บทที่ 9
"พี่อีฟโกหก" น้ำเสียงใสนั้นต่อว่ากลายๆ
"พี่..." หล่อนพูดไม่ออก
"ค่ะ หนึ่งคิดไป คิดไปเองทุกเรื่องเลย" คนตัวเล็กหน้าตาหมองลงไปถนัดตา
"หนึ่ง" หญิงสาวรู้สึกสับสน เกลียดตัวเองเหลือเกินที่เป็นแบบนี้
"กลับบ้านเถอะค่ะ" นันทวรรณพูดเหมือนไม่อยากคุยเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว
"อย่าทำแบบนี้สิคะ" อรสาบอก ภายในรถคุกรุ่น
ไม่มีเสียงตอบ อีกฝ่ายหันหน้ามองกระจกรถซึ่งไม่มีอะไรเลย หัวใจเต้นผิดจังหวะที่เห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้ หล่อนเอื้อมมือไปแตะที่คางเรียว บังคับอย่างนุ่มนวลให้หันมามอง
"รู้ไหม ต่อให้พี่รู้สึกยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์" เสียงเธอสั่นด้วยความจริงที่เจ็บปวดเสียดแทง
"มีสำหรับหนึ่งค่ะ" แววตาใสดุจดาวบอกด้วยความจริงจังและจริงใจ
"มันไม่ควรเกิดขึ้น" หล่อนบอก หลังพิงเก้าอี้ไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ
"หนึ่งรู้ค่ะ แต่หนึ่งห้ามไม่ได้" สาวน้อยสารภาพในสิ่งที่เธอรู้อยู่แล้ว
"พี่ก็เหมือนกัน" หญิงสาวพูดออกไป
ความเงียบเข้าปกคลุม ไม่มีใครพูดอะไรอีกเพราะต่างคนต่างรู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นมันไม่สมควร เธอไม่ได้พูดผิดเลยว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ยังไงเราสองคนก็ไม่อาจรักกันได้อยู่ดี
สาวสวยไม่อยากอาหารแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่ากวางน้อยเองก็เช่นกัน มือบางเอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างเนือยๆ หล่อนก่นด่าตัวเองที่งี่เง่าแค่ความรู้สึกก็ปิดคนตรงหน้าไม่ได้ ถ้าน้องสาวเธอไม่รู้คงไม่เป็นแบบนี้ หล่อนเองก็เช่นกันคงจะมีความสุขเท่าที่จะหาได้จากการที่เอาสายเลือดมาบังหน้า
"ทานหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย" คนตัวสูงตัดสินใจพูด
"ค่ะ" เด็กน้อยถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะรับปาก
คืนนี้เธออาบน้ำนานผิดปกติเพราะจมอยู่กับความคิดตัวเองที่แสนจะสับสน หล่อนปล่อยน้ำตาออกมา น้ำจากฝักบัวกลบมันอย่างง่ายดาย เธอไม่อาจให้คนตัวเล็กเห็นได้ว่าความรู้สึกนี้มีอิทธิพลแค่ไหน
เด็กสาวควรจะดีใจที่ได้รู้ว่าพี่อีฟก็มีใจเช่นเดียวกัน แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างนั้น เหตุผลคือเราสองคนเป็นพี่น้องกัน
เธอน้ำตาซึมเฝ้าแต่คิดว่า ทำไมนะ ทำไมเราต้องเป็นพี่น้องกัน ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่าคล้ายแผ่นเสียงกระตุก
ในที่สุดนันทวรรณก็ไม่อาจทนความเคว้งคว้างได้ หล่อนไม่สนอีกต่อไปแล้วว่าเธอกับพี่อีฟจะเป็นพี่น้องกันหรือไม่ แค่อยากอยู่กับสาวสวยอย่างมีความสุขเท่านั้นเอง
'ก๊อก ก๊อก ก๊อก' สาวร่างบางเคาะประตูไม้ และยืนรอด้วยใจจดจ่อ เธอแอบกลัวว่าอรสาจะไม่เปิดประตูต้อนรับเหมือนเคย
"หนึ่ง" ใบหน้ารูปไข่สวยมีความเคร่งเครียดปรากฏให้เห็นเด่นชัด
"หนึ่งนอนด้วยได้ไหมคะ" หล่อนถามด้วยใจที่สั่นรัว
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนได้ยินแล้วมองเธอเหมือนกับจะถามว่า ทำไม หล่อนคงตอบได้แค่ว่าเพราะอยากอยู่ในอ้อมกอดของพี่อีฟ อยากอยู่ใกล้ๆ แต่พี่สาวก็คงพูดต่อว่า หนึ่งก็รู้ว่ามันไม่ควร สาวน้อยไม่ปฏิเสธว่าอีกฝ่ายพูดถูกอีกตามเคย เพียงแต่ ณ วินาทีนี้นันทวรรณไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พี่อีฟเองก็เคยบอกว่าถ้ามันเป็นแค่ความคิดความรู้สึกก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไป
คนอายุมากกว่าไม่ได้พูดคำใด มือเรียวนั้นเปิดประตูให้อย่างเงียบๆ เธอเดินเข้าไปและยืนรอข้างหลังไหล่แคบนั้น เมื่ออีกฝ่ายล็อกประตูเสร็จและหันหน้ามา เธอจึงเข้าไปกอดเอว
"หนึ่ง" เสียงหวานนุ่มหลุดปากอย่างตกใจ
หล่อนไม่ตอบ เพียงแค่กอดคงไม่ใช่คำขอที่มากเกินไปถ้าเทียบกับความรู้สึกทั้งหมดที่คับแน่นอยู่ในหัวใจเธอ
ไม่ช้าคนตัวสูงก็ยกมือขึ้นลูบผมสั้นอย่างแผ่วเบาราวกับจะปลอบใจ เด็กสาวจึงกอดแน่นกว่าเดิมด้วยมือที่สั่น
"อย่าเสียใจนะคะ อย่างน้อยเราก็อยู่ด้วยกัน" เสียงเรียบนั้นเหมือนปลอบตัวเองมากกว่าปลอบเธอ หล่อนจับความเจ็บปวดที่แฝงอยู่ลึกๆ ได้
เธอจูงมือคนตัวเล็กไปที่เตียง เพราะความคิดอยากจะจูบหน้าผากมนใสนั้นแวบขึ้นมา และหล่อนก็ไม่รู้ว่าถ้ายังยืนอยู่อย่างนี้จะห้ามใจได้ถึงเมื่อไหร่
ดวงตาดั่งกวางมองหน้าหญิงสาวไม่กระพริบ เธอขยี้ผมตรงทีหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ยังไงแมวน้อยของเธอก็น่ารักอยู่วันยังค่ำ ใสซื่อไม่มีเปลี่ยนแม้จะเจอเรื่องปวดใจ
"หลับและลืมมันนะคะ" อรสาบอกเสียงเรียบ เธอเองก็หวังให้เป็นเช่นนั้น
"กอดหนึ่งได้ไหมคะ" คนร่างบางถาม นัยน์ตาคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม
"ได้ค่ะ" หัวใจหล่อนกระตุกวูบหนึ่งเมื่อได้ยินคำขอเช่นนั้น หญิงสาวตอบรับเพราะตัวเองก็ต้องการเช่นกัน และเห็นว่าการกระทำนี้ไม่ได้เกินขอบเขตของคำว่าพี่น้อง
แมวน้อยยิ้มอย่างดีใจรีบขยับเข้ามาใกล้ในทันที เธอยกแขนข้างหนึ่งให้หนุนนอน ส่วนอีกข้างก็พาดที่สะโพกบาง หล่อนนึกถึงพ่อและแม่ว่าหากรู้ว่าลูกทั้งสองคนมีความรู้สึกเช่นไรต่อกัน พวกท่านจะเสียใจมากแค่ไหน เธอเป็นพี่แท้ๆ แต่ไม่อาจเป็นตัวอย่างที่ดีที่ถูกต้องให้กับน้องได้ แล้วจะมองหน้าแม่ได้ยังไงเวลาไปเยี่ยมอัฐิของท่าน
หญิงสาวรับรู้ถึงความสม่ำเสมอของลมหายใจคนในอ้อมกอด ความคิดเธอสับสนและฟุ่งซ่านและเผลอหลับไปในไม่ช้า
"น้องอีฟ" รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาแต่ไกล
ร่างสูงโปร่งแต่บึกบึนของพี่ฝุ่นเดินรีบร้อนมาหาเธอ บรรยากาศรอบตัวหล่อนเปลี่ยนในทันที เพราะมีเพื่อนสาวหลายคนแอบชอบรุ่นพี่คนนี้ เวลาพี่ฝุ่นแข่งกีฬาทีไรก็ต้องไปเชียร์ตลอด บางคนชื่นชมในความเก่งและความหล่อเหลาของหน้าตา แต่บางคนจริงจังขนาดที่ว่าอยากได้เป็นแฟน หล่อนเคยโดนแกล้งเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้างเพราะคนเหล่านั้นไม่พอใจ บอกกับเธอว่าโชคดีแค่ไหนที่พี่ฤทธิศักดิ์มาชอบ แต่ก็ยังเล่นตัวปฏิเสธอยู่ได้ เธออยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ได้เล่นตัวเลยสักนิด เพียงแต่รู้ว่าไม่ได้มีใจให้ผู้ชายคนนี้ในเชิงชู้สาว แต่เธอก็เงียบเสียเนื่องจากไม่อยากต่อล้อต่อเถียง อีกอย่างมันก็เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ถ้าพูดออกไป หากพี่ฝุ่นได้ยินก็คงต้องเสียใจ
"พี่ได้บัตรคอนเสิร์ตมาด้วย" ชายหนุ่มไม่ทักทายแต่ตรงเข้าประเด็นทันที
หญิงสาวมองชื่อวงดนตรีที่ประทับอยู่บนบัตรเงาวับสองใบนั้น เป็นวงที่เธอชอบแต่จองตั๋วไม่ทัน เพราะกว่าจะไปถึงก็หมดเสียแล้ว
"วงโปรดน้องอีฟใช่ไหมครับ" เขายิ้มกว้างกว่าเดิม
"พี่ฝุ่นรู้ได้ยังไงคะ" หล่อนถามคลางแคลงใจในข้อมูล
"ความลับครับ" ตาคมขยิบแบบเป็นต่อ
"ว้า รู้ผิดซะด้วย" เธอแกล้งพูดหลอก
"พี่ว่าไม่ผิดนะ" หน้าหล่อเหลาเริ่มแสดงอาการใจเสีย
"เหรอคะ" หญิงสาวเลิกคิ้วเป็นเชิงว่า ก็อีฟเป็นคนพูดเองจะไม่ผิดได้ยังไง
"ผิดจริงๆ เหรอครับ" เขาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ดูเหมือนเจ้าตัวจะเริ่มเชื่อ
"ล้อเล่นค่ะ ถูกแล้ว" เธอยิ้ม เลิกแกล้งคนจริงใจ
"โถ่ ทำเอาพี่ตกใจหมด" คนสูงโปร่งถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งอก
"ไปดูกับพี่ไหม" เขาชวนทันที
"ขอคิดดูก่อนได้ไหมคะ" หล่อนอยากไปแต่ไม่อยากให้ความหวังแก่เขา และไม่อยากดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่สิ่งของด้วย
"ครับ แล้วพรุ่งนี้พี่จะมาฟังคำตอบนะ" ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ อรสาอดคิดไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนดี ตรงไปตรงมา และจริงใจ ทำไมเธอถึงได้ไม่ชอบเขาเหมือนที่ชอบน้องสาวตัวเองนะ
"จริงๆ แกน่าจะนะ" เสียงหวานของเพื่อนสาวดังขึ้นเมื่ออีกฝ่ายได้ออกไปแล้ว
"ทำไมแกไม่รับเองเลยล่ะ" หล่อนประชด
"แหมถ้าเขาชวนฉัน ฉันจะรับ แต่นี่เขาชวนแก" สาวเปรี้ยวลอยหน้าลอยตาพูด
"แกนี่นะ" หญิงสาวส่ายหัวให้กับเพื่อนที่มองอะไรง่ายไปเสียหมด
ใต้ต้นหูกวางเธอกำลังนั่งทำการบ้านกับอิงอย่างขมักเขม้น วันนี้หล่อนเลิกเร็วกว่าพี่อีฟจึงต้องเป็นฝ่ายมานั่งรอแทน
"ขี้เกียจจัง" ขวัญฟ้าบ่นไม่จริงจัง
"เหมือนกัน แต่ทำๆ ไปเถอะเดี๋ยวก็เสร็จ" สาวน้อยพูดโดยไม่ละสายตาจากคำถามในกระดาษสมุด
"วันนี้พี่สาวมารับเหรอหนึ่ง" เสียงใสถามอย่างกลัวๆ
เธอมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างขำๆ ดูเหมือนว่าตั้งแต่วันนั้นสาวอวบจะกลัวพี่อีฟเอามากๆ หล่อนรู้ว่าเพราะอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจนักเนื่องจากตอนที่ตื่นก็เห็นแต่อีกฝ่ายวิ่งออกจากบ้านไปและใบหน้าโกรธของพี่อีฟ ซึ่งมันไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้นเสียหน่อย
"อือ ทำไมเหรอ" หล่อนถามกลับ
"กี่โมงเหรอ" คนตรงหน้าไม่ตอบคำถามแต่ถามต่อเนื่อง
"ห้าโมงแหละ" เมื่อได้ยินอย่างนั้นเพื่อนสาวรีบดูนาฬิกาทันที
"กรรม ห้าโมงแล้ว อิงไปก่อนนะ" ขวัญฟ้ารีบเก็บสมุดและเครื่องเขียนลงเป้อย่างรวดเร็ว
"จะรีบไปไหน" เธอร้องถาม
"อิงไม่กล้าเจอหน้า" พูดเสร็จหนึ่งก็เห็นคนที่ถูกกล่าวถึงมายืนนิ่งอยู่ข้างหลังสาวมีน้ำมีนวลเรียบร้อยแล้ว
"ไม่กล้าเจอหน้าใครคะ" เสียงพี่สาวที่เคยหวานเปลี่ยนเป็นเข้มอย่างเอาเรื่อง
คนหน้ามนชะงักมือทันที หล่อนนึกในใจ เสียใจด้วยนะอิง ไม่ทันแล้วแหละ ใบหน้าเจ้าเนื้อค่อยๆ หันกลับไปมองต้นเสียงข้างหลัง
"เอ่อ...สวัสดีค่ะ" เพื่อนสาวพูดตะกุกตะกัก สีหน้าท่าทางยังกับแมวกลัวหนูไม่มีผิด
"แล้วไม่กล้าเจอหน้าใครคะ พี่ฟังไม่ค่อยถนัด" มือเรียบกอดอก
"เปล่าค่ะ อิง...มีธุระขอตัวนะคะ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบของชิ้นสุดท้ายแล้วเผ่นไปอย่างรวดเร็วผิดกับรูปร่าง
"พี่อีฟไปแกล้งอิงทำไมคะ" หล่อนว่าเมื่ออยู่กันสองคนแล้ว
"ไม่ได้แกล้งค่ะ พี่พูดจริง หนึ่งยังคบต่อได้ยังไงหลังจากเขาทำแบบนั้นน่ะ ฮึ" เสียงหวานหงุดหงิด เปลี่ยนมาว่าเธอแทน
"อิงเขาก็สำนึกผิดแล้วนี่คะ อีกอย่างพี่อีฟก็มาทัน เขายังไม่ได้ทำอะไรหนึ่งเลย" เด็กสาวบอกตรงๆ ถึงเหตุผลของการตัดสินใจ
"คิดง่ายไปแล้วเราน่ะ" คนตัวสูงส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
"หึงเหรอคะ" เธอหลุดปากพูดออกไปโดยไม่ทันได้คิด
คนสวยอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยิน ก่อนจะเงียบและมองไปรอบๆ ไม่ยอบสบตาเธอ หนึ่งอดยิ้มไม่ได้ พี่อีฟก็เขินเป็นเหมือนกัน
"กลับบ้านเถอะ เย็นแล้ว" คนอายุมากกว่าชวนพร้อมเดินนำหน้าไป
"น้องๆ คะ อาทิตย์หน้าอย่าลืมเตรียมตัวไปค่ายปลูกป่าด้วย ลืมกันรึยังเอ่ย" พี่ฝันเอ่ยขึ้นหลังจากที่เรียกรุ่นน้องมารวมตัวกันที่ใต้ตึกคณะ
"กรรม ลืมสนิทเลย" อิงกระซิบบอก
"ลืมเหมือนกัน" หล่อนเห็นด้วย เพราะค่ายที่ว่านี้รุ่นพี่บอกตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ตอนนั้นทุกคนเพิ่งได้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยจึงมีเรื่องน่าสนใจมากมายกว่าจะมาจดจำเรื่องค่ายนี้
"ทุกคนต้องไปนะคะ บังคับ" เสียงเซ็กซี่พูดต่อ
"ทำไมครับ" เพื่อนชายคนหนึ่งยกมือถาม แต่เท่าที่ดูจากสีหน้าแล้วนันทวรรณคิดว่าเขาอยากให้รุ่นพี่สนใจเสียมากกว่า เธอไม่แปลกใจ พี่ฝันโดดเด่นกว่ารุ่นพี่ในคณะหลายคน เป็นรองดาวของคณะตอนอยู่ปี 1 แพ้รุ่นพี่ต่างสาขาอีกคนไปเพียงนิดเดียว หลายๆ คนบอกหล่อนว่าอย่างนั้น
"อย่างแรกน้องๆ จะได้เอาเวลาว่างมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างที่สองเพราะพี่ๆ ก็จะไปด้วย จะได้สนิทกัน รู้จักกันมากยิ่งขึ้น" ปากอิ่มยิ้มอย่างเชิญชวนทำเอาผู้ชายหลายคนแทบจะลืมหายใจ
"ส่วนเรื่องเวลาและสถานที่ขึ้นรถเดี๋ยวพวกพี่จะแจ้งไปอีกทีนะคะ" พูดเสร็จทุกคนก็เริ่มลุกจากที่นั่งแยกย้ายกันกลับบ้าน
เด็กสาวเดินออกมากับขวัญฟ้าเช่นเคย วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอต้องไปนั่งรอพี่อีฟ เพราะพี่สาวบอกว่าต้องเรียนเสริม จริงๆ แล้วคือต้องทดสอบผลการเรียนจึงกินเวลาเพิ่มจากเวลาเรียนปกติประมาณครึ่งชั่วโมง
"น้องหนึ่งอย่าเพิ่งไปค่ะ" เสียงหวานหยดเรียก
มือสวยคว้ามือเธอทันที ลมหายใจกระชั้นเล็กน้อยเพราะวิ่งมา หล่อนเกือบตกใจที่ได้ยินเสียงเรียกเสียงดัง
"หนึ่งกลับบ้านยังไงคะวันนี้ ให้พี่ไปส่งไหมพี่ว่าง" คนหน้าสวยบอก ยิ้มเก๋ไก๋มาให้
"กลับกับพี่สาวค่ะ" เธอตอบเรียบๆ
"อีกแล้ว พี่ว่าจะชวนไปทานข้าวเย็นสักหน่อย ไปไหมคะ อร่อยนะ" นฤมลเชิญชวนเต็มที มือบางถูกนิ้วเรียววนที่หลังมือช้าๆ
"เอ่อ" หล่อนขนลุกในทันที
"ว่าไงคะ" เสียงหวานทอดยาวเย้ายวน
"หนึ่งเขานัดกับพี่สาวแล้วคงไปไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างพี่หนึ่งหวงน้องจะตาย" เป็นเพื่อนสาวที่เอ่ยช่วยเธอ
"กลับบ้านเองสักวันคงไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรียนมหา'ลัยนะคะ ไม่ใช่ประถม" คำพูดของคนตรงหน้าทำให้เด็กสาวหน้าร้อนขึ้นมาวูบหนึ่ง ที่หล่อนกลับพร้อมพี่สาวก็เพราะสะดวก อีกอย่างก็ต้องกลับบ้านเดียวกันอยู่แล้วแยกกันไปก็เปลืองเงินเปล่า และที่สำคัญคือเธอจะได้นั่งเคียงข้างคนที่รัก ซึ่งเหตุผลสุดท้ายนั้นเพิ่งเริ่มรู้สึกได้ไม่นานมานี้เอง
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ กลับพร้อมพี่อีฟสะดวกดี" นันทวรรณเลือกพูดเหตุผลแรก หล่อนไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงความในใจที่ไม่สมควรนี้ เธอไม่โง่
"พี่ไปส่งถึงบ้านก็สะดวกเหมือนกันค่ะ" อีกฝ่ายกลับมมาดื้อดึงไม่ยอมเหมือนแต่ก่อน ทั้งๆ ที่เธอก็เคยพูดเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้วแท้ๆ
"เราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ" คนร่างบางถาม
"หนึ่งอย่าทวงแบบนี้สิคะ ไม่เห็นใจพี่บ้างเหรอ" ปากอิ่มจูบที่หลังมือของเธอแผ่วเบา
"พี่ฝันอย่าทำแบบนี้ค่ะ หนึ่งไม่ชอบ" แมวน้อยจดจำคำของพี่อีฟมาพูดต่อ
"ขอโทษค่ะ พี่ก็แค่อยากสัมผัสหนึ่งบ้าง ได้อยู่กับหนึ่งเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย" น้ำเสียงหวานมีความรู้สึกแรงกล้า
"หนึ่ง" คนตัวเล็กพูดไม่ออก หล่อนรับรู้ถึงความจริงใจที่มีให้
"กลับกับพี่นะ"
"พรุ่งนี้ละกันค่ะ" สาวน้อยตัดปัญหา รู้สึกกดดัน
"พี่จะรอค่ะ" พี่ฝันไม่ปิดบังความดีใจแม้แต่นิด ปากอิ่มสวยยิ้มกว้าง แล้วจากไปอย่างอารมณ์ดี
"พี่อีฟโกรธไม่รู้ด้วย" เพื่อนสาวที่เงียบมานานบอก
"อิงอย่าพูดสิ หนึ่งยิ่งเครียดๆ อยู่ ยังไม่รู้จะบอกพี่อีฟยังไงเลย" หล่อนหน้ามุ่ย กลัวพี่สาวว่า
"ว่าไงครับ พี่รอทั้งวันเลยนะ" เสียงทุ้มบอก เขายืนรอหญิงสาวอยู่ที่ใต้ตึกคณะ
"พี่ฝุ่นมีแค่ 2 ใบเหรอคะ" หล่อนชิงถามก่อนที่จะตอบ อยากชวนน้องสาวไปดูด้วยกัน อีกอย่างจะได้ไม่เป็นการให้ความหวังเขามากเกินไป
"จริงๆ มี 3 ครับ กะว่าจะให้น้องสาว แต่น้องต้องไปค่ายเลยไม่ได้ใช้" เขาบอกเรียบๆ
"งั้นอีฟขอเอาน้องสาวไปด้วยนะคะ ไม่อยากให้อยู่บ้านคนเดียว" เธอบอกเขาถึงเหตุผลที่ถามแบบนี้
"ได้สิครับไม่มีปัญหา" เขาตกลงอย่างง่ายดาย
"อ้อ แล้วอีฟขอจ่ายค่าตั๋วเองนะคะ" อรสาบอกจากใจจริง เธอไม่ค่อยสบายใจถ้าต้องไปดูด้วยเงินของเขา หล่อนก็ไม่ได้ยากจนเงินที่แม่เหลือไว้ให้ก็มากพอที่จะใช้ไปกับเรื่องแบบนี้ได้อยู่บ้าง
"ทำไมล่ะครับ เรื่องแค่นี้เองน้องอีฟอย่าคิดมากเลย" คิ้วหนาขมวด
"ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าพี่ฝุ่นไม่ยอมอีฟคงไปไม่ได้" หล่อนงัดไม้เด็ดขึ้นมาบอก เชื่อว่าเขาต้องยอมอย่างแน่นอน
"ก็ได้ครับ ถ้าน้องอีฟต้องการแบบนั้น"
"พี่ดีใจนะครับที่น้องอีฟให้โอกาสพี่บ้าง" ทิ้งคำพูดและรอยยิ้มของเขาทำให้หล่อนรู้สึกผิดในใจ ก่อนเธอจะเดินจากมา