รสรินทร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมารู้สึกว่ารอบข้างมือสนิทเพราะโดนผ้าปิดตาเอาไว้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเพราะอะไรเธอถึงโดนจับตัวมา แล้วพิมพ์ผกาอยู่ที่ไหน พิมพ์ผกาจะเป็นอะไรไหม จะถูกจับมาเหมือนเธอหรือเปล่า รสรินทร์เริ่มรู้สึกหวาดกลัว เป็นห่วงพิมพ์ผกาจนไม่นึกถึงตัวเอง เธอต้องทำทุกอย่างเพื่อจะหนี
รสรินทร์พยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ เพื่อดึงผ้าที่ปิดตาอยู่ออกแต่มือและเท้าของเธอก็ถูกมัดไว้ เธอเขย่ามือสองข้างอย่างบ้าคลั่ง ความหวาดกลัวแล่นเข้าขั้วหัวใจ หัวใจเธอเต้นระรัว พยายามดิ้นที่จะหลุดจากการถูกมัดแต่มันก็เปล่าประโยชน์
รสรินทร์ได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าหนักเข้ามาใกล้ๆ ยินเขย่าขาและมือทั้งสองข้างเพื่อขอความช่วยเหลือ
อยู่ดีๆ ผ้าที่คาดตาของเธอถูกเปิดออกทุกอย่างสว่างขึ้นเธอพบว่าเธออยู่ในกระท่อมหลังเก่า ทรุดโทรม มองไปข้างนอกเป็นป่าทึบ เธอกลับมามองชายแปลกหน้าสามคนดวงตาลุกโพลงไปด้วยความกลัว
“น้องสาวฉันอยู่ที่ไหน แกเอาเขาไปไว้ที่ไหน”หลังจากที่ผ้าปิดปากถูกดึงออก รสรินทร์ตะคอกใส่ชายฉกรรจ์อย่างโกรธจัดมือและเท้าสะบัดดิ้นเพื่อให้ผ้าที่มัดไว้หลุด
“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาปลอดภัยดี”คิ้วเข้า นัยน์ตาเหี้ยมเกรียม ปากแสยะยิ้มโหด
“เขาอยู่ที่ไหน แกทำอะไรเขา ไอ้พวกชั่ว แกทำอะไรเขา”รสรินทร์ถามเสียงสั่นเครือ เป็นห่วงพิมพ์ผกาจนลืมเป็นห่วงตัวเอง
“พวกมึงจะยืนทำอะไรอยู่วะ ไปเรียกคุณหนูมาซิวะ”รสรินทร์อดสงสัยไม่ได้ สรรพนามที่คนร้ายเรียกพิมพ์ผกาช่างดูเคารพรักนัก
“พิมพ์ พิมพ์เป็นไงบ้าง พวกมันทำอะไรพิมพ์หรือเปล่า”รสรินทร์เห็นว่าพิมพ์ผกาปลอดภัยดี ไม่ได้ถูกคนร้ายจับ ก็ทำให้เธอโล่งใจไปอีกเปราะ
“แกโง่จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่”ตาสองข้างสบกับพิมพ์ผกาอย่างไม่เข้าใจ เธอก้มมองสภาพตัวเองกับพิมพ์ผกาช่างต่างกันเหลือเกิน
“เข้าใจหรือยัง”พิมพ์ผกาจับผมรสรินทร์ม้วนเล่นสีหน้าแววตาเหี้ยมเกรียม ดุดัน น่ากลัวเหลือเกิน
“ไม่จริงใช่ไหม พิมพ์ไม่ได้ทำใช่ไหม”พิมพ์ผกาหัวเราะในลำคอเบาๆ
รสรินทร์น้ำตาท่วมเหมือนกำลังถูกสูบออกไปหมดจากร่างจนหมด เจ็บปลาบแปลบที่หัวใจ ผิดหวังที่เหลือเกินผู้ร้ายที่จับตัวเธอมาเป็นน้องสาวเธอซะเอง ดวงตากลมหลั่งน้ำตาไม่ยอมหยุด ดวงตาหวานจ้องเสี้ยวหน้าของพิมพ์ผกา เธอไม่เคยเคลือบแคลงใจ ไม่เคยสงสัยในตัวพิมพ์ผกา แต่ใยพิมพ์ผกาถึงทำให้เธอสั่นคลอนความเชื่อใจได้ถึงเพียงนี้
รสรินทร์รู้ซึ้งถึงความจริง พิมพ์ผกาที่เธอรู้จักเป็นคนอื่นไปแล้ว พิมพ์ผกาไม่มีความหมายกับเธออีกแล้ว
“แกอยากโง่เอง ช่วยไม่ได้”เสียงหวานตวาดใส่รั้งแขนรสรินทร์บีบจนเจ็บร้าว
“ฆ่าพี่เลยซิ”รสรินทร์เชิดคอหยิ่งทะนง ดวงตากร้าวไม่หวาดกลัว ให้เธอตายเสียยังดีกว่าจะมารับรู้ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ถ้าแกตาย แล้วพ่อแกละ ให้ฉันทำยังไง หรือว่าให้พ่อแกอยู่เพื่อดูบริษัทที่เขาสร้างกับมือล้มละลายเพราะน้ำมือของพี่ชายอย่างสรพจน์”
“อยากแก้แค้นก็แก้แค้นพี่คนเดียวซิ”รสรินทร์ตัวสั่นหอบหายใจแรงด้วยความโกรธ
“มันทำให้ฉันสูญเสียครอบครัว ทำให้ฉันเป็นเด็กกำพร้า ฉันก็จะตอบแทนมันเช่นเดียวกับที่มันทำกับครอบครัวฉัน”
“ทำไมพิมพ์เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ ที่ผ่านมาทั้งคุณพ่อและพี่เราต่างให้ความรักกับพิมพ์ ดูแลพิมพ์เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ผลตอบแทนที่ได้รับเป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันจะทำให้แกสูญเสียพ่อแก แกจะได้เข้าใจความรู้สึกที่ฉันมี”
“อย่านะ อย่าทำ”รสรินทร์ร่ำให้อย่างสิ้นหวัง
“ฉันจะทำให้แกทรมานอย่างช้าๆ”พิมพ์ผกาดึงผ้าที่พันมือและพันเท้าออก กระชากตัวรสรินทร์ออกมาจากกระท่อมร้างเดินตรงไปสู่บ้านไม้หลังใหญ่
“ถ้างูตัวนี้มันไม่รัดแกตายก็ถือว่าโชคดีไป”พิมพ์ผกาจับร่างบางโยนเข้าไปในห้องเก็บฟืนที่มีทามาร์งูเหลือมตัวใหญ่ที่พิมพ์ผกาเลี้ยงไว้อยู่ในนั้น
“อย่านะ พิมพ์ อย่าทำแบบนี้ พี่กลัว พิมพ์ อย่าปล่อยพี่ไว้คนเดียว ฮือ ฮือ พิมพ์”รสรินทร์พุ่งเข้าเคาะประตูอย่างสุดกำลัง งูตัวใหญ่อย่างกับอนาคอนด้ายังกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเชื่องช้า รสรินทร์ขาสั่นนั่งพิงตัวประตูกอดเข่าร้องให้
“ทำไมพิมพ์ใจร้ายแบบนี้ ฮือ ฮือ”รสรินทร์ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา มือบางที่เท่านั้นที่ช่วยเช็ดปาดมันออกไป ความหวาดหวั่นขวัญผวากับเจ้างูยักษ์ตัวโตทำให้เธอยิ่งสะอื้นเสียงดังขึ้น ห้องเก็บฟืนนี้ก็แคบเพียงนิดเดียว เธอไม่สามารถจะหนีไปไหนได้เลย
“พิมพ์ เปิดประตูนะ พิมพ์ อย่าทิ้งพี่ไว้ในนี้ พิมพ์ ได้โปรด”ทามาร์เริ่มจะคืบคลานเข้ามารัดข้อเท้ารสรินทร์ ความกลัวพุ่งขึ้นสุดขีดหน้าซีดปากสั่น รสรินทร์รู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกหมุนติ้ว และมืดสนิท