่าค่ะ”
   คนพูดต้องรีบยิ้มออกมากลบเกลื่อนนี่ขนาดเธอแค่บ่นเบาๆคนขี้โมโหยังอุตสาห์ได้ยินอีกหูจะดีไปไหน
   “อะ”
   ศิศิราพูดสั้นๆพร้อมกับยื่นดอกไม้ให้กับคนตรงหน้าแต่เพียงไม่นานก็ดึงกลับคืนจนคนที่กำลังยื่นมือออกมารับคว้าได้แค่เพียงอากาศ
   “มีคนส่งมาให้เธอแต่ฉันว่าอย่างเธอคงไม่ชอบดอกไม้หรอกจริงมั้ย”
   คนพูดมองดอกไม้ในมือสลับกับคนตรงหน้าครู่ใหญ่จากนั้นก็นำดอกไม้แสนสวยโยนทิ้งถังขยะด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
   “ทิ้งเถอะเกะกะห้อง”
   ไอฟ้ายืนมองช่อดอกไม้ที่ลงไปกองอยู่ในถังขยะตาละห้อยที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากได้หรือพิสวาสอะไรดอกไม้ช่อนั้นเพียงแค่อยากรู้ว่าใครส่งมา
   “แล้ว…”
   “แล้วอะไรไปทำงานสิ! เลยเวลางานมานานแล้วนะอย่าอู้!”
   ศิศิรามองคนที่เดินคอตกกลับโต๊ะอย่างหมั่นไส้มาทำงานไม่กี่วันก็ได้ดอกมงดอกไม้ หญิงสาวเอื้อมมือไปกดโทรศัพท์เรียกเลขาหน้าห้องเข้ามาก่อนจะจัดแจงชี้ไปที่ถังขยะของตัวเอง
   “เอาไปโยนทิ้งให้หน่อย”
   เลขาสาวมองช่อดอกไม้แสนสวยอย่างงงๆก่อนจะรีบดำเนินการตามที่เจ้านายสั่งด้วยความรู้สึกเย็นๆที่ต้นคอเพราะสายตาที่กำลังจ้องมองมาทางเธอ
   “ปะปะไปแล้วค่ะ”
   “เดี๋ยว”
   “ค๊ะ”
   “อย่าให้เห็นนะว่ามันไปตั้งอยู่ที่โต๊ะใคร เข้าใจใช่มั้ยคะคุณเลขา”
   คนถูกสั่งได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะรีบพาตัวเองออกไปให้เร็วที่สุดแม้จะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมดอกไม้ช่อนี้ถึงได้มานอนในถังขยะแต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเธอควรเอามันไปทิ้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
   
   ไอฟ้าแอบลอบสังเกตอาการแปลกๆของใครอีกคนมาพักใหญ่ เธอมั่นใจว่าตั้งแต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนจากแสงเจิดจ้าของแดดเป็นความมืดมิดของเมฆฝนศิศิราก็ดูเหมือนกับกังวลใจอยู่ตลอดเวลาจนในที่สุดถึงกับลากเธอกลับบ้านทั้งๆที่ยังไม่เลิกงาน
   ทันทีที่ถึงบ้านศิศิราก็เดินขึ้นห้องทันทีโดยไม่ยอมพูดอะไรเลยจนคนขี้สงสัยคิดที่จะเดินตามขึ้นไปเพื่อถามไถ่ให้รู้เรื่องแต่ยังไม่ทันที่จะก้าวไปอย่างใจคิดเสียงมือถือก็ดังขึ้นซะก่อน
   เจ้าของมือถือมองชื่อของคนที่โทรมาอย่างแปลกใจเพราะตั้งแต่ได้เบอร์มาแม่เลี้ยงของเธอก็ไม่เคยจะโทรหาเลยสักครั้งแม้จะมีธุระด่วนเพียงใดก็จะฝากฝังให้พ่อของเธอเป็นคนบอก
   “สวัสดีค่ะ”
   “หนูอัยย์หรือเปล่าจ๊ะ”
   “ค่ะ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
   ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ
   “พายุเข้าคืนนี้”
   “งั้นมั้งค่ะที่นี่ก็มืดมาก”
   “ยัยน้ำอยู่กับหนูใช่มั้ยลูก”
   “เอ่อ…เปล่าค่ะพอดีอัยย์อยู่ข้างล่างส่วนพี่น้ำอยู่บนห้อง”
   “วันนี้พ่อกับแม่ต้องไปค้างที่อื่นฝากดูแลพี่เค้าด้วยนะอัยย์ถ้าธุระไม่ด่วนจริงๆแม่ก็ไม่อยากทิ้งยัยน้ำไว้แบบนั้น”
   ไอฟ้านิ่งฟังประโยคฝากฝังที่คนพูดทำราวกับว่าศิศิราเป็นเพียงเด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบทั้งที่โตจนเตะเธอให้กระอักเลือดได้แบบสบายๆ
   “อัยย์คงไม่คิดว่าแม่ฝากฝังเกินไปใช่มั้ย”
   “เปล่าค่ะ ใครจะเป็นคิดแบบนั้น”
   คนพูดหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อรู้สึกได้ว่าคนในสายจะรู้ทันความคิดของตัวเอง
   ทางด้านเรณูทำไมจะไม่รู้ว่าคนพูดคิดอะไร ใช่แล้วเธอเป็นห่วงศิศิราตั้งแต่ได้ยินว่าบุตรสาวกลับมาฝันร้ายอีกครั้งเธอก็นึกห่วงอยู่ไม่น้อยและมาวันนี้ก็เหมือนความห่วงจะทวีเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าเพราะสภาพอากาศแบบนี้มันคือฉากประกอบของอุบัติเหตุที่ทำให้ศิศิราเกิดฝันร้ายได้โดยไม่ต้องหลับตา!

   ไอฟ้ามองประตูห้องที่ปิดสนิทของตัวเองก่อนจะก้มมองมือถือที่บัดนี้คนที่โทรมาได้วางไปแล้วแต่กระนั้นเรื่องราวต่างๆที่ได้ถูกบอกเล่าออกมาก็ทำให้เธอรู้สึกสงสารคนในห้องขึ้นมาจับใจ
   การที่ต้องถูกเรื่องราวโหดร้ายคอยตามหลอกหลอนคงจะเจ็บปวดมากสินะ จู่ๆหัวใจของไอฟ้าก็เหมือนถูกบีบให้ต้องรู้สึกหายใจไม่ออกความสงสารบางครั้งมันก็รุนแรงจนทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายและอยากที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของศิศิราให้ดีขึ้น

   ไอฟ้าเคาะประตูอยู่นานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนในห้องจะมาเปิด เธอจึงตัดสินใจเปิดประตูเองช้าๆ
   ภาพแรกที่เห็นคือเตียงที่ว่างเปล่าไอฟ้ามองไปรอบๆห้องที่มืดสนิทด้วยสายตาที่เริ่มปรับแสงในการมองได้ดียิ่งขึ้นและในที่สุดก็เจอคนที่ตามหาจนได้แต่ภาพที่เห็นทำให้เธอต้องรีบเดินเข้าไปหาคนในห้องด้วยความเป็นห่วงที่เพิ่มมากขึ้นทุกที
   
   ศิศิราปัดบางสิ่งที่เข้ามาแตะที่แขนของตัวเองออกก่อนจะเขยิบตัวหนีโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเธอรู้ว่าเจ้าของมือนี้เป็นใครแต่เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าใครในตอนนี้
   “ออกไป”
   “อัยย์ว่าตอนนี้คุณน่าจะมีใครอยู่ข้างๆ”
   “ไม่! ฉันไม่ต้องการ”
   “แต่ว่า…”
   “บอกให้ออกไปไง!”
   คนพูดเงยหน้าขึ้นจ้องตาคนตรงหน้าด้วยความโมโหก่อนจะซุกหน้าลงเข่าตัวเองอีกครั้งอย่างหมดแรง
   นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ไอฟ้าจะทนนิ่งเฉยได้เพราะเธอตัดสินใจดึงศิศิราเข้ามากอดแม้อีกฝ่ายจะเกิดอาการต่อต้านทั้งทุบ ทั้งฟาดมือลงที่ตัวของเธอแต่ไอฟ้าก็หวังว่าการทำแบบนี้จะบรรเทาความกลัวของอีกฝ่ายได้ตามที่แม่ของศิศิราบอกไว้
   “เธอทำบ้าอะไรปล่อยนะ”
   ไร้เสียงตอบกลับเมื่อไอฟ้าเลือกที่จะเงียบเธอเพียงอยากใช้ภาษากายสื่อความหมายของคำว่าห่วงใยและหวังว่าคนในอ้อมกอดจะเข้าใจมันได้เช่นกัน
   เวลาผ่านไปเนิ่นนานแต่ไอฟ้ายังคงโอบกอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดไม่ยอมปล่อยและในที่สุดศิศิราก็เหมือนเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเองเพราะตอนนี้เธอกำลังรู้สึกว่าอ้อมกอดที่ได้รับมันอบอุ่นและปลอดภัยอย่างน่าประหลาด

   เมื่อรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดหลับไปแล้วไอฟ้าจึงคอยๆประคองตัวอีกฝ่ายให้ขึ้นไปนอนบนเตียงเธอพยายามทำให้เบามือที่สุดเพราะกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้อีกฝ่ายบอบช้ำไปมากกว่านี้
   หญิงสาวนั่งลงข้างๆเตียงหลังจากที่จัดแจงห่มผ้าให้คนที่หลับเสร็จเรียบร้อยก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างที่มีเม็ดฝนตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆอีกทั้งยังมีเสียงฟ้าร้องดังมาเป็นระยะๆบ่งบอกได้ว่าพายุลูกนี้คงจะไม่พัดผ่านไปง่ายๆ
   ไอฟ้าหันกลับมามองคนที่ยังคงหลับสนิทอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างหลวมๆ
   “อัยย์ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนพี่น้ำผ่านเรื่องราวร้ายๆแบบนั้นมาได้ยังไงแต่ขอให้รู้เอาไว้ว่าจากนี้ไปพี่จะไม่ต้องเผชิญมันเพียงลำพังอีกแล้ว”
   ไอฟ้าเปลี่ยนจากการเกาะกุมมือเป็นการแตะเบาๆที่แก้มขาวที่ตอนนี้เปอะเปี้อนไปด้วยคราบน้ำตา
   “เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะเพราะฉะนั้นต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่น้ำจะมีอัยย์อยู่ข้างๆเสมอ”
   หากศิศิราไม่หลับสนิทเพราะความอ่อนเพลียเธอคงได้รับฟังประโยคแสนอบอุ่นที่อาจช่วยคลายความเหน็บหนาวที่ฝังลึกในหัวใจของเธอมานานแสนนานแล้วไหนจะรอยยิ้มที่ไอฟ้าส่งมอบให้คนหลับสนิทนั่นอีก,,,มันช่างเต็มไปด้วยบางสิ่งที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมอบมันให้กับผู้หญิงที่ร้ายกาจอย่างศิศิราได้…




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.