“ผ่าฟืนพวกนี้ให้หมด”พิมพ์ผกาให้ลูกน้องเอาฟืนมาวางกองท่วมหัว รสรินทร์เห็นดังนั้นก็เบิกตาค้าง
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ พิมพ์ ฟืนพวกนี้มันเยอะมากพี่จะทำยังไงไหว”รสรินทร์แสดงสีหน้าและแววตาไม่พอใจอย่างชัดเจน
“จะเลือกอะไรละ ระหว่างผ่าฟืน กับไปอยู่ในห้องเก็บฟืนกับเจ้าทามาร์งูยักษ์แสนน่ารัก”รสรินทร์ไหล่ห่อไม่กล้าจะต่อต้านต้องจำใจผ่าฟืนต่อไป
“พวกคนรวยก็แบบนี้แหละ มือไม้บอบบาง วันๆ ก็ดีแต่ชี้นิ้วสั่ง พูดพร่ำเพรื่อ”พิมพ์ผกายืนมองรสรินทร์ผ่าฟืนอย่างสบายใจเฉิบ พลางพูดจาถากถางไปเรื่อยเปื่อย
“ก็ยังดีกว่าบางคนแล้วกัน มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ยืนเป็นคุณนายคอยเหน็บแนมคนอื่น”
“นี่แกว่าฉันเหรอ”พิมพ์ผกากระชากข้อมือบางแล้วกระชากเข้าหาตัว
“รู้อยู่แล้วยังจะมาถามทำไมอีกละ”ณกุลกับอดิศรยืนตัวแข็งทื่อ งานเข้ารสรินทร์เต็มๆ ทำให้เทพเจ้าโกรธเข้าให้แล้ว เขาสองคนจึงย่องเบาออกไป งานนี้หากขืนยืนอยู่พวกเขาจะต้องถูกลูกหลงแน่
“พวกนายสองคนจะไปไหน จับยัยนี่ไปถ่วงน้ำ เดี๋ยวนี้”ไม่ทันจะหนีพ้น ความซวยก็มาเยือน ไม่ใช่ถูกลูกหลงแต่โดนบังคับให้ทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ หัวใจนายของเธอเยี่ยงชาย ใจจืดใจดำเสียจริง
“อย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามาฉันจะเอามีดเฉาะหน้าจริงๆ ด้วย”
“ฤทธิ์เยอะนักนะ มานี่เลย”พิมพ์ผกาจับตัวรสรินทร์ขึ้นพาดบ่าแล้วพาขึ้นเรือน
“กูว่านะ สองคนนี้เหมาะกันดีกว่า ไม้เบื่อไม้เมา เหมาะสมกัน ถ้านายของเราจะเอาเมีย คนนี้เหมาะสุดๆ”ณกุลกระซิบลงที่ซอกหูอดิศร
“ก็เหมือนเราสองคนไงครับ”อดิศรแนบหน้าลงบนไหล่ณกุล เขี่ยใบหน้าหยาบกร้าวเล่น
“เฮ้ย กูไม่ได้เป็นเกย์เหมือนมึงนะเว้ย อย่ามาเนียน”ณกุลขนลุกกราวยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งเสียวก้น อยู่ห่างอดิศรไว้คงจะดีกว่า
“ดื้อนักใช่ไหม”พิมพ์ผกาวางรสรินทร์ลงกับโซฟาแล้วเอาตัวขึ้นมาคร่อม จูบแก้มซ้ายแก้มขวาเพื่อลงโทษ
“เอาตัวสกปรกๆ ของเธอออกไปนะ”รสรินทร์เอามือเช็ดแก้มไปมาอย่างขยะแขยง เธอก็แค่มนุษย์คนหนึ่งจะไม่ให้เธอโกรธมันก็เป็นไปไม่ได้ และครั้งนี้เธอโกรธมากกว่าทุกๆ ครั้ง
“ไหนลองพูดอีกทีซิ”พิมพ์ผกายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อรสรินทร์แสดงอาการรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน
“คนใจสกปรก ตัวสกปรก หยาบคาย ใจร้าย”
“แต่ฉันจะทำให้แกสยบลงแทบเท้าฉัน จำเอาไว้ด้วย”
“ถ้าเมื่อก่อนนะใช่ แต่ตอนนี้พี่เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเพราะเธอ เธอทำให้พี่ไม่มีทางเลือกเอง”
“แกต่างหากทำให้ฉันไม่มีทางเลือก”
“ทำไมต้องเรียกแก หยาบคาย ไม่น่าฟัง”รสรินทร์น้ำเสียงอ่อนลงและพยายามทำจิตใจให้สงบด้วยด้วย ถ้าต่างคนต่างร้อนตัวเธอเองจะตกที่นั่งลำบาก
“ใครจะสุภาพเหมือนนายเอ็มของแกละ”
“อย่าพูดถึงคนอื่น นี่มันเป็นเรื่องของเรา”รสรินทร์เริ่มเป็นเหน็บเพราะขาสองข้างถูกพิมพ์ผกาทับอยู่
“ใช่ซินะ เรามาจัดการเรื่องของเรากันเถอะ”พูดจบมือสองข้างเลื่อนเข้าไปในเสื้อพร้อมกับนวดคลึงหน้าอกอย่างสะใจ
“โอ๊ย!!”รสรินทร์งับเข้าที่หูของพิมพ์ผกาแล้วขบกัดสุดกำลังจนพิมพ์ผกากระโดดโหยงกุมหูข้างที่ถูกงับเอาไว้
“ในเมื่อพี่เลี้ยงเธอมา พี่ก็จะต้องควบคุมเธอได้”
“ถ้าแกพยศกับฉัน ฉันจะกดโทรศัพท์บอกพ่อแก ว่าแกอยู่กับฉัน แล้วฉันนี่แหละเป็นคนหักหลังมัน”
เพี้ย!! ฝ่ามือรสรินทร์ฟาดลงใบหน้าเกลี้ยงเกลาด้วยความโมโห ก่อนจะพูดน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“ในเมื่อทุกอย่างมันไม่จบ พี่จะไปตายเอาดาบหน้า ตายๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องปวดใจเหมือนทุกวันนี้”หลังน้ำเสียงเกรี้ยวกราดจบลง ร่างบางล่วงพ้นจากประตูวิ่งปาดน้ำตาวิ่งตะลีตะลานไปทั้งน้ำตายังคลอเบ้า พิมพ์ผการีบตามไปด้วยความเป็นห่วงกังวลพร้อมน้ำเสียงตะโกนเรียกแหบแห้ง
“พี่ริน อย่าไป พี่ริน”อีกหลายนาทีเธอเริ่มหมดเรี่ยวแรงขาเริ่มอ่อนล้า แต่รสรินทร์ยังไม่หยุดวิ่ง เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันถึงได้วิ่งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เธอพยายามยืดขาสองข้างและวิ่งทางลัดเพื่อไปดักหน้ารสรินทร์
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”พิมพ์ผกากระโจนเข้าไปกอดขารสรินทร์เลื่อนตัวเข้ามาประกบเต็มตัว แต่รสรินทร์ยิ่งจะดิ้นมากขึ้น
“หยุดดิ้น หยุดดิ้นซิ”พิมพ์ผกาเห็นท่าทางรสรินทร์พยศน้ำตาที่ไหลอาบร่องแก้มแสดงถึงความเสียใจอย่างหนัก พิมพ์ผกาหน้ามืดตาลายสมองหนักอึ้ง และตอนนี้เพียงสิ่งเดียวที่จะหยุดรสรินทร์ได้ ปากร้อนๆ เข้าประกบริมฝีปากนุ่มบดคลึงอย่างอ่อนโยนบดจูบเนิบนาบก่อนทวีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดดึงรั้งอย่างช่ำชอง รสรินทร์เริ่มหายใจหายคอไม่ออกเพราะจังหวะการหอบใจถี่ราวกับคนไม่เคยถูกจูบกับใครมาก่อน พิมพ์ผกาขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะผละออกจากร่างบางลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงรสรินทร์ให้นั่งตาม
“รีบกลับเถอะ มืดค่ำไปกว่านี้ จะเดินทางลำบาก”พิมพ์ผกาลุกขึ้นยืนทั้งที่แข้งขาอ่อนเปลี้ย วิ่งมาไกลขนาดนี้ แต่ตอนเดินกลับท่าทางจะทุลักทุเล