Chapter 8 : ปีศาจหลงกรงเสียงครางอย่างพอใจหลุดปากออกมาเมื่อเธอได้ในสิ่งที่ต้องการ หากแต่ผ่านไปได้ไม่กี่วินาทีให้หลังเมื่อได้สติ เธอก็รู้สึกผิด ฉันควรจะอดทนกว่านี้ไม่ใช่หรือไง แต่..
“โอเค.. ใจเย็นๆแวมไพร์ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด มันเป็นธรรมชาติของเธอ”
เสียงหล่อนพาให้ต้องดึงใบหน้าออกมาจากลำคอขาว ดวงตาที่เปลี่ยนสีคืนกลับมาเป็นสีเดิมมองหน้าหล่อนด้วยอาการแปลกใจ ทำไมหล่อนจึงไม่กลัวเธอและดูท่าทางไม่เป็นอะไรเลยด้วยสิ มนุษย์ปกติน่าจะทรุดหรือเป็นลมแล้ว โดนดูดเลือดมากขนาดนี้ หรือว่า...
“เธอเป็นแม่มด..?” อัลร์ถามตกใจ อีกสาวยิ้มหวานกลับมา มือหล่อนยกขึ้นปาดคราบสีแดงที่ปากของเธอให้ และเสียงหล่อนก็เซ็กซี่เสียจริง โอ้..ผู้หญิงอะไร..
“เก่งนี่นา รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็น.? หรือเพราะเลือดฉันรสไม่เหมือนคนอื่น” หญิงสาวถามเลิกคิ้วขี้เล่น แวมไพร์หน้าซีดเลยกระแอมเบาๆ เหมือนอะไรติดคอ ร่างสูงขยับห่างออกไปอีกนิดเหมือนกลัวว่าจะคิดอยากกินเลือดอีกครั้ง
“เลือดของแม่มดหรือคนที่มีพลังพิเศษ แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่แค่รสชาติ แต่เป็นความรู้สึกเมื่อได้ดื่มมันแล้ว ถ้าเธอเป็นแวมไพร์ เธอจะเข้าใจ” สาวกินเลือดเป็นอาหารบอกง่ายๆ คนฟังทำท่าสนใจกลับมา
“ว้าว..เป็นความรู้ใหม่นะ” สาวแปลกหน้าบอกรื่นเริงพาให้คนไม่ใช่คนแต่สวยมากๆมองกลับมาอย่างประหลาดใจ “ฉันไม่เคยดื่มเลือดใคร จะรู้ได้ยังไงล่ะคะ”
อัลร์จ้องหน้าคนพูดสักพัก พิจารณาหล่อนจากนั้นก็ฮัมเบาๆ แวมไพร์สาวคิดจะจากสาวแปลกหน้าไป กลับไปทำงานที่หนีมาแต่จะไปโดยทิ้งผู้หญิงคนนี้ไว้ตรงนี้ก็ดูกระไรอยู่ หากหล่อนเป็นคนธรรมดาคงง่ายกว่านี้ เธอคงจะสะกิดจิตหล่อนให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้ แต่นี่หล่อนเป็นแม่มด การสะกดจิตหล่อนหรือ ลืมไปได้เลย
“โทษทีนะ เธอชื่ออะไร ทำไมถึงมาที่นี่ ฉันแน่ใจว่าที่นี่ไม่ได้มีแม่มดมากนัก” ตัดสินใจถามเพราะหนึ่งคือรู้สึกผิดที่อยู่ๆไปลากหล่อนมากัดคอ เปลี่ยนหล่อนจากคนให้มาเป็นอาหาร แล้วหล่อนยังไม่โกรธ ไม่วิ่งหนีไปฟ้องใครหรือร่ายคาถามาอัดเธอแก้แค้น แล้วแบบนี้จะหนีไปก็คงดูไม่ดีแน่ๆ และก็ไม่แน่หรอกนะ บางทีแม่มดสาวคนนี้อาจจะรู้จักกับเฮเลนน่า หรืออาจจะเป็นญาติกัน เหล่าแม่มดพ่อมดมักจะอยู่แบบเกาะกลุ่มกันอยู่แล้วในสมัยนี้ เพราะพวกเขามีไม่มากนัก
สาวแปลกหน้าเปลี่ยนท่าทางมานิ่งขรึม สายตาที่มองแวมไพร์อาจจะไม่ได้ดูหวาดระแวงแต่ก็ใช่จะไว้ใจ ในยุคที่ปีศาจมีอยู่มากมายเช่นยุคนี้ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า ใครเป็นพวกเดียวกับมนุษย์ ใครเป็นศัตรู แต่เท่าที่ดูแวมไพร์สาวตัวสูงนี่ก็ดูดีเกินกว่าที่จะเป็นพวกชั้นต่ำ หรือพวกบ้าเลือด เพราะหากเป็นแบบนั้น หล่อนคงกินเลือดเธอหมดตัวไปแล้ว หรือไม่ก็งัดอาวุธมาสู้กันจนตายไปข้าง หรือว่าหล่อนจะใช่แวมไพร์ฝาแฝดที่เป็นพวกเดียวกับฮันเตอร์ของเมืองนี้ล่ะ
“ฉัน..มาเซีย” สาวแปลกหน้าบอก ยื่นมือส่งให้อีกคนสัมผัสทักทายกันอย่างเป็นทางการ และอัลร์รู้สึกว่ามือหล่อนนุ่มไม่ต่างจากซอกคอ
“มาเซียเฉยๆหรือไง นามสกุลหรืออะไรทำนองนี้ล่ะ ฉัน..อัลร์ เรฟแลนด์” แวมไพร์แนะนำตัวเองอย่างไม่ปิดบัง อีกสาวยิ้มหวานส่ายหน้าให้ พาให้ประหลาดใจ คนอะไรไม่มีนามสกุล ไม่มีตระกูลหรือ เป็นไปได้ยังไง...
“เธอไม่มีนามสกุล.?”
“มีสิ แต่แค่ไม่อยากจำเท่านั้นล่ะ” หญิงสาวตอบง่ายๆ แต่เหมือนจะบอกใบ้ว่าไม่ต้องการพูดถึงมันอีก แวมไพร์จึงตัดสินใจไม่ถามจี้ เปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วเธอจะไปไหน มีธุระอะไรที่นี่ อยากให้ฉันพาทัวร์เมืองไหม..” อัลร์เผลอเสนอตัว และชะงักเมื่อนึกบางเรื่องได้ อา..ฟลอเรน... “โอ้..ไม่ได้สิ ฉันลืมไป ยังมีงานค้างอยู่ โทษที..”
“โอ้ๆ ไม่มีปัญหา ฉันมีญาติที่นี่” มาเซียโบกไม้โบกมือบอก แล้วก็ตกใจเมื่อหันมาอีกที ผู้หญิงตัวสูงที่ยืนคุยอยู่ด้วยก็หายไปแล้ว แม่มดสาวยืนอึ้งไปสักพักก็หัวเราะ จากนั้นก็เดินหายไปในเงาของต้นไม้ใหญ่เหมือนไม่เคยมีตัวตน
..............................................
“แอล.. พี่เธอไปไหน..” เฮเลนน่ากระซิบถามแวมไพร์ตัวสูงที่ยืนข้างๆ สายตาเธอมองสลับไปมาระหว่างใบหน้าหล่อนกับฟลอเรนที่ยืนคุยกับแฮนเซลอยู่ตรงหน้า พวกเขากำลังปรึกษางานกัน จะจัดการอย่างไรกับเรื่องห้องเก็บเลือดสำรองที่ถูกโจรแวมไพร์ปล้นไปกลางดึกคืนวาน แวมไพร์ที่มีรอยสัก.. และอัลร์กับแอลไม่มี จูเลียก็เหมือนกัน..
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันอยู่กับเธอตลอด” แอลกระซิบตอบไป คนฟังคิ้วขมวดกลับมาและเธอรู้ว่าเพราะอะไร “โอเคๆ ฉันหายไปแป๊บนึง ไปเติมพลังที่บ้าน แต่ที่นั่น อัลร์ไม่ได้อยู่ และฉันก็มาที่นี่เลย และตอนนี้ฉันก็อยู่ที่นี่ไง..”
แม่มดสาวจ้องหน้าคนพูดดูความจริงจังในดวงตา แวมไพร์หน้าระรื่นพยายามทำขรึมแบบฝืนๆเพราะต้องการจะยืนยันคำตัวเอง เธอเห็นแล้วทนไม่ไหวต้องโบกมือปัดมันออก รับไม่ได้ ยัยแอลเก๊กไม่เหมือน ไม่เหมือนอัลร์.. “โอเค.. ฉันเชื่อก็ได้ งั้นฉันถามใหม่ เค้าเป็นอะไร..”
คนถูกถามกระพริบตาปริบๆงง “เป็นอะไร.? ก็เป็นแวมไพร์ไง.. ตัวสูงใหญ่และเซ็กซี่เหมือนฉันนี่แหละ” แอลตอบกวนใจคนถาม พยายามอยากให้หล่อนขำ แต่กลับจะโดนสวนด้วยหมัดเล็กที่ท้องให้จุก หากว่าตนไม่มือไวมากกว่าแม่มด
“แอล!”
“ฉันบอกแล้วว่า ถ้าฉันไม่อ่อนให้ เธอจะแตะฉันไม่ได้ ใช่ไหม..เฮเลนที่รัก” พูดพร้อมรอยยิ้มทะเล้น เธอเอามือของเฮเลนน่าที่จับไว้ขึ้นมาหวังจูบแต่หล่อนขัดขืน พาให้หงุดหงิด.. อยากกินเลือด...
“ฉันเคยบอกแล้วนะแอล ต่อหน้าคนอื่น อย่าทำ” แม่มดสาวแจงแต่แววตาที่เริ่มจะเป็นสีแดงของแวมไพร์ทำให้เธอต้องพูดใหม่ แอลไม่ชอบคนขัดใจ หล่อนไม่ใช่อัลร์ ไม่มีความอดทนพอ คล้ายเป็นแฝดด้านมืด..แฝดปีศาจ.. อย่าโกรธสิ ไม่ได้นะ จะมามีเรื่องกันตรงนี้ไม่ได้ สมองเธอคิดและปากเธอไวพอ “ขอร้องนะแอล.. อย่าให้เรามีปัญหามากกว่านี้เลย” พยายามอ้อนวอนหล่อนด้วยสายตาเหมือนลูกหมาน้อยๆมองเจ้าของ หวังให้มนุษย์กินเลือดไม่ทำอะไรผลีผลามโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
เธอยังโชคดีที่ฟลอเรนกับแฮนเซลกำลังยุ่งมากเรื่องถกปัญหากันจึงไม่ได้หันมาสนใจเธอกับแวมไพร์ที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่งั้นก็คงจบ ถึงฮันเตอร์จะพอระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับแอลอยู่บ้างเหมือนที่เจ้านายของเธอเป็น แต่ยังไงมันก็ยังไม่ชัดเจน และเธอไม่อยากให้มันชัดเจนด้วย เมื่อมันผิดจรรยาบรรณ แม่มดจะมามีอะไรกับแวมไพร์มากกว่าเพื่อนร่วมงานไม่ได้..
“ฉันเคยบอกเธอไหมว่า ฉันเกลียดหมาที่สุด”
เฮเลนน่าสะดุ้ง มองอีกคนประหลาดใจ นี่ยัยแอลพูดอะไร ตรงนี้ไม่เห็นมีหมาสักตัว “เฮ้..ตรงนี้ไม่มี--”
“ก็เมื่อกี้เธอทำหน้าเหมือนลูกหมา” แอลพูดปนหัวเราะ มือไวคว้าตัวสาวร่างเล็กมาซบอกตัวเอง พลางลูบหัวหล่อน “แต่จะว่าไป ถ้ามีหมาแบบเธอสักตัว ฉันจะยอมไม่เกลียดมันก็ได้”
แว่บหนึ่งหญิงสาวดีใจที่ถูกชมแต่พอทบทวนดูให้ดี มันไม่ใช่คำชมสักหน่อย แต่มันเป็น.. มือบางผลักอีกคนจนกระเด็นไปชนเก้าอี้ดังโครมพร้อมตะโกน “ยัยบ้า ไปห่างๆเลย!” เฮเลนน่าเดินหนีแต่คนที่ลงไปนั่งกองกับพื้นตอนนี้กลับหัวเราะชอบใจ การได้หยอกกับแม่มดคนนี้มันสนุกจริงๆ
ต้องแบบนี้สินะถึงจะเหมาะกับฉัน... แอลนั่งคิดอยู่พื้นห้อง มองตามหลังหญิงสาวที่เพิ่งเดินหนีไป ยิ้มกับท่าทางหล่อนที่น่ารักน่าชัง แต่พอบังเอิญไปสบตากับอีกคนที่มองมาพอดี นาทีนั้นหัวใจเธอกระตุก..ฟลอเรน..
“นั่งอยู่ทำไมตรงนี้แอล หรือไม่ชอบเก้าอี้” แฝดพี่ถามเมื่อมายืนยื่นมือให้น้องที่นั่งใจเย็นอยู่บนพื้นไม้เย็นๆ แว่บแรกแอลดูตกใจแต่ก็รีบมือเธอที่ส่งให้และดึงตัวเองขึ้นมายืนคู่กัน “เราไปถึงไหนกันแล้ว ระหว่างที่ฉันไม่อยู่” อัลร์ถามแล้วก็โดนจ้องหน้ากลับมา กลายเป็นตัวเองนั่นแหละที่โดนถามทางสายตา “ฉันไปสงบสติอารมณ์มา ถ้าเธออยากรู้...”
แฝดน้องทำตาโต “โอ้.. เป็นอย่างที่คิดเลย” แอลอุทานเสียงใส แต่คนใกล้ตัวส่ายหน้า ทำหน้าไม่สู้ดี เธอเอื้อมแขนโอบบ่าหล่อนพร้อมกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน “อัลร์.. มันไม่ได้ผิดหรอก ถ้าพี่อยากจะทำอะไรเค้าน่ะ เรื่องธรรมชาติจะตาย ใครๆก็อยากมีเซ็กส์กับคนที่น่าสนใจทั้งนั้น โดยเฉพาะแวมไพร์อย่างเรา”
“แต่ฉันกับเค้าไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นเพื่อนร่วมงาน ที่สำคัญ ฉันคิดว่าตอนนั้นเค้าแค่เคลิ้มเพราะความไม่เคย มันเป็นฮอร์โมนของเด็กที่กำลังเปลี่ยนมาเป็นผู้ใหญ่ ฉันจะไม่เอาเปรียบเค้าตอนนั้น..”
แอลนิ่งไปสักพักเพราะคำพี่สาว แล้วก็ร้อง “ว้าว.. จะเรียกพี่ว่าสุภาพบุรุษสุดๆได้ไหมเนี่ย แต่คงไม่ได้ พี่เป็นผู้หญิง”
อัลร์กลอกตากับท่าทางเล่นๆที่น้องสาวทำขณะที่เธอกำลังจริงจัง “แอล.. พี่รักเค้า พี่รักฟลอเรน แบบที่ไม่เคยรักใครมาก่อน”
คำสุดท้ายที่พี่สาวเน้นสะท้านหัวใจแฝดน้องเต็มที่ อยากจะบอกพี่เหลือเกินว่า เธอเองก็เป็นไม่ต่างกัน ไม่รู้เวรกรรมอะไรที่ฝาแฝดต้องมารักคนคนเดียวกันด้วย ทั้งที่เธอพยายามแล้วที่จะมองหาคนอื่น พยายามหาความสุขกับผู้หญิงคนอื่น แต่สุดท้ายมันก็ยัง... ฉันหลงรักเธอ และสมเพชตัวเองที่สุด...
“ฉันรู้อัลร์.. ฉันรู้.. แต่พี่จะอยู่แบบนี้ไม่ได้” แอลกระซิบ พยายามปัดเรื่องของตัวเองทิ้งไป ฉันรู้ว่าพี่ทรมานกว่าฉัน.. เพราะพี่หาความสุขให้ตัวเองไม่เป็น.. ไม่เคย..
“นานเท่าไหร่แล้วที่พี่ไม่ได้มีเซ็กส์” กระซิบถามไปตรงประเด็น คนข้างๆทำตาโตมอง แฝดคนน้องยิ้มเห็นใจ ก็มันน่าเศร้าจริงๆ ปิดกั้นตัวเองไม่ให้มีความสุขเพราะคนคนเดียว เธอไม่ทำ.. “สิบหรือสิบหกปีล่ะอัลร์.. ฉันเดาว่าตั้งแต่ฟลอเรนเกิด ใช่มั้ย..”
อัลร์รู้สึกหน้าร้อนไปถึงหูระหว่างพยักหน้ารับ สายตาชำเลืองมองไปสาวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องอดทนอดกลั้นมานานขนาดนี้ และแค่เห็นหล่อนหันมายิ้มให้ทั้งที่กำลังคุยงาน หัวใจก็สั่นจนแทบยืนไม่อยู่ โอ้..ขอเหล้าจะลังได้ไหม เลือดก็ได้สักถุงนึง
“มิน่าละ ฉันถึงได้รู้สึกว่า สิบปีให้หลังมานี้ เหล้าในบ้านที่ฉันสะสมไว้หายไปเยอะมาก ที่แท้พี่ก็กินหมด มันเปลืองรู้มั้ย.. ของดีๆทั้งนั้น” แกล้งบ่นไปทั้งที่ความจริงสงสาร รู้อยู่นี่ว่าการเป็นแวมไพร์และไม่ได้ระบายอารมณ์รักบ้าง มันจะหนักหนาสักขนาดไหน แค่ไม่ได้นอนกับผู้ชายก็พอแล้ว เรื่องนี้ที่อัลร์ไม่มีทางทำแน่ ถึงจะไม่มีผู้หญิงตกถึงท้องก็ตาม
แน่นอน พี่ของเธอเกลียดเจ้าพวกนั้นจะตายไป ก็ทั้งพ่อและพี่ชายทำตัวอย่างไม่ดีเอาไว้มากมายจนไม่อยากจำ พ่อก็มีเมียมากจนนับไม่ไหว พี่ชายแท้ๆก็จะมาเอาพวกเธอฝาแฝดทำเมียอีก เพราะแค่อยากจะได้ลูกที่มีคุณสมบัติดีอย่างพวกเธอ เขาไม่รู้หรือไงว่า ไข่ในมดลูกของแวมไพร์อย่างเธอกับพี่น่ะมันฝ่อ ใช้งานไม่ได้ ไม่ว่าอสุจิของเขาจะใช้ได้หรือไม่ได้ก็ตาม พวกเธอไม่ใช่แวมไพร์เลือดแท้..เหมือนเขา
“ทำไมพี่ไม่บอกเค้าไปว่าพี่รัก ฉันว่าฟลอเรนไม่รังเกียจพี่หรอก ไม่งั้น---”
“ฉันอยากบอก.. แต่ฉันกลัวฉันฆ่าเค้าตาย เธอรู้นี่ว่า พวกเราแวมไพร์เวลาแบบนั้น เราต้องการเลือด”
“แต่ฉันไม่เคยฆ่าคู่นอนของฉันสักคน และดูนั่น.. หล่อนยังอยู่” แอลแย้งส่งสายตาไปทางเฮเลนน่า ยืนยันว่าที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง แค่มีเซ็กส์ แวมไพร์ไม่ได้ฆ่าใครตาย หากไม่ได้อยากทำอยู่แล้ว หรือคลุ้มคลั่งจริงๆ
“เลือดของฟลอเรนจะทำให้ฉันฆ่าเค้า”
ประโยคนี้ของพี่สาวพาให้คนฟังชะงัก แอลทำตาโตราวไม่เชื่อ “ทำไมถึงเป็นแบบนั้น.. หรือว่า....”
“เลือดของฮันเตอร์คล้ายแม่เหล็กที่ดึงดูดฉัน ราวกับขั้วลบกับขั้วบวกที่ดูดกัน ฉันได้กลิ่นเค้า ได้ยินเสียงเส้นเลือดที่เต้นตุ้บๆ เสียงหัวใจเต้นตูมตามอยู่ในอก ในกระดูกซี่โครง ทั้งที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้” อัลร์ทำท่าเพ้อทั้งดวงตากร้าว รู้สึกไม่เป็นตัวเองจนต้องสั่นศีรษะแรงๆ สะลัดความต้องการออกไป แต่เธอยังอยากชี้แจงต่อ “เค้าหอมมาก หอมทั้งตัวทั้งเลือด ฉันคงหยุดไม่ได้ถ้าได้กินมันแม้หยดเดียว” ว่าแล้วเชียวว่า แอลจะต้องตกใจ หล่อนรีบคว้าข้อมือเธอแน่น ส่งสายตาห้ามระคนขอร้อง พี่สาวยิ้ม
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่คิดฆ่าตัวตายที่นี่เพราะอยากลองดีกับฮันเตอร์และครูฝึกสองคนพร้อมกันหรอก อีกอย่าง ฉันกำลังอิ่ม”
ประโยคนี้พาคนฟังโล่งใจ แต่ยังไงก็ไว้ใจไม่ได้ เพราะเธอรู้จักอัลร์ดีกว่าใครๆ แม้ภายนอกพี่ของเธอจะดูดีทุกกระเบียดนิ้ว มีมารยาท ท่วงท่าสง่างาม ขรึม สุขุมเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอ หากแต่ความจริง หล่อนซ่อนปีศาจร้ายไว้ภายในความงดงามนี้ได้อย่างมิดชิด หลายปีก่อน ก่อนที่โลกใบนี้จะมี “ฟลอเรน มาแชล” เกิดขึ้น อัลร์ เรฟแลนด์ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นอยู่ หล่อนคือ..ปีศาจ
นักล่ากระหายเลือดแห่งรัตติกาล.. Blood Thirsty!
แล้วพี่ของเธอกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรน่ะหรือ.. ก็เพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นคนเดียว เด็กผู้หญิงที่เกิดในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงเป็นสีเงินเต็มท้องฟ้า เสียงร้องของทารกน้อยฟลอเรนที่เพิ่งมีโอกาสได้ออกมาจากสถานที่ที่ให้ความคุ้มครองหล่อนมาตลอดเก้าเดือน สะกิดหูแวมไพร์สาวที่กำลังล่าเหยื่อด้วยความบันเทิงใจ คืนนั้นเธอจำได้ดี เด็กนั่นร้องไห้เสียงดังจนแสบแก้วหู และพี่ของเธอก็หงุดหงิดถึงขีดสุด อัลร์ถึงกับต้องปิดหูด้วยมือทั้งสองข้าง และวิ่งพล่านเหมือนสุนัขโดนน้ำร้อนราดทิ้งเหยื่ออันโอชะไปยังบ้านมาแชล เธอวิ่งตามหล่อนไปด้วยความกลัวว่าพี่จะฆ่าเด็กผู้บริสุทธิ์ตาย อาการคลุ้มคลั่งเช่นนั้นทำให้กลัว แต่พอไปถึงที่นั่นจริงๆ สิ่งที่เธอได้เห็นคืออัลร์นั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง อุ้มเด็กทารกแรกเกิดที่ร่างถูกห่อด้วยแพรผ้าชั้นดีเอาไว้ รอบกายของหล่อนทุกๆคนดูเหมือนหลับไปกันหมด แม้กระทั่งคุณนายมาแชลที่เพิ่งคลอดบุตรสาวหรือท่านลอร์ด หมอตำแยและสาวใช้ ไม่มีใครมีสติลุกขึ้นมาห้าม มันน่าประหลาดใจ เธอเข้าไปสำรวจทุกคนแล้ว พวกเขาแค่หลับจริงๆ ไม่มีใครถูกทำร้ายสักคน เหมือนแค่โดนคาถาหรืออะไรสักอย่างให้หลับไป หรือว่าอัลร์ทำ...
และภาพหนึ่งนั้นก็จำได้ติดตาเธอตลอดมา ภาพที่เธอเห็นแววตาของพี่สาวอ่อนโยนเป็นครั้งแรกเวลาที่มองเด็กที่กำลังอุ้มแนบอก อัลร์ก้มลงจูบเบาๆที่ปากน้อยๆสีแดงธรรมชาติของเด็กเล็กๆ พูดอะไรบางอย่างกับเขา เบาจนหูแวมไพร์ของเธอไม่ได้ยิน และหล่อนก็จากไปโดยทิ้งเด็กน้อยฟลอเรนไว้แนบอกมารดาตามเดิม หลังจากคืนนั้น นักฆ่ากระหายเลือดแห่งรัตติกาลก็หายไป เหลือทิ้งไว้แค่แวมไพร์แสนดีคนนี้..
เพราะแค่เด็กผู้หญิงคนเดียวน่ะเหรอ.. ไม่อยากเชื่อเลย..
“พี่ยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังนะอัลร์” อยู่ๆแอลก็พูดขึ้นมาพาให้คนคิดคนละเรื่องอยู่มองหน้ากลับมางงๆ “เรื่องคืนพระจันทร์สีเงิน” ความไม่เข้าใจในดวงตาของพี่สาวหายไปและความนิ่งขรึมก็กลับมา หล่อนดึงแขนออกจากมือเธอ กำลังจะเดินหนีไปอย่างที่ชอบทำเวลาที่ถูกถาม "อัลร์.. ขอร้อง..” คนเป็นน้องใช้ไม้ตายและเธอก็ได้ยินเรื่องที่อยากรู้ และรู้แล้วว่า ตัวเองคิดผิดที่อยากจะฟัง...
“ไม่ฉันก็เค้า สักวันเราจะทำให้ใครอีกคนนึงตาย ถึงเราจะเป็นคู่กัน”
หมายความว่า..ฟลอเรนกับอัลร์เป็น Soul mate กัน อย่างนั้นใช่ไหม...
แต่ทำไม ใครใดคนหนึ่งต้องตาย...
...........................
นิยายเรื่องนี้จัดพิมพ์เป็นหนังสือแล้วค่ะ มีทั้งอีบุ๊คและหนังสือเล่ม
หนังสือเล่มสามารถสั่งซื้อได้เลยที่คนเขียน ส่วนอีบุ๊ค รบกวนไปตามลิงค์นี้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NToiNTE0NjgiO3M6NzoiYm9va19pZCI7czo0OiI5NTU3Ijt9