"อุ้ย คุณเอ็ม มาหาคุณรินเหรอคะ"ชายหนุ่มเดินเข้ามาพนักงานสาวคนหนึ่งเอ่ยแซว
"ใช่ครับ"อธิวัฒน์เกาหัวขวยเขินเล็กน้อย รีบเดินไปกลัวว่าจะมีคนมาแซวเขาอีก
"คิดถึงรินจัง"อธิวัฒน์เดินตรงเข้ามาโอบรสรินทร์
"จะมาทำไมไม่บอกกันก่อนคะ เกิดรินซุกกิ๊กเอาไว้จะได้ตั้งตัวทัน"รสรินทร์พูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
"รินหรือจะกล้านอกใจผม รักผมออกจะขนาดนี้"อธิวัฒน์หยิกจมูกโด่งหยอกเย้า
"คนอะไรหลงตัวเองชะมัด"รสรินทร์หยิกจมูกชายหนุ่มคืนบ้าง
"พรุ่งนี้วันหยุด เราไปเที่ยวกันนะ"
"เอ่อ...คือ...พรุ่งนี้รินมีนัดแล้วค่ะ เอ็มบอกช้าไปหน่อยหนึ่งนะ"อธิวัฒน์ขมวดคิ้วยุ่ง
"มีหนุ่มที่ไหนมานัดแฟนผมกัน"
"ยัยพิมพ์นะคะ ไม่ใช่หนุ่มที่ไหนหรอก"
"แล้วจะไปเที่ยวที่ไหนกันละ ขอผมไปด้วยได้ไหม"
"ไปเดินป่าค่ะ ยัยพิมพ์ไม่ชอบหน้าคุณ จะไปด้วยบรรยากาศจะอึดอัดมากกว่าจะสนุกกันนะคะ"
"“จะไปเดินป่า ทำไมต้องไปเดินป่าด้วย”อภิวัฒน์พูดออกมาราวกับว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย สีหน้าเขาซีดเซียวและเป็นกังวล
“แค่สองวันเองค่ะ ไปกับยัยพิมพ์ ไม่ต้องห่วงค่ะ ยัยพิมพ์ชำนาญเส้นทาง คนของคุณพ่อก็ตามไปด้วย”
“แฟนผมทั้งคน จะไม่ให้ผมห่วงได้ยังไงละ ให้ผมไปด้วยนะ”ชายหนุ่มสอดมือเข้าที่เอวคอดวางคางพิงที่ไหลมนสบตากับแฟนสาวอย่างหวาดหวั่น
“เอ็มก็รู้ว่าเขาไม่ชอบเอ็ม ยังจะตามไปด้วยอีก”
“ก็ช่างปะไร เขาไม่ได้เป็นแฟนผม รินต่างหากละที่เป็น”
“รินกลับมาจากไปเที่ยวป่า เราจะไปเที่ยวทะเลกันสองคน ตกลงไหม”ชายหนุ่มทำหน้าบูด เขาไม่ไว้ใจพิมพ์ผกาเลย เธอดูเป็นคนลึกลับไม่สมควรอยู่ใกล้ “นะคะ อย่าคิดมากเลย ยัยพิมพ์เขาออกปากชวน รินก็ไม่อยากจะขัดน้อง”รสรินทร์อ้อนวอนดวงตาระยิบระยับ
“ก็ได้ แต่รินต้องโทรหาผมตลอดทุกชั่วโมงทำได้ไหม”
“ทำไมจะไม่ได้ละคะ”เขาฝืนยิ้มออกมาแต่เป็นรอยยิ้มเต็มไปด้วยความตึงเครียด
“ดูแลตัวเองแทนผมด้วยนะ”อภิวัฒน์ย้ำกับแฟนสาวด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ จะดูแลให้อย่างดี”รสรินทร์เฉ่งจนดวงตากลมหรี่เล็ก
เส้นทางขาออกไปยังต่างจังหวัดแม้จะคล่องตัวแต่ปริมาณรถก็แน่นถนนแม้จะยังเช้าตรู่กว่าที่รถจะแล่นออกได้ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่า
“เราไปเที่ยวป่านะคะ ทำไมแต่งตัวซะสวยเชียว”รสรินทร์แต่งหน้าเข้มจัดด้วยการเขียนเส้นขอบตาให้ตวัดเฉียงขึ้นด้านบน เคลือบริมฝีปากจนมันวาวสง่างามราวกับพญาหงส์ นั่งไขว่ห้างอวดเรียวขาวกลมกลึง ทั้งที่เดินป่าแท้ๆ ควรใส่เสื้อผ้าสมบุกสมบัน
“อะไรที่กำหนดละว่าเที่ยวป่าจะแต่งตัวสวยๆ ไม่ได้”รสรินทร์หันเหความสนใจไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แทน
“แต่งตัวสวยๆ แบบนี้ อาจจะไม่เหลือกลับมาก็ได้นะ”พิมพ์ผกาหลิ่วตาให้อีกฝ่าย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายผุดผาดไปทั่วไปหน้า
“พูดยังกับว่าจะพาพี่ไปฆ่าหมกศพในป่าอย่างนั้นละ”รสรินทร์เอ่ยขึ้นลอยๆ
“ถ้าใช่ละค่ะ พี่จะทำยังไง”พิมพ์ผกาใช้มือลูบคางรสรินทร์ทำสีหน้าจริงจัง กัดฟันกรอดๆ
“พิมพ์ที่พี่เคยรู้จักไม่เป็นคนแบบนั้นแน่นอน พี่ไว้ใจน้องสาวคนนี้เสมอนะ”รสรินทร์วาดร้อยยิ้มทะเล้นใส่
“ก็ไม่แน่นะคะ คนไว้ใจอาจร้ายที่สุด”พิมพ์ผกากรีดลากนิ้วลงบนต้นขานวลกลมกลึงแล้ววางมือนิ้วเรียวทั้งห้าลูบลงจนเกือบจะถึงจุดสำคัญ รสรินทร์รีบปัดมืออุ่นจนเกือบร้อนนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว
“แกล้งพี่อีกแล้ว”รสรินทร์ยิ้มเฝื่อนแววตาคล้ายปีศาจร้ายของพิมพ์ผกาทำเธออกสั่นขวัญแขวน
เอี้ยด...เสียงรถเบรกกระทันหัน ตามด้วยเสียงบึ้มยางของผู้ร้ายแตกเหมือนกับว่าใครจงใจเจาะให้มันแตก
“เกิดอะไรขึ้น”รสรินทร์พูดกับชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่เบาะหน้า
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ คุณรินอยู่ในรถนะครับ ผมจะลงไปดู”ชายหนุ่มสองคนรีบลงไปดูรอบๆ รถก็ไม่พบความผิดปกติ
ช่วงเวลานั้น เขาสองคนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมากระทบกับต้นคอ กว่าจะรู้ตัวว่ามีคนปองร้ายเขาก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นถนน ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นชายฉกรรจ์สามคนเข้ามากระชากรสรินทร์เธอถอยหนีใช้มือสองข้างกางออกเพราะเธอเป็นห่วงพิมพ์ผกามากกว่าตัวเธอเอง เธอกำลังจะอ้าปากอ้อนวอนขอร้องให้ปล่อยเธอและพิมพ์ผกาไปแต่แล้วก็มีผ้ามาปิดจมูกเธอก่อนที่สติจะดับวูบไป