Chapter 17 : Warm Secret Voice“เอ่อ.. ยังไม่มีค่ะ” คำตอบไม่เต็มเสียงอย่างทุกครั้งพาให้พิธีกรรายการเริ่มมองหน้าเธอราวจะจับผิด มิกิขบฟันเล็กน้อย เธอเกือบพลาดไปแน่ะ แต่แล้วก็ยิ้มหวานรีบพูดต่อทันทีก่อนจะโดนยิงคำถามใหม่ “ช่วงนี้ใกล้เดบิวต์แล้ว มีเรื่องซีรีย์เข้ามาด้วย ถ้ามีคนพิเศษขึ้นมาตอนนี้ก็สงสารเค้าแย่สิคะ”
“แต่ถ้างานเยอะแล้ว มีคนพิเศษด้วย ก็น่าจะกระชุ่มกระชวยมากกว่าไม่ใช่หรือไงครับ.?” พิธีกรหนุ่มอายุราวสามสิบจี้ต่อเหมือนหวังให้คนถูกสัมภาษณ์จนมุม หากเขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่า สาวตรงหน้าหรือจะหมดทางไปกับเรื่องง่ายๆแบบนี้ ดูรอยยิ้มหล่อนสิ
“เรื่องนั้นก็คงแล้วแต่คนนะคะ แต่สำหรับฉันถ้าไม่ค่อยมีเวลาให้ ก็ไม่อยากให้ใครมาเสียเวลาไปด้วยหรอกค่ะ”
“แล้วถ้าเป็นคนที่ทำงานด้วยกันล่ะครับ”
สายตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มพิธีกรพาดาราสาวเม้มปากลงเล็กน้อยก่อนคลี่ยิ้มบางเบา “ฉันมีความรู้สึกดีๆให้คนที่ร่วมงานด้วยเสมอค่ะ ไม่ว่าใคร..”
“งั้นหรือครับ.. แล้วข่าวที่เกิดขึ้นกับเค.. เอ่อ..คริสตินซัง..”
“เราเป็นเพื่อนกันค่ะ เพื่อนสนิท” มิกิชิงตอบก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดเลยเถิดไปกว่านี้ ชั่ววูบสีหน้าของเขาดูหงุดหงิด คงจะผิดหวังที่ต้อนเธอให้จนมุมไม่สำเร็จ หากมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไล่สื่อมวลชนให้หมดทางไปได้ เมื่อเขาหันไปยกภาพหนึ่งขึ้นมาโชว์ต่อหน้าเธอและกล้องที่กำลังถ่ายทำอยู่
สาวลูกครึ่งชะงักตาค้างไปหลายวิ เรื่องนี้ไม่ได้มีอยู่ในสคริปต์ที่ทีมงานส่งมาให้ดูล่วงหน้าแต่ก็ตรงเผงกับที่คานาเดะคาดการณ์เอาไว้ สมกับเป็นมือขวาของเธอจริงๆ สงสัยต้องให้โบนัสเพิ่มซะแล้วปีนี้ เที่ยวอิตาลีเป็นไง.?
หืมม.? เก่งนะแอบตามฉันไปถึงบ้านคริสเชียว.. หรือดักซุ่มอยู่ที่นั่นอยู่แล้วล่ะ สโตรกเกอร์ตัวจริงหรือไง... หรือพวกปาปาฯ
มันเป็นรูปที่เธอและเจ้าของบ้านกับผู้จัดการส่วนตัวของเธอกำลังเดินตามกันเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ในย่านคนมีสตางค์ชานเมือง เธอจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ มันไม่มีอะไรเลยนอกจากที่พวกเธอเดินคุยกัน แต่มุมกล้องที่ถ่ายมานี้ ดูจงใจมากๆที่จะทำให้เห็นว่า เธอใกล้ชิดสนิทสนมกับคริสตินเกินเพื่อน
จงใจไปหรือเปล่า.? จะจับผิดกันใช่ไหม.? ร้ายกาจไปนะรายการนี้..
คิดอย่างหัวเสีย แต่เก็บอาการไว้อย่างมิดชิดเช่นเคย เธอยิ้มและลูบคางเล่นเบาๆ ดวงตาคู่หวานพิจารณารูปถ่ายอย่างสนใจ ก็ถ่ายออกมาสวยนะ พอให้อภัยได้..
“คงไม่ต้องอธิบายนะคะ ภาพมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว”
“ชัดเจน.?” พิธีกรหนุ่มย้อนงงๆ แปลกใจที่ไม่มีอาการปฏิเสธหรือบอกปัดอย่างที่คาดจากหญิงสาว หล่อนกลับดูเหมือนจะยืนยันความน่าเชื่อถือให้กับรูปแอบถ่ายนี่ให้อีกด้วย ไม่กลัวเสียชื่อเสียงเลยหรือไง
ยอมรับหน้าซื่อแบบนี้เลยหรือว่า คบหาดูใจกับผู้หญิงเหมือนกัน!
“ค่ะ ก็เมื่อวานหลังจากเลิกซ้อม ฉันขอไปทานอาหารที่บ้านฝาแฝด”
“โอ้.. งั้นก็ยอมรับว่านี่เป็นคุณสิครับ”
“ค่ะ คนทำงานด้วยกัน เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทำแบบนั้นไม่ได้หรือคะ ถ้าฉันไปทานดินเนอร์ที่บ้านซาคุยะซัง ถึงจะเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า.?” หญิงสาวปรายตาไปหาอีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ
ซาคุยะดูจะชอบคำตอบของเธอ เธอเสียอีกที่กลับรู้สึกผิดที่ยกเขามาเป็นประเด็นด้วย หันกลับมามองพิธีกรหนุ่มตาตี่ เชื่อว่ารอยยิ้มที่ไม่ได้บอกถึงอาการประชดประชันคงไม่ได้ทำอะไรเขาได้หรอกหากน้ำคำที่ออกมาพร้อมกัน ไม่ได้บอกความหมายที่มากกว่า เขาทำหน้าอึ้งกิมกี่เหมือนไปต่อไม่เป็น แต่ยังไม่เลิกพยายาม ตื้อชะมัดยาดเลย..
“ยอมรับว่าสนิทกันหรือครับ”
“ค่ะ ก็ร่วมงานกันบ่อยๆ” หญิงสาวรับยิ้มแย้ม และต่อประโยคอย่างไม่รู้สึกรู้สา “ต่อไปอาจสนิทกว่านี้ก็ได้ค่ะ”
“หมายความว่ายังไงครับ” ถามอย่างคาดหวัง แต่กลับฝันสลายง่ายๆกับคำพูดเรียบง่ายของผู้หญิงคนเดิม
“ก็เป็นธรรมดาของคนร่วมงานกันไม่ใช่เหรอคะ เจอกันบ่อยๆก็ต้องสนิทกว่าตอนแรกอยู่แล้ว จริงหรือเปล่าคะซาคุยะซัง” อ้างไปถึงหนุ่มหล่อที่นั่งข้าง เขาอึกอักในตอนแรกเพราะตั้งตัวไม่ทัน หากไม่นานก็ยิ้มรับหน้าชื่น
“จริงอย่างที่ฮิเมะซังว่าเลยครับคาซามะซัง เมื่อก่อนเธอก็ไม่ค่อยคุยกับผมเหมือนกัน แต่วันนี้----”
“ผู้หญิงก็แบบนี้ล่ะค่ะ” มิกิตัดบทเพราะรู้ว่าดาราหนุ่มจะพูดอะไร เธอรู้ทันและจำเป็นต้องแอคทีฟให้ทันทุกนาที และในนาทีที่พิธีกรชายตั้งท่าจะอ้าปากถามใหม่ สาวหน้าใสก็รีบตัดบท
“นี่เราจะไม่คุยเรื่องเดบิวต์ของฉันกันบ้างหรือคะ เรื่องละครก็ได้ หรือแฟนๆไม่อยากฟัง.? ไม่อยากฟังฉันร้องเพลงเหรอคะทุกคน.?”
ประโยคหลังนี้หันมาถามกับบรรดาแฟนคลับที่นั่งสลอนดูการอัดรายการอยู่ด้วย และตาหวานๆกับรอยยิ้มแสนน่ารักซ้ำยังออดอ้อนเบาๆก็พาให้พวกเขาเห็นดีเห็นงามไปกับเธอด้วย แม้จะอยากฟังเรื่องเม้าท์แบบเดียวกับที่พิธีกรพยายามถาม หากพวกเขาก็ส่งเสียงเรียกร้องกันดังระงม อยากฟังเรื่องงานเพลงของเธอมากกว่า
มันต้องแบบนี้สิ มีอะไรที่ฉันอยากได้แล้วไม่ได้บ้างล่ะ.?
อา..มีอยู่อย่างหนึ่งสิ หัวใจของคุณไง..คริสติน โมเล่ย์..
“งั้นก็ได้ครับ ตามใจแฟนๆแล้วกัน แต่ซาคุยะซังจะไม่น่าสงสารไปหน่อยหรือครับ ถ้าจะฟังเราคุยกันแค่สองคน” พิธีกรหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง มิกิหันไปมองอีกหนุ่มที่นั่งอมยิ้มเงียบไม่ว่าอะไร เธอหัวเราะกับเขาแล้วพูดแทนเสียเอง
“เขาชอบฟังฉันเม้าท์ค่ะ จริงหรือเปล่าคะซาคุยะซัง”
“ครับ ผมพูดไม่เก่งน่ะฮะ ขอฟังอย่างเดียวก่อนดีกว่า”
“เอางั้นก็ได้ครับ แต่ถ้ามีอะไรจะแย้งสาวช่างเม้าท์คนนี้ ก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมจะช่วยคุณเอง” อีตาหนุ่มตาตี่ทำเป็นหยอก อารมณ์คนละเรื่องกับเมื่อกี้อย่างกับพลิกฝ่ามือได้ แต่มันก็ทำให้เธอยิ้มอย่างสบายใจขึ้น จากนั้นเวลาอีกไม่เกินชั่วโมงที่เหลือการสัมภาษณ์อัดรายการนี้ก็ไม่น่าอึดอัดเหมือนนาทีก่อน
มิกิลอบถอนหายใจแผ่วตอนที่กล้องหันไปจับภาพดาราหนุ่มแทนเธอ เมื่อถึงคิวของเขา แอบชำเลืองมองไปข้างเวที เห็นคานาเดะส่งยิ้มให้กำลังใจมา ก็ยิ้มตอบพร้อมโบกมือให้หล่อน โบกให้แฟนคลับไปด้วย หากภายใต้ยิ้มสวยและกิริยาร่าเริงแบบนี้ เธอเครียดนะ คงจำเป็นต้องรักษาระยะระหว่างเธอกับหล่อนเสียแล้ว ถ้าไม่อยากต้องยุ่งยากแบบนี้
ไม่สิ ฉันกลัวคุณยุ่งยากไปด้วยต่างหากล่ะ..คริสติน..
---My Little Sweet Devil1---
ฉันไม่ได้ตั้งใจ..
และตอนนี้ฉันเอาแต่คิดถึงเธอไม่ได้...ดวงตาสีฟ้าดอกไอริสจิกใส่กล้องที่ส่งแสงแฟลชออกมา แน่นอนเธอไม่ได้โกรธมัน มันก็แค่สิ่งที่ทำประจำเวลาถ่ายแบบภาพนิ่ง หากสิ่งที่เพิ่มมาครั้งนี้ คือคนข้างเธอที่แตะบ่ากันอยู่ หล่อนแทบจะเหมือนเธอทุกกระเบียดนิ้ว แค่เพียงเธอเปลี่ยนมาใส่คอนแท็คเลนส์สีน้ำเงิน และย้อมผมให้เป็นสีบลอนด์เข้มเท่ากัน
แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่เท่ากับ.. เมื่อยชะมัดเลยแฮะ!
เหลียวมองหาใครคนหนึ่งที่ต้องอยู่ที่นี่ประจำ เห็นไม่ยากกับร่างเล็กที่ยืนกอดอกพร้อมใบหน้าขึงขังอยู่ไม่ห่างจากทีมงานและตากล้อง เพียงแต่ตอนนี้หล่อนไม่ได้มองแค่เธอคนเดียวแล้ว เผื่อแผ่ไปยังคนข้างๆด้วย พอรู้อยู่นะว่าคิดอะไรอยู่ ในหัวหล่อนจะต้องเตรียมร่างบทสัมภาษณ์เอาไว้ให้พวกเธอแน่ๆ
แน่ล่ะ พวกนักข่าวไม่เคยพลาดอยู่แล้ว เรื่องอยากรู้อยากเห็น.. แต่มันน่าอยากรู้ไหมล่ะ อยู่ๆดีเธอก็มีฝาแฝดโผล่เข้ามายืนข้างๆ หลังจากที่เข้าวงการมาจะสิบปีแล้ว โอ้..นี่ฉันอยู่ญี่ปุ่นมานานขนาดนั้นเลยหรือไง..
ไม่สิๆ เพิ่งมาห้าปีให้หลังนี่แหละที่ฉันกับยัยเตี้ยย้ายที่ทำมาหากินมาอยู่ที่นี่แทนบ้านเกิด มันเริ่มตั้งแต่ที่ฉันกับหล่อนอยากลองเปิดหูเปิดตาดูอะไรใหม่ๆนอกประเทศหลายเกาะนั่น แต่ที่สุดมันมาจบอยู่ในประเทศที่เป็นเกาะเหมือนกันแบบนี้ได้ยังไง ก็ไม่แน่ใจเหตุผลนักหรอก อาจเพราะฉันชอบอาหารญี่ปุ่น หรือไม่ก็คนที่นี่นั่นแหละที่ชอบสีผมกับสีตาของฉัน
ใช่แล้ว..พวกเขาถึงกับย้อมสีผมให้เหมือนฉันเลย ตลกชะมัด ฉันคิดแบบนั้นในตอนแรก แต่ตอนนี้ฉันชอบมันนะที่มีคนเอาตามอย่าง เพราะอะไร.? เพราะได้เป็นไอดอลคนต่างชาติคนเดียวที่นี่เหรอ..
ไม่รู้สิ.. ใช่.. ไม่รู้เลย.. ทำไมฉันไม่กลับบ้านนะ แล้วยังลากน้องมาเอี่ยวด้วยแบบนี้อีก.. ทำไม.?
คริสตินเหลือบตากลับมาจากผู้จัดการส่วนตัว ดวงตาคมสีสวยลอบมองคนหน้าเหมือนกันพร้อมสมองที่วิ่งวุ่น ฉันสร้างความวุ่นวายให้คนอื่นมากไหม.?
“เคจัง.. ไม่ต้องหันกลับมาฮะ จ้องเอจังแบบนั้นแหละ กำลังสวย”
ไอดอลคนสวยกดหัวคิ้วลงเล็กน้อย ไม่ค่อยแน่ใจว่าหูตัวเองได้ยินอะไร รู้อยู่ว่า กองถ่ายนี้กับตนค่อนข้างสนิทสนมกันจนสามารถเรียกชื่อย่อกันได้ แต่กับอิงกริด เร็วไปไหมที่จะเรียกแบบนั้น ไม่หรอกๆ ท่าทางน้องเธอดูจะชอบใจ เห็นรอยยิ้มหวานกระชากใจบนเรียวปากคล้ายเธอนั่นหรือเปล่า..
เอาแล้วไง..เดี๋ยวก็ได้มีแม่ยกเหมือนฉันไม่ช้านี้หรอก เชื่อขนมกินได้เลย!
“ฉันรู้สึกว่าเอจังหน้าตาคุ้นๆ”
เสียงช่างแต่งหน้าที่เข้ามาเติมหน้าที่เลือนไปจากเหงื่อให้ระหว่างถ่ายสะกิดหูให้เหลือบตาไปมอง คริสตินเหล่ตามองน้องสาวตัวเองนิด เห็นอิงกริดหน้าเริ่มถอดสี สมองเธอก็คิดเรื่องได้รวดเร็ว
“ทำไมจะไม่คุ้นล่ะมาริโกะจัง ก็เค้าหน้าเหมือนฉันไม่ใช่เหรอ.?”
ช่างแต่งหน้าสาวนิ่งไปนิด ราวคิดอะไรอยู่ หล่อนไม่ยอมเติมหน้าเธอต่อเสียด้วยทั้งที่ฝ่ายตากล้องเริ่มมองไม่สบอารมณ์ แบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่ เธอไม่อยากให้หล่อนซักไซ้มากกว่านี้ กลัวหลุดเหมือนกัน แค่ที่แฝดน้องโดนทาบทามให้มาร่วมถ่ายแบบพร้อมกันแบบนี้ก็เสี่ยงมากพอ มันผิดแผนของพวกเธอ
ไม่สิ ผู้จัดการของพวกเธอต่างหาก รีเบคก้าวางเอาไว้ว่า อิงกริดจะต้องเปิดตัวจริงๆตอนเดบิวต์ ให้เป็นเซอร์ไพร์สสำหรับแฟนๆ แต่ต้นสังกัดกลับออกคำสั่งให้ออกรับงานทันที เรื่องที่เขามีส่วนร่วมอยู่ในอัลบั้มที่จะเข้าห้องอัดในอีกสามเดือนข้างหน้าจึงกลายมาเป็นประเด็นให้ซักถามกันในทุกครั้งที่พวกเธอพี่น้องไปไหนมาไหนด้วยกันหรือแม้กระทั่งเวลาเธอไปรายการคนเดียว แต่คำตอบเดียวที่เธอจะพูดได้ก็คือ...
‘เซอร์ไพร์สค่ะ ถ้ารู้กันก่อนก็ไม่ใช่เซอร์ไพร์สสิ!’ จากนั้นก็ฉีกยิ้มเขย่าหัวใจคนมองไปสักทีสองที แค่นี้ขี้คร้านคนถามจะลืมคำถามที่จะซักเธอไปจนสิ้น ตอนนี้หนูมาริโกะก็คงจะโดนเวทย์มนตร์นั้นไปเหมือนกันสินะ ตาลอยเชียว..
และเสียงเรียกของตากล้องพาให้หล่อนสะดุ้งโหยง มองเลิกลั่ก สุดท้ายก็จัดการเติมเมคอัพให้พวกเธอแล้วรีบเดินออกไปจากรัศมีสปอตไลท์ คริสตินโพสท่าใหม่ มือขาวเท้าสะโพก อีกมือรั้งต้นคอน้องสาวที่มองมาด้วยดวงตาสีน้ำเงินแสนเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มน้อยๆเหมือนจะบอกว่าถูกอกถูกใจนักกับสิ่งที่เธอทำ
แต่แน่นอนมันไม่ใช่หมายถึงที่มายืนใกล้ชิด ถ่ายภาพนิ่งตัวจะติดกันแบบนี้หรอก มันเพราะเธอทำตัวเป็นพี่ที่ดีปกป้องเขามากกว่า ก็แค่อยากจะตอบแทนทุกเรื่องที่เขาเคยทำให้เธอก่อนหน้านี้ เดินแบบถ่าย ถ่ายแบบแทน ให้เธอไปเดินเฉิดฉายเล่นข้างนอก เปิดหูเปิดตาบ้าง เปิดไปเปิดมาจนจะโดนเปิดกำแพงหัวใจที่สร้างเอาไว้ทั้งหนาและใหญ่ยิ่งกว่ากำแพงเบอร์ลิน เพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว..
เฮ้อ..ว่าแล้วก็คิดถึงเธอเหมือนกันนะ แม่นาง Poison Ivy!
“เคจัง.. เซ็ตนี้เสร็จก็ครบแล้วนะฮะ!”
ความคิดหลุดหายไปนิด เธอหันไปยิ้มกับตากล้องหนุ่มที่หน้าตาสวยราวสาวๆจนนึกว่าเขาเป็นเกย์ หากไม่ได้แอบเห็นเขาเหล่ตามองก้นเธอเหมือนมันน่ากัดเสียเต็มประดา ยังดีที่เขาไม่กล้ามาวุ่นวายกับเธอมากนัก คงจะเคยเห็นตัวอย่างว่าหนุ่มนายแบบบางคนที่เข้ามาขายเร่ขนมจีบเธอต้องคอตกกลับไปหลายราย ทั้งเธอยังสูงกว่าเขามาก สามารถทำให้เขากลายเป็นไอ้เตี้ยและเหมือนเกย์ควีนได้ด้วยบุคลิกที่เท่กว่า จะว่าไปพักนี้ไม่ค่อยมีหนุ่มมาจีบเธอเลย..
หรือเพราะข่าวของเธอกับ.....
“คริส.. บ่ายนี้มีซ้อมที่บริษัทนะ” เสียงแหบๆแต่มีเสน่ห์ของคนที่เธอรู้ว่าใครแทรกความคิดมา คริสตินถอดเสื้อคลุมส่งคืนให้ทีมงานที่รับไปทันทีก่อนจะเดินมาสมทบกับแฝดน้องที่ยืนอยู่ข้างๆแมเนเจอร์ร่างเล็กก่อนแล้ว
“แล้วละครล่ะ พรุ่งนี้.?”
รีเบคก้าพยักหน้ารับก่อนใช้สายตาบอกให้เดินตามกันออกไปจากพื้นที่ที่ทีมงานกองถ่ายกำลังเก็บงานกันอยู่ ที่จริงไม่ได้รีบแต่ก็ไม่ได้อยากจะคุยกันให้ใครคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้ยิน ช่วงนี้ยิ่งมีแต่คนจ้องจะหาข่าวไปเขียนกอสซิปด้วย
“พรุ่งนี้สายๆน่ะ เลื่อนเวลาจากเดิมนิดหน่อย บัดดี้เธอไม่ค่อยว่าง นางงานชุกจนเคลียร์คิวไม่ทัน วันนี้ก็แว่วมาว่าอาจจะไปซ้อมสาย แต่ไม่เป็นไร ยังไงนางก็ตามพวกเธอทันอยู่แล้ว ห่วงตัวเองกันจะดีกว่า” ผู้จัดการสาวว่าฉอดๆระหว่างที่สองแฝดเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับ
เธอไม่ได้สนใจเลยว่ากำลังอยู่ท่ามกลางสองสาวหุ่นดีในชุดบรากับแพนตี้ ทั้งที่สาวๆหรือหนุ่มๆคงจะยอมจ่ายหลายเยนเพื่อขอซื้อนาทีนี้แลกกับเธอ หรือบางทีอาจจะอยากกลายเป็นเธอเสียด้วยซ้ำ ถ้าพวกเขารู้ว่า เธอเป็นอะไรกับสองแฝด ควบมาแล้วทั้งพี่ทั้งน้อง อร่อยมาก!
โดยเฉพาะคริส.. โอ้ว..ไม่สิ จะเปรียบเทียบแบบนั้นไม่ได้.. มันคนละสไตล์กัน ฝาแฝดก็ไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง..
ว่าจะไม่สนใจสักหน่อยแต่ก็เผลอมองอกเอว มองสะโพกสองคนนั่นจากด้านหลัง ใจเต้นตึกตักเวลาที่ทั้งคู่ขยับเคลื่อนไหว ผู้จัดการสาวกัดปากล่างตัวเองอย่างเผลอไผล สะดุ้งตกใจเมื่อหนึ่งในสองแฝดหันไปมอง อิงกริดเลิกคิ้วสูง และเธอกลบเกลื่อนด้วยการก้มลงล้วงลูกอมยื่นให้หล่อนกิน เจ้าคนตัวสูงยิ้มแป้น ต่างจากแฝดพี่ที่พูดอะไรไม่รู้ ตัวทำลายบรรยากาศชัดๆ
“ใครว่าฉันห่วงยัยนั่น แค่ห่วงว่างานจะเสียต่างหาก” คริสตินมองผู้จัดการสาวสายตาไม่พอใจชัดเจนก่อนสะบัดหน้าให้หล่อน ดึงกางเกงวอร์มไนกี้ขึ้นมาให้ขอบถึงเอวบางแต่หน้าท้องแข็งกั๋งด้วยซิกแพคเบาๆตามประสาคนเล่นกีฬา ได้ยินเสียงยัยตัวเตี้ยบ่นอะไรไม่รู้ ไม่ได้สนใจจะฟัง มือขาวล้วงกระเป๋าเป้หาเสื้อกล้ามหลวมๆมาสวม ต่อด้วยแจ็คเก็ตแบรนด์เดียวกัน ใส่เสร็จก็เตรียมตัวจะออกไปจากห้อง แต่โดนน้องมายืนขวางเสียก่อน เลิกคิ้วถามไปหน่อย คำตอบก็คือเขายกมือมารูดซิปเสื้อแจ็คเก็ตให้ ขยิบตาวิ้ง
“อย่าทำให้ใครๆใจแตกบ่อยนักสิ สงสารพวกเค้าบ้าง” สองพี่น้องหัวเราะให้กัน ไม่ทันไรก็มีเสียงแหบๆดังมาขัดหู
“ถ้าฉันถ่ายรูปพวกเธอตอนทำแบบนี้กันนะ รับรองดังกว่าข่าวคู่จิ้นเคจังกับเอ็มจังอีก”
สองฝาแฝดมองคนพูดมึนๆ และหนึ่งในสองคนก็ถาม “ใครน่ะเอ็มจัง”
รีเบคก้ายกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ กอดอกเก็กท่าราวว่ารอให้คนมาง้อถาม ที่สุดคริสตินก็กลอกตา ก้าวเข้ามาโยกหัวสาวที่สูงแค่บ่าตัวเองเล่น มือบางพยายามปัดออกพร้อมเสียงโวยวาย “หัวคนนะยะ ไม่ใช่คันเกียร์ จะโยกเล่นหาพระแสงอะไร!”
“ก็หมั่นไส้ไง ท่ามากนัก อยากจะบอกก็รีบบอกเหอะ เสียเวลาคนอื่น”
“แหม.. อยากรู้ล่ะสิ เห็นอักษรตัวเอ็มเป็นไม่ได้เลยนะ” ร่างบางยังหยอกต่อ หากครั้งนี้ถอยกรูดหนีไปแอบอยู่หลังแฝดน้องดึงเสื้อหล่อนให้บังแฝดพี่ที่เหมือนจะเข้ามาหักคอ
“เออๆ อยากล้อก็ล้อไป ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ไม่เห็นจะอยากรู้” คริสตินสะบัดก้นเดินหนี นำหน้าพวกเลิฟเบิร์ดที่ออกตัวปกป้องกันอย่างน่าหมั่นไส้ ได้ยินเสียงพวกหล่อนร้องเรียกตามหลัง ก็ยกมือขึ้นโบกอย่างไม่แคร์ ตอนนี้เธอแค่อยากออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด อยากไปห้องซ้อม..
แต่ความคิดนั้นก็หยุดชะงักลงพร้อมขายาวที่หยุดกึก นึกได้ว่าบางคนอาจจะยังไม่ไปที่นั่น สาวผมเงินสั่นหัว คิดได้ว่าเธอจะทำตัวแบบนี้ไม่ได้จึงก้าวออกเดินต่อ พอดีกับที่แฝดน้องเดินตามมาคล้องแขนลากให้เดินไปด้วยกัน หันมาอีกด้าน คนสวยตัวเล็กที่มองมาอย่างกับรู้อะไร ก็ทำให้ยิ้มแห้งแล้งให้หล่อน มือบางตบหลังเธอปุๆเป็นเชิงให้กำลังใจก่อนที่หล่อนจะเดินนำหน้าไปเปิดรถตู้ให้ อิงกริดเดินนำเข้ารถไปก่อน เหลือบตามามองผู้จัดการสาวอีกครั้ง รีเบคก้ายื่นมือถือให้แล้วขยับปากพูดไม่มีเสียงให้เธออ่านปากเอาเอง
เอ็มจังโทรมา.. จะรับไหม.?
คริสตินตาค้างเมื่ออ่านมันในหัวเสร็จ แต่ดูเหมือนเธอจะช้า คนตรงหน้าเกือบจะเอามันคืนไปแล้วหากไม่รีบเอื้อมมือไปคว้ามาได้ก่อน ขมุบขมิบปากบอกขอบคุณสาวบลอนด์นั่น ก่อนผลุบหายเข้าไปในรถตู้ นั่งริมในสุดข้างหน้าต่างเหมือนเคย แต่ที่ไม่เหมือนคือครั้งนี้เธอมีมือถือแนบหู และรอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขจริงๆ ถึงคนที่โทรมาจะไม่ได้พูดว่าคิดถึงเธอเลยสักคำ
แค่ได้ยินเสียงก็ฟินแล้ว...
............................................
มาถึงตอนที่ 17 แล้วค่ะ ไวไปไหม อิอิ
และก็ยังไม่มีตอนพิเศษเหมือนเคยค่ะ ยังไม่ถึงเวลา ฮา.. (มันจะขำทำไม.?)
ที่ถามกันมาบ้างว่า ทำไมความสัมพันธ์ระหว่าง นางxนาง คู่เอก ถึงเดินช้านัก ก็เพราะมันยังต้องท้าวความหลังกันบ้างไงคะ ไม่งั้นคุณก็จะไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่อง หรือเรียกได้ว่า นิยายไม่สมบูรณ์นะ
ง่ายๆ มันคือสไตล์เรา เหอๆๆ (อธิบายไม่ถูก)
อย่างไรก็ตาม ขอบคุณทุกท่านที่สั่งจองหนังสือเล่มนี้มานะคะ รวมถึงคนที่เข้ามาอ่านกันด้วย อยากให้รู้ไว้ว่า พวกคุณคือส่วนสำคัญที่ทำให้นิยายมีชีวิตขึ้นมา ขอบคุณมากค่ะ
และสำหรับคนที่ยังชั่งใจอยู่ว่าจะสั่งดีไหม คุณยังมีโอกาสชั่งใจไปได้ถึงสิ้นเดือนนี้ค่ะ ถ้าต้องการหนังสือเรื่องนี้พร้อมคนอื่นๆที่สั่งมาในรอบนี้
แล้วเจอกันกับอีกสามตอนที่เหลือ หรืออาจมากกว่านั้น ถ้าลงตอนพิเศษให้อ่าน บายค่ะ